จ้าวหรุ่ยหรุ่ยขโมยตำราลับนี้มาจากศิษย์พี่ของตนศิษย์พี่ผู้นี้ชื่อเฉียวเค่อ อายุพอ ๆ กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หน้าตาหล่อเหลา เพียงแต่เจ้าชู้เกินไปเขาชื่นชมจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยดูถูกเขากอปรกับที่เขาไร้พรสวรรค์ทางด้านปัญญา แม้ว่าเขาจะเข้าสำนักเร็วกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่การบำเพ็ญของเขาก็มิสูงเท่ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่เฉียวเค่อมีเงินและมีสหายที่มิดีมากหลายนักปกติแล้วเมื่อได้รับของดี ๆ ก็เอามาประจบจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเคยรับอะไรไว้เลยสิ่งเดียวที่ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสนใจได้ก็คือตำราลับเล่มนี้แต่เฉียวเค่อกลับมิได้มอบมันให้กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหมือนกับของเล็กน้อยเหล่านั้นที่ได้รับมา แต่หลังจากที่ได้รับมาก็ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ต่อหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แล้วก็ซ่อนมันไว้เขาบอกว่าตำราลับนี้มิเหมาะกับการฝึกของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย มันค่อนข้างเป็นวิชาที่มิดียิ่งเขามิให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยิ่งสนใจลงเขาครั้งนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงถือโอกาสที่เฉียวเค่อมิอยู่ขโมยตำราลับมาตำราลับนี้เป็นวิชานอกรีตดังที่เฉียวเค่อบอกไว้จริง ๆ มิเพียงแต่จะมีวิชาทางเพศเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการฝึกฝนร่วมก
แม่นมอูหัวเราะหึ ๆ “ใต้หล้านี้ของยิ่งวิเศษก็ยิ่งหายาก! ยิ่งมิเข้าใจก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสูงส่งของมัน!”“โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถือครองสมบัตินี้เป็นคนแรกสุด สถานะอันสูงส่งของเขายิ่งเพิ่มคุณค่าอันสูงส่งและหายากให้กับมัน!”แม่นมอูมองหลิงอวี๋อย่างเยาะเย้ย “ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ถือหยกหล้าสุขาวดีคนแรกสุดคือผู้ใด?”“ผู้ใด?”หลิงอวี๋ขอคำแนะนำอย่างถ่อมตัว“มหาเทพแห่งแดนปีศาจ… หลงจี้! เขาสร้างแดนปีศาจทั้งหมด พลังของเขาอยู่ในระดับเทพ ว่ากันว่าเขาอายุแปดร้อยกว่าปีแล้ว!”“มีตำนานเกี่ยวกับเขามากมายนัก เรื่องพวกนี้เอาไว้คราวหลังบ่าวะค่อย ๆ เล่าให้ท่านฟังเพคะ!”“มาพูดถึงหยกหล้าสุขาวดีกันก่อนเถิด ว่ากันว่ามันเป็นอาวุธเวทของมหาเทพ หลังจากสร้างพันธะกับมันแล้วจะสามารถเรียกพลังแห่งความโกลาหลภายในออกมาใช้เป็นประโยชน์ให้ตนได้!”“พลังแห่งความโกลาหลนี้คือพลังแห่งธรรมชาติ การเรียกลมเรียกฝนเป็นเพียงผลกระทบเล็กน้อยของมันเท่านั้น!”“การทลายภูเขาและโค่นทะเล หรือกระทั่งการพลิกกลับห้วงเวลาต่างหากจึงจะเป็นผลกระทบยิ่งใหญ่ของมัน!”หลิงอวี๋ได้ยินก็ตกตะลึง หยกหล้าสุขาวดีนี้มีพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?“ท่านอย่าได
หลิงอวี๋มองอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของแม่นมอู แล้วก็นึกถึงหลานฮุ่ยจวนเมื่อนั้นหลานฮุ่ยจวนกับอู่จวิ้นหัวหน้าองครักษ์ของนางหนีออกจากแดนปีศาจมา หลานฮุ่ยจวนได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียการฝึกยุทธ์ไปอู่จวิ้นก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แล้วสุดท้ายก็ตาทั้งสองข้างก็สูญเสียการมองเห็นไปอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของแม่นมอูกับอาการบาดเจ็บของหลานฮุ่ยจวนมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่?อาจเป็นเพราะความสงสัยที่เขียนอยู่บนใบหน้าของหลิงอวี๋นั้นทำให้แม่นมอูมองออกแม่นมอูดูเหมือนจะนึกถึงเมื่อยามนั้นเช่นกัน ในดวงตาที่ขุ่นมัวสะท้อนความเกลียดชังอย่างมากออกมา“แม่นมอู ข้าได้ยินมาว่า หลังจากที่ท่านแม่หนีออกมาจากแดนปีศาจก็พบว่าตั้งครรภ์ ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดคือพ่อของข้า?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิใช่คนเดียวกับเจ้าของร่างเดิม และสำหรับนางแล้วบิดาผู้มีพระคุณในการให้กำเนิดตนผู้นี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ทว่าบัดนี้ตนครอบครองร่างนี้อยู่ หากนางมิระลึกถึงบุญคุณของบิดา ก็ต้องระลึกถึงบุญคุณที่หลานฮุ่ยจวนให้กำเนิดมาหลานฮุ่ยจวนถูกคนจากแดนปีศาจตามล่า ยามนี้หลิงอวี๋ครอบครองหยกหล้าสุขาวดีของนางอยู่ หากหลิงอวี๋มิรู้สาเหตุการตายของหลานฮุ่ยจวนให
แต่สิ่งที่แม่นมอูพูดต่อไปทำให้หลิงอวี๋รู้ว่าตนมีมุมมองที่คับแคบไปแล้วเนื่องจากผู้บำเพ็ญตนมากมายในแดนปีศาจมีชีวิตที่ยืนยาวได้ จึงมีความอดทนต่อข้อกำหนดในการแต่งงานมากเช่นนั้นจึงมีบุรุษที่มีภรรยาหลายคนมากจนนับมิถ้วน หลงหมิงอายุสิบห้าปีก็แต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์แล้ว เขาแต่งงานกับคุณหนูจากตระกูลเก๋อที่มีอำนาจอีกตระกูลหนึ่งมาเป็นภรรยาหลวงครั้นเมื่อหลานฮุ่ยจวนกับแม่นมอูตกหลุมรักหลงหมิง หลงหมิงก็มีลูกชายสองคนแล้วแต่สตรีสองคนนี้ก็ยังคงหลงใหลหลงหมิง และกระโจนเข้าใส่เขาราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟแม่นมอูเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เหนือจากตระกูลใหญ่ทั้งห้า ตระกูลอูเป็นตระกูลของนักบวชหญิงในแดนปีศาจเผ่านักบวชหญิงมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งในแดนปีศาจ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้สามารถจัดหาเครื่องยาสมุนไพรของแดนปีศาจที่ผู้บำเพ็ญตนต้องการได้ดังนั้นเผ่านักบวชจึงได้รับความเคารพจากเหล่าตระกูลใหญ่แม่นมอูมีสถานะสูงตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก ครอบครัวใหญ่เห็นนางก็จะต้องคำนับนางด้วยเหตุนี้นางจึงเย่อหยิ่งมาโดยตลอด แต่เมื่อพบหลงหมิงในคราแรกก็ตกหลุมรักเสียแล้วนักบวชหญิงทุกคน
แดนปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพ ในช่วงมิกี่ร้อยปีที่มานี้พวกตระกูลใหญ่ ๆ ในแดนปีศาจยอมจำนนต่อการควบคุมของตระกูลหลง ซึ่งก็เพราะเกรงกลัวมหาเทพที่มีสถานะดั่งเทพเจ้าหากข่าวว่ามหาเทพสวรรคตแล้วแพร่ออกไป เหล่าปีศาจและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นผู้ใดจะยังเชื่อฟังตระกูลหลงอีก!ถึงเวลานั้น ห้าตระกูลใหญ่ในแดนปีศาจล้วนต้องจะตกอยู่ในการต่อสู้ดังนั้น เพื่อปกป้องอำนาจทางราชสำนัก หลงหมิงกับตระกูลเก๋อจึงมิยอมให้หยกหล้าสุขาวดีหลุดออกไปและเปิดโปงการมีอยู่ของมหาเทพต่อให้หลงหมิงจะชอบหลานฮุ่ยจวนมากเพียงใด ก็มิสำคัญสำหรับเขาเท่ากับตระกูลของตน ดังนั้นเขาจึงมีส่วนร่วมในการสกัดกั้นและสังหารหลานฮุ่ยจวนด้วยตนเอง“เมื่อดูจากที่หลานฮุ่ยจวนหนีออกจากแดนปีศาจพร้อมกับหยกหล้าสุขาวดีในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้แล้ว ในแดนปีศาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า หลงหมิงกับตระกูลเก๋อรักษาความลับได้ดี!”แม่นมอูหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “แต่เก๋อเทียนซือถูกท่านโจมตีได้รับบาดเจ็บหนีกลับไป พวกเขาทุกคนจะรู้ว่าหยกหล้าสุขาวดีอยู่ในมือของท่าน!”“หลิงอวี๋ ความสามารถของท่านในตอนนี้หากปะทะกับพวกเขาก็เป็นเช่นไข่กะเทาะกับก้อนหิน ช่างเป
ขันทีโม่เห็นใบหน้าหดหู่ของหลิงอวี๋ก็ยิ้มออกมา “สาวน้อย ข้าหาได้ตั้งใจจะทำให้เจ้ากลัวไม่ อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ!”“ตระกูลเหล่านี้ก็เหมือนกับตระกูลใหญ่ในฉินตะวันตกของพวกเจ้า มิแน่ว่าทุกตระกูลที่จะมีความทะเยอทะยานที่จะครองแผ่นดิน และมิใช่ทุกตระกูลจะเป็นศัตรูของเจ้า!”“อีกอย่าง หยกหล้าสุขาวดีก็เข้ากันได้กับสายเลือดของเจ้า มิใช่ว่าสังหารเจ้าแล้วจะเอาหยกหล้าสุขาวดีไปได้ดังที่เจ้าคิด!”แม่นมอูก็เหลือบมองหลิงอวี๋อย่างดูถูกเช่นกัน “รู้จักเศษพระธาตุหรือไม่?”หลิงอวี๋พยักหน้าโดยมิรู้ตัวว่ากันว่าเศษพระธาตุเป็นการตกผลึกของพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงหลังจากละสังขารโดยการนั่งสมาธิหรือหลังจากการเผาศพแม่นมอูเอ่ยอย่างเย็นชา “ความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีกับเศษพระธาตุก็คือ มันมิได้มาจากการเผาศพของท่าน!”“หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณ จะต้องละลายเลือดเนื้อของท่านด้วยโอสถในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จึงจะได้มา มิเช่นนั้น หยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของท่าน!”“กุญแจสำคัญในการได้รับหยกหล้าสุขาวดีก็คือโอสถ โอสถชนิดนี้จะพบได้ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อีกทั
จ้าวฮุยมองไปทางลู่หนานอย่างเคียดแค้น แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ปากก็ยังคงตะโกนออกไปอย่างเข้มแข็ง“แม่ทัพลู่ ข้าทำให้องค์จักรพรรดิต้องทรงผิดหวังในความไว้วางพระทัยนี้ และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยเหนือ ความเป็นความตายของข้ามิเพียงพอให้เอ่ยถึง แม่ทัพลู่บอกองค์จักรพรรดิเถิดว่าให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมก่อน!”องค์ชายอิงก็ตะโกนไปเช่นกัน “แม่ทัพลู่ ข้าเคารพจักรพรรดิของพวกเจ้าในฐานะบุรุษ ในเมื่อเขาเสนอให้แข่งขัน เช่นนั้นก็มาแข่งขันกัน!”“ยามเที่ยงในวันพรุ่ง เราจะประลองกันต่อหน้ากองทัพทั้งสอง!”“หากข้าแพ้ ข้าจะปล่อยอัครเสนาบดีจ้าวกลับไปตามคำขอของจักรพรรดิพวกเจ้า!”“ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิของพวกเจ้าจะพูดคำไหนคำนั้นเช่นกัน!”องค์ชายอิงไม่มีทางเลือกอื่นจึงยอมรับคำท้าของเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้เขาได้นัดหมายกับองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกให้มาจัดการกับเซียวหลินเทียนด้วยกันแล้ว แต่องค์ชายหนิงถูกเซียวหลินเทียนกับคนของจักรพรรดิเยี่ยนหนานโจมตีจนมิสามารถดูแลตนเองได้ จึงทรยศต่อความภักดีมิมาช่วยเหลือตนแล้วส่วนทางด้านเยวี่ยใต้ได้ยึดครองป้อมยุทธศาสตร์สำคัญไว้ ในช่วงเวลานี้มิสามารถโจมตีไ
ท่าทางออกรบที่น่าเกรงขามของเซียวหลินเทียนสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารฉินตะวันตก ภายใต้การนำของจ้าวซวน พวกเขาต่างก็โห่ร้องและโบกกระบี่ไปพร้อมกัน“องค์จักรพรรดิทรงอำนาจ!”“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”เมื่อทหารจากเว่ยเหนือได้ยินสิ่งนี้ ก็ตะโกนมาอย่างมิแสดงความอ่อนแอ “จักรพรรดิของเราทรงอำนาจ... เว่ยเหนือจะต้องคว้าชัย!”ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็แข่งขันกัน คนหนึ่งตะโกนอีกคนหนึ่งก็ตะโกนให้ดังกว่า“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”“เว่ยเหนือต้องคว้าชัย!”เสียงตะโกนดังเพิ่มขึ้นทีละนิด ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็ตะโกนกันจนหน้าแดงคอเกร็ง แต่ก็ยังคงตะโกนกันต่อไปหลังจากตะโกนกันไปหลายสิบครั้ง สีหน้าขององค์ชายอิงก็เปลี่ยนไปแม้ว่าเสียงทหารฝ่ายตนจะดัง แต่ก็ค่อย ๆ มิสม่ำเสมอเป็นเสียงเดียวกัน ราวกับพวกอันธพาลที่อยู่ตามท้องถนนที่ตะโกนส่งเสียงดังแต่ทางฝั่งฉินตะวันตก เสียงมีความสม่ำเสมอพร้อมเพรียง ในบรรดาปากนับมิถ้วนนั้นราวกับสื่อสารด้วยสมองเดียวกัน มีความพร้อมเพรียงตั้งแต่ต้นจนจบแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเสียงตะโกน แต่ก็สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของทหารได้กองทัพของฉินตะวันตกมีความเข้มงวดในการบัญชาการกองทัพ มีความตั้งใจให้สมบ
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว