ชังได้ท่านชังไป!

ชังได้ท่านชังไป!

last updateLast Updated : 2025-12-26
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
31Chapters
786views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

‘ท่านรักข้าหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขอเพียงแต่งกับท่านแล้วข้ากลายเป็นสตรีที่มีเกียรติที่สุดในต้าเว่ย เพราะเช่นนี้ข้าจึงมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายผู้ใดก็ได้’ ‘เจ้ามันเป็นสตรีไร้ยางอายไม่มีหัวใจหานเซียง’ ‘ไร้ยางอายก็ดี ไม่มีหัวใจก็ช่าง ขอเพียงข้าได้เป็นฮองเฮา กุมอำนาจอยู่ในมือ อยากฆ่าใครก็ฆ่า อยากรังแกใครก็ทำได้ ต่อให้เลวกว่านี้หรือกลายเป็นปีศาจข้าก็ไม่สน’

View More

Chapter 1

บทนำ

บทนำ

“เจ้ามีหัวใจหรือไม่... หานเซียง?”

เสียงถามนั้นราวคำรำพึงมากกว่าการตำหนิ สวีหานเซียงยกยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา

“ย่อมต้องมีสิเพคะ หากไม่มี หม่อมฉันคงตายไปแล้ว แต่หัวใจของหม่อมฉัน... ไม่ได้มีไว้เพื่อรักบุรุษใด มีไว้เพียงเพื่อให้หม่อมฉันยังมีชีวิตปกป้องท่านแม่กับทวงความเป็นธรรมให้พี่ชายเท่านั้น”

จ้าวเฉินจ้านมองนางนิ่งงัน สายตาไม่อาจนิยามว่านั่นคือความโกรธ สงสาร หรือสับสน สิ่งเดียวที่รู้คือเขาไม่เคยพบสตรีใดที่พูดถึงชีวิตตัวเองด้วยความว่างเปล่าเช่นนี้มาก่อน

แล้วคำต่อมาของนาง... ก็เหมือนสายฟ้าฟาดกลางห้องเงียบงันแห่งนี้

“หม่อมฉันต้องการหลับนอนกับไท่จื่อเพคะ จนกว่าหม่อมฉันจะตั้งครรภ์ หลังจากนั้นพระองค์จะไม่แตะต้องหม่อมฉันอีกตลอดไปก็ได้”

“นี่เจ้า!” เฉินจ้านแทบกลั้นเสียงตะโกนไม่อยู่ ใบหน้าเขาแดงก่ำไม่รู้เพราะโกรธหรืออับอาย

หานเซียงยังคงสีหน้าสงบ “สิ่งที่หม่อมฉันต้องการมีเพียงเท่านี้เพคะ”

“หานเซียง... นอกจากเจ้าจะไม่มีหัวใจแล้ว เจ้าไม่มียางอายด้วยหรือ?”

“ยางอายเอาไว้ทำอันใดได้เพคะ?” นางตอบเรียบเรื่อย “เอามาแก้แค้นคนได้หรือไม่ หรือเอามาแทนข้าวแก้หิวได้?”

“เจ้านี่มัน...” เฉินจ้านถึงกับพูดไม่ออก มือกำแน่นข้างลำตัว ความโกรธแล่นผ่านแววตา แต่ก็ปนความตกตะลึงบางอย่างที่เขาไม่กล้ายอมรับ

สวีหานเซียงยังคงยืนนิ่ง เยือกเย็นราวหินแกะสลัก “เชิญไท่จื่อกล่าวเรื่องของพระองค์มาเถิด ประเดี๋ยวจะเลยฤกษ์ร่วมหอเพคะ... ลูกคนแรก หม่อมฉันอยากได้ผู้ชาย”

คราวนี้จ้าวเฉินจ้านถึงกับตัวแข็ง ใบหูแดงจนถึงต้นคอ หานเซียงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่รู้เลยว่าความแดงนั้นเกิดจากความอายหรือความโกรธกันแน่ และนางก็ไม่คิดจะใส่ใจ

เขาเอ่ยเสียงต่ำ “เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ จึงคิดใช้เด็กผู้หนึ่งทำให้ตนมั่นคงในวังหลังเช่นนี้”

“แล้วสตรีวังหลังคนใดบ้างเพคะ ที่ไม่คิดใช้ลูกของตนสร้างรากฐานให้มั่นคง?” สายตาของนางแข็งกร้าวแต่แฝงแววเศร้า

“ไท่จื่อ... ทรงเกิดในราชวงศ์ เหตุใดจึงถามเช่นนี้เพคะ?”

“เจ้าด่าว่าเปิ่นไท่จื่อโง่หรือ?”

แสงเทียนสะท้อนในดวงตาของนาง ขณะรอยยิ้มเยียบเย็นแตะที่มุมปาก “หม่อมฉันมิได้พูดนะเพคะ เป็นไท่จื่อพูดเอง”

เสียงตอบของสวีหานเซียงนิ่งราบ แต่แฝงรอยเย้ยบางเบาในถ้อยคำ ริมฝีปากนางขยับเพียงน้อย ดวงตาสบตาเขาอย่างไม่ยอมหลบ

เฉินจ้านชะงัก แววตาไหววูบชั่วครู่ ก่อนความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นในใจว่าเขาเสียทีนางแล้วเพราะนางเพียงแค่คิด แต่เป็นเขาที่ดันพูดออกมาเองว่าตนเองโง่เขลา

เขากัดฟันแน่น กลั้นคำด่าที่แทบจะหลุดออกมา เพราะในตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าสตรีที่นาม สวีหานเซียง นี้หาใช่หญิงสาวอ่อนโยนอ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแออย่างที่เห็นด้วยตาไม่ ผู้ใดจะคาดถึงว่าใบหน้าอ่อนหวานนั้นเป็นเพียงเปลือก ภายในกลับเต็มไปด้วยพิษร้ายดั่งตัวเม่นที่พร้อมสู้กลับศัตรูทุกลมหายใจ

“เรื่องที่เปิ่นไท่จื่อจะพูดกับเจ้าก็ไม่มีอันใดมาก” เฉินจ้านพูดช้าแต่เสียงต่ำและเย็นยะเยือกเพราะต้องพยายามหักใจไม่ให้ตนเองบีบคอสตรีกวนโทสะตรงหน้า

“เพียงจะบอกกับเจ้าว่า เปิ่นไท่จื่อให้เจ้าได้ทุกสิ่ง แต่สิ่งเดียวที่มิอาจให้เจ้าได้คือความรัก เพราะเปิ่นไท่จื่อมีสตรีในดวงใจแล้ว”

สวีหานเซียงก้มศีรษะเล็กน้อย สีหน้าไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย “เพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการความรักและความโปรดปรานของพระองค์”

คำตอบนั้นรวดเร็วเสียจนเฉินจ้านรู้สึกเหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่ทั้งร่างนางพูดราวกับสิ่งที่เขาเรียกว่า ความรัก นั้นเป็นของไร้ค่า นางตอบโดยไม่ต้องไตร่ตรอง แววตานิ่งเสียจนยากจะเดาว่าในใจคิดสิ่งใด

เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ต่อว่า เพียงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ส่วนอีกเรื่องนั้นเจ้าก็รู้แล้ว จากนี้อีกหนึ่งเดือน เปิ่นไท่จื่อจะรับเจียงเพ่ยหยูเข้าตำหนักมาในฐานะเหลียงตี้”

“เพคะ หม่อมฉันจะจัดเตรียมทุกสิ่งให้พร้อม” เสียงนางยังคงเย็นสงบ ราวกับเรื่องนี้เป็นเพียงงานพิธีธรรมดา

เฉินจ้านขมวดคิ้ว จ้องนางอยู่นาน ก่อนเอ่ยอย่างท้าทาย “เจ้าคงจะไม่กลืนน้ำลายตนเอง สุดท้ายรักเปิ่นไท่จื่อจนหึงหวง แล้วทำร้ายเพ่ยหยูภายหลังใช่หรือไม่?”

สวีหานเซียงปรายตามองเขาเพียงนิด มุมปากยกยิ้มบางอย่างเย้ยหยัน “ไท่จื่อเพ้อเจ้ออันใดเพคะ”

เขาชะงัก คำตอบนั้นไม่เพียงบังอาจ แต่ยังกล้าหาญราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

“เจ้าไม่กลัวตายหรือ หานเซียง” เสียงของเขาต่ำลง เหมือนคำขู่ที่คืบคลานเข้ามาหาหานเซียงช้าๆ

“กลัวสิเพคะ” นางตอบนิ่ง แววตายังไม่ไหว “ใครบ้างอยากตาย”

เขากัดกรามแน่น “เช่นนั้นเจ้าก็เคารพเปิ่นไท่จื่อสักหน่อย พูดจาอันใดก็อย่าให้มันเกินไปนัก”

นางยกคิ้วขึ้นราวกับกำลังยั่วเขาทว่ามิใช่ยั่วยวนหากแต่เป็นยั่วโทสะมากกว่า “อ้อ...ได้เพคะ ต่อไปหม่อมฉันจะระวังให้มาก”

น้ำเสียงนั้นเรียบ แต่เฉินจ้านได้ยินชัดว่ามันเต็มไปด้วยความนัยแฝงประชด เขาหลับตา สูดหายใจเข้าลึก ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “เช่นนั้นก็มาดื่มสุรามงคลเถิด”

หานเซียงเงียบไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความมั่นคงไม่ล้อเล่น “ไท่จื่อต้องการยาปลุกกำหนัดช่วยหรือไม่เพคะ”

เคร้ง!

จอกสุราในมือเฉินจ้านหลุดมือร่วงลงกระแทกถาดเสียงดังลั่น ความเงียบในห้องแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เขามองนางตาโต ทั้งโกรธทั้งอับอาย แก้มร้อนผ่าวราวกับถูกตบ

สตรีตรงหน้ากลับยังนั่งนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ เขากุมขมับ แล้วนึกคำด่าในใจไม่ทัน ‘สวรรค์... เสด็จปู่กับเสด็จอา ประทานตัวอะไรมาให้ข้ากันเล่า?’

“ไม่ต้อง!” เขากัดฟันตอบเสียงเข้ม นับหนึ่งในใจเพื่อห้ามมือไม่ให้คว้าตัวแม่ตัวดีมาตีให้หลาบจำ

สวีหานเซียงยักไหล่ “เช่นนั้นหม่อมฉันกินผู้เดียวก็ได้เพคะ”

น้ำเสียงยังคงเรียบเย็นแต่มีรอยขุ่นในแววตา นางพูดด้วยความหวังดีจากใจ เพราะเห็นว่าเขากับนางเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ให้ทำเรื่องอย่างว่าคงลำบากใจ แต่กลับถูกมองด้วยสายตาโกรธแค้นเสียได้ สวีหานเซียงไม่เข้าใจว่าคนผู้นี้โกรธนางด้วยเรื่องอันใด

“ไหน... ไอ้ยาบัดซบที่เจ้าพูดถึง” อยู่ๆ จ้าวเฉินจ้านก็หันมาเผชิญหน้ากับนางพร้อมยื่นมือมาตรงหน้าแววตาเหมือนสัตว์ป่าที่อดกลั้นเต็มที่ สวีหานเซียงนึกในใจว่าเห็นหรือไม่ในที่สุดท่านก็สนใจ แต่จะทำหน้าคล้ายอยากหักคอนางด้วยเหตุใด หรือเขาจะเขินอายกันนะ?

“นี่เพคะ” หานเซียงนิ่งไปครู่หนึ่ง ถึงจะคิดมากมายแต่สุดท้ายนางก็ล้วงเอาขวดหยกสีขาวขนาดเท่าปลายนิ้วชี้ออกมาจากอกเสื้อส่งให้สวามี แต่แทนที่จ้าวเฉินจ้านจะนำไปผสมในสุราหรืออาหารเขากลับถือมันเดินไปที่ประตู

“หม่าจง มานี่!” องครักษ์เงาโผล่มาแทบจะในพริบตา

“เอายานรกนี่ไปทำลายทิ้งเสีย”

“พ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ” เสียงตอบสั้นๆ แล้วร่างนั้นก็หายไปกับความมืด

สวีหานเซียงตาโต ก่อนจะเผลอใช้กำลังภายในพุ่งตามมาอย่างลืมตัวแต่กลับไม่ทัน “โอ๊ย! ไท่จื่อท่านเสียสติหรือ มันเป็นของหม่อมฉันนะเพคะ ไท่จื่อไม่ต้องการแต่หม่อมฉันต้องใช้!”

“สวี-หาน-เซียง!”

เสียงคำรามของเฉินจ้านดังสะเทือนทั้งห้อง ใบหน้าเขาแดงก่ำ รอยโกรธปะทุเต็มสองตา เขาโกรธสตรีตรงหน้าจนหัวหมุนไปหมด โกรธอย่างที่ไม่เคยโกรธใครเช่นนี้มาก่อน นางช่างกล้าดีนัก ราตรีเข้าหอแต่กลับพกพายากำหนัดมาใช้ กล้าเกินไปแล้วจริงๆ

ปัง!

จ้าวเฉินจ้านหันไปปิดประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสะท้าน จากนั้นก็ไม่พูดไม่จาหมุนตัวกลับมาร่างสูงใหญ่พุ่งเข้าหานางรวดเร็วราวพยัคฆ์ที่ขาดความอดทน ตรงเข้าไปอุ้มเจ้าสาวที่ดูหมิ่นเขาด้วยการคิดจะใช้ยาปลุกกำหนด สวีหานเซียงยังไม่ทันตั้งตัว ร่างนางถูกอุ้มขึ้นจากพื้นก็ร้องถามด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ

“ไท่จื่อ!”

โครม!

เขาไม่ตอบแต่ก้าวยาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็กลับมายืนตรงหน้าเตียงนอนหลังโตโอ่อ่าก่อนจะโยนร่างเล็กลงบนเตียงเต็มแรงจนที่นอนสั่นสะเทือนสวีหานเซียงทั้งเจ็บทั้งจุก จนหายใจไม่ออกไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มของนางอ้าพะงาบอยากด่าแต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอ

เฉินจ้านยืนข้างเตียง ด้วยใบหน้าถมึงทึงแววตาวาวโรจน์ราวพายุพร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้ย่อยยับ

“จงจำเอาไว้นะหานเซียงจะหลับนอนกับข้า ยาสวะเหล่านั้นไม่จำเป็น!”

เขาคำรามคำสุดท้ายก่อนยกป้านสุราขึ้น ดื่มรวดเดียวโดยไม่เทใส่จอกที่ถูกเตรียมเอาไว้ หากแต่เขาไม่ได้กลืนมันลงคอ แต่หันไปบีบแก้มของสวีหานเซียงยึดเอาไว้มั่นไม่ให้นางดิ้นหนี

“!!!”

สวีหานเซียงยังไม่ทันร้อง ริมฝีปากของเฉินจ้านก็ทาบลงบนปากนางแน่นหนา รสสุราร้อนแรงไหลเข้าสู่ปากนางพร้อมลมหายใจของเขา!

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters
No Comments
31 Chapters
บทนำ
บทนำ“เจ้ามีหัวใจหรือไม่... หานเซียง?”เสียงถามนั้นราวคำรำพึงมากกว่าการตำหนิ สวีหานเซียงยกยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา“ย่อมต้องมีสิเพคะ หากไม่มี หม่อมฉันคงตายไปแล้ว แต่หัวใจของหม่อมฉัน... ไม่ได้มีไว้เพื่อรักบุรุษใด มีไว้เพียงเพื่อให้หม่อมฉันยังมีชีวิตปกป้องท่านแม่กับทวงความเป็นธรรมให้พี่ชายเท่านั้น”จ้าวเฉินจ้านมองนางนิ่งงัน สายตาไม่อาจนิยามว่านั่นคือความโกรธ สงสาร หรือสับสน สิ่งเดียวที่รู้คือเขาไม่เคยพบสตรีใดที่พูดถึงชีวิตตัวเองด้วยความว่างเปล่าเช่นนี้มาก่อนแล้วคำต่อมาของนาง... ก็เหมือนสายฟ้าฟาดกลางห้องเงียบงันแห่งนี้“หม่อมฉันต้องการหลับนอนกับไท่จื่อเพคะ จนกว่าหม่อมฉันจะตั้งครรภ์ หลังจากนั้นพระองค์จะไม่แตะต้องหม่อมฉันอีกตลอดไปก็ได้”“นี่เจ้า!” เฉินจ้านแทบกลั้นเสียงตะโกนไม่อยู่ ใบหน้าเขาแดงก่ำไม่รู้เพราะโกรธหรืออับอายหานเซียงยังคงสีหน้าสงบ “สิ่งที่หม่อมฉันต้องการมีเพียงเท่านี้เพคะ”“หานเซียง... นอกจากเจ้าจะไม่มีหัวใจแล้ว เจ้าไม่มียางอายด้วยหรือ?”“ยางอายเอาไว้ทำอันใดได้เพคะ?” นางตอบเรียบเรื่อย “เอามาแก้แค้นคนได้หรือไม่ หรือเอามาแทนข้าวแก้หิวได้?”“เจ้านี่มัน...” เฉินจ้านถึง
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่1
ตอนที่ 1||สองมังกรหาลือต้นยามซวีลมหนาวจากทิศเหนือพัดกรูเข้าสู่มหานครฉงชิ่ง อาณาจักรต้าเว่ย เป็นสัญญาณบอกว่าฤดูหนาวกำลังมาเยือนอีกครา...ใต้แสงโคมแดงที่ไหวระริกในตำหนักจื่อเฉินในวังหลวงส่วนหน้า จนบังเกิดเงาสะท้อนบนผนังเป็นภาพแกะสลักแล่นไหวราวกับสัตว์เทพเหล่านั้นกำลังขยับเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาภายในโถงกว้างของตำหนักบัดนี้กลับไร้เสียงผู้คน ขันทีและมหาดเล็กถูกขับออกไปหมดสิ้นโดยเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ มังกรผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน บรรยากาศจึงสงบและเป็นส่วนตัวในห้องในยามนี้มีสองร่างที่นั่งเผชิญหน้ากันบนเก้าอี้ไม้สลักมังกร ตรงกลางคือโต๊ะไม้แกะสลักมังกรคาบลูกแก้วสวรรค์ กลางโต๊ะมีป้านน้ำชาวางอยู่ ผู้หนึ่งวัยราวสามสิบตอนปลาย อีกผู้ราวหกสิบปีทั้งสองบุรุษ จะเป็นใครไปได้หากมิใช่ เฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ ‘จ้าวเจิ้งหรง’ และพระบิดาของเขา ‘จ้าวเหยียนจ้ง’ ไท่ซ่างหวง เอกบุรุษผู้เป็นใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้ ทั้งสองขณะนี้กำลังนั่งเผชิญหน้าโดยมีชุดป้านน้ำชากับกระดานหมากล้อมอยู่ตรงกลางแม้เหยียนจ้งจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา แต่ดวงเนตรยังคมกริบราวเหยี่ยวเฒ่า แฝงอำนาจที่ทำให้แม้แต่โอรสอย่างเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ยังต้องสำรวมกิริยายา
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่2
ตอนที่ 2 ||สตรีเย็นชาแห่งอารามเมี่ยวจิงทิวเขาเหยียนซานยามเช้าอาบด้วยแสงตะวันแรก ดอกเหมยป่าบานสะพรั่งเกาะไอหมอกสีเงินที่คลี่คลุมตลอดแนวเขา เสียงระฆังจากอารามนางชี ‘เมี่ยวจิง’ ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา คนละด้านกับวัด ไถ่เหยียนซาน ดังก้องกังวานไปทั่วหุบเขาร่างเล็กของสตรีวัยสิบเจ็ดปีก้าวออกจากเรือนเล็กด้านหลังอารามด้วยกิริยาสงบด้านหลังนางมีสาวใช้หนึ่งคนติดตาม ร่างอรชรนั้นสวมชุดสีเทาเรียบง่ายตัดเย็บจากผ้าฝ้ายทอมือดูสะอาดสะอ้านม่านผมดำขลับของนางถูกรวบขึ้นเรียบร้อยปักด้วยปิ่นไม้จันทน์หอมเอาไว้ครึ่งศีรษะ ปล่อยเสียครึ่งศีรษะ เงางามยามที่นางเคลื่อนไหว ใบหน้านวลเนียนราวหยกสลักงดงามราวจันทร์ฉายในคืนเพ็ญ แต่ความงดงามของนางลดลงเสียสามในสิบส่วนเพราะนางวางสีหน้าสงบนิ่งจนยากจะคาดเดาอารมณ์หรือความคิด นางดูเย็นชาราวสตรีที่ตัดแล้วซึ่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาร่างอรชรมาหยุดที่ด้านหน้าศาลาทรงแปดเหลี่ยมข้างอารามทิศใต้ ที่ด้านในมีบุรุษสูงวัยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงกลม ที่ตรงหน้าเขามีโต๊ะหินเรียบง่าย ที่วางป้านน้ำชาและถ้วยชา กับกระดานหมากล้อมพร้อมโถใส่เม็ดหมากสองโถ“ให้นางเข้ามาเถิด”เสียงทรงอำนาจนั้นถึงจะสูงวัยแล้ว แต่
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่3
ตอนที่ 3 || ไท่จื่อเฉินจ้านผู้อ่อนโยนเช้าวันหนึ่งในต้นฤดูหนาว ท้องฟ้าของมหานครฉงชิ่งแจ่มกระจ่างดุจผืนผ้าไหมที่เพิ่งถูกชะล้างจนสะอาดไร้ฝุ่นหมอก ลมหนาวพัดเอื่อย กลิ่นไม้ฟืนเผาใหม่ลอยคลุ้งคลอเคลียกับกลิ่นดอกเหมยแรกแย้มที่เพิ่งผลิดอกเหนือกำแพงวังหลวง เสียงระฆังยามเช้าจากอารามเต๋าแห่งหนึ่งดังกังวานก้องสะท้อนบนหลังคาเคลือบกระเบื้องเงา ปลุกให้มหานครตื่นขึ้นจากนิทราอันยาวนานของฤดูหนาวขบวนรถม้าของไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านแล่นผ่านประตูเมืองท่ามกลางสายตาของประชาชนที่ต่างพากันก้มศีรษะให้เกียรติ เสียงลือเรื่องความกล้าหาญของเขาจากเมืองหนานจิ้งยังไม่ทันจางหายองค์ไท่จื่อผู้เสี่ยงชีวิตเข้ารักษาผู้ป่วยโรคระบาดโดยไม่หวั่นต่อความตาย บัดนี้กลับมาสู่นครหลวงอีกครั้งในฐานะบุรุษผู้มีเมตตาดั่งเทพเซียนม่านผ้าของรถม้าถูกแหวกออกเบา ๆ เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ไร้คราบฝุ่นหรือรอยเลือด ผิวพรรณสะอาดราวหยกขาวต้องแสงอรุณ แววตาอบอุ่นทอประกายเมตตา ทุกสายตาที่มองเห็นล้วนต้องหยุดนิ่ง เหมือนต้องมนตร์ของรอยยิ้มเพียงบางเฉียบที่แต้มอยู่บนริมฝีปากสีทับทิมของเขาเสียงแซ่ซ้องดังทั่วถนน "ไท่จื่อผู้เปี่ยมเมตตา"หรือ"อง
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่4
ตอนที่ 4 ||เกิดในราชวงศ์เดิมก็ไม่ง่ายแสงอาทิตย์ยามเฉินเพิ่งส่องลอดม่านไหมบาง ๆ เข้าสู่ตำหนักเฉียนชิง กลิ่นกำยานหอมอ่อนลอยคลุ้งทั่วห้องโถง หยกขาวบนพื้นส่องแสงสะท้อนอ่อนโยน ขันทีน้อยสิบกว่าคนหมอบอยู่เรียงรายสองฝั่ง บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างมั่นคงจ้าวเฉินจ้านไท่จื่อแห่งต้าเว่ยเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง แม้ยังไม่ทันเอ่ยคำ แต่สายตาทุกคู่ในตำหนักล้วนจับจ้องอยู่ที่เขาผู้เดียว วันนี้เป็นวันพิเศษถึงขั้นที่เฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ งดประชุมขุนนางในยามเช้า เพื่อร่วมอยู่ในที่เฝ้ากับไท่ซ่างหวงเพียงเพื่อรอหลานชายคนโปรดของราชวงศ์ภายในห้องพักผ่อนส่วนพระองค์ มีไท่ซ่างหวงในอาภรณ์ไหมสีดำปักลายดิ้นทองนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้มังกรโอ่อ่า ใบหน้าแม้เต็มไปด้วยร่องรอยวัยชรา แต่แววตาคมปลาบยังฉายอำนาจเหนือผู้คนราวพญาอินทรี ส่วนตรงกันข้ามนั้นคือ เฟิ่งสุ่ยตี้อ๋อง ฮ่องเต้ผู้ครองราชย์มาสิบเจ็ดปี เขาอยู่ในอาภรณ์น้ำเงินเข้มตรงหน้าอกปักลวดลายมังกรคำรามสีทองอร่าม สีหน้าของหนุ่มใหญ่วัยต้นสี่สิบเรียบเย็นแต่แฝงความเอ็นดูคิดถึงหลานชายที่เขารักยิ่งกว่าบุตรตนเองเหตุผลนั้นไม่มีอันใดมาก เพราะจ้าวเฉินจ้านเกิ
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่5
ตอนที่ 5 || ขอเลือกทางที่สามลมเย็นต้นฤดูวสันต์พัดเอื่อยผ่านลานหินอ่อนหน้า ตำหนักเฉียนชิง กลิ่นชาหอมกรุ่นลอยคลุ้ง เดิมทีควรเป็นบรรยากาศผ่อนคลายแต่บัดนี้กลับตึงเครียดอย่างหนักเพราะทายาทรุ่นต่อไปปฏิเสธการแต่งงานที่มังกรทั้งสองรุ่นตั้งใจกำหนดให้ไท่ซ่างหวงเอนหลังบนเก้าอี้แกะสลักมังกรเก้าเล็บ แววตาเรียบเฉยใต้คิ้วขาวจับจ้องหลานชายคนโปรดที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ส่วนเฉินจ้านเขากลับยืนสง่าไม่หลบตาทั้งเสด็จปู่และเสด็จอาผู้เป็นฮ่องเต้ มือทั้งสองข้างกำแน่นแนบข้างลำตัว“หึ! หากเจ้าจะยกเรื่องมารดาของเจ้ามาพูด เช่นนั้นข้าก็จะพูดให้กระจ่าง สตรีที่ทำร้ายมารดาจนตายเป็นบิดาของเจ้าที่ดื้อรั้นจะแต่งนางให้ได้ หากเจ้าดื้อดึงนี่มิใช่เจ้าอาจเดินรอยตามบิดาของเจ้าหรืออาจ้าน”จ้าวเหยียนจ้งที่รู้เรื่องในอดีตดีกว่าหลานชายกล่าวเสียงนิ่ง พลันภาพในอดีตก็หวนมาให้เขาเจ็บใจ เพราะหากเขาหนักแน่นไม่ยอมอ่อนข้อให้บิดาของเฉินจ้าน เหตุการณ์คงไม่จบลงเช่นนั้นแน่ ดังนั้นคราวเขาจะไปมีทางอ่อนข้อให้หลายรักเป็นแน่ สตรีเช่นเจียงเพ่ยหยูมันนางอสรพิษ!“ใช่แล้วจ้านเอ๋อ เสด็จอาเข้าใจเจ้านะเจ้าอายุยังน้อยย่อมเอาความรักชายหญิงเป็นที่ตั้งแต่เจ้า
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
บทที่6
ตอนที่ 6 || ราชโองการตกถึงจวนรุ่งเช้าหลังวันที่ไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านถูกเรียกเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงกับเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้อย่างเร่งด่วน ลานหน้าจวนเจิ้งกั๋วกงเต็มไปด้วยเสียงฆ้องกลองจากหน้าตรอกพร้อมเสียงแจ้งว่า...“ราชโองการมาถึง!” เสียงฆ้องตีดังก้องจนชาวบ้านแถบนั้นพากันชะโงกหน้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นพ่อบ้านใหญ่รีบวิ่งเข้ามาในเรือนแจ้งเจ้านายอย่างตื่นเต้น “ท่านกั๋วกง! ขันทีจากวังหลวงนำราชโองการเสด็จมาขอรับ!”เจิ้งกั๋วกงที่เพิ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบชะงัก มือสั่นจนถ้วยกระทบจานดัง เพล้ง! น้ำชาเดือดกระเซ็นเปื้อนชายอาภรณ์ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามด้วยความงงงัน “ราชโองการ?”เพียงครู่เดียว เขากับเจียงอี๋เหนียงพร้อมบุตรหลานทั้งจวนออกมาคุกเข่าตรงลานหน้าจวน ขันทีผู้ถือถาดบรรจุม้วนผ้าไหมสีทองใบหน้าเยือกเย็น ด้านหลังมีทหารองครักษ์ยืนเรียงราย ก่อนเสียงแหลมสูงจะดังขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเขาเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว“สวีเกากง รับราชโองการ...ด้วยพระราชอำนาจแห่งใต้หล้า ฟ้าดินเป็นพยาน ฝ่าบาทเฟิ่งสุ่ยตี้ทรงพิจารณาเห็นว่า คุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลสวี นาม สวีหานเซียง บุตรีแห่งจวนเจิ้งกั๋วกง เป็นสตรีมีชาติตระกูลสูงส่ง มีค
last updateLast Updated : 2025-11-12
Read more
บทที่7
ตอนที่ 7 || เชิญคุณหนูเจ็ดสวีกลับจวนยามอิ๋นของวันถัดมา แสงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า แต่ลานหน้าจวนเจิ้งกั๋วกงกลับสว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมแดงที่ส่องทางให้ขบวนรถม้ายิ่งใหญ่ซึ่งถูกเตรียมไว้ตั้งแต่บ่ายจนถึงช่วงคำของวันวาน รถม้าคันโตที่ตกแต่งงดงามวิจิตรฉลุลายลงรักปิดทองหรูหรายิ่งจอดอยู่ถึงสามคันด้านหน้าและด้านหลังมีทหารและบ่าวไพร่ทั้งชาย-หญิงยืนเรียงแถวต่อกันราวสายมังกรยาวถึงสองลี้ ไหนจะมีธงประจำนวนเจิ้งกั๋วกงกับเครื่องสายและฆ้องสำหรับบรรเลงให้คนรู้ว่านี่คือขบวนรับตัวคุณหนูสวีกับเจิ้งกั๋วกงกลับจวนอย่างสมเกียรติว่าที่สะใภ้หลวงในอีกแปดวันข้างหน้า ข้างหน้าสุดและปิดท้ายขบวนยังมีทหารองครักษ์สวมเกราะหนักขี่ม้าคุมเชิงเป็นระยะ ๆ ราวกับคุ้มกันองค์หญิงก็มิปาน ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองเห็นแล้วซุบซิบสอบถามกันเองดังอื้ออึงเจียงอี๋เหนียงในอาภรณ์ไหมสีส้มแสบตาปักลวดลายดอกเหมยสีขาว นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนรถม้าคันหน้าสุดโดยข้างกันมีแม่นมเหอผู้ภักดีต่อเจียงอี๋เหนียงมาตั้งแต่นางยังเป็นสาวเยาว์นั่งอยู่ด้วย ส่วนพ่อบ้านหลินกว่างและนั้นเขานั่งข้างกับสารถีบังคับรถม้า ทั้งสามนำขบวนออกจากจวนตั้งแต่ฟ้ายังมืดมิดตามบัญชาของเจิ
last updateLast Updated : 2025-11-13
Read more
บทที่8
ตอนที่ 8||ข้ากลับมาแล้วท่านพ่อแสงสุดท้ายของอาทิตย์แดงเฉือนฟ้าเป็นริ้ว ก่อนจะลับเหลี่ยมกำแพงเมืองหลวงลงไปอย่างช้า ๆ ในยามที่ขบวนรถม้ายิ่งใหญ่ของจวนเจิ้งกั๋วกงเคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองทิศใต้สู่ถนนสายหลัก ผู้คนทั้งสองฟากถนนแตกฮือกันออกมาจนแน่นเหมือนตลาดแตก ต่างพึมพำถามกันเองด้วยความคึกคัก ยามพวกเขาเห็นขบวนยิ่งใหญ่ราวกับขบวนของเชื้อพระวงศ์“เป็นขบวนรถม้าบ้านใดกัน ยิ่งใหญ่นัก” ผู้หนึ่งเอ่ยนำ“นั่นเป็นธงประจำจวนเจิ้งกั๋วกงนี่!” อีกคนร้องตอบ“เอ๋...เมื่อวานเพิ่งมีราชโองการสมรสพระทานไปถึงจวนเจิ้งกั๋วกงมิใช่หรือ? …อย่าบอกนะว่า” ท่านลุงอีกคนเริ่มเข้ามาร่วมวงวิจารณ์“ข้าคิดว่าต้องเป็นคุณหนูเจ็ดเป็นแน่ ในรถม้าหนึ่งในสามคันนี้ต้องมีคุณหนูสวีคนที่เจ็ดอยู่เป็นแน่”“แต่นางจริงหรือ ก็มิใช่ว่าคุณหนูเจ็ดตามเจิ้งกั๋วกงฮูหยินไปสงบใจที่อารามเมี่ยวจิงเป็นสิบปีหรอกหรือ?”เสียงกระซิบดังประสานดังอื้ออึงอย่างต่อเนื่องไปตลอดเส้นทางที่ขบวนรถม้าเคลื่อนผ่าน แผ่กระจายจากตรอกหนึ่งไปสู่ตรอกหนึ่ง ราวกับไฟทุ่งตามสายลมหนาวไปนานข่าวเรื่องเจิ้งกั๋วกงส่งขบวนยิ่งใหญ่ไปรับบุตรสาวลำดับที่เจ็ดแต่นางเป็นคนโตที่ยังรอดชีวิตในบรรดา
last updateLast Updated : 2025-11-15
Read more
บทที่9
ตอนที่ 9 || ทวงคืนเรือนหลักให้ท่านแม่ภายในโถงของเรือนหลักตระกูลสวี แสนจะโอ่อ่าสมฐานะของขุนนางใหญ่ สายลมช่วงหัวค่ำพัดโชยเอื่อยเข้ามาทางหน้าต่าง จนเปลวเทียนวูบไหวราวกับเต้นระบำ กลิ่นกำยานในกระถางลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ แต่แทนที่จะชวนผ่อนคลายกลับทำให้อึดอัดราวกับอยู่ในห้องปิดทึบจนบ่าวรับใช้ชายและหญิงต่างหายใจลำบากอึดใจต่อมาสวีหานเซียงประคองมารดาเดินเข้ามาช้า ๆ ท่ามกลางแถวบ่าวไพร่ที่ก้มศีรษะทำความเคารพ อาจเพราะกิตติศัพท์ของนางที่กำลังจะกลายเป็นไท่จื่อเฟย และอาจเป็นเพราะบ่าวไพร่เหล่านี้เพิ่งจะเห็นว่าเพียงแค่นางเหยียบเท้าลงบนพื้นหน้าจวนก็สามารถลากเจียงอี๋เหนียงลงจากบัลลังก์อำนาจในจวนที่เคยครอบครองมานานเกินสิบปีลงได้ต่อหน้าทุกผู้คนโดยไม่ต้องลงแรงหรือขยับปากเอ่ยวาจาแม้เพียงครึ่งคำ เช่นนี้มิเท่ากับว่าสถานการณ์ในจวนเจิ้งกั๋วกงเปลี่ยนหรือ พวกเขาเป็นเพียงบ่าวไพร่ย่อมต้องสังเกตทิศทางลมให้ดีอยู่แล้ว หานเซียงมองเห็นแต่นางไม่แสดงสีหน้าเผยอารมณ์ใด นางยังดูเย็นชาและเข้าถึงยากดังเดิม“นั่งพักก่อนเถิดเฉี่ยนเอ๋อ” สวีเกากงรีบตรงเข้าไปหาภรรยาหวังจะประคองนางเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ หากแต่ซ่างกวนเฉี่ยนกลับหลบทั้งที
last updateLast Updated : 2025-11-16
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status