ชังได้ท่านชังไป!

ชังได้ท่านชังไป!

last updateLast Updated : 2025-11-10
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
6Chapters
80views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

‘ท่านรักข้าหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขอเพียงแต่งกับท่านแล้วข้ากลายเป็นสตรีที่มีเกียรติที่สุดในต้าเว่ย เพราะเช่นนี้ข้าจึงมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายผู้ใดก็ได้’ ‘เจ้ามันเป็นสตรีไร้ยางอายไม่มีหัวใจหานเซียง’ ‘ไร้ยางอายก็ดี ไม่มีหัวใจก็ช่าง ขอเพียงข้าได้เป็นฮองเฮา กุมอำนาจอยู่ในมือ อยากฆ่าใครก็ฆ่า อยากรังแกใครก็ทำได้ ต่อให้เลวกว่านี้หรือกลายเป็นปีศาจข้าก็ไม่สน’

View More

Chapter 1

บทนำ

บทนำ||สตรีลึกลับ

ท้องฟ้ายามพลบค่ำขมุกขมัว กลิ่นดินหลังฝนตกใหญ่ยังลอยคละคลุ้งในอากาศ เสียงขบวนรถม้าจำนวนหลายสิบคันกำลังมุ่งหน้าลงใต้ เสียงเกือบม้าเหยียบย่ำลงบนถนนดินขรุขระซึ่งมีแอ่งน้ำขังเป็นตะหลุก

“หม่าจงเจ้าไปเร่งท้ายขบวนหน่อยใกล้ค่ำแล้ว แถวนี้บรรยากาศไม่ดี”

บุรุษบนหลังอาชาพ่วงพีสีดำสนิทตะโกนสั่งบุรุษอีกคนซึ่งขี่ม้าตีคู่อยู่ด้านข้างรถม้าคันโต ชายผู้นั้นรับคำสั่งแล้วบังคับบังเหียนพาม้าย้อนกลับไปยังท้ายขบวน ยิ่งดวงอาทิตย์จวนอัสดงบรรยากาศพลันเย็นยะเยือก

ขบวนดังกล่าวกำลังเคลื่อนผ่านช่องทางคับแคบ สองด้านเป็นภูผาขนาบ เส้นทางทอดยาวกว่าสิบลี้ดูอันตรายจนผู้คุ้มกันต่างระวังภัย พอท้ายขบวนเข้ามาอยู่ในช่องเขาคับแคบเสียงโห่คำรามจะดังลั่น

“ฆ่าให้สิ้น! แล้วปล้นเอาทรัพย์พวกมันมาให้หมด!”

ก้อนหินใหญ่ถูกปล่อยให้กลิ้งลงมาขวางเส้นทางด้านหน้าและปิดท้ายขบวน รถม้าคันหน้าสุดถูกบังคับให้หยุดกึกพร้อมเสียงม้ากรีดร้องเสียงแหลมสูง ทุกชีวิตพลันชักกระบี่ออกมาเตรียมสู้ตายทันที แล้วกองโจรกว่าร้อยชีวิตก็ถาโถมลงมาจากยอดทิวเขาด้านบนสองฟากเขา ร่างสกปรกเต็มไปด้วยรอยสัก หน้าตาถมึงทึง แววตาเปี่ยมด้วยความกระหายในเลือดเนื้อและทรัพย์สิน

“โจรภูเขาจู่โจม ปกป้องนายน้อยจ้าว!” บุรุษซึ่งนำขบวนตะโกนกึกก้อง เหล่าบุรุษสวมชุดเกราะรีบกระจายกำลังปกป้องรถม้าคันโตที่อยู่กลางขบวนทันควัน

อึดใจต่อมาเสียงโลหะปะทะกันก็ดังขึ้นทันที สะเก็ดไฟแตกเป็นประกายทุกครั้งที่ดาบปะทะกันเสียงดังกึกก้องสะท้านไปทั้งหุบเขา องครักษ์กว่าหกร้อยชีวิตแม้ฝีมือการต่อสู้ดีและกำลังที่มากกว่า แต่ก็เสียเปรียบในทางภูมิ เพียงเสี้ยวลมหายใจนั้นเลือดก็สาดกระเซ็น พวกเขาร่วงหล่น ดั่งใบไหม้แห้งปลิดปลิว

หัวหน้าโจรเป็นชายร่างใหญ่ หน้าตาเต็มไปด้วยแผลเป็น หัวเราะต่ำเสียงดังก่อนจะตะโกนเสียงเหี้ยมสั่งอยู่เบื้องบน มันมองกลุ่มคนด้านล่างราวกับมองมดปลวกถูกบดขยี้ภูเขาแถบนี้เป็นถิ่นหากินของมัน หลายวันก่อนมีจดหมายลึกลับแจ้งว่าวันนี้จะมีขบวนสูงศักดิ์ที่มากด้วยทรัพย์สินและเสบียงจะผ่าน มันจึงมาดักปล้น ไม่คิดว่าจะเป็นจริง

“ฆ่าให้สิ้น!”

ไม่นานรถม้าก็ถูกจู่โจม แตกออกเป็นเสี่ยง บุรุษหนุ่มหน้าหยกซึ่งอยู่ด้านในพุ่งทะยานพร้อมกระบี่ในมือถึงรูปกายของเขาจะดูราวกับบัณฑิตผู้คงแก่เรียน ทว่ายามคับขันก็ยังพอปกป้องตนเองได้ ยามถูกจู่โจมชายหนุ่มก็ยกดาบขึ้นรับด้วยกิริยาองอาจ

ชายหนุ่มกับองครักษ์อีกสองชีวิต ไม่ทันสังเกตว่าพวกตนถูกกลุ่มโจรกว่าครึ่งร้อยไล่ต้อนจนไปจนมุมอยู่บนหน้าผาสูงชัน ให้เก่งกาจเพียงใด แต่พวกเขามีเพียงสามคนส่วนเหล่าโจรร้ายห้อมล้อมกับมากถึงครึ่งร้อย สุดท้ายจึงหันหลังชนกันอย่าอับจนหนทางจะไปต่อได้

“หม่าจงเจ้าพานายน้อยหนีไป” บุรุษหน้าเหี้ยมกระซิบกับสหายวัยใกล้เคียงแต่มีใบหน้าอ่อนโยนกว่า

“ไม่! หากจะไปพวกเราต้องไปด้วยกัน” เป็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาแต่งกายหรูหรารูปร่างสูงโปร่งราวกับเป็นบัณฑิตหน้าหยกกัดฟันกระซิบเสียงลอดไรฟัน

“แต่ว่า...”

“ฟังข้า เพราะข้าคือนายน้อย!” เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมผิดหน้าตา จากนั้นก็กระชับด้ามกระบี่ พุ่งทะยานออกไปฟาดฟันอย่างไม่กลัวตาย

การต่อสู้ยืดเยื้อทั้งที่มีเพียงสามชีวินที่ถูกไล่ต้อน เลือดอุ่นเริ่มไหลรินจากบาดแผลบนร่างกายของบุรุษทั้งสาม ส่วนด้านล่างยังได้ยินเสียงต่อสู้ฆ่าฟันกันอย่างดุเดือดทั้งสองฝ่ายต่างล้มตายและบาดเจ็บคนแล้วคนเล่า ส่วนสามชีวิตด้านบนยังคงกัดฟันยืนหยัดต่อสู้ ไม่ยอมถอยแม้เพียงก้าว ทว่าสุดท้ายน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟในจังหวะหนึ่งหนึ่งในสามก็พลาดท่า ถูกกระแทกจนล้มลงบนพื้นหิน กระบี่ของโจรหน้าเหี้ยมฟาดฟันลงมาเกือบตัดลำคอ

ทันใดนั้น!

เฟี้ยว...ฉึก! เฟี้ยว...ฉึก! เฟี้ยว...ฉึก!

เสียงลูกธนู ที่พุ่งมาจากที่สูง พรากชีวิตของโจรทีเดียว สามคน ก่อนเงาร่างหนึ่งจะปรากฏ เสื้อคลุมสีดำปลิวสะบัดพร้อมเสียงตวัดคมกระบี่แหวกอากาศ คนในชุดดำสนิทใบหน้าปิดด้วยผ้าแพรสีแดงเข้ม ปรากฏตัวกลางหมู่โจร ร่างนั้นมองเพียงปราดเดียวบุรุษที่ถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ ก็แน่ใจผู้ช่วยเหลือนั้นคือสตรี!

แต่นางกลับมีท่วงท่าคล่องแคล่ว ราวเงาจันทร์ที่ฉีกฟ้ามืด ด้านหลังของนางมีกระบอกบรรจุลูกธนู แต่ในมือของนางกับกำด้ามกระบี่ นางฟาดผ่านคอของโจรที่หมายจะปลิดชีพพวกเขาราวกับนางตัดดอกไม้ในสวน เลือดสาดเป็นทาง ชั่วพริบตาศัตรูรอบข้างล้มลงเกินสิบศพ!

“เป็นใครกัน!” หัวหน้าโจรคำราม ก่อนจะชักดาบใหญ่เข้าปะทะกับนาง

“มารดาพวกเจ้าอย่างไรเล่า!”

เสียงนางเอ่ยตอบ เสียงหวานนัก แต่กลับเย็นยะเยือกชวนสยอง เพียงพริบตานางก็ก้าวกระโดดเข้าฟาดฟันรวดเร็วราวสายลม กรีดคอศัตรูขาดสะบั้นไปอีกนับสิบร่าง ท่วงท่าของนางเยือกเย็น เฉียบขาด และโหดร้ายกว่าแม่ทัพผู้ชำนาญศึกในสนามรบมากกว่าจะเป็นสตรีรูปร่างบอบบางราวกิ่งหลิว

บุรุษหนุ่มผู้เป็น ‘นายน้อย’ อาศัยจังหวะนั้นลุกขึ้น ตั้งหลักใหม่ เข้าประชิดผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าโจร การต่อสู้โหมเดือด เสียงร้องโหยหวนของโจรดังระงม เมื่อเขามีสตรีชุดดำช่วยสังหารศัตรูอย่างไร้ปรานี เลือดสาดเปรอะผืนดินจนชุ่ม

สุดท้ายหัวหน้าโจรถูกชายหนุ่มแทงทะลุหน้าอก ร่างใหญ่ทรุดฮวบลงต่อหน้าลูกน้อง เสียงโห่ร้องที่เคยกึกก้องพลันเงียบสงัดเขาไม่รอตัดศีรษะของมันในกระบี่เดียว! โจรที่เหลือแตกฮือหนีเข้าป่าอย่างไม่คิดชีวิต

เหลือเพียงเสียงลมหอบหนัก ๆ ของบุรุษทั้งสามกับหนึ่งสตรีที่ยืนอยู่บนเนินเขากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วทั้งหุบเขา

เขาหันไปสบตากับสตรีปริศนาในชุดดำ แม้เพียงเห็นดวงตาเรียวคมเหนือผ้าแพร ก็ทำให้ใจชายหนุ่มสะท้านเล็กน้อย แต่ยังมิทันได้เอ่ยถาม นางกลับสะบัดกระบี่เช็ดเลือดก่อนเก็บคืนปลอกแล้วหันหลังจะจากไป

บุรุษหนุ่มหน้าหยกรีบร้องเรียกเสียงทุ้มต่ำ “เดี๋ยวก่อน! มิทราบว่าผู้มีพระคุณเป็นใครกัน?”

สตรีในอาภรณ์สีดำหยุดเท้าเพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยตอบโดยไม่หันกลับมาสบตา นางเพียงเอ่ยเพียงเสียงหวานแต่เย็นชาว่า...

“เป็นเพียงผู้ผ่านทางเท่านั้น”

เสียงหวีดร้องของอาชาที่แตกตื่นเพิ่งจางหาย สายลมยามหัวค่ำพัดพาเอากลิ่นคาวคละคลุ้งมาปะทะจมูกโด่งของชายหนุ่ม สายตาของเขาจับจ้องอยู่กับร่างระหงในชุดดำที่กำลังจะก้าวจากไปด้วยกิริยาสง่างาม

ร่างของนางถูกแสงจันทร์ที่เพิ่งกระจ่างสาดส่องจนเป็นเงาวูบวาบท่ามกลางศพมากมายในสายตาของเขานางดูบอบบางราวกิ่งหลิวแต่กลับมีกลิ่นอายสังหารเข้มข้นกว่าบุรุษเช่นเขา

แต่ในขณะที่เขากำลังจับจ้องร่างระหงกลับมีเงาของโจรผู้หนึ่งที่แกล้งตายเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังเขา มันผู้นั้นลุกขึ้นว่องไวและกำลังยกธนูหน้าไม้ขึ้นเล็งตรงมาโดยที่เขาไม่ทันระวัง

“จงตายเสียเถิด ‘จ้าวเฉินจ้าน’ เจ้ามันสมควรตาย!” เสียงแหบห้าวคำรามพร้อมลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย

“ระวัง!”

เสียงของนางร้องเตือนได้เพียงเท่านั้น สัญชาตญาณของนางช่างฉับไวพุ่งเข้ามาแล้วพลิกกายตนเองรับลูกธนูแทนเขาจนชายหนุ่มไม่ทันร้องอุทานแม้เพียงครึ่งคำ!

ฉึก!

ธนูดอกนั้นปักลึกตรงด้านหลังข้างซ้ายของนางอย่างแม่นยำ เลือดแดงสดทะลักออกมาทันควัน กลิ่นคาวคละคลุ้งจนชายหนุ่มตกใจ

“เจ้า!”

ทว่าแววตาที่โผล่พ้นผ้าปิดบังใบหน้ากลับยังเยือกเย็นไม่เห็นถึงความแตกตื่น นางซัดมือออกไปมีดสั้นก็ลอยคว้างออกไปตัดหลอดลมของมือธนูหน้าไม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ

“อึก!” มันสะอึก ขณะยกมือกุมลำคอ เลือดสีแดงพุ่งออกมาราวตาน้ำพุแตก

ซึ่งสตรีลึกลับเองก็ไม่ต่างกันหลังซัดมีดสั้นที่เป็นอาวุธลับออกไปสังหารนักฆ่าที่แฝงกายมาในคราบของโจรภูเขาแล้วก็กระอักเลือดก้อนใหญ่ทะลักออกจากริมฝีปากสีจาง ร่างเล็กสั่นระริกก่อนเรี่ยวแรงจะหมดไป

“แม่นาง!”

ชายหนุ่มที่รอดตายเพราะสตรีลึกลับเป็นครั้งที่สองเห็นดังนั้นตกใจจนอุทานเรียกนางออกมาเสียงดัง เขาเป็นหมอ เป็นผู้คุ้นเคยพิษบาดแผลมานักต่อนัก แต่ไม่เคยรู้สึกโกลาหลในอกเท่าครั้งนี้

“ปล่อย!” นางกล่าวแล้วผลักเขาออกห่าง นางก้าวไปได้เพียงสามก้าวก็ทรุดฮวบลงหัวเข้ากระแทกพื้น

ชายหนุ่มรีบตรงเข้าไปพยุงเรือนกายบอบบางเข้ามาในอ้อมแขนตนเองรีบแล้วร้องบอกนาง “ข้าเป็นหมอ รักษาเจ้าได้!”

แต่ร่างเล็กกลับหันกลับมาซัดฝ่ามือเปรี้ยงแล้วใช้วิชาตัวเบาทะยานหายลับไปกับรัตติกาล ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา ชายหนุ่มทำได้เพียงมองตามแต่ไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืด…

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
6 Chapters
บทนำ
บทนำ||สตรีลึกลับท้องฟ้ายามพลบค่ำขมุกขมัว กลิ่นดินหลังฝนตกใหญ่ยังลอยคละคลุ้งในอากาศ เสียงขบวนรถม้าจำนวนหลายสิบคันกำลังมุ่งหน้าลงใต้ เสียงเกือบม้าเหยียบย่ำลงบนถนนดินขรุขระซึ่งมีแอ่งน้ำขังเป็นตะหลุก“หม่าจงเจ้าไปเร่งท้ายขบวนหน่อยใกล้ค่ำแล้ว แถวนี้บรรยากาศไม่ดี”บุรุษบนหลังอาชาพ่วงพีสีดำสนิทตะโกนสั่งบุรุษอีกคนซึ่งขี่ม้าตีคู่อยู่ด้านข้างรถม้าคันโต ชายผู้นั้นรับคำสั่งแล้วบังคับบังเหียนพาม้าย้อนกลับไปยังท้ายขบวน ยิ่งดวงอาทิตย์จวนอัสดงบรรยากาศพลันเย็นยะเยือกขบวนดังกล่าวกำลังเคลื่อนผ่านช่องทางคับแคบ สองด้านเป็นภูผาขนาบ เส้นทางทอดยาวกว่าสิบลี้ดูอันตรายจนผู้คุ้มกันต่างระวังภัย พอท้ายขบวนเข้ามาอยู่ในช่องเขาคับแคบเสียงโห่คำรามจะดังลั่น“ฆ่าให้สิ้น! แล้วปล้นเอาทรัพย์พวกมันมาให้หมด!”ก้อนหินใหญ่ถูกปล่อยให้กลิ้งลงมาขวางเส้นทางด้านหน้าและปิดท้ายขบวน รถม้าคันหน้าสุดถูกบังคับให้หยุดกึกพร้อมเสียงม้ากรีดร้องเสียงแหลมสูง ทุกชีวิตพลันชักกระบี่ออกมาเตรียมสู้ตายทันที แล้วกองโจรกว่าร้อยชีวิตก็ถาโถมลงมาจากยอดทิวเขาด้านบนสองฟากเขา ร่างสกปรกเต็มไปด้วยรอยสัก หน้าตาถมึงทึง แววตาเปี่ยมด้วยความกระหายในเลือดเนื้อและ
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่1
ตอนที่ 1||สองมังกรหาลือต้นยามซวีลมหนาวจากทิศเหนือพัดกรูเข้าสู่มหานครฉงชิ่ง อาณาจักรต้าเว่ย เป็นสัญญาณบอกว่าฤดูหนาวกำลังมาเยือนอีกครา...ใต้แสงโคมแดงที่ไหวระริกในตำหนักจื่อเฉินในวังหลวงส่วนหน้า จนบังเกิดเงาสะท้อนบนผนังเป็นภาพแกะสลักแล่นไหวราวกับสัตว์เทพเหล่านั้นกำลังขยับเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาภายในโถงกว้างของตำหนักบัดนี้กลับไร้เสียงผู้คน ขันทีและมหาดเล็กถูกขับออกไปหมดสิ้นโดยเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ มังกรผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน บรรยากาศจึงสงบและเป็นส่วนตัวในห้องในยามนี้มีสองร่างที่นั่งเผชิญหน้ากันบนเก้าอี้ไม้สลักมังกร ตรงกลางคือโต๊ะไม้แกะสลักมังกรคาบลูกแก้วสวรรค์ กลางโต๊ะมีป้านน้ำชาวางอยู่ ผู้หนึ่งวัยราวสามสิบตอนปลาย อีกผู้ราวหกสิบปีทั้งสองบุรุษ จะเป็นใครไปได้หากมิใช่ เฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ ‘จ้าวเจิ้งหรง’ และพระบิดาของเขา ‘จ้าวเหยียนจ้ง’ ไท่ซ่างหวง เอกบุรุษผู้เป็นใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้ ทั้งสองขณะนี้กำลังนั่งเผชิญหน้าโดยมีชุดป้านน้ำชากับกระดานหมากล้อมอยู่ตรงกลางแม้เหยียนจ้งจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา แต่ดวงเนตรยังคมกริบราวเหยี่ยวเฒ่า แฝงอำนาจที่ทำให้แม้แต่โอรสอย่างเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ยังต้องสำรวมกิริยายา
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่2
ตอนที่ 2 ||สตรีเย็นชาแห่งอารามเมี่ยวจิงทิวเขาเหยียนซานยามเช้าอาบด้วยแสงตะวันแรก ดอกเหมยป่าบานสะพรั่งเกาะไอหมอกสีเงินที่คลี่คลุมตลอดแนวเขา เสียงระฆังจากอารามนางชี ‘เมี่ยวจิง’ ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา คนละด้านกับวัด ไถ่เหยียนซาน ดังก้องกังวานไปทั่วหุบเขาร่างเล็กของสตรีวัยสิบเจ็ดปีก้าวออกจากเรือนเล็กด้านหลังอารามด้วยกิริยาสงบด้านหลังนางมีสาวใช้หนึ่งคนติดตาม ร่างอรชรนั้นสวมชุดสีเทาเรียบง่ายตัดเย็บจากผ้าฝ้ายทอมือดูสะอาดสะอ้านม่านผมดำขลับของนางถูกรวบขึ้นเรียบร้อยปักด้วยปิ่นไม้จันทน์หอมเอาไว้ครึ่งศีรษะ ปล่อยเสียครึ่งศีรษะ เงางามยามที่นางเคลื่อนไหว ใบหน้านวลเนียนราวหยกสลักงดงามราวจันทร์ฉายในคืนเพ็ญ แต่ความงดงามของนางลดลงเสียสามในสิบส่วนเพราะนางวางสีหน้าสงบนิ่งจนยากจะคาดเดาอารมณ์หรือความคิด นางดูเย็นชาราวสตรีที่ตัดแล้วซึ่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาร่างอรชรมาหยุดที่ด้านหน้าศาลาทรงแปดเหลี่ยมข้างอารามทิศใต้ ที่ด้านในมีบุรุษสูงวัยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงกลม ที่ตรงหน้าเขามีโต๊ะหินเรียบง่าย ที่วางป้านน้ำชาและถ้วยชา กับกระดานหมากล้อมพร้อมโถใส่เม็ดหมากสองโถ“ให้นางเข้ามาเถิด”เสียงทรงอำนาจนั้นถึงจะสูงวัยแล้ว แต่
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่3
ตอนที่ 3 || ไท่จื่อเฉินจ้านผู้อ่อนโยนเช้าวันหนึ่งในต้นฤดูหนาว ท้องฟ้าของมหานครฉงชิ่งแจ่มกระจ่างดุจผืนผ้าไหมที่เพิ่งถูกชะล้างจนสะอาดไร้ฝุ่นหมอก ลมหนาวพัดเอื่อย กลิ่นไม้ฟืนเผาใหม่ลอยคลุ้งคลอเคลียกับกลิ่นดอกเหมยแรกแย้มที่เพิ่งผลิดอกเหนือกำแพงวังหลวง เสียงระฆังยามเช้าจากอารามเต๋าแห่งหนึ่งดังกังวานก้องสะท้อนบนหลังคาเคลือบกระเบื้องเงา ปลุกให้มหานครตื่นขึ้นจากนิทราอันยาวนานของฤดูหนาวขบวนรถม้าของไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านแล่นผ่านประตูเมืองท่ามกลางสายตาของประชาชนที่ต่างพากันก้มศีรษะให้เกียรติ เสียงลือเรื่องความกล้าหาญของเขาจากเมืองหนานจิ้งยังไม่ทันจางหายองค์ไท่จื่อผู้เสี่ยงชีวิตเข้ารักษาผู้ป่วยโรคระบาดโดยไม่หวั่นต่อความตาย บัดนี้กลับมาสู่นครหลวงอีกครั้งในฐานะบุรุษผู้มีเมตตาดั่งเทพเซียนม่านผ้าของรถม้าถูกแหวกออกเบา ๆ เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ไร้คราบฝุ่นหรือรอยเลือด ผิวพรรณสะอาดราวหยกขาวต้องแสงอรุณ แววตาอบอุ่นทอประกายเมตตา ทุกสายตาที่มองเห็นล้วนต้องหยุดนิ่ง เหมือนต้องมนตร์ของรอยยิ้มเพียงบางเฉียบที่แต้มอยู่บนริมฝีปากสีทับทิมของเขาเสียงแซ่ซ้องดังทั่วถนน "ไท่จื่อผู้เปี่ยมเมตตา"หรือ"อง
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่4
ตอนที่ 4 ||เกิดในราชวงศ์เดิมก็ไม่ง่ายแสงอาทิตย์ยามเฉินเพิ่งส่องลอดม่านไหมบาง ๆ เข้าสู่ตำหนักเฉียนชิง กลิ่นกำยานหอมอ่อนลอยคลุ้งทั่วห้องโถง หยกขาวบนพื้นส่องแสงสะท้อนอ่อนโยน ขันทีน้อยสิบกว่าคนหมอบอยู่เรียงรายสองฝั่ง บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างมั่นคงจ้าวเฉินจ้านไท่จื่อแห่งต้าเว่ยเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง แม้ยังไม่ทันเอ่ยคำ แต่สายตาทุกคู่ในตำหนักล้วนจับจ้องอยู่ที่เขาผู้เดียว วันนี้เป็นวันพิเศษถึงขั้นที่เฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ งดประชุมขุนนางในยามเช้า เพื่อร่วมอยู่ในที่เฝ้ากับไท่ซ่างหวงเพียงเพื่อรอหลานชายคนโปรดของราชวงศ์ภายในห้องพักผ่อนส่วนพระองค์ มีไท่ซ่างหวงในอาภรณ์ไหมสีดำปักลายดิ้นทองนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้มังกรโอ่อ่า ใบหน้าแม้เต็มไปด้วยร่องรอยวัยชรา แต่แววตาคมปลาบยังฉายอำนาจเหนือผู้คนราวพญาอินทรี ส่วนตรงกันข้ามนั้นคือ เฟิ่งสุ่ยตี้อ๋อง ฮ่องเต้ผู้ครองราชย์มาสิบเจ็ดปี เขาอยู่ในอาภรณ์น้ำเงินเข้มตรงหน้าอกปักลวดลายมังกรคำรามสีทองอร่าม สีหน้าของหนุ่มใหญ่วัยต้นสี่สิบเรียบเย็นแต่แฝงความเอ็นดูคิดถึงหลานชายที่เขารักยิ่งกว่าบุตรตนเองเหตุผลนั้นไม่มีอันใดมาก เพราะจ้าวเฉินจ้านเกิ
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
ตอนที่5
ตอนที่ 5 || ขอเลือกทางที่สามลมเย็นต้นฤดูวสันต์พัดเอื่อยผ่านลานหินอ่อนหน้า ตำหนักเฉียนชิง กลิ่นชาหอมกรุ่นลอยคลุ้ง เดิมทีควรเป็นบรรยากาศผ่อนคลายแต่บัดนี้กลับตึงเครียดอย่างหนักเพราะทายาทรุ่นต่อไปปฏิเสธการแต่งงานที่มังกรทั้งสองรุ่นตั้งใจกำหนดให้ไท่ซ่างหวงเอนหลังบนเก้าอี้แกะสลักมังกรเก้าเล็บ แววตาเรียบเฉยใต้คิ้วขาวจับจ้องหลานชายคนโปรดที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ส่วนเฉินจ้านเขากลับยืนสง่าไม่หลบตาทั้งเสด็จปู่และเสด็จอาผู้เป็นฮ่องเต้ มือทั้งสองข้างกำแน่นแนบข้างลำตัว“หึ! หากเจ้าจะยกเรื่องมารดาของเจ้ามาพูด เช่นนั้นข้าก็จะพูดให้กระจ่าง สตรีที่ทำร้ายมารดาจนตายเป็นบิดาของเจ้าที่ดื้อรั้นจะแต่งนางให้ได้ หากเจ้าดื้อดึงนี่มิใช่เจ้าอาจเดินรอยตามบิดาของเจ้าหรืออาจ้าน”จ้าวเหยียนจ้งที่รู้เรื่องในอดีตดีกว่าหลานชายกล่าวเสียงนิ่ง พลันภาพในอดีตก็หวนมาให้เขาเจ็บใจ เพราะหากเขาหนักแน่นไม่ยอมอ่อนข้อให้บิดาของเฉินจ้าน เหตุการณ์คงไม่จบลงเช่นนั้นแน่ ดังนั้นคราวเขาจะไปมีทางอ่อนข้อให้หลายรักเป็นแน่ สตรีเช่นเจียงเพ่ยหยูมันนางอสรพิษ!“ใช่แล้วจ้านเอ๋อ เสด็จอาเข้าใจเจ้านะเจ้าอายุยังน้อยย่อมเอาความรักชายหญิงเป็นที่ตั้งแต่เจ้า
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status