มาถึงติ้งโจว หากมิไปเจดีย์วัดไคหยวนที่เลื่องชื่อก็คงมิได้ ยังอยู่อีกไกล แต่พวกหลิงอวี๋ก็เห็นเจดีย์วัดไคหยวนที่สูงตระหง่านดูมีพลังอยู่ตรงกลางแล้ว“ต้นไข่มุกตั้งตระหง่านอยู่ยอดรับแดดยามเช้า กระดิ่งทองเคียงเคล้าลมยามเย็น ยามขึ้นไปถึงบนยอดในทุกครา ราวกับว่ากายาต้องฟ้าคราม”หลิงอวี๋เห็นเจดีย์วัดไคหยวนอันงดงามกำลังอาบแสงยามเย็นอยู่จึงนึกถึงกวีของข้าหลวงติ้งโจวขึ้นมาว่ากันว่าเจดีย์วัดไคหยวนนี้ยังเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุและพระคัมภีร์อันล้ำค่าของปรมาจารย์สายพุทธเต๋าไว้จำนวนนับมิถ้วนภายในช่องของฐานเจดีย์รวมถึงบนผนังตามทางเดินแต่ละชั้นก็มีการฝังพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าพระพุทธรูปที่แกะสลักล้วนทำอย่างประณีตและเหมือนจริงมากหลิงอวี๋เป็นผู้ที่มิเชื่อในพระเจ้า แต่การข้ามเวลาของตนรวมถึงการฝึกฝนพลังวิญญาณทำให้ความเชื่อของนางสั่นคลอนพระพุทธรูปเหล่านั้นบางทีอาจจะมิใช่พระจริง ๆ แต่อาจจะเป็นผู้มีความสามารถของแดนวิญญาณ!นางมาเที่ยวชม จึงพาพวกหลิงหว่านไปชมเมื่อมาใกล้ ๆ หลิงอวี๋ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติขันทีโม่ที่สอนตนพัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณเคยบอกไว้ว่า สถานที่บางแห่งที
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะลุกยืน เถาจื่อกับหานอวี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงก็พุ่งเข้ามาแล้วหลิงอวี๋ยังมิทันได้บอกพวกนางว่าอย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง กระแสพลังที่มือของเก๋อเทียนซือก็วนรอบตัวของทั้งสองคนแล้วทำให้ทั้งสองกระเด็นถอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงเถาจื่อกับหานอวี้กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็สลบไปทันที“เห็นหรือไม่ ต่อให้เจ้าจะฝึกถึงดินแดนที่สี่แล้ว เจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ยังมิยอมมอบหยกหล้าสุขาวดีออกมาแต่โดยดีอีก!”ครานี้เก๋อเทียนซือมิได้เอาตำราแพทย์ของซือคงชวิ่นมาลองหยั่งเชิงหลิงอวี๋แล้ว เขาเอ่ยไปตรง ๆ หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “ข้ามิได้มีหยกหล้าสุขาวดีอะไรนั่น มิรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร!”นางรับมือกับเก๋อเทียนซือ พลางหาโอกาสไปด้วยว่าจะเอาชนะเก๋อเทียนซืออย่างไรดี!“หลิงอวี๋ เจ้าจะต่อต้านข้าไปจนถึงที่สุดหรือ? หยกหล้าสุขาวดีในมือเจ้ามิสามารถใช้ได้ มิฉะนั้น...”เก๋อเทียนซือกลัวว่าจะเผยความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาจึงพูดแล้วหยุดไปกลางคัน จากนั้นก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“เจ้ามอบหยกหล้าสุขาวดีมาให้ข้า ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าฝึกฝนมาอย่างหนัก และจะไว้ชีวิตเจ้า!”“มิเช่นนั้น ครานี้จะต้องทำให้เจ
เถาจื่อกับหานอวี้ถูกพลังของทั้งสองปลุกให้ตื่นขึ้นมา แต่ทั้งสองก็ถูกเก๋อเทียนซือโจมตีได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อฝืนลุกขึ้นมาจะเข้าไปช่วยหลิงอวี๋ ทั้งสองคนกลับถูกม่านพลังที่ไร้รูปร่างที่หลิงอวี๋กับเก๋อเทียนซือสร้างขึ้นกั้นเอาไว้ที่ด้านนอกพวกนางมองเห็นด้านในแต่มิสามารถเข้าไปได้มวยผมของหลิงอวี๋คลายออกแล้ว ทำให้ผมปลิวไปตามกระแสพลัง นางดูเหมือนปล่อยพลังหยินหยางไปอย่างสบาย ๆแต่หลิงอวี๋รู้ว่าตนมิได้ดูสบายเช่นนั้น เก๋อเทียนซือเหนือชั้นกว่าตนไปหนึ่งขั้น กระแสพลังของเขาก็กำลังกดนางเอาไว้อย่างแข็งแกร่งหลิงอวี๋รู้สึกว่าแขนของตนหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อขยับแล้วต้องใช้แรงอย่างมากนางจึงกัดฟันพยายามยืนหยัดไว้!นางมิกล้าผ่อนปรน ขอเพียงนางผ่อนปรน พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างของนางก็จะถูกเก๋อเทียนซือดูดไปจนหมด และนางก็จะรับแรงกดดันมิไหวจนแหลกสลายไปเถาจื่อกับหานอวี้มองอยู่อย่างทำอะไรมิถูก พวกนางคิดจะเข้าไปต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกกั้นให้อยู่ด้านนอกตลอดหลิงหว่านกับพวกนางรับใช้ที่อยู่ด้านล่างเห็นว่าใบไม้ปลิวทั่วไปหมดก็รู้ว่าเกิดเรื่องจึงรีบวิ่งขึ้นมา แล้วก็เห็นภาพนี้เข้า หลิงหว่านตกใจจนหน้าซีดไปนา
“ฮองเฮา...”“พี่หญิงหลิงหลิง!”เถาจื่อกับหลิงหว่านตะโกนขึ้นมา พวกนางมิสามารถทนมองหลิงอวี๋ตายไปต่อหน้าของพวกนางเช่นนี้ได้จริง ๆ“รีบคิดหาทางเร็วเข้า!”หลิงหว่านจับแขนเถาจื่ออย่างร้อนใจเถาจื่ออยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา หากมีกระบี่พุ่งเข้าหาหลิงอวี๋ นางสามารถพุ่งตัวเข้าไปขวางให้หลิงอวี๋ได้โดยมิรีรอแต่ม่านพลังนี้ทำให้นางหมดปัญญา!“พี่หญิงหลิงหลิง อดทนไว้ ท่านต้องอดทนไว้...”หลิงหว่านร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “เยวี่ยเยวี่ยรอท่านอยู่! พวกเราต้องการท่าน ท่านจะไปจากพวกเราเช่นนี้มิได้!”หลิงอวี๋มิได้ยินเสียงร้องไห้ของนางแม้แต่น้อยนางรู้สึกว่าตนจนตรอกแล้ว กระดูกทั้งหมดในร่างกายถูกเก๋อเทียนซือบีบจนผิดรูปแล้ว หน้าอกก็เจ็บอย่างรุนแรงจนถึงจุดวิกฤติที่นางจะสามารถทนรับได้แล้วนางคิดว่าคราวนี้ตนคงจะจบสิ้นแล้วเป็นแน่!นางหลับตาลงแต่แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งตนกับเก๋อเทียนซือต่างกันแค่เพียงดินแดนเดียวเท่านั้น ถ่วงเวลามานานเช่นนี้เก๋อเทียนซือยังมิสามารถสังหารตนได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเก๋อเทียนซือกับตนก็พอ ๆ กัน...อดทนอีกสักหน่อย!นิสัยมิยอมแพ้ของหลิงอวี๋ทำให้นางกัดฟันปล่อยพลังหยินหยางต
“ฮองเฮา!”“พี่หญิงหลิงหลิง!”หลิงอวี๋ได้ยินว่ามีคนเรียกตนแว่ว ๆ แต่หนังตาของนางหนักมากลืมมิขึ้นนางมิรู้สักนิดว่าตนหมดสติไปสามวันแล้วในสามวันนี้ ท่านอ๋องผิงหนานกังวลเป็นอย่างมาก เขากับหลิงเสียงกังได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงของติ้งโจวมาตรวจนางอยู่จำนวนมิน้อยหมอผู้มีชื่อเสียงบางคนบอกว่าหลิงอวี๋ชีพจรกระจาย นางจะมีชีวิตอยู่ได้มินานบางคนก็บอกว่าหลิงอวี๋ปะทะกับพระพุทธรูปของวัดไคหยวนและถูกพระพุทธเจ้าลงโทษ นางจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิตหลิงหว่านกับพวกเถาจื่อมิได้รับบาดเจ็บในระดับที่เท่ากันจึงถูกหลิงเสียงกังพากลับไปที่พักฟื้นที่ศาลาว่าการแต่พวกนางจะมาเฝ้าหลิงอวี๋ทุกวัน เมื่อเห็นหลิงอวี๋เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหนักอึ้งหลิงเสียงกังได้รับรู้เรื่องของเก๋อเทียนซือจากปากของหลิงหว่านกับเถาจื่อ แต่วันนั้นเขาสนใจแค่การช่วยเหลือหลิงอวี๋ จึงมิได้สนใจว่ามีเก๋อเทียนซืออยู่ในที่เกิดเหตุด้วยพอมาคิดดูหลังจบเรื่อง เก๋อเทียนซือคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารมาจึงหลบซ่อนอยู่ที่เจดีย์วัดไคหยวน รอให้พวกเขาไปกันหมดแล้วจึงหนีไปกระมัง!การที่ฮองเฮาถูกลอบสังหารที่ติ้งโจวทำให้ข้าหลวงติ้งโจวรู้สึกกดดันมาก
เซียวหลินเทียนล่าช้ามิได้ จึงไปหาข้าหลวงติ้งโจวเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของติ้งโจวในคืนนั้นเลย จากนั้นก็ได้พักมิถึงสองชั่วยาม เมื่อฟ้าสางก็เดินทางต่อแล้วเดิมทีเขาอยากจะพาหลิงอวี๋ไปด้วย แต่อาการของหลิงอวี๋มิอาจให้นางขี่ม้าไปกับตนได้ด้วยการเกลี้ยกล่อมของท่านอ๋องผิงหนาน เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงให้ถังถีเตี่ยนกับจ้าวซวนอยู่ดูแลหลิงอวี๋ ส่วนตนกับพวกลู่หนานนั้นก็รีบขี่ม้ากลับไปในขณะเดียวกัน เซียวหลินเทียนก็กลัวว่าเก๋อเทียนซือจะกลับมาอีก จึงให้องครักษ์เงาของตนอยู่กับหลิงอวี๋ทั้งหมดจ้าวฮุยรู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกลอบสังหารแล้วเก๋อเทียนซือถูกคนของจ้าวฮุยช่วยเหลือออกมา พลังวิญญาณเขาถูกหลิงอวี๋ขโมยไปเป็นจำนวนมาก พลังวิญญาณของเขาในตอนนี้มิเพียงให้ปกป้องตนเองด้วยซ้ำเก๋อเทียนซือเหลือชีวิตอยู่เพียงครึ่งหนึ่ง พักฟื้นสองวันก็ยังมิสามารถกลับเมืองหลวงได้ เขาจึงเอ่ยกับคนของจ้าวฮุย“ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้ พวกเจ้ากลับไปบอกจ้าวฮุยว่าข้าจะย้ายกำลังเสริมไป!”หลิงอวี๋กล้าขโมยการฝึกฝนพลังวิญญาณที่เขาฝึกมาครึ่งชีวิตไป หากแค้นนี้มิได้ชำระ เก๋อเทียนซือไม่มีทางยอมแพ้ตอนที่จ้าวฮุยได้ฟังการถ่ายทอ
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะถึงเมืองหลวง ขุนนางจำนวนมากก็พากันมากราบทูลกล่าวโทษว่าฮองเฮาเดินทางออกจากวังมิอยู่ติดที่ มิรักษาจรรยาบรรณสตรี ไร้ซึ่งศีลธรรม มิควรค่าจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้า และยังมีพวกผู้ตรวจการเก่าแก่ที่รับคำสั่งของจ้าวฮุยมาและเอาเรื่องที่หลิงอวี๋เปิดโรงเหยียนหลิงมาโจมตีว่าหลิงอวี๋มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ ชอบลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม เป็นตัวอย่างที่มิดีแก่สตรีอีกด้วยพวกคนเก่าแก่เหล่านี้มิพอใจที่เห็นว่าขุนนางสตรีสามารถเลื่อนขั้นได้ถึงขั้นที่สี่ กอปรกับที่สตรีในเมืองหลวงเริ่มยืนหยัดกันขึ้นมาเพราะเหตุนี้ นางรับใช้และแม่นมบางคนที่มีความกล้าหาญล้วนเสนอกับเจ้านายให้จ่ายค่าตอบแทนให้เท่าเทียมกับตำแหน่ง และจะรับเงินเท่ากันกับคนรับใช้ชายหลิงอวี๋ออกจากวังหลวงไปครานี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของพวกเขา แล้วพวกเขาจะอดมินำเรื่องนี้มาโจมตีหลิงอวี๋ได้อย่างไร!เซียวหลินเทียนโกรธกับการกล่าวโทษเหล่านี้มาก เรื่องที่ได้รับค่าตอบแทนตามตำแหน่งที่เท่าเทียมนี้ถูกตัดสินไปแล้ว และวันนั้นก็ได้รับการยอมรับจากขุนนางบุรุษระดับสี่แล้วด้วยตอนนี้พวกคนหัวโบราณดื้อรั้นเหล่านี้ยังจะนำเรื่องนี้มาวิจารณ์หลิงอวี๋อีก สิ่งนี้
ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะได้ต่อว่าใต้เท้าหวาง พวกผู้ตรวจการเก่าแก่ก็พากันคุกเข่าลงทีละคน“ฝ่าบาท บัดนี้ในวังมีเพียงฮองเฮาผู้เดียว และมีองค์ชายน้อยเป็นทายาทผู้เดียว ทายาทน้อยนักพ่ะย่ะค่ะ ควรจะคัดเลือกนางในและรับสนมเข้ามาเติมเต็มวังหลังเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ใต้เท้าหวางเป็นผู้นำ ผู้ตรวจการเก่าแก่เหล่านี้ก็พากันเกลี้ยกล่อมให้เซียวหลินเทียนคัดเลือกนางในเข้ามาในวังหลังเซียวหลินเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง เขายุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดว่ามีหลิงอวี๋ก็เพียงพอแล้ว สตรีคนอื่น ๆ มิอาจเทียบได้กับหลิงอวี๋“ฝ่าบาท ฮองเฮามีคุณธรรมทั้งยังทรงปราดเปรี่องเหนือผู้ใด เรื่องนี้ให้ฮองเฮาจัดการเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ทุกคนล้วนหวังดีกับฝ่าบาท หวังให้ฝ่าบาทมทรงทรงพระเกษมสำราญ ในวังนี้ยิ่งมีสตรีคอยปรนนิบัติฝ่าบาทมากก็ยิ่งมีทายาทให้ฝ่าบาทได้มากพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวฮุยก้าวออกมาช่วยพูดด้วยเจตนาที่มิดีไม่มีสตรีที่มิอิจฉาริษยา หากหลิงอวี๋ต้องรับผิดชอบในการคัดเลือกสนมจะต้องมีความขัดแย้งกับเซียวหลินเทียนอย่างแน่นอนความสัมพันธ์ของสองคนนี้ในตอนนี้แข็งแรงราวกับเหล็ก ในเมื่อตอนนี้ยังกำจ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี