คนรับใช้ที่ได้รับคำสั่งให้ไปนำยามา ได้พบกับป้าวเฉิงและลูกชายทั้งสองของเขาระหว่างทาง เมื่อป้าวเฉิงได้ยินว่าหลิงอวี๋ต้องการยาหมาฝู่ส่าน เขาก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีจากนั้นเขาก็รีบพาลูกชายทั้งสองคนวิ่งมาป้าวเฉิงมองไปทางหลิงอวี๋ด้วยสายตาเฉียบคม และยังมิทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก หลิงอวี๋ก็ชิงบอกเขาถึงเรื่องที่ว่าจะแก้ไขให้ท่านผู้เฒ่าป้าวอย่างไรขึ้นมาเสียก่อนและสุดท้ายหลิงอวี๋ก็เอ่ยออกมา “ความเจ็บปวดนี้มิใช่ความเจ็บปวดในแบบที่คนธรรมดาจะทนได้ ดังนั้น ข้าจึงแนะนำให้ท่านผู้เฒ่าป้าวกินยาหมาฝู่ส่านเสียก่อน!”“เมื่อครู่ข้ายังเสนอไปอีกว่า ให้ท่านผู้เฒ่าป้าวหาผู้ช่วยที่มีความสามารถสักสองคน เพื่อมาช่วยข้าแก้ไขในกระบวนการนี้ ในเมื่อท่านมาแล้ว เช่นนั้นก็มิต้องหาใครแล้ว!”ป้าวเฉิงเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่งในคำพูดของหลิงอวี๋ แต่เมื่อนึกถึงตอนที่โรคนี้กำเริบ พ่อของเขาเจ็บปวดมากจริง ๆ ในเมื่อหลิงอวี๋รักษาอยู่ภายใต้การดูแลของตนเช่นนี้แล้ว ก็คงจะมิสามารถวางกลอุบายใด ๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงกระทั่งนำหมาฝู่ส่านมา หลิงอวี๋ก็มิได้ดำเนินการใด ๆ นางให้ป้าวฮุยลูกชายคนเล็กของป้าวเฉิงให้ยาท่านผู้เฒ่าป้าวกินตามปริ
คราวนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้ตามตระกูลเฉียวเข้าไปที่ภูเขาหิมะด้วย นางเคยประสบกับความน่ากลัวของภูเขาหิมะแห่งนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว และนางก็มิอยากจะหาเรื่องใส่ตัวอีกยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตระกูลเฉียวตามหาหลิงอวี๋เจอก็จะต้องพาตัวกลับไป นางก็อ้างว่าตนบาดเจ็บยังมิหาย จึงจะรอพวกเขาลงจากภูเขาอยู่ในเมืองนี้อีกทั้งที่เมืองเล็กแห่งนี้ก็มิได้มีสถานที่ใดที่น่าสนุกด้วย ในตอนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยรู้ว่าเผยอวี้ประจำการอยู่ที่เมืองนี้ นางจึงเล็งเป้าไปที่ตระกูลป้าวตระกูลป้าวมีอำนาจแข็งแกร่ง และสามารถเป็นที่พักพิงชั่วคราวของตนได้ดังนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำความรู้จักกับป้าวซวน ซึ่งเป็นบุตรสาวคนที่สามของป้าวเฉิงบุตรสาวคนโตของป้าวเฉิงสองคนแต่งงานไปแล้ว และในปีนี้ ป้าวซวนผู้นี้ก็อายุสิบเจ็ดปี ว่ากันตามเหตุผลแล้วด้วยอำนาจของตระกูลป้าวผู้ที่จะมาสู่ขอก็น่าจะมีจำนวนมากจนสามารถเข้าแถวได้แล้วแต่เรื่องการแต่งงานของป้าวซวนกลับยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศมาโดยตลอดซึ่งสาเหตุก็คือ ป้าวซวนมีปานแดงขนาดใหญ่ที่แก้มซ้ายของนาง ซึ่งทำให้คนที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกหวาดกลัวแต่ป้าวเฉิงกลับปฏิบัติต่อบุตรสาวของเขาผ
กระทั่งพวกนางมาถึงเรือนเล็กที่หลิงอวี๋ถูกคุมขังอยู่ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็มองเห็นแต่ไกลแล้วว่าที่หน้าประตูมีคนรับใช้อยู่กันหลายคน พวกนางกำลังต่อแถวรอให้หมอชั้นเซียนตรวจรักษาให้อยู่“ซวนซวน พวกเราอย่าเพิ่งเข้าไปเลย รอดูอยู่ข้างนอกก่อนดีกว่าว่านางเป็นหมอชั้นเซียนจริงหรือไม่!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยดึงป้าวซวนเอาไว้ แล้วเสนอออกไปเช่นนั้นป้าวซวนคิดว่าสมเหตุสมผลดี ดังนั้นนางจึงยืนดูอยู่ที่หน้าประตูกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองข้ามหัวของฝูงชนเข้าไปแล้วก็เห็นว่าข้างในนั้นมีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง และสตรีคนหนึ่งก็กำลังนั่งตรวจชีพจรของผู้ป่วยอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นรอยแผลเป็นที่แน่นขนัดอยู่บนใบหน้าด้านข้างนั้นทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีความสุขขึ้นมาทันทีหลิงอวี๋!ฮ่า ๆ ตระกูลเฉียว ตระกูลเก๋อและเซียวหลินเทียนต่างก็วิ่งวุ่นไปจนถึงที่วังเทพเพื่อตามหาหลิงอวี๋ แต่ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋กลับมาอยู่ที่นี่นี่คือของกำนัลที่ดีที่สุดที่สวรรค์ประทานให้ตนเลยทีเดียว!หากไม่มีตระกูลเฉียวและตระกูลเก๋อมาแย่งชิงหลิงอวี๋กับนาง นางก็จะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกจากตัวหลิงอวี๋ได้อย่างราบรื่นในหัวของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกำลังครุ่นคิดอย่างร
หลิงอวี๋มิรู้ตัวว่ามีอันตรายกำลังใกล้เข้ามา นางเอาแต่จ้องมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ย และเมื่อเห็นว่านางเข้ามาใกล้ตน ก็ถอยหลังไปหลายก้าวตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็เอ่ยถามออกไป“คุณหนูจ้าว ท่านบอกข้ามาตามตรงเถิดว่าพวกเราไปถึงที่ภูเขาหิมะนั้นได้อย่างไร?”หลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่หวงฝู่หลินพูดกับตนว่า ตันเถียนของตนถูกคนผนึกเอาไว้หรือว่าคนผู้นั้นจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?ช่วงสองสามวันมานี้หลิงอวี๋เป็นกังวลว่า เด็กในท้องจะเจริญเติบโตได้อย่างราบรื่นหรือไม่ และจะเกิดมาพิการหรือไม่หากพิสูจน์แล้วว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำร้ายลูกของตน นางจะต้องสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอย่างแน่นอน!“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือ? พวกเราเจอพวกค้ามนุษย์ แล้วพวกเขาก็พาเราไปที่ภูเขาหิมะ!”เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าหลิงอวี๋กำลังระแวงตนอยู่ นางก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย หรือว่าหลิงอวี๋จะจำบางเรื่องขึ้นมาได้แล้ว?ตอนนั้นพลังที่ตันเถียนของนางกำลังจะสลายไป นางจึงมิแน่ใจว่าผนึกที่ตนทำไว้กับหลิงอวี๋นั้นตรงทุกตำแหน่งหรือไม่“เจ้าโกหก ภูเขาหิมะมีการป้องกันหนาแน่นนัก อีกทั้งยังมีค่ายกลที่สามารถกักขังผู้คนไว้ได้เป็นจำนวนมาก พวกค้ามนุษย์ไม่มีทางที่จ
แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวที่คฤหาสน์ตระกูลป้าวนั้นก็ทำให้เผยอวี้ที่จับตาดูตระกูลป้าวอยู่ตลอดรู้ข่าวในทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าหลิงอวี๋หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หัวใจของเขาก็เต้นรัว และมิสนใจอะไรแล้ว เขาเรียกตัวผู้ว่าการอำเภอหยางมาทันที แล้วนำกลุ่มคนมุ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลป้าวในขณะที่ป้าวเฉิงกำลังรู้สึกเป็นกังวลเรื่องที่หลิงอวี๋กับบุตรีสุดที่รักของตนหายตัวไป เมื่อได้ยินว่าเผยอวี้นำกำลังทหารมาถึงหน้าประตู เขาก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเขาก็ถือกระบี่หมายจะพุ่งออกไปสังหารเผยอวี้ในทันใดแต่ป้าวฮุยบุตรชายของป้าวเฉิงกลับรีบมาขวางทางพ่อของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยเตือนออกไป “ท่านพ่อ อย่าได้หุนหันพลันแล่น!”“จุดประสงค์ที่แม่ทัพเผยกับคนของทางการมาที่นี่ก็เพราะหลิงอวี๋ แต่น้องสามก็หายตัวไปเช่นกัน หากคิดจะไปสู้กับพวกเขาจนตัวตายในเวลานี้มันมิคุ้มหรอกขอรับ!”“จากที่ลูกมอง ลูกคิดว่าสู้บอกความจริงกับพวกเขาไปเลยดีกว่า เราก็จะได้อาศัยกำลังความช่วยเหลือของพวกเขาในการตามหาน้องสามด้วย!”ป้าวเฉิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธ ๆ “พวกเขาจะต้องมาช่วยหลิงอวี๋ออกไปเป็นแน่ พวกเขาแค่แสร้งทำเป็นมาตาม
ป้าวฮุยจึงอธิบายออกไป “แม่นมเฝิงบอกว่า น้องสามของข้าไปหาหลิงอวี๋ให้ตรวจรักษา นอกจากนางแล้ว ก็ยังมีคุณหนูสกุลจ้าวอีกคนด้วย!”“คุณหนูจ้าวเข้าไปตรวจก่อน จากนั้นเมื่อน้องสามคุยกับแม่นมเฝิงเสร็จแล้วนางก็ตามไปแล้วเห็นแสงในห้องดูแปลกประหลาดจึงเข้าไปตรวจดู ผลก็คือนางหายตัวไปในวงแหวนหลากสีนั้นด้วย!”“สกุลจ้าว?”“นางชื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช่หรือไม่?”เผยอวี้เอ่ยถามออกไปด้วยความกังวล“ดูเหมือนว่าจะชื่อนี้นะ!”ป้าวฮุยจำได้ราง ๆ ว่าป้าวซวนเรียกคุณหนูจ้าวเช่นนี้เผยอวี้รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอีกแล้ว!วงแหวนหลากสีนั้นจะต้องเกิดจากลูกแก้ววิญญาณอีกแน่ ๆ แต่หานเหมยบอกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสูญเสียพลังไปแล้วมิใช่หรือ?เหตุใดนางยังเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณได้อยู่?“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้คือใครหรือ?”ป้าวฮุยเห็นว่าสีหน้าของเผยอวี้ที่เปลี่ยนแปลงไปมา จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามออกไปหลังจากที่เขาบอกตนมามากมายถึงเพียงนั้นแล้ว หากตนมิบอกข้อมูลให้เขาฟังสักหน่อยก็คงจะมิถูกต้อง ดังนั้นเผยอวี้จึงอธิบายเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหลิงอวี๋ไปอย่างง่าย ๆสุดท้ายเผยอวี้ก็ยิ้มขมขื่นออกมา “สิ่งท
ตอนนั้นหวงฝู่หลินยังมิรู้ว่าหวงฝู่หมิงจูไปแล้ว ตอนที่เขาได้ยินนางกำนัลของตำหนักรุ่ยจูบอกว่าหวงฝู่หมิงจูมิได้กินข้าวเย็นและหาตัวมิพบ เขาก็ยังอยู่ว่านางคงโกรธแล้วไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในตอนแรกหวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ และให้พวกนางกำนัลตามหาเจ้าวังน้อยให้ทั่ว แต่จนถึงเวลาเข้านอนแล้วก็ยังคงหาตัวพบเลยหวงฝู่หลินจึงให้ความสนใจในทันที เพราะแม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะเอาแต่ใจ แต่ก็มิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนเขารีบไปที่ตำหนักรุ่ยจูทันที และทำการซักถามนางกำนัลที่รับใช้หวงฝู่หมิงจูเหล่านั้น จึงได้รู้ว่าเสวี่ยเหมยก็หายตัวไปด้วยกัน“ท่านเจ้าวังเพคะ พี่หญิงเสวี่ยเหมยรับใช้เจ้าวังน้อยมาโดยตลอด หลังจากที่อาอวี๋ไปแล้ว นางก็ยิ่งตัวติดกับเจ้าวังน้อยมิห่างไปไหน บ่าวได้ยินนางกับเจ้าวังน้อยก่นด่าอาอวี๋ด้วยกันเพคะ ทั้งยังบอกอีกด้วยว่าหากมีโอกาสลงจากภูเขาไป นางจะช่วยเจ้าวังน้อยระบายโทสะ!”ลิ่งหูหลินก็ตามหวงฝู่หลินมาเช่นกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจ “ท่านพี่หลิน หรือว่าทาสชั้นต่ำเสวี่ยเหมยนั่นยุยงให้หมิงจูออกไปตามแก้แค้นอาอวี๋?”“แล้วจะทำอย่างไรกันดี? ตั้งแต่เกิดมาหมิงจูก็มิเคยออกไปจากวังเท
แต่เพราะลิ่งหูหลินดูแลวังเทพมาหลายปี ภายใต้วิธีการข่มขู่และล่อใจของนาง จึงสามารถดึงข้อมูลเกี่ยวกับเสวี่ยเหมยออกมาจากปากนางกำนัลหลายคนได้ได้ข้อมูลจากทางนั้นนิดทางนี้หน่อย จากนั้นก็นำมารวมกันจนได้ประวัติของเสวี่ยเหมยออกมาเสวี่ยเหมยถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวมาขายตั้งแต่นางยังเด็ก ลักพาตัวไปลักพาตัวมาจนมิอาจหาที่มาเริ่มแรกสุดของนางได้แล้ว กระทั่งถูกตระกูลลิ่งหูซื้อเสวี่ยเหมยให้มาติดตามภรรยาของหวงฝู่หลินไปที่วังเทพ ตอนนั้นเสวี่ยเหมยอายุสิบห้าปี แล้วก็ยังมีบ่าวชายอีกหลายคนที่มาวังเทพพร้อมกับพวกนางหนึ่งในบ่าวชายเหล่านั้นมีเฝิงเจี๋ยที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับเสวี่ยเหมยในระหว่างนั้น และได้เกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน แต่เนื่องจากกฎของวังเทพ ทั้งสองคนจึงมิกล้าที่จะเปิดเผย และทำได้เพียงนัดพบกันลับหลังคนอื่น ๆ เท่านั้นไป ๆ มา ๆ ความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองคนก็ถูกเสวี่ยหลานพบเข้าในวังเทพนั้นมีสตรีมากมีบุรุษน้อย อีกทั้งเฝิงเจี๋ยก็รูปงาม ดังนั้นเสวี่ยหลานจึงตกหลุมรักเขาเช่นกันเสวี่ยหลานแอบยั่วยวนเฝิงเจี๋ยลับหลังเสวี่ยเหมย แต่เฝิงเจี๋ยมิได้ชอบนางจึงปฏิเสธไปเมื่อเป็นเช่นนั้นหลายครั้งเข้า เสวี่ยห
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว