หลังจากที่นางซุนแม่ของหลิงหว่านได้รับจดหมายที่เผยอวี้ส่งมาก็ดีใจมากกับข่าวที่คาดมิถึงนี้ สามีของตนยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งแต่กระทั่งเห็นว่าหลิงเสียงกังแต่งงานใหม่แล้ว และนางเฝิงภรรยาใหม่ก็ตั้งครรภ์สองเดือนแล้ว จิตใจของนางก็จมดิ่งลงนางมิแน่ใจว่าตนควรจะดีใจหรือกังวลดีตอนนั้นที่หลิงเสียงเซิงแต่งงานหวางซือเข้ามา หลานฮุ่ยจวนแม่ของหลิงอวี๋ก็ถูกหวางซือทำให้ตายไปอย่างช้า ๆหลิงเสียงเซิงโปรดปรานหวางซือมากกว่าหลานฮุ่ยจวน สิ่งเหล่านี้นางซุนได้เห็นมากับตาหลายปีมานี้นางรู้สึกดีใจมาโดยตลอดว่าสามีของตนเป็นคนเปิดเผยซื่อตรง มิได้หลงใหลในอนุจนละเลยภรรยาดังเช่นหลิงเสียงเซิง ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้หลิงเสียงกังจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยเช่นกันท่านอดีตเสนาบดีมิยี่หร่ะ เขารู้ว่าพบหลิงเสียงกังก็พอใจแล้ว ไหนเลยจะสนใจว่าหลิงเสียงกังมีภรรยาอีกคนหรือไม่ตั้งแต่กลับมาหลิงเสียงเซิงก็มิได้มีโอกาสไปพบหลิงอวี๋เพื่อร้องขอหน้าที่การงาน ในใจจึงเต็มไปด้วยความโกรธที่มีต่อท่านอดีตเสนาบดีตอนนี้เมื่อได้ยินว่าหลิงเสียงกังยังมีชีวิตอยู่ หลิงเสียงเซิงก็รู้สึกมิสบายใจนักหากหลิงเสียงกังตายอยู่ด้านนอก หลังจาก
“กู่ซุ่ย ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีต่อข้า แต่ข้าก็เป็นเช่นนี้ มิต้องการพึ่งการแต่งหน้าทาปากมาดึงดูดเขาหรอก!”นางซุนเอ่ยเสียงเรียบ “วันเวลาผ่านพ้นไปในแต่ละวัน ความงดงามมิใช่สิ่งที่คนอายุเช่นข้าควรจะทำแล้ว!”“เขาสามารถรับความเรียบง่ายเช่นนี้ของข้าได้ เช่นนั้นเขาจึงจะเป็นสามีของข้า!”“หากมิอาจยอมรับได้ ต่อให้ข้าจะแต่งอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์!”กู่ซุ่ยฟังแล้วก็รู้สึกเศร้าใจ แต่คำพูดของนางซุนก็เป็นเหตุเป็นผลเช่นกันแต่กู่ซุ่ยก็ยังมิยอมแพ้ นางยืนกรานจะให้นางซุนทาปากบาง ๆ ทั้งยังเอ่ยแนะนำ “พี่สะใภ้ สิ่งที่ท่านพูดมานั้นมีเหตุผล แต่นั่นเป็นสมัยก่อน!”“ตอนนี้กับเมื่อก่อนต่างกัน หากท่านอยากตามสามีของท่านกลับมาก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง!”“ท่านดูเถิด เมื่อทาปากไปเช่นนี้ มิได้เห็นชัดเจนนักแต่ทำให้ท่านดูดีขึ้นมาทันที!”“พี่สะใภ้ ตัวเราเองยังมองว่าสวยเลยใช่หรือไม่? ดังนั้นท่านก็ถือเสียว่ามิใช่การทำเพื่อเขาแต่ทำเพื่อตัวท่านเอง! เราเอาจแพ้คนอื่นได้ แต่เรามิอาจสูญเสียจิตวิญญาณได้!”กู่ซุ่ยเอ่ยให้กำลังใจ “แต่งตัวงดงาม ผู้อื่นมองแล้วสบายตา ตนมองเองก็อารมณ์ดี!”นางซุนมองตนเองในกระจก ดูดีจริง ๆ จากนั้นก็มองกู่
แต่จนสุดท้ายหลิงหว่านก็มิได้โวยวายออกไป เพราะท่านแม่ห้ามปรามไว้แต่เรื่องราวเหล่านี้ นางรับใช้ที่กลับไปรายงานหลิงอวี๋ได้แจกแจงรายละเอียดให้หลิงอวี๋ฟังอย่างละเอียดหลังจากที่หลิงอวี๋ซักถามแล้วหลิงอวี๋ฟังเรื่องเหล่านั้นแล้วก็รู้สึกหนักอึ้งหากหลิงเสียงกังไม่มีวันนึกเรื่องในอดีตได้ เช่นนั้นป้าสะใภ้ใหญ่กับหลิงหว่านก็จะต้องได้รับความคับข้องใจเช่นนี้นี่มันมิยุติธรรมกับป้าสะใภ้ใหญ่!ก้อนเลือดที่อยู่ในสมองของหลิงเสียงกังควรต้องหาเวลาช่วยเอาออกมาให้เขา หลิงอวี๋ตัดสินใจว่า วันหลังจะออกจากวังไปเกลี้ยกล่อมหลิงเสียงกังให้ตกลงผ่าตัดเมื่อคิดแล้วก็ทำเลย วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋จึงจัดการเรื่องในวังให้เรียบร้อย และจะพาหลิงซวนกับสุ่ยหลิงออกจากวังไปด้วยกันแต่เพิ่งจะไปได้เพียงครึ่งทางก็มีนางกำนัลของไท่เฟยเส้าคนหนึ่งมาตาม“ฮองเฮาเพคะ ไท่เฟยเส้าของพวกเราอยากเชิญท่านไปพูดคุยเพคะ!”นางกำนัลเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาหลิงอวี๋ขมวดคิ้วหลิงซวนจึงเอ่ยอย่างมิเกรงใจ “ไท่เฟยเส้าอยากจะเชิญฮองเฮาไปพูดคุยก็ควรจะส่งคนมาแจ้งก่อนเสียหน่อย ตอนนี้ฮองเฮาของเรามีธุระจะต้องออกไปทำ รอกลับมาแล้วค่อยว่ากันเถิด!”นางกำนัลคุกเข่า
หากไม่มีเรื่องอันใดหลิงซวนไม่มีทางส่งสัญญาณให้ตนเช่นนี้แน่!หลิงอวี๋ใจเต้นรัว ตอนนี้นางยังมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนมีทัศนคติอย่างไรต่อการคัดเลือกสนมนางโกรธเคืองขึ้นมาทันที บางทีอาจจะตกหลุมพรางของไท่เฟยเส้าเข้าแล้วนางจึงมิได้พูดอะไรไท่เฟยเส้าคิดว่าหลิงอวี๋มิเต็มใจจึงตำหนิในทันที “ฮองเฮาคงมิได้มิเต็มใจคัดเลือกสนมให้องค์จักรพรรดิหรอกกระมัง?”“ฮองเฮา เป็นสตรีจะหึงหวงมิได้ ในฐานะมารดาของแคว้น ท่านจะต้องใจกว้าง!”“องค์จักรพรรดิมีสนมมากมายเป็นเรื่องปกติ คงมิอาจเฝ้ารอท่านอยู่เพียงผู้เดียวได้กระมัง!”“จริงสิ พูดถึงเรื่องนี้ กุ้ยเหรินทั้งสองนั้นล้วนมิเคยได้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิ! ข้าได้ยินมาว่า ที่ตำหนักอ๋องอี้นั่นเป็นเพราะท่านหึงหวงจึงมิยอมให้พวกนางเข้าใกล้องค์จักรพรรดิ!”“ฮองเฮา แม้ว่าตอนนี้ท่านจะเป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ ทว่าหากยังเอาแต่ใจเช่นนี้ ทางราชสำนักฝ่ายในก็มีอำนาจที่จะปลดท่านออกนะ!”หลิงอวี๋เห็นว่ายิ่งพูดไท่เฟยเส้าก็ยิ่งพูดลื่นขึ้น นางก็ฟังต่อมิไหวแล้วไท่เฟยเส้าผู้นี้ อยู่ในวังมิอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ทั้งยังส่งเก๋อเทียนซือมาลอบสังหารตนอีก!ตอนนี้ก็ยังมายุ่งวุ่นวายกับตน นางคิดว
กระทั่งออกจากตำหนักโซ่วอัน หลิงซวนก็เล่าเรื่องที่เซียวหลินเทียนค้านข้อเสนอในการคัดเลือกสนมในราชสำนักให้หลิงอวี๋ฟังหลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าตนเกือบจะเข้าใจเซียวหลินเทียนผิดไปแล้วแต่หลิงอวี๋ก็มิได้สบายใจเพราะเรื่องนี้ เรื่องเช่นนี้มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองเซียวหลินเทียนจะปฏิเสธไปได้อีกนานเท่าใดกันเชียว!“ผู้ใดไปนินทาเรื่องเกี่ยวกับกุ้ยเหรินทั้งสองต่อหน้าไท่เฟยเส้า?”หลิงอวี๋เอ่ยปากถามออกไปอู๋จื่อผิงกับสวีเนี่ยนจือคือคนที่ฮองเฮาเว่ยประทานให้เซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้ ครานี้เมื่อเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิ ทั้งสองจึงได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหรินและพาเข้าวังมาด้วยเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ล้วนใช้สองคนนี้เป็นเกราะป้องกันแต่ตอนนี้เซียวหลินเทียนมีสตรีอยู่เพียงมิกี่คน หากตนมิได้ปรนนิบัติ กุ้ยเหรินทั้งสองมิได้ปรนนิบัติ เมื่อเวลาล่วงเลยยาวนานไปจะทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้และที่ร้ายแรงก็อาจจะถึงกับสงสัยว่า เซียวหลินเทียนไร้สมรรถภาพทางเพศหรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากต่อการเป็นจักรพรรดิของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ในฐานะฮองเฮามิอาจมิใส่ใจในเรื่องนี้ได้“มิรู้ว่าเป็นผู้ใ
หลิงอวี๋มิได้มีความรู้สึกลึกซึ้งถึงความเป็นพ่อลูกกับหลิงเสียงเซิง ทุกคราที่พบหลิงเสียงเซิงก็จะนึกถึงภาพน่าสลดที่หลานฮุ่ยจวนถูกขังและแท้งลูก จึงให้ความเคารพต่อเขามิได้จริง ๆ“ท่านพ่อ ท่านออกไปก่อนเถิด ข้ามีธุระจะหารือกับท่านอดีตเสนาบดีจริง ๆ!”หลิงอวี๋พูดยังมิทันขาดคำ หลิงเสียงกังกับเฝิงฉินก็มาทั้งคู่หลิงหว่านเห็นหลิงเสียงกังประคองเฝิงฉินมาอย่างระมัดระวังก็แอบกลอกตาใส่ ทำอ่อนแอให้ใครดูกัน!“ฮองเฮา!”เฝิงฉินลากหลิงเสียงกังให้คุกเข่าลงคำนับหลิงอวี๋ตามหลักแล้วหลิงอวี๋จะมิรับการคำนับของคนในครอบครัวแต่ภาพที่เฝิงฉินทำตัวอ่อนแอให้หลิงเสียงกังประคองเมื่อครู่ก็อยู่ในสายตาของหลิงอวี๋เช่นกัน นางจึงรับการคำนับของทั้งสองคนอย่างสงบแล้วให้ทั้งสองลุกขึ้นหลิงเสียงเซิงเห็นว่าพวกหลิงเสียงกังมาแล้วก็รีรอมิยอมไปนางกังวลว่าหลิงอวี๋จะเลื่อนตำแหน่งให้หลิงเสียงกังอย่างเงียบ ๆ จึงอยู่ดูก่อนหลิงอวี๋เห็นท่าทางของเฝิงฉินมิน่าจะออกไป จึงพูดถึงเรื่องที่หลิงเสียงกังมีก้อนเลือดอยู่ในสมองและบอกวิธีการรักษาของตนให้ท่านอดีตเสนาบดีและนางซุนฟังเสียเลยทันทีที่นางซุนได้ยินก็ตกใจมาก ผ่าหัวเพื่อเอาก้อนเลือดออก
ยามนี้หลิงอวี๋มิอยากไว้หน้าผู้อาวุโสเช่นหลิงเสียงกังแล้ว นางรู้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม แม้ว่าจะได้รับความอยุติธรรมก็ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้แต่เรื่องอะไรเล่า?ป้าสะใภ้ใหญ่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกให้หลิงเสียงกัง เมื่อหลิงเสียงกังออกไปรบก็ดูแลพ่อแม่แทนเขาสิ่งที่ผ่านไปในแต่ละวันนี้มิลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เฝิงฉินมีบุญคุณต่อหลิงเสียงกังหรือ?“หลิงเสียงกัง ดูสตรีที่อยู่ตรงหน้าท่านผู้นี้ เมื่ออายุสิบห้าถึงวัยปักปิ่นก็แต่งงานเข้ามาในจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเป็นภรรยาของท่าน เลี้ยงดูลูกแทนท่าน ดูแลพ่อแม่แทนท่าน!“ท่านได้รับบาดเจ็บกลับมาก็เป็นนางที่ดูแลท่าน! ยามท่านป่วยก็เป็นนางก็คอยดูแลอยู่ข้างเตียงท่าน!”หลิงอวี๋ตำหนิ “ท่านดูเถิดว่าตอนนี้นางอายุเท่าใดแล้ว?”“นางแต่งงานกับท่านมายี่สิบกว่าปี ดูแลท่านมายี่สิบกว่าปี อยู่ข้างกายตลอดทุกวันทุกคืนมาเก้าพันกว่าวัน เทียบมิได้กับเฝิงฉินที่เพิ่งจะดูแลท่านมาหนึ่งปีครึ่งมิกี่ร้อยวันเลยหรือ?”“การที่ท่านลืมนางมิใช่ข้ออ้างที่ท่านจะทรยศนาง! และมิใช่เหตุผลที่ท่านจะทำลายความดีที่นางมีต่อท่านได้ตามใจ!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ตอนที่ท่านนอนอยู่ข้า
“ฮองเฮาของเราจะออกจากวังสักครั้งมิได้ง่ายดาย เช่นนี้แล้วยังถูกคนทำให้ลำบากใจอีก!”หลิงซวนมองหลิงเสียงกังอย่างเย็นชา พลางเอ่ยอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหลิงอวี๋“ฮองเฮาทรงเห็นแก่ท่านอดีตเสนาบดี ฮูหยินใหญ่และคุณหนูหลิงหว่านจึงได้ออกจากวังมาแม้จะถูกคนขู่ที่จะกล่าวโทษ!ท่านอดีตเสนาบดีกับนางซุนย่อมรู้ว่า ในฐานะฮองเฮาการออกจากวังนั้นยากเย็นนัก เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อหลิงเสียงกังเช่นนี้ แต่หลิงเสียงกังกลับมิรับน้ำใจท่านอดีตเสนาบดีก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน พลางเอ่ยเสียงเรียบ “หลิงเสียงกัง จะสิ่งดีหรือมิดีฮองเฮาก็ล้วนบอกเจ้าไปหมดแล้ว พ่อจะมิพูดสิ่งใดแล้ว!”“ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าตัดสินใจเอง!”“หากเจ้ามิอยากให้ฮองเฮาทำการผ่าตัด เจ้าก็พาสตรีผู้นี้ออกจากจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนไป ข้าจะถือว่าเจ้าตายอยู่ด้านนอกนั้นแล้ว จะได้มิต้องกลายเป็นหัวหงอกต้องส่งหัวดำให้จากไปก่อน!”“ท่านอดีตเสนาบดี นี่ไม่...”นางซุนร้อนใจ เพราะว่าเป็นสามีภรรยากันมาตั้งแต่อายุยังน้อย นางจะทนมองหลิงเสียงกังตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร!นางจึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง!”นางซุนเดินไปตรงหน้าของหลิงเสีย
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี