นางเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ถูกชินอ๋องจอมโหดเหี้ยมและปากร้ายรับเป็นอนุภรรยา เขาทั้งเอาใจสตรีไม่เป็นและยังมักมากในกามเสียจนนางระอาใจ ในเมื่อหนีเขาไม่พ้น นางคงต้องตกเป็นของเขาจนได้สินะ จ้าวฝูหมิง ชินอ๋องจอมโหดแห่งเมืองหลวงเสียนหยาง เขาเป็นแม่ทัพปีศาจที่โหดเหี้ยมและโฉดที่สุด เขานำทัพไปปราบเหล่ากบฏที่คิดต่อต้านเมืองเสียนหยาง จนได้พบกับ ไป๋มู่หลัน หญิงสาวชาวบ้านจิตใจงาม จ้าวฝูหมิงพานางกลับไปที่จวนอ๋องด้วยกัน แต่ทว่าสตรีน้อยนางนี้ช่างบอบบางเสียจนเขาหงุดหงิด ซ้ำยังไม่ประสาเรื่องอย่างว่าเขาจึงรู้สึกรำคาญนางยิ่งนัก ไป๋มู่หลันหวาดกลัวจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน แต่นางก็จำต้องปรนนิบัติเขาทุกวันอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางเป็นเพียงสตรีชาวบ้าน สิ่งเดียวที่นางพอจะทำได้คือการทำอาหารที่นางชื่นชอบ เขาชอบแทะโลมนาง นางจะทำเช่นไรดีเล่า!!!
View Moreเสียงสายฝนโหมกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ไป๋มู่หลัน สาวน้อยวัยเพียงสิบเจ็ดปีสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีหวาดผวา นางหันซ้ายแลขวามองฝ่าความมืดในห้องนอนก่อนจะรีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา เพื่อช่วยให้คลายความหนาวเย็นลงไปได้บ้าง
ไป๋มู่ชิงเป็นนักเรียน ม. ปลายของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง แต่ทว่าเธอกลับโชคร้ายถูกรถชนตาย วิญญาณจึงมาเกิดใหม่ในร่างไป๋มู่หลันสาวน้อยชนบทผู้มีจิตใจงดงามเมื่อสองปีก่อน
ที่นี่คือแคว้นฉีตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวงเสียนหยาง ยามนี้ไฟสงครามกำลังปะทุ ด้วยเพราะฉีอ๋องคิดก่อการกบฏหวังขึ้นเป็นฮ่องเต้ บ้านเมืองจึงลุกเป็นไฟไร้ซึ่งความสงบ เหล่าชาวบ้านต่างใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดผวา หวั่นเกรงการถูกเข่นฆ่าด้วยน้ำมือของทหารเสียนหยาง
ครอบครัวของไป๋มู่หลันเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ที่กลางตลาด ไป๋มู่หลันชื่นชอบการทำอาหารเป็นอย่างมาก ฝีมือของนางยอดเยี่ยมจนผู้คนต่างแวะเวียนมาลองลิ้มชิมรสไม่ขาดสาย เพราะนางมาจากโลกอนาคตจึงนำอาหารจากปัจจุบันและอดีตมาดัดแปลงรวมกันได้อย่างน่าทึ่ง
ไป๋มู่หลันอาศัยอยู่กับบิดาเพียงสองคนมารดาของนางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วด้วยโรคประจำตัว ครอบครัวของนางมีฐานะยากจน เวลาสองปีไป๋มู่หลันต้องปรับตัวให้กลมกลืนกับคนที่นี่ มันช่างยากเย็นเหลือเกินแต่สุดท้ายนางก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี
"แม่นางไป๋วันนี้ข้าอยากมาลองชิมฝีมือของเจ้า"
ไป๋มู่หลันหันไปมองเหล่าลูกค้าที่เรียงรายกันเข้ามา นางออกไปต้อนรับพวกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตร
"วันนี้มีบะหมี่ผักเจ้าค่ะ"
ไป๋มู่หลันเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้านางคิดสูตรนี้ขึ้นมาได้เมื่อหลายวันก่อน นางนำบะหมี่ไปลวกกับน้ำซุปพะโล้ชั้นดีที่เคี่ยวจนเข้มข้น ส่วนผักก็ต้มในน้ำซุปเนื้อ จากนั้นนำเนื้อไปผัดกับไฟจนหอมกรุ่น นางจัดวางบะหมี่และเนื้อผัดลงในชามอย่างพิถีพิถัน และราดด้วยน้ำซุปที่เคี่ยวด้วยกระดูกไก่อย่างดีราดลงไป กลิ่นหอมยั่วยวนทำให้เหล่าลูกค้าที่มายืนรออดน้ำลายสอไม่ได้
ฮี่!!!
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ไป๋มู่หลันจะได้ขายอาหารที่นางตั้งใจทำเอาไว้เป็นอย่างดี เสียงควบม้าก็ดังสนั่นหวั่นไหวตามมาด้วยเสียงคำรามที่ดุดันชวนขนหัวลุก
"ไสหัวไปให้หมด!!! ชินอ๋องจ้าวฝูหมิงมาถึงแล้ว!!!"
ผู้คนต่างอกสั่นขวัญหายเมื่อได้ยินชื่อนี้ ได้ยินว่าสามวันก่อนกลางดึกคืนที่สายฝนกระหน่ำชินอ๋องผู้นี้บุกเข้าไปสังหารฉีอ๋องอย่างเหี้ยมโหดและยังตัดศีรษะของเขาส่งกลับไปยังเมืองเสียนหยางเพื่อถวายแด่องค์ฮ่องเต้เท่ากับว่ายามนี้แคว้นฉีตกอยู่ในมือของชินอ๋องผู้นี้เสียแล้ว
ไอหยา!!! ครานี้ราษฎรแคว้นฉีคงอยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว
ไป๋มู่หลันเคยได้ยินชื่อเสียงของชินอ๋องผู้นี้อยู่บ้างแต่นางมิค่อยใส่ใจเท่าใดนัก ได้ยินมาว่ากองทัพของชินอ๋องมักชื่นชอบดื่มสุราและเคล้านารี สตรีใดงามต้องใจเขาก็จะต้องบังคับพานางกลับไปยังกองทัพด้วยทุกครั้ง
เมื่อสองปีก่อนนางยังมีอายุเพียงสิบห้าปีบิดากลัวนางจะล้มป่วยเพราะทำงานหนักจึงมิให้ออกจากเรือนแต่ยามนี้นางแข็งแรงดีแล้วจึงได้ออกมาช่วยท่านพ่อขายอาหารที่ร้านได้
ไป๋มู่หลันคร้านจะใส่ใจนางเพียงหลบลี้หนีหายเข้าไปในร้านเพื่อดูน้ำซุปที่เคี่ยวเอาไว้ในครัวที่ด้านหลังร้านแทน
จ้าวฝูหมิงควบม้ามาถึงกลางตลาดด้วยความเร็ว ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างต้องรีบหลีกทางให้แก่เขา กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าร้านของไป๋มู่หลัน ดวงตาเย็นชาจ้องมองไปรอบ ๆ บริเวณ เขาเห็นเหล่าชาวบ้านต่างก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาบางคนถึงกับตัวสั่นเข่าทรุดก็มี
บัดซบ!!! ความหล่อของข้าถึงกับทำให้ชาวบ้านแคว้นฉีหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
จ้าวฝูหมิงกระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปภายในร้านหากทางเดินมีผู้คนยืนขวางเขาก็จะยกเท้าถีบมันให้กระเด็นไปให้พ้นทางเดินของเขาเสีย
ไป๋เฟยบิดาของไป๋มู่หลันรู้สึกหวาดกลัวจ้าวฝูหมิงไม่น้อย ใคร ๆ ต่างก็รู้จักท่านอ๋องผู้โหดเหี้ยมเป็นอย่างดีเขามาที่นี่เพื่อกวาดล้างกบฏ
จ้าวฝูหมิงปรายตามองไป๋เฟยด้วยแววตาที่เฉยชาเห็นเขาเป็นผีหรืออย่างไรกัน ถึงแม้เขาจะได้รับบัญชาจากฝ่าบาทให้มาปราบปรามเหล่ากบฏแต่เขาก็แยกแยะถูกผิดได้เหล่าชาวบ้านที่มิรู้เรื่องใดใดเขาก็ไม่ได้คิดจะสังหารทิ้งแม้แต่น้อย
"ร้านเจ้ามีสิ่งใดที่รสชาติดีที่สุดนำออกมาให้ข้ากินเสีย"
"เอ่อ ทูลท่านอ๋อง ร้านของข้าน้อยต่ำต้อยยิ่งนักเกรงว่า..."
"จะเอาออกมาดีดีหรือจะให้ข้าตัดหัวเจ้าทิ้งเสีย!!!"
ไป๋เฟยไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปที่ด้านหลังร้านก่อนจะสั่งให้ไป๋มู่หลันเตรียมชามใบใหญ่เท่าหม้อมาหนึ่งใบ แล้วจึงจัดการนำเส้นและเนื้อใส่ขยำรวม ๆ กันมาอย่างลวก ๆ และเทน้ำซุปลงไปไป๋มู่หลันที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น
"ท่านพ่อ ลูกค้ามาหลายคนหรือเจ้าคะท่านถึงใส่ชามใบใหญ่ถึงเพียงนี้"
ไป๋เฟยไม่เอ่ยสิ่งใดเขารีบยกชามใบนั้นออกมามอบให้จ้าวฝูหมิงทันที
จ้าวฝูหมิงจ้องมองชามใบใหญ่นั้นด้วยสายตาอำมหิตก่อนจะปรายตามองไป๋เฟยอย่างเอาเรื่อง
บัดซบ!!! มันเหมือนชามใส่ข้าวหมายิ่งนักตาแก่นี่คงเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!!!
ไป๋เฟยที่เห็นจ้าวฝูหมิงมองเขาด้วยสายตาอำมหิตก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ จ้าวฝูหมิงลุกขึ้นยืนก่อนจะชักดาบยาวออกมาวางพาดลงไปบนลำคอของไป๋เฟย
"ทะ ท่านอ๋อง!!!"
"เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าหรือ!!! ใครจะไปกินหมดชามเท่าฝาหม้อเช่นนี้!!!"
"ขออภัยท่านอ๋อง ฮือออ ข้าน้อยมิบังอาจ!!!"
"หึ!!! เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิด ข้าจะไว้ชีวิต"
"ขอบพระทัยท่านอ๋อง"
"ข้าจะไปเติมเนื้อเพิ่ม หม้อของเจ้าอยู่ที่ใด?"
"ในครัวขอรับ"
จ้าวฝูหมิงเดินถือชามใบใหญ่เข้าไปด้านหลังครัวอย่างถือวิสาสะ วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ไป๋มู่หลันกำลังจะเดินออกไปที่หน้าร้านพอดี
จ้าวฝูหมิงจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ดวงตากลมโตของนาง เอวบางระหง เรือนร่างอรชร ใบหน้าขาวนวลเนียน นางสวมชุดสีเขียวอ่อนตามแบบฉบับของสตรีชนบททั่วไป เส้นผมยาวสลวยถูกรวบตึงขึ้นและปักปิ่นธรรมดาเอาไว้อย่างลวก ๆ สองแก้มแดงระเรื่อเพราะผ่านความร้อนจากหน้าเตาไฟช่างดูงดงามไม่น้อย
จ้าวฝูหมิงเลื่อนสายตาลงไปมองเนินอกขนาดใหญ่ของนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก แม้นางจะสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด แต่ทว่าเขากลับละสายตาไปจากหน้าอกของนางไม่ได้เลย
นี่คือสตรีที่เขาชื่นชอบ ลักษณะเช่นนี้ที่เขาอยากได้มาครอบครอง
ไป๋มู่หลันจ้องมองจ้าวฝูหมิงด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยสิ่งใด จ้าวฝูหมิงก็โยนชามบะหมี่ผักทิ้งลงไปบนพื้นจนหกเลอะเทอะ แล้วจึงสาวเท้าเข้ามาหานาง เขายื่นมือหนาใหญ่มาจับร่างของนางขึ้นไปพาดเอาไว้บนบ่า ก่อนจะพาเดินออกไปด้านนอก ไป๋มู่หลันกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว ไป๋เฟยที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปขวางทางเขาเอาไว้
"ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตบุตรสาวของข้าน้อยด้วยเถิดขอรับ!!!"
"นางเป็นบุตรสาวของเจ้าหรือ?'
"ขอรับ"
"ข้าจะรับนางเป็นอนุ แต่ยามนี้ข้าขอพานางไปขึ้นสวรรค์เสียก่อน แล้วจะส่งนางกลับไปที่เรือนเจ้า"
ไป๋เฟยทำได้เพียงยืนอ้าปากค้าง มองดูจ้าวฝูหมิงแบกไป๋มู่หลันไปต่อหน้าต่อตา
สาวน้อยวัยเพียงสิบเจ็ดปี ถูกพากลับมาที่กระโจมของจ้าวฝูหมิงอย่างรวดเร็ว จ้าวฝูหมิงโยนนางลงไปบนเตียงอย่างไร้ความปรานี ไป๋มู่หลันรู้สึกปวดสะโพกเป็นอย่างมาก คนเลว!!! เขาโยนนางลงมาเช่นนี้ได้อย่างไรกันป่าเถื่อนที่สุดเลย!!!
เมื่อเห็นนางทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
บัดซบ!!! ยังไม่ได้เสียบนางก็เจ็บแล้วหรือ?
จ้าวฝูหมิงจัดการถอดเสื้อผ้าของตนโยนทิ้งลงไปกับพื้นแล้วจึงก้าวเข้ามาหาไป๋มู่หลันอย่างไม่รอช้า ไป๋มู่หลันที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว!!!
อ๊าส์!!! แท่งนั่นมัน
ไป๋มู่หลันมิเคยเห็นของบุรุษมาก่อน นางจึงเป็นลมล้มพับไปกับเตียงทันที จ้าวฝูหมิงที่เห็นเช่นนั้นก็ชะงักค้างอยู่กับที่
บัดซบ!!! ข้าแข็งเต็มที่แล้วแต่เจ้ากลับสลบไปเช่นนี้หรือ!!!
"นี่เจ้า!!!"
ไร้เสียงตอบรับจากไป๋มู่หลัน นางยังคงนอนสลบเป็นลมไม่ได้สติ จ้าวฝูหมิงยื่นมือไปเขย่าที่ไหล่นางหลายต่อหลายคราจนเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว
บังอาจนัก!!! สตรีทั่วแคว้นต่างหมายปองจะตกเป็นของเขาแต่นางกลับเล่นตัวเช่นนี้!!!
จ้าวฝูหมิงก้มหน้าลงไปจ้องมองลำแท่งเอ็นร้อนของตนเองก่อนจะโยกเอวส่ายมันให้ขยับโตงเตงไปทางซ้ายทีทางขวาที พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากด้วยความภาคภูมิใจ
ใหญ่ขนาดนี้มีสิ่งใดให้เจ้าต้องกลัวกันเล่าแม่สาวน้อย!!!"
เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหานางพลางสำรวจจ้องมองนางอย่างไม่ลดละ เมื่อตอนอายุสิบแปดปีเขาเคยหลับนอนกับนางบำเรอที่เสด็จแม่ทรงมอบให้ เขาใช้ชีวิตสำราญมาจนอายุยี่สิบห้าปี เหล่านางบำเรอในจวนของเขามีมากมาย แต่เขาไม่เคยผูกพันรักใคร่และอยากแต่งสตรีใดเลย เขาเพียงหลับนอนกับพวกนางเพียงครั้งเดียวก็มิคิดแตะต้องพวกนางอีก
เหล่าสตรีน่ารำคาญ เขาเพียงต้องการระบายอารมณ์เพียงเท่านั้น!!! เขาก็เป็นคนเช่นนี้ มิชอบให้คนมาก้าวก่ายชีวิตเขา แล้วใครจะทำไม!!!
ว่าแล้วก็จ้องมองไป๋มู่หลันต่อ แม้จะอยากจับนางกินเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็มิใช่บุรุษใจทรามคิดข่มเหงสตรีที่มิยินยอมเช่นนี้!!!
น่าเบื่อ!!!
เขาเดินออกมาจากกระโจมก่อนจะกระโดดถีบทหารองครักษ์ผู้นั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น
"ท่านอ๋อง ถีบบ่าวด้วยเหตุใดขอรับ!!!"
"อยากถีบ!!! เจ้ามีปัญหาหรือ?"
ทหารองครักษ์ผู้โชคร้ายทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม ทว่าจ้าวฝูหมิงกลับร้อนรุ่มจนเกินจะทน เขาจึงเดินตรงไปที่แม่น้ำด้านหลังกองทัพ แล้วกระโดดลงไปทันทีเพื่อคลายความร้อนรุ่ม!!!
บัดซบ!!! ข้าต้องใช้มืออีกแล้ว
ยี่สิบปีต่อมา จ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลัน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และบุตรสาวทั้งหมดสามคน บุตรชายมีใบหน้าหล่อคมเช่นเดียวกับเขา ส่วนบุตรสาวก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายไป๋มู่หลัน อีกทั้งยังมีหน้าอกใหญ่โตเหมือนกับมารดาอีกด้วย บุตรคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่สร้างปัญหาใดใด ยกเว้นเสียแต่ จ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรง ไม่นานมานี้จ้าวจื่อหรงได้ออกไปล่าสัตว์ในป่า ระหว่างทางกลับเขาได้แบกสตรีชาวบ้านนางหนึ่งมาด้วย และบอกว่าจะรับนางเป็นอนุ อีกทั้งยังขับไล่นางบำเรอออกไปจากเรือนจนหมด "จื่อหรง เจ้าไปพานางมาจากที่ใด?"จ้าวฝูหมิงในยามนี้ ใบหน้าของเขาแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและน่าเกรงขามเอาไว้อยู่ ดวงตาคมจ้องมองบุตรชายด้วยความสงสัย จ้าวจื่อหรงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ข้าชอบนาง ข้าว่านางเหมือนท่านแม่มาก ท่านพ่อ ข้าชอบหน้าอกของนาง"จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น บัดซบ!!! มันไปได้นิสัยจากใครมา ป่าเถื่อนยิ่งนัก!อ้อ!!! ลูกข้าย่อมต้องเหมือนข้าสินะ "เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้อง พานางไปส่งบิดามารดานางเสีย""ไม่ขอรับ! ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่ม ๆ ท่านพ
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ด้วยดี ส่วนสาวใช้ของนางที่ถูกจ้าวซือซืออุ้มหนีหายไปนั้น ยามนี้กำลังซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซือซือด้วยความเขินอาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?จ้าวฝูหมิงแต่งตั้งหลัวเฉิงลู่เป็นผู้ว่าการมนฑล และดูแลความเรียบร้อยของแคว้นหมิง รวมถึงมีศาลาว่าการ ศาลาร้องเรียน มีหอนางโลม โรงน้ำชา และสถานศึกษา โรงฝึกทหาร ทุกอย่างเหมือนเสียนหยางทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเสียนหยางแห่งที่สอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ก็เท่านั้น เขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีภรรยามีบุตร ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดตายตัว เขาชอบชีวิตอิสระเช่นนี้ หลายวันก่อนไป๋มู่หลันมาออดอ้อนเขาว่าอยากได้ปลามาว่ายเล่นในสระน้ำสักหลาย ๆ ตัวเขาเองแม้จะไม่ชอบปลาพวกนั้นเท่าใดนัก แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี ขืนมาตอดข้าอีกข้าจะจับพวกมันต้มกินให้หมดเสีย คอยดูเถิด!!!ยามนี้ไป๋มู่หลันกำลังนั่งมองดูปลาในสระพลางแบ่งขนมแป้งในมือให้ฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ลูก ๆ หลับไปหมดแล้ว นางเองก็รู้สึกเมื่อยล้าจึงอยากมานั่งริมสระบัวเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ยามนี้อากาศก็ช่างร้อนอบอ้าวยิ่งนักจ้าวฝูหมิงเห็นชายายอดรักกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้แสงจันทร์ ก็รู้สึกว่
ยามนี้จวนอ๋องกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเตรียมตัวย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แคว้นฉี จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องจัดเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ เพื่อมิให้ภรรยาและลูก ๆ ลำบากมากนัก ในการเดินทางไกลเช่นนี้ จ้าวซือซือกำลังนั่งเล่นกับจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอย่างสนุกสนาน วันนี้จ้าวฝูหมิงเรียกนางมาเพราะต้องการแบ่งสินเดิมของเสด็จแม่ให้นางเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเขาต้องไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่มีเวลามาดูแลร้านรวงเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อนอีก "อะนี่ ข้าให้เจ้า""หมดนี่เลยหรือ?""ใช่ ร้านค้าในตรอกหลายสิบร้านข้ายกให้เจ้าทั้งหมด พร้อมโฉนดที่ดินอีกหลายหมู่ที่นอกเมือง และข้าหานางบำเรอสวย ๆ ให้เจ้าหลายสิบคนแล้ว เจ้ากลับเรือนไปคงได้เจอกับพวกนาง ส่วนร้านรวงที่ใกล้เคียงกับร้านของเจ้า ข้าฝากเจ้าดูแลแทนด้วย""ได้สิ ไม่มีปัญหา เฮ้อ!!! ข้าคิดถึงน้องไป๋ยิ่งนัก นางไปอยู่ไกลเช่นนี้ ข้าจะมองนมใครล่ะ"จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองจ้าวซือซืออย่างเอาเรื่อง "บัดซบ!!! เจ้าแอบมองนมเมียข้าหรือ!!!""นานแล้ว อยากลองจับสักครา""หุบปาก!!! อย่าแม้แต่จะคิด!!!""ก็ได้แค่คิดเองเพคะ พี่รองข้าชอบภรรยาท่านจริง ๆ นะ ข้าหลงรักนาง""แล
ไป๋มู่หลันพักรักษาร่างกายอยู่ในจวนอ๋องโดยมีหมอหลวงจากในวังมาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดี จ้าวฝูหมิงเองหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คุมทหารฝึกฝน เขาก็จะรีบกลับมาหานางกับลูกโดยเร็ว เจ้าก้อนแป้งทั้งสองอ้วนท้วนแข็งแรงสมบูรณ์ดี และยังมีแม่นมมาช่วยดูแลอีกทาง นางจึงเบาแรงลงไปได้เป็นอย่างมาก จ้าวซือซือเองก็มาเยี่ยมเยือนหลาน ๆ ของนางอยู่ทุกวันเวลาล่วงเลยมาจวบจนจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอายุได้หกเดือนเศษ จ้าวฝูหมิงจึงพานางและลูกเข้าวังหลวงไปหาจ้าวฝูหรง โม่ฉือเองก็ตามมาด้วยเพราะมันติดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาก"ใบหน้าเหมือนน้องรองยิ่งนัก""หึ ลูกข้าก็ต้องหน้าเหมือนข้าสิ ถามไม่เข้าท่า""เอาเถิด พี่ไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"จ้าวฝูหรงไม่อยากถือสาหาความกับน้องรองผู้นี้ เพราะรู้ว่าเถียงไปอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ "ฝ่าบาทเพคะ ทรงเสวยชาร้อนก่อนเถิดเพคะ"ไป๋มู่หลันหันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนในมือ นางแต่งตัวไม่เหมือนกับนางกำนัลหรือสตรีชาวเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองไป๋มู่หลันคราหนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำชาให้จ้าวฝูหรงต่อ ด้านจ้าวฝูหมิงเองก็ปร
ผ่านไปหลายวันกว่าที่เสียนหยางจะเก็บกวาดซากศพของเหล่าทหารที่ล้มตายออกไปจากเมืองหลวงจนหมด ทหารเสียนหยางที่ล้มตายถูกฝังอย่างดี ส่วนทหารแคว้นจ้าวและเผ่าตงหูถูกนำไปโยนเป็นอาหารสัตว์ในป่าเสีย จ้าวฝูหรงได้กลับมาเป็นฮ่องเต้อีกครา แม้จะมีสนมมากมายในวังหลวง แต่เขาก็ไม่คิดแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องได้รับรางวัลพระราชทานมากมายที่เข้าร่วมช่วยเหลือทำศึกในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้เหล่าทหารที่ร่วมรบอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ เหล่าราษฎรต่างกลับมาใช้ชีวิตกันเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง จวนตระกูลเสี่ยวถูกปิดร้างเอาไว้ พร้อมกับหลุมศพของเสี่ยวลู่หานที่ถูกฝังเอาไว้ในนั้น ผู้คนต่างไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้เพราะถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม จ้าวฝูหรงได้พระราชทานแคว้นจ้าวให้จ้าวฝูหมิงเพิ่มอีกหนึ่งแคว้น ด้วยเพราะน้องรองของเขาต่อสู้ร่วมรบอย่างสุดกำลัง สร้างความดีความชอบเป็นอย่างมาก ส่วนจ้าวซือซือนั้นเขาพระราชทานตำหนักใหม่ให้นางที่นอกวังหลวง และยังส่งนางบำเรอไปให้นางเพิ่มอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันน้องหญิงของเขาจะมาลวนลามนางสนมในวังอีก แต่ถึ
เสี่ยวลู่หานพาไป๋มู่หลันมุ่งหน้ามายังด้านหลังประตูวัง แต่กลับพบกับเหล่าทหารของจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยที่เดินขวักไขว่เต็มไปหมด พวกมันช่างใจหยาบช้ายิ่งนัก เข่นฆ่าเด็กและคนแก่ชรา อีกทั้งยังฉุดคร่าสตรีเสียนหยางอย่างไร้ซึ่งความปรานี "คุณชายขอรับ คุณหนูเสี่ยวหนิงปลิดชีพตนเองแล้ว ส่วนท่านเสี่ยวหลานถูกข่านมู่เจี่ยจับตัวไว้ขอรับ"เสี่ยวลู่หานหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่เขาส่งไปสืบข่าว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยามนี้ผ่านมาหลายสิบวันแล้วที่เสียนหยางถูกกุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และปกครองโดยจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยท่านพ่อถูกจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยหักหลังเสียแล้ว ท่านพ่อประมาทเกินไป ไว้ใจสองคนนั้นมากเกินไป 'เขา' ที่ท่านพ่อส่งจดหมายติดต่อมาตลอดก็คือจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย ท่านพ่อตกลงก่อสงครามร่วมกันกับคนเหล่านั้น เดิมทีท่านพ่อคิดจะตลบหลังสองคนนั้นอีกที แต่คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยจะยกทัพมามากมายเช่นนี้ ตระกูลเสี่ยวจบสิ้นแล้ว!!!ไป๋มู่หลันที่เห็นเขามีใบหน้าเศร้าใจเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ เสี่ยวลู่หานที่ได้เห็นแววตาเห็นใจจากนางก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง นางคงยังมิรู้ว่าเขาคือ
เสียงเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าจวน และเข่นฆ่าคนในจวนอ๋องจนหมดสิ้น ภาพของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายอยู่ตรงหน้า ทำให้นางตื่นตระหนกจนมือสั่น นางกอดโม่ฉือเอาไว้แนบอกด้วยความหวาดกลัว "พระชายา!!! ทรงหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!"พ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และนำทางนางหนีออกทางประตูด้านหลังจวนอ๋อง เสียงดาบยังคงดังเป็นระยะปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของเหล่าสาวใช้ที่ถูกเข่นฆ่าฉึบ!!!"กรี๊ดดดดด!!!"พ่อบ้านเฉินถูกธนูยิงที่ด้านหลังจนบาดเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋มู่หลันที่ตกใจเป็นอย่างมาก นางจึงชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับกายเคลื่อนไหวอีก เสียงธนูลอยมาตามสายลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ไป๋มู่หลันกับหนิงชุ่ยกอดกันแน่น คิดเพียงว่าคงมิรอดเป็นแน่แท้เคร้ง!!!เสียงดาบกระทบกับลูกธนูทำให้สติของไป๋มู่หลันกลับคืนมาทันที "คุณชาย!!!""มาหลบอยู่ข้างหลังข้าเร็วเข้า!!!"เสี่ยวลู่หานรีบเข้ามาต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่ท่านพ่อของเขาส่งมาทันที เขาได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ว่าจะส่งคนมาฆ่านาง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยิ่งเห็นนางตั้งครรภ์เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดในใจ เขาอำมหิ
ย่างเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) ในวังหลวงก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา เหล่าราษฎรทั่วทั้งเมืองเสียนหยางต่างสวมชุดสีขาวเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลันเองก็ไว้ทุกข์ให้แก่พระมารดาเป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน ยามนี้ท้องของนางเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น จ้าวฝูหมิงเองก็คอยดูแลเอาใจใส่นางอย่างไม่ให้คลาดสายตาบ่ายวันนั้นมีราชโองการด่วนจากจ้าวฝูหรง ให้จ้าวฝูหมิงเดินทางไปชายแดนทางเหนืออย่างเร่งด่วน เพราะหลัวเฉิงลู่ส่งข่าวด่วนมาแจ้งทางวังหลวงว่า ยามนี้จ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย นำทัพทหารหลายแสนนาย เข่นฆ่าเหล่าทหารที่ชายแดนจนตกตายไปหลายหมื่นนายแล้ว เหล่าชาวบ้านต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สงครามนี้กินพื้นที่ไปถึงสามแคว้น ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อเสียนหยางร่วมสู้รบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งสามจากจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยอย่างสุดกำลัง ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บิดาของนางในยามนี้จะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่? ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวล อีกใจหนึ่งก็ห่วงจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน ได้ยินมาว่าสงครามครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าหลายครั้
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารพ่อบ้านเฉินจับใจ นางจึงหันไปเอ่ยปากบอกกับจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ไม่ใช่ความผิดพ่อบ้านเฉินหรอกเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันมิค่อยอยากอาหาร จึงทำให้กินอะไรก็รู้สึกไร้รสชาติ อย่าโบยพ่อบ้านเฉินเลยเพคะ"พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจรู้สึกเคารพพระชายาผู้นี้ขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายส่วน จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเสด็จแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทรงตั้งครรภ์ เสด็จพ่อทรงตามใจเสด็จแม่ทุกอย่าง เช่นนั้นเขาต้องตามใจนางถึงจะถูกสินะ พ่อบ้านเฉินที่เห็นว่าท่านอ๋องทรงอารมณ์ดีแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้พระชายาพักที่เรือนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ""ถามโง่ ๆ มาพักกับข้าสิ! สั่งคนไปย้ายของของพระชายามา""เอ่อ... แล้วทรงต้องเข้าวังไปถวาย...""ไม่เข้า!!! ที่นี่จวนข้า เมียข้าไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้น รอข้าอารมณ์ดีข้าจะพานางเข้าวังเอง!"พ่อบ้านเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบสั่งคนไปจัดการตามรับสั่งให้เรียบร้อย จ้าวฝูหมิงหันมามองไป๋มู่หลันที่กำลังนั่งแกะส้มผลโตเข้าปากด้วยความเอร
Comments