“เจ้าแห่งทะเลอยากรู้เรื่องอันใดเล่า?”เย่หรงเค้นเสียงพูดลอดไรฟันเขาสาบานในใจว่า หากมีวันใดที่ตนเป็นอิสระ เขาจะสับหยางหงหนิงเป็นหมื่น ๆ ชิ้นให้จงได้!“มิใช่เจ้าแห่งทะเล แต่เป็นฝ่าบาท! ”หยางหงหนิงเหวี่ยงแส้ใส่เย่หรงอย่างเหี้ยมโหดและยโส ทั้งยังกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนนี้ข้ามิใช่ท่านหญิงกำมะลออีกแล้ว รอให้ฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ ข้าก็คือองค์หญิงหงหนิง!”“ฝ่าบาททรงสัญญาแล้วว่าจะรับข้าเป็นธิดาบุญธรรม และแต่งตั้งให้ข้าเป็นองค์หญิง!”“เย่หรง ตอนนี้เจ้ารู้สึกเสียใจแล้วหรือยัง? หากยามนั้นเจ้าเลือกข้า เจ้าก็คือราชบุตรเขย!”เย่หรงมิแม้แต่จะมองนาง เขากลับจ้องตรงไปยังหลงหมิงในใจของเขารู้สึกปั่นป่วนวุ่นวาย หลงหมิงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว เช่นนั้นแล้วครอบครัวเจ้าแห่งทิศใต้เล่า?หรือว่าพวกเขาต้องมาเดือดร้อนเพราะตนด้วย?“ใช่แล้ว ตัวข้าจะรับหงหนิงเป็นธิดาบุญธรรม และแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิง!”หลงหมิงกล่าวเสียงเรียบ “เย่หรง ขอเพียงเจ้าเชื่อฟังแต่โดยดี บอกที่ซ่อนผลึกมังกรของแม่เจ้าให้ข้ารู้ ข้าก็จะเมตตาไว้ชีวิตเจ้า หรือกระทั่งรักษาขาของเจ้าให้หายดี และประทานสมรสให้เจ้ากับหงหนิง!”หยางหงหนิงข
หลิงอวี๋เห็นเพียงเย่หรงถูกล่ามคอด้วยโซ่เหล็กเส้นหนึ่ง บนโซ่นั้นยังแขวนกระดิ่งเอาไว้เขามิได้เดินเข้ามา แต่ถูกลากร่างเข้ามาบนพื้นหลิงอวี๋เหลือบไปเห็นว่าข้อเท้าของเย่หรงเต็มไปด้วยเลือด เห็นได้ชัดว่าถูกหยางหงหนิงตัดเอ็นร้อยหวายที่เท้าทั้งสองข้างจนขาดแม้แต่หลงหมิงเองก็ยังชะงักไปเมื่อเห็นภาพนั้น ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างควบคุมมิได้“หยางหงหนิง ฝีมือมิเลวเลย!”ตัดเอ็นร้อยหวายของเย่หรงทำให้เขาเดินมิได้ ต่อให้เย่หรงฟื้นคืนสติ แล้วเขาจะหนีไปไหนได้!“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงชมเพคะ!”หยางหงหนิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างเคียดแค้น คืนนั้นนางถูกคนขององค์หญิงหานเยวี่ยยิงเข้าที่ไหล่ ด้วยความตกใจจึงพลัดตกลงไปในน้ำเมื่อเห็นว่าคนของตนถูกองค์หญิงหานเยวี่ยควบคุม นางจึงมิกล้าแสดงตัวอีกต่อไป และอาศัยความมืดเป็นเกราะกำบัง ค่อย ๆ คลานถอยห่างไปยังที่ไกลในตอนนั้นพวกของหลงเพ่ยเพ่ยค้นหาเพียงบริเวณใกล้ ๆ หากเดินไปไกลกว่านั้นอีกสักหน่อย ก็คงจับตัวหยางหงหนิงได้แล้วน่าเสียดายที่หลงเพ่ยเพ่ยถูกองค์หญิงหานเยวี่ยเร่งให้ขึ้นเรือ จึงพลาดโอกาสที่จะจับกุมหยางหงหนิงไปหยางหงหนิงยิ้มร่าพลางกล่าวว่า “เดิมทีหม่อมฉันคิดจะเลี
“ข้าเป็นห่วงเย่หรงมาก! เพราะเขาคือน้องชายของข้า!”หลิงอวี๋กล่าวเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้ได้ยินเจ้าแห่งทิศใต้ตรัสว่า ท่านมิเชื่อว่าสำนักซิงหลัวคือตงกู้อวี้ที่กลับชาติมาเกิด! ”“หลงหมิง ข้าจะบอกท่านให้รู้ไว้ ทั้งข้าและเย่หรงต่างก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องการกลับชาติมาเกิดนั้นมีอยู่จริงในใต้หล้าผืนนี้!”“ทั้งข้าและเย่หรงต่างก็กลับชาติมาเกิดพร้อมกับความทรงจำในชาติก่อน!”“ท่านยังจำอูอวี๋หลานได้กระมัง นางตามหาสาวน้อยเหล่านั้นก็เพื่อที่จะยืมร่างคืนวิญญาณ ในเมื่อใต้หล้านี้มีเรื่องการยืมร่างคืนวิญญาณได้ ก็ย่อมมีเรื่องการกลับชาติมาเกิดได้เช่นกัน!”แววตาของหลงหมิงไหววูบ “แต่อูอวี๋หลานก็หาได้สำเร็จไม่!”“อีกอย่าง ตามที่เจ้าว่า ตงกู่อวี้คือผู้ที่กลับชาติมาเกิด เช่นนั้นแล้วเหตุใดเวลาผ่านไปหลายร้อยปี นางถึงมิเคยก่อเรื่องอันใดเพื่อช่วยฝูไห่ออกมาเลยเล่า?”หลิงอวี๋จึงเล่าเรื่องที่นางและเซียวหลินเทียนเคยคาดเดาไว้ให้หลงหมิงฟังนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้ตงกู่อวี้อาจจะยังไม่มีโอกาสช่วยฝูไห่ แต่ครานี้ท่านก็เห็นแล้วว่านางได้ยึดครองวังเทพไปแล้ว หากท่านยังมิคิดจะหยุดยั้งนางอีก มินานนางต
ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นหลงหมิงก็เข้ามา เขาเปลี่ยนมาอยู่ในชุดลำลองของจักรพรรดิ เป็นชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่มีลวดลายมังกรเงินกำลังโบยบินทอแทรกอยู่บนเนื้อผ้าเมื่อหลิงอวี๋เห็นเขาสวมหน้ากากสีเงิน ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาคงเป็นเพราะก้อนหินยักษ์ของอูอวี๋หลานสร้างความเสียหายให้หลงหมิงอย่างมาก จนเขาไม่มีหน้าจะไปพบผู้คนได้เลยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว บารมีของหลงหมิงก็ดูด้อยลงไป“หลิงอวี๋ คิดออกหรือยังว่าผลึกมังกรของเลี่ยวหงเสียซ่อนอยู่ที่ใด?”หลงหมิงหยุดยืนห่างจากหลิงอวี๋มิไกลนัก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “คืนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่ข้าจะให้เจ้า!”“เจ้าจงบอกที่ซ่อนของผลึกมังกรมาโดยดี ตัวข้าจะให้เซียวหลินเทียนกลับฉินตะวันตกไปเลี้ยงดูบุตรชายของพวกเจ้าจนเติบใหญ่ หาไม่แล้วพวกเจ้าทั้งครอบครัวรวมถึงราษฎรในฉินตะวันตกของเจ้าจะต้องตาย!”มือทั้งสองข้างของหลิงอวี๋ถูกล่ามโซ่ตรึงไว้กลางห้องในลักษณะกางแขน นางมองหลงหมิงด้วยสายตาเฉยเมย “ตอนที่อยู่ในคุกน้ำ ท่านกับข้าก็ได้ยินคำพูดของเลี่ยวหงเสียเหมือนกัน นางมิเคยบอกที่ซ่อนของผลึกมังกรกับข้าเลยแม้แต่น้อย”“หลงหมิง ท่านคืออัจฉริยะด้านกา
หยกหล้าสุขาวดีมิเพียงแต่เป็นสิ่งที่หลงหมิงปรารถนา แต่เสิ่นฮ่าวเองก็ต้องการเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าตัวเองโดนเจ้าแห่งทิศใต้เล่นงาน ทำให้เขาไม่มีทางมีลูกได้อีกแล้วในชีวิตนี้ เสิ่นฮ่าวก็เคยรู้สึกสิ้นหวังอยู่ช่วงหนึ่งทว่าในระหว่างการไล่ล่าโม่เจี๋ย เสิ่นฮ่าวพลันนึกถึงหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋ขึ้นมาได้หยกหล้าสุขาวดีนี้คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของหลงอี้ ที่หลงหมิงและมหาเทพหลงองค์ก่อนอยากได้ก็เพราะความมหัศจรรย์ของมัน หากได้ครอบครองก็อาจจะมีชีวิตยืนยาวได้หลายร้อยปีเช่นเดียวกับหลงอี้หากสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปี การจะมีทายาทสืบสกุลหรือไม่แล้วจะมีความสำคัญอันใดเล่า?มิใช่ว่ามีเพียงตระกูลหลงที่จะมีหยกหล้าสุขาวดีได้เสียหน่อย ตนก็สามารถครอบครองได้เช่นกันเสิ่นฮ่าวถึงกับคิดว่า หากตนได้หยกหล้าสุขาวดีมาครองแล้ว หลงหมิงจะมีความหมายอันใด ตัวเขาก็สามารถเป็นมหาเทพหลงได้เช่นกันดังนั้นเสิ่นฮ่าวจึงยุยงหลงหมิงให้นำตัวหลิงอวี๋ไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ถึงเวลานั้นเขาก็จะล่อเซียวหลินเทียนกับพวกให้ไปจัดการกับหลงหมิง ส่วนตนเองก็จะฉวยโอกาสชิงตัวหลิงอวี๋ไป แล้วยึดหยกหล้าสุขาวดีมาเป็นของตนหลง
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น!หลงหมิงยังมิทันได้เข้าใจความหมายในคำพูดของสวินเย่อย่างลึกซึ้งดีนัก ความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้นในที่อื่น ๆ ทั่วเมืองหลวงแดนเทพแล้วเมื่อฝูหยางมาถึงตระกูลจงเจิ้ง ตระกูลจงเจิ้งก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกันพวกเขาและเหล่าตระกูลขุนนางทรงอำนาจที่มิพอใจการปกครองของตระกูลหลงมานานหลายปี ต่างรู้ดีถึงวิธีการของหลงหมิงหลายปีมานี้พวกเขามิยอมจ่ายภาษีจนสร้างความมิพอใจให้ตระกูลหลงมานาน เมื่อหลงหมิงขึ้นครองราชย์ มีหรือจะยอมปล่อยให้พวกเขาสุขสบายต่อไปก่อนหน้านี้ตระกูลจงเจิ้งได้ช่วยสำนักซิงหลัวของตงกู่อวี้กอบโกยเงินทองไปมิน้อย ทั้งยังพัวพันกับเรื่องของฝูไห่ด้วยความกังวลว่า หลงหมิงจะเล่นงานพวกเขาเป็นอันดับแรก ตระกูลจงเจิ้งจึงอาศัยจังหวะที่หลงหมิงยุ่งอยู่กับการจัดการมหาปราชญ์ นำคนเข้ายึดประตูเมืองทางใต้ และรีบนำทัพของตนเองออกไปอย่างรวดเร็วในยุคแห่งความวุ่นวาย ย่อมมีวีรบุรุษเกิดขึ้น ยอดฝีมือที่ตระกูลจงเจิ้งรวบรวมมาตลอดหลายปีต่างก็คิดที่จะโค่นล้มการปกครองของตระกูลหลง และพากันเข้าร่วมกับตระกูลจงเจิ้งเมื่อหลงหมิงได้รับข่าวคนเหล่านี้ก็ได้ย้ายไปยังภูเขาอนันต์จนหมดสิ้นแล้ว พวกเขาย