นายทหารมองพิจารณาหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่มั่นใจ ราวกับว่ากำลังตัดสินว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเท็จหลิงอวี๋ “ตัวสั่น” ท่าทีเหมือนกำลังขอร้องนายทหารขมวดคิ้ว แล้วตะโกนออกมาอย่างรำคาญ“พานางกลับไป! คอยเฝ้าไว้อย่างใกล้ชิด รอจนกว่าจะจับตัวผู้หญิงพวกนั้นได้ แล้วค่อยจัดการพร้อมกัน!”“ขอรับ!”ทหารสองคนก้าวไปข้างหน้า จับตัวหลิงอวี๋อย่างหยาบคายแล้วเดินไปหลิงอวี๋ลอบถอนหายใจ การถ่วงเวลาไว้ครู่หนึ่งนี้ หวังว่าพวกจางเหมยจะหนีไปได้อย่างราบรื่นสำหรับตนเอง ก็ทำได้เพียงค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินการไปตามสถานการณ์กระทั่งหลิงอวี๋ถูกพาไปที่ตีนเขา ก็เห็นว่าผู้หญิงสองคนที่มิได้มานั้น รวมถึงครอบครัวของพวกเขาล้วนถูกพาตัวมาหมดแล้วผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นเห็นหลิงอวี๋ ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! หากไม่เชื่อเจ้าแล้วหนีกันออกมา ครอบครัวของข้าก็คงไม่ถูกร่างแหไปด้วย!”“เจ้ามันเป็นตัวหายนะ! ท่านอู๋ นางเจ้าค่ะ นางคือคนที่เผาหมู่บ้านตระกูลอู๋!”จางเสี่ยวอิง?หลิงอวี๋พูดไม่ออกเลยคิดว่าจางเสี่ยวอิงที่ทรยศตนเองจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง แต่ดูท่าทีในตอนนี้แล้ว นางก็มิได้รับผล
หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปนานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงสะอึกสะอื้นดังอยู่ข้างหู นางถึงได้ฟื้นขึ้นมาตรงหน้ามืดสนิท นางทำได้เพียงมองผ่านช่องว่างระหว่างรั้วกั้น ไปเห็นตะเกียงน้ำมันที่แขวนอยู่บนเสาไกล ๆ กระทั่งปรับสายตาได้แล้ว หลิงอวี๋ก็เห็นจางเสี่ยวเยี่ยนนั่งคุดคู้อยู่ตรงมุม ชุดของนางขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นผิวหนังไปมากหัวใจของหลิงอวี๋บีบแน่น หรือว่าจางเสี่ยวเยี่ยนจะถูกทำให้เป็นมลทินแล้ว?เด็กหญิงผู้นี้ดูแล้วเพิ่งจะอายุเพียงสิบสี่ปี ในยุคปัจจุบันนางยังเรียนอยู่เลยนะ!หลิงอวี๋ขยับ ทันทีที่ขยับทั้งร่างกายก็เจ็บไปหมด นางเห็นว่าจางเสี่ยวเยี่ยนจมอยู่กับความเศร้าโศก ไม่สนใจตัวเอง ก็รีบเข้าไปในมิตินางเร่งจัดการกับบาดแผลของตนเอง ไม่สนใจรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย แล้วกินช็อกโกแลตไปสองสามชิ้นและดื่มน้ำกลูโคสสองขวดหลิงอวี๋หาของสองสามอย่างมาป้องกันตัวแล้วออกจากมิติทันทีที่ออกมา หลิงอวี๋ก็ตกใจ เห็นจางเสี่ยวเยี่ยนถอดเข็มขัดออก แล้วเอาเข็มขัดผูกไว้กับรั้วและกำลังสอดคอของนางเข้าไป“เสี่ยวเยี่ยน… นี่เจ้าจะทำกระไร!”หลิงอวี๋รีบปีนขึ้นไปกอดนางเอาไว้จางเสี่ยวเยี่ยนดิ้นรนไปพลางร้องไห้ไปด้วย “ให้ข้าตาย
หลิงอวี๋เห็นท่าทางเร่งรีบของจางเสี่ยวเยี่ยนก็ยิ้มออกมา“มิต้องรีบร้อน ข้าจะให้ยาพิษกับเจ้า! แต่เราต้องวางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจ “เป้าหมายของเรามิใช่แค่การวางยาพิษฆ่าพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยครอบครัวของเจ้าออกมาด้วย!”“เสี่ยวเยี่ยน ขอเพียงเจ้าฟังข้า ข้ารับรองว่าจะช่วยเจ้าแก้แค้น และจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่!”ความเกลียดชังแน่นอยู่เต็มหน้าอกของจางเสี่ยวเยี่ยน นางนึกขึ้นได้ว่าหลิงอวี๋กล้าแม้กระทั่งเผาหมู่บ้านตระกูลอู๋ ก็กัดฟันพลางเอ่ย“ได้ แม่นางอวี๋ ข้าจักฟังเจ้า! เจ้าให้ข้าทำเช่นไรข้าก็จะทำเช่นนั้น!”“เจ้าพูดถูก ข้าตายไปพวกเขาก็มิได้เสียหายอันใดเลย!”“แต่พ่อแม่ของข้าและน้องชายน้องสาวของข้าจักต้องตายในถ้ำหมาป่าที่แสนโหดเหี้ยมนี้!”“ถึงข้าจักตาย ข้าก็ต้องช่วยพวกเขาออกมาให้ได้!”ดีมาก มีจิตวิญญาณนักสู้เช่นนี้ก็พอแล้ว!หลิงอวี๋พยักหน้า “เหมือนเดิมเช่นนั้นแล พวกเราต้องรู้ให้แน่ชัดว่าพวกเขามีกันกี่คน! แล้ววางแผนเส้นทางหลบหนีให้ดี!”หลิงอวี๋พูดไปก็คิดอะไรได้บางอย่าง จึงเอ่ยถาม“จางเหมยบอกว่าในเหมืองมีผู้ชายหลายคนจากหมู่บ้านของเจ้าที่ทำงานเป็นช่างตีเหล็กอยู่ที่นี่
ไม่ช้าหลิงอวี๋ก็ถูกพามาถึงค่ายทหารพี่จูที่เถาเฉิงเอ่ยถึงอาศัยอยู่ที่เรือนเดี่ยวหลังหนึ่ง หลิงอวี๋เดาจากเรื่องที่มีความพิเศษนี้ พี่จูผู้นี้น่าจะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่กระทั่งเข้าไป ก็เห็นทหารสองนายจับชายร่างสูงคนหนึ่งอยู่ที่หน้าเตียงชายคนนั้นน้ำลายฟูมปาก ทั้งยังกำลังชักอยู่ด้วย“พี่เถา พี่กลับมาแล้ว เจอหมอหลินหรือไม่ อาการของทหารจูร้ายแรงมาก! เมื่อครู่เขากระอักเลือดด้วย!”ทหารคนหนึ่งเอ่ยอย่างตื่นตระหนก“หมอหลินลงเขาไปแล้ว แต่ข้าเจอผู้หญิงที่มีทักษะทางการแพทย์!”เถาเฉิงผลักหลิงอวี๋ไปข้างหน้าอย่างหยาบคาย พลางบอก “รีบดูพี่ข้าสิ!”หลิงอวี๋เห็นว่าตรงหน้าเตียงมีอาเจียนที่ในนั้นมีลิ่มเลือดปนอยู่จริง ๆนางพูดไม่ออกเลย ดื่มมากถึงเพียงนี้ อยากดื่มจนตายเลยหรือไร?หลิงอวี๋นั่งลงหน้าเตียง จับชีพจร พลางเอ่ย "มีน้ำส้มสายชูหรือไม่? หามาให้ข้าสักสองสามขวด!"“รีบไปหาน้ำส้มสายชู!”เถาเฉิงไม่พูดพร่ำทำเพลงสั่งให้ทหารไปเอามาหลิงอวี๋อาศัยร่างกายปกปิดไว้ หยิบเข็มฉีดยาออกมา ฉีดคลอร์โปรมาซีนไปที่แขนของทหารจูกระทั่งทหารนำน้ำส้มสายชูมา หลิงอวี๋ก็หยิบขวดสารละลายโซเดียมไบคาร์บอเนตออกมาอย่างเปิดเผย
ทหารจูดื่มน้ำส้มสายชูไป ครั้งนี้ไม่อาเจียนแล้ว จากนั้นก็หลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรงหลิงอวี๋ทนกลิ่นเหม็นในห้องไม่ไหวจริง ๆ จึงเอ่ย “ข้าจักออกไปยืนข้างนอกสักพัก อีกครึ่งชั่วยามข้าค่อยมาตรวจชีพจรเขา!”นางเอ่ยจบแล้วเดินออกไปเถาเฉิงเองก็ทนกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้มิได้เช่นกัน จึงสั่งให้ทหารสองนายทำความสะอาด แล้วก็เดินตามออกไปหลิงอวี๋จดจำที่ทางโดยรอบได้แล้ว พอเห็นเถาเฉิงออกมา ก็แสร้งทำเป็นเอ่ยถามอย่างกังวล“พี่ชาย เจ้าพบเรื่องอันใดที่มีความสุขหรือ? ดื่มเสียจนเป็นเช่นนี้! เจ้าควรเตือนเขาหนา เช่นนี้จะตายเอาได้!”เถาเฉิงเม้มริมฝีปาก พลางย้อนถาม “เจ้ามิใช่คนของหมู่บ้านเยี่ยนเจียงใช่หรือไม่ ฟังจากสำเนียงของเจ้าแล้ว เป็นคนจากเมืองหลวง!”“เจ้าไปทำเยี่ยงไรให้ทหารเฉาขุ่นเคืองจนถูกจับมาที่นี่ได้เล่า?”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ามาตามหาญาติ แต่ตกลงจากภูเขา แล้วหลงทางไปที่หมู่บ้านเยี่ยนเจียง!”“ข้าแค่อยากจะอาศัยอยู่สักหนึ่งคืน มีหรือจะรู้ว่าจะถูกอู๋เอ้อร์โก่วจับตัวมา!”“ทหารเฉาที่เจ้าพูดถึงนั่น ข้าไม่เคยเจอเขามาก่อน จะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้เยี่ยงไร!”เถาเฉิงยิ้มอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเชื่อคำพูด
แม้ว่าน้ำเสียงของทหารจูจะไม่ดีนัก แต่การได้รับความปรารถนาดีจากเถาเฉิง หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่าเถาเฉิงส่งหลิงอวี๋กลับไป เมื่อเห็นว่านางกับจางเสี่ยวเยี่ยนถูกขังอยู่ในคุกไม้ ก็บอกผู้ใต้บังคับบัญชา“ทางห้องครัวมีห้องว่างอยู่มิใช่หรือ? ให้พวกนางย้ายไปเถิด!”ทหารเอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านเถา ทหารเฉาบอกว่าต้องขังพวกนางไว้ ทำเช่นนี้คงมิดีกระมัง!”เถาเฉิงสีหน้าเรียบนิ่ง พลางเอ่ยอย่างเย็นชา "ที่นี่แม้แต่นกสักตัวก็ไม่สามารถบินออกไปได้ เจ้ายังกังวลว่าพวกนางจักหนีไปได้อีกหรือ?"“ในครัวขาดแคลนกำลังคน ข้าส่งคนสองคนไปช่วยมิได้รึ?”“เช่นนั้นย่อมได้ วันพรุ่งพวกเจ้าก็ไม่ต้องกินข้าว!”เห็นเถาเฉิงอารมณ์เสีย ทหารก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที“ท่านเถาว่ากระไรก็ว่าตามนั้นเถิด! ข้าจักจัดการส่งพวกนางไปเอง!”เขาเปิดประตูห้องขัง ดวงตาแหลมคมของหลิงอวี๋ เห็นจางเสี่ยวอิงเดินตามจางเสี่ยวเยี่ยนออกมา นางก็ตะโกน“ข้ารู้จักแค่จางเสี่ยวเยี่ยน ข้าไม่รู้จักใครอื่นเลย!”จางเสี่ยวอิงได้ยินก็กังวลขึ้นมา พลางตะโกน “แม่นางอวี๋ เจ้าก็พาข้าไปด้วยเถิด! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรทรยศเจ้า!”“ข้ายอมโขกหัวคำนับ
เซียวหลินเทียนให้อิ๋นฮู๋ไปหาว่ายังมีใครกำลังตามหาหลิงอวี๋อยู่บ้างเวลานี้เขากำลังรอข่าวจากอิ๋นฮู๋อยู่ด้านนอก ชิวเหวินซวงยกอาหารมื้อดึกมานางยืนอยู่ที่หน้าประตู ดูความเรียบร้อยของกิ๊บติดผม และจัดชุด ก่อนที่จะเปิดประตูเดินเข้าไปเซียวหลินเทียนนั่งที่หน้าโต๊ะหนังสือ กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับยุทธวิธีการทหารอยู่“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเสวยอาหารเย็นไปไม่เท่าไร หิวหรือไม่เพคะ? หม่อมฉันทำมื้อดึกมาให้ เสวยหน่อยเถิดเพคะ!”ชิวเหวินซวงหยิบถาดมาวางบนโต๊ะหนังสือของเซียวหลินเทียนนางแสร้งเอ่ยอย่างเผด็จการ “หม่อมฉันทำด้วยตัวเองเลยเพคะ! ท่านอ๋อง หากท่านอ๋องไม่เสวย หม่อมฉันไม่ยอมเพคะ!”นางพูดไปก็หยิบหนังสือการทหารของเซียวหลินเทียนออกไปวางไว้ข้าง ๆ ไปด้วยเซียวหลินเทียนไม่เคยมองว่าชิวเหวินซวงเป็นนางรับใช้จริง ๆ เลย!นางกล้าทำเช่นนี้ ก็เพราะกำลังวางตัวเองอยู่ในฐานะน้องสาวที่ห่วงใยพี่ชาย!เซียวหลินเทียนเคยชินกับท่าทีเช่นนี้ของนางแล้ว จึงมิได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ!เขายกมือขึ้นกุมขมับ พลางเอ่ยเรียบ ๆ “ไม่อยากกิน เจ้ายกมันออกไปให้พวกจ้าวซวนกินเถิด!”“ทำเช่นนั้นมิได้หนาเพคะ! ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้ว่าท่าน
“พอแล้ว!”“ข้าทำเอง!”เซียวหลินเทียนสะบัดมือของชิวเหวินซวงด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางเอ่ยเรียบ ๆ “มันไม่ได้ลวก!”“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ขาของข้าไม่มีความรู้สึกอันใด หากรู้สึกเจ็บจริง ๆ เหตุใดข้าต้องไปหาหมอไปทั่วทุกที่ด้วยเล่า!”เซียวหลินเทียนมองอาหารบนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว“เจ้าลงไปก่อนเถอะ!”ชิวเหวินซวงเอ่ยอย่างไม่สบายใจ “ท่านอ๋อง เป็นความผิดของหม่อมฉันที่ซุ่มซ่าม! หม่อมฉันจักไปเอาอาภรณ์มาให้ท่านอ๋องเปลี่ยนเพคะ!”“ลู่หนานไปเอาได้ เจ้าออกไปเถอะ!”เสียงของเซียวหลินเทียนเย็นชาเล็กน้อยชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันใจร้อน พูดผิดไป หม่อมฉันจะไปเรียกพี่ลู่หนานประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!”นางรีบร้อนเดินออกไปเรียกลู่หนานให้เข้ามาหลังจากที่ปิดห้องไป ชิวเหวินซวงก็ไม่รีบร้อนแล้ว นางยืนอยู่ข้างนอกฟังความเคลื่อนไหวข้างในลู่หนาน น้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านอ๋อง น้ำแกงลวกหรือพ่ะย่ะค่ะ? เหตุใดวันนี้เหวินซวงถึงไม่ระมัดระวังเยี่ยงนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ไม่เป็นไร นางก็มิได้ระวังเช่นกัน! เปลี่ยนแล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“ที่ตำหนักมีเหวินซวงช่วยจัดการดูแลอยู่ พวกเ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี