หลิงอวี๋ยังมิทันได้กลับไปยังตำหนักอ๋องอี้ ก็ถูกสุ่ยหลิงตามมาพบระหว่างทางสีหน้าของสุ่ยหลิงดูมิสู้ดี หลิงอวี๋เห็นก็ใจหายวาบ ถามว่า “สุ่ยหลิง ฉินรั่วซือก่อเรื่องอีกแล้วหรือ?”“พระชายา ข้าอยู่ที่นี่มิได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านควรจะหย่าขาดกับอ๋องอี้ พาเยวี่ยเยวี่ยและพวกเราออกจากตำหนักอ๋องอี้ไปเสียเถิดเจ้าค่ะ”สุ่ยหลิงพูดไปพลาง น้ำตาแห่งความคับข้องใจก็ไหลริน“หน้าเจ้าเป็นอะไร?”เถาจื่อสายตาแหลม เห็นสุ่ยหลิงพูดคุยกับหลิงอวี๋พร้อมกับเอียงศีรษะอย่างจงใจ จึงจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วก็พบว่าข้างแก้มของสุ่ยหลิงบวมแดงเป็นจ้ำ ชัดเจนว่าถูกคนตบหลิงอวี๋ก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน นางเอื้อมมือไปจับสุ่ยหลิง ตรวจดูอย่างละเอียด ก่อนจะเห็นใบหน้าที่บวมเป่งของสุ่ยหลิงหลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “เหตุใดกัน? ปกติเห็นเจ้าเก่งกาจนักมิใช่รึ ไฉนจึงยอมให้ฉินรั่วซือตบตีได้เช่นนี้เล่า?”“ผู้ที่ตบมิใช่ฉินรั่วซือ แต่เป็นท่านอ๋องอี้เจ้าค่ะ”สุ่ยหลิงกล่าวอย่างน้อยใจ “หากเป็นฉินรั่วซือตบ บ่าวจะสู้กับนางจนตายไปข้าง”“เพราะเป็นท่านอ๋องอี้... บ่าวจึงมิกล้าสู้เจ้าค่ะ”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เซียวหลินเทียนตบตีสุ่ยหลิง สุ่ยหลิงม
หลิงอวี๋ตกตะลึงเมื่อเห็นขันทีเซี่ยพาองครักษ์สองสามคนมาจากทิศทางของวังหลวง“ขันทีเซี่ย เจ้าจะไปที่ใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ขันทีเซี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึม เดินเข้ามาใกล้หลิงอวี๋ แล้วกระซิบว่า “ไปเชิญอ๋องอี้เข้าวัง! ฝ่าบาททราบเรื่องที่ท่านอ๋องทรงกระทำแล้ว จึงมีรับสั่งให้เชิญท่านอ๋องเข้าวังเพื่อชี้แจงขอรับ”“ฝ่าบาทกริ้วมาก หากครั้งนี้ท่านอ๋องอี้ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เกรงว่าองค์จักรพรรดิจะมิทรงประทานโทษให้”ใจของหลิงอวี๋เต้นระรัวโดยสัญชาตญาณ นางสงสัย หรือว่าฉินรั่วซือจะสั่งให้เซียวหลินเทียนไปทำเรื่องโง่เขลาอะไรอีกแล้ว?“ขันทีเซี่ย ท่านอ๋องทำอะไร? เจ้าช่วยบอกข้าหน่อย!”หลิงอวี๋อาศัยความสนิทสนมกับขันทีเซี่ย ซักถามโดยตรง“ท่านมิรู้หรอกหรือ?”ขันทีเซี่ยแปลกใจช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนแน่นแฟ้นดีมาก มิว่าจะทำอะไร หลิงอวี๋ก็มีส่วนร่วมเสมอ เขามิเชื่อว่าเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้หลิงอวี๋จะมิรู้“ขันทีเซี่ย ข้ามิรู้จริง ๆ ช่วงนี้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เจ้าช่วยบอกข้ามาก่อน แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างจริงใจหลิงซวนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดจาประจบประแจ
หลิงอวี๋รีบเข้าวังหลวง และยื่นป้ายผ่านเพื่อขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิอู่อันโดยพลันจักรพรรดิอู่อันกำลังโกรธจัดอยู่พอดี เมื่อได้ยินว่าเซียวหลินเทียนมิมา แต่หลิงอวี๋กลับมาแทน เขาจึงมิอยากจะต้อนรับ แต่เมื่อตรึกตรองแล้ว ก็สั่งให้ขันทีเซี่ยเชิญหลิงอวี๋ให้เข้าเฝ้าหลิงอวี๋เดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษรแล้วคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลร่วงหล่นลงมาดุจดั่งเม็ดแก้วใส“เป็นอะไรไป? เพิ่งเดินเข้ามาก็ร้องไห้เสียแล้ว หรือว่ามีผู้ใดรังแกเจ้า?”จักรพรรดิอู่อันเอ่ยถามด้วยความแปลกใจหลิงอวี๋เป็นผู้ที่เข้มแข็งมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เดินเข้าวังหลวงก็จะกล่าววาจาฉะฉานเสมอ มิเกรงกลัวสิ่งใดเพียงแต่เมื่อถูกกระทำย่ำยีอย่างร้ายแรงเท่านั้น จึงจะหลั่งน้ำตา“เสด็จพ่อ หลิงอวี๋มาทูลขอให้พระองค์โปรดประทานความยุติธรรมให้แก่หม่อมฉันด้วยเพคะ!”หลิงอวี๋พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ก่อนหน้านี้ ฮองเฮาเว่ยได้พระราชทานบุตรีของตระกูลฉิน นามว่าฉินรั่วซือ ให้เป็นชายารองของอ๋องอี้มิใช่หรือ?”“แต่ก่อนที่งานอภิเษกสมรสจะจัดขึ้น ท่านอ๋องอี้ก็รับฉินรั่วซือเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้แล้ว!”จักรพรรดิอู่อันจำได้ราง ๆ ว่ามีเรื่องเช่นนี้จริง แต่พูดด้วยความม
“เสด็จพ่อ ขณะนี้หม่อมฉันมิกล้ากลับตำหนักอ๋องอี้แล้วเพคะ!”เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิอู่อันนิ่งเฉย หลิงอวี๋ก็มิอาจหยั่งรู้ได้ว่าจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดของนางหรือไม่ จึงกล่าวด้วยความเศร้าใจ“หม่อมฉันกังวลว่า เซียวหลินเทียนจะเชื่อฟังฉินรั่วซือ แล้วเฆี่ยนตีหม่อมฉันอีกครั้ง!”“ชีวิตของหม่อมฉันมิสำคัญ แต่หม่อมฉันกังวลว่า เซียวหลินเทียนจะถูกพวกเขาควบคุมแล้วกระทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเสด็จพ่อ!”“จริงด้วย เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันลืมกราบทูลพระองค์ไปเสียสนิท ก่อนที่หม่อมฉันจะเข้าวังหลวงมา หม่อมฉันได้พบกับนางรับใช้ของตำหนักอ๋องอี้ ฉินรั่วซือได้ยุยงให้เซียวหลินเทียนรับผู้ที่มีวรยุทธสูงเข้ามาในตำหนักเป็นจำนวนมาก! เสด็จพ่อ โปรดระมัดระวังพระองค์ด้วยเพคะ!”ดวงตาอันดำสนิทของจักรพรรดิอู่อันยิ่งเคร่งขรึมมากกว่าเก่า นึกถึงมือสังหารที่เซียวหลินเทียนเพิ่งจะปล่อยตัวหากมือสังหารเหล่านี้ถูกสายลับของฉีตะวันออกควบคุม และยังมีคนของเซียวหลินเทียนอีก นั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่มิเคยปรากฏมาก่อนสำหรับแคว้นฉินตะวันตกและต่อตัวเขาเอง!“หลิงอวี๋ ตัวข้าเชื่อเจ้า!”จักรพรรดิอู่อันมิสามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เขาพูดพลางตรึกต
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้จักรพรรดิอู่อันหัวเราะ ก่อนจะโบกมือ “เจ้าปากหวานนักหนา ชอบกล่าววาจาให้ตาเฒ่าใจชื้น! เฮ้อ หากลูก ๆ ของข้าทุกคนเป็นเหมือนเจ้า เชื่อฟังและกตัญญูเช่นนี้ แม้ข้าจะแก่เฒ่าลงก็ยินดี!”“ไป ไปที่ตำหนักของไทเฮาเถอะ! เซียวหลินเทียนใกล้จะมาแล้ว อย่าให้เขาเห็นเจ้ามาฟ้องร้องข้าเชียว!”หลิงอวี๋ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้จักรพรรดิอู่อันฟังแล้ว จึงมิกลัวว่าเขาจะทำร้ายเซียวหลินเทียน จึงรับคำแล้วเดินออกไประหว่างทางไปยังพระตำหนักเหยียนฝูของไทเฮา หลิงอวี๋ยังนึกถึงคำถามแปลก ๆ ของจักรพรรดิอู่อันซ้ำไปซ้ำมาแต่คิดอยู่นานก็คิดมิออกว่าเหตุใดจักรพรรดิอู่อันจึงถามเช่นนั้นหรือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายในระยะหลังนี้ ทำให้จักรพรรดิอู่อันเหนื่อยล้าใจ จึงได้เปล่งเสียงถอนหายใจเช่นนั้น?หลิงอวี๋มาถึงตำหนักของไทเฮาแม่นมเว่ยและไทเฮาต่างก็ตกใจเมื่อเห็นนาง ราวกับมิคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะเข้าวังมาโดยกะทันหัน“ไทเฮา หม่อมฉันได้ยินว่าพระองค์ทรงประชวร หลิงอวี๋จึงมาเข้าเฝ้า และจะอยู่รับใช้พระองค์สักสองสามวันเพคะ!”หลิงอวี๋ที่เห็นไทเฮาก็ตกใจเช่นกัน ตั้งแต่วันที่ไปร่วมงานอภิเษกสมรสของอ๋องหรงจนถึงวันนี้
ไทเฮาดูเหมือนจะเก็บกดมานาน หรืออาจจะต้องการหาคนที่ไว้ใจได้มารับฟังการระบาย จึงพูดต่อไป“เฉาฮุ่ยเติบโตมากับแม่นม อาจกล่าวได้ว่า แม่นมผู้นี้เป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า ฮูหยินตระกูลเฮ่อ ภรรยาของเฮ่อจิ้น!”“ข้าเชื่อใจนาง จึงฝากเฉาฮุ่ยให้นางดูแล นางก็ดูแลเฉาฮุ่ยเป็นอย่างดี!”หลิงอวี๋ฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจ นี่คือที่มาที่ไปที่แท้จริง มิแปลกใจเลยที่ตระกูลเฮ่อจะเชื่อฟังองค์หญิงใหญ่ถึงเพียงนั้น นอกจากเขยของตระกูลจะเป็นคนของตระกูลเฮ่อแล้ว ยังมีความสัมพันธ์เช่นนี้ด้วย“หลังจากบ้านเมืองสงบลง เฉาฮุ่ยทั้งฉลาดและมีเสน่ห์ จักรพรรดิสูงสุดจึงโปรดปรานมาก เขามักจะพานางไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงอยู่เนือง ๆ ชมเชยความฉลาดมากไหวพริบของนางต่อหน้าคนอื่น ๆ!”หลิงอวี๋เคยได้ยินเรื่องนี้จากเซียวหลินเทียนมาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินไทเฮาเล่าอีกครั้งก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป“ข้ากลัวว่า ความโปรดปรานของจักรพรรดิสูงสุดจะมิดีต่อตัวเฉาฮุ่ยเอง จึงสั่งห้ามมิให้เฉาฮุ่ยติดตามไปเฝ้าที่ท้องพระโรง!”“กระนั้นจักรพรรดิสูงสุดก็มิสนใจ ยังให้เฉาฮุ่ยช่วยตรวจดูหนังสือราชการ!”ไทเฮาขมวดคิ้ว ราวกับว่าความทรงจำในอดีตทำให้นางเจ็บปวด
ภายในพระตำหนักเหยียนฝูเงียบสงัดหลิงอวี๋แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นแต่ก็ยังคงสงสารไทเฮาไทเฮามีพระโอรสธิดาเพียงสองพระองค์คือจักรพรรดิอู่อันและองค์หญิงใหญ่ นางมิอาจโหดเหี้ยมถึงขั้นสั่งประหารองค์หญิงใหญ่ได้!องค์หญิงใหญ่คงถูกไทเฮาเนรเทศไปยังอารามจิ้งซือหลังจากเกิดเรื่องขึ้นเพื่อปกปิดความอัปยศขององค์หญิงใหญ่ ไทเฮาจึงประกาศต่อสาธารณชนว่า องค์หญิงใหญ่ไปบำเพ็ญเพียรที่อารามจิ้งซือ เพราะโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียของพระสวามีและจากการที่จักรพรรดิอู่อันมิระแวดระวังองค์หญิงใหญ่เลย แสดงว่าหลังจากนั้นไทเฮามิได้บอกเรื่องนี้กับจักรพรรดิอู่อัน!นางรู้จักโอรสและธิดาทั้งสองของตนดี หากจักรพรรดิอู่อันทราบความจริง คงมิยอมให้องค์หญิงใหญ่และเฮ่อหรงมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นภัยคุกคามต่อราชบัลลังก์ของเขาเป็นแน่ไทเฮามิประสงค์ให้โอรสธิดาทั้งสองฆ่าฟันกันเอง!“ข้ายังเคยคิดจะไปที่อารามจิ้งซือ เพื่อให้เฉาฮุ่ยได้ไตร่ตรองถึงความผิดของตัวเอง ถึงได้วางตัวห่างเหินและเย็นชาต่อนางเป็นเวลาสามปีเต็ม ก่อนจะเดินทางไปรับนางกลับมาด้วยตัวข้าเอง!”ริมฝีปากของไทเฮาปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน “แต่สุดท้ายนางก็ทำให้ข้าต้
หลิงอวี๋หัวเราะเยาะในใจนี่คือสาเหตุที่จักรพรรดิอู่อันตอบตกลงที่จะช่วยนางอย่างเต็มที่ในห้องทรงพระอักษรเมื่อครู่!และเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทเฮายอมเปิดปากเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับนางอย่างยากเย็นในวันนี้!หากมิใช่เพราะสถานการณ์วิกฤต และไม่มีผู้ใดที่สามารถต่อกรกับองค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่ได้อีกแล้ว จักรพรรดิอู่อันและไทเฮาจะเปิดใจต่อนางเช่นนี้หรือ?จักรพรรดิอู่อันและไทเฮา สองแม่ลูกคู่นี้เป็นผู้ปกครองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ในวังหลวงอย่างแท้จริงแม้จะรู้สึกรังเกียจที่จักรพรรดิอู่อันและไทเฮาคิดวางแผนใช้ประโยชน์จากนางและเซียวหลินเทียน แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับความเป็นความตายของพวกพ้องนางส่วนใหญ่เช่นเดียวกัน หลิงอวี๋จึงมิสามารถเปิดโปงถึงเจตนาของไทเฮาได้ แม้ว่าจะคาดเดาได้ก็ตาม“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันลำพังจะมีความสามารถมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน? หม่อมฉันยังเอาตัวมิรอดเลยเพคะ!”หลิงอวี๋จึงเล่าถึงจุดประสงค์ของการเข้าเฝ้าในวันนี้บ้างมิว่าอย่างไร พวกเขาก็ถือเป็นสหายร่วมศึกในสนามรบเดียวกัน เพื่อต่อสู้กับศัตรูร่วมกัน จึงมิควรปิดบังหรือขัดแย้งกันเองอีกต่อไปเมื่อไทเฮาได้ยินว่าเซียว
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี