แม่นมลี่กล่าวขุ่นเคือง “เรื่องหลิงเยี่ยนทำผิดหวางซือสั่งสอนเคร่งครัด!”“แต่ท่านเล่า นางมิใช่แค่ไม่สั่งสอน ยังปลุกปั่นท่านโวว่าท่านทำดีด้วย!”“คุณหนู ท่านลองดูเถิด ชื่อเสียงมิร่ำเรียนไร้วิชาโอหังกำเริบเสิบสานพวกนั้นแพร่ออกไปได้อย่างไร? นี่มิใช่เป็นฝีมือของหวางซือหรือเจ้าคะ?”“หากหวางซือหวังดีท่านจริง ท่านที่เสมือนลูกสาวโดยกำเนิด นางจักปล่อยให้ท่านย่ำยีชื่อเสียงตัวเองหรือ?”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว นี่คือหวังดีประสงค์ร้าย!หวางซืออ้างว่ารักใคร่ตน ชื่อเสียงอื้อฉาว ใจกล้ามิยั้งคิดที่บ่มเพาะหลิงอวี๋แต่แรกคือการทำลายนางกลาย ๆ!หวางซือให้หลิงผิงวางพิษเรื้อรังตน เพราะมิอยากให้ตนตายอยู่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ยุคนสงสัยหลิงอวี๋ออกเรือนไปตายในเรือนคนอื่น เช่นนั้นผู้ใดจะสงสัยหวางซือเล่า?ชื่อเสียงละม่อมใฝ่คุณธรรมของหวางซือก็จะไม่รับผลกระทบสักกระผีก“คุณหนู มิใช่แค่ท่าน แม้แต่คุณชายใหญ่ก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ!”“คุณชายใหญ่โดนหวางซือยุยง มิชอบร่ำเรียนหนังสือ โดดเรียนเที่ยวเล่นไปทั่วเกือบทุกวันเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ถอนหายใจยาวเหยียด “คุณชายใหญ่ก็ถูกหวางซือเลี้ยงให้โอหังกำเริบเสิบสาน ครั้งหนึ่งโต้เถียงกับ
“สินเดิมแม่ท่านบ่าวก็ลืมแล้วว่าเท่าใด ตอนแม่ท่านจากไปบ่าวยุ่งเก็บศพนางอยู่ รอจนเสร็จก็หาใบรายการสินเดิมมิเจอแล้วเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลังจากนั้นท่านอดีตเสนาบดีให้พ่อบ้านทำบัญชี กล่าวว่าสินเดิมแม่ท่านจะเก็บไว้ให้พี่น้องพวกท่านในอนาคต!”“ต่อมาพ่อท่านตั้งหวางซือเป็นภรรยาเอก สินเดิมแม่ท่านก็ส่งให้หวางซือจัดการเจ้าค่ะ!”“ครั้นท่านออกเรือน ท่านอดีตเสนาบดีให้หวางซือนำสินเดิมแม่ท่านแบ่งครึ่งแก่ท่าน นางก็แบ่งแล้วเช่นกัน!”“แต่ใครจะรู้ว่าสินเดิมแม่ท่านมีเท่าใดกันแน่? มิใช่หวางซือพูดว่าเท่าใดก็เป็นเท่านั้นเสียหน่อย!”“ท่านอดีตเสนาบดีคือคนสะเพร่า ปกติหวางซือเป็นแม่บ้านในจวนมีความยุติธรรมเป็นประจักษ์ ผู้ใดจะสงสัยว่านางวางกลเล่าเจ้าคะ!”หลิงอวี๋พูดไม่ออก ก่อนหน้าหลิงอวี๋ไม่พะว้าพะวังถึงเสียเปรียบก็ไม่สงสัยหวางซือฉะนั้นหวางซือถึงกล้าหน้าไหว้หลังหลอกมากขนาดนี้!หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่หลิงผิงยุยงหลอกนางไปซื้อกระบี่เลื่องชื่อพวกนั้นหัวใจก็สั่นไหว หรือว่าหวางซือก็มีส่วนร่วมอยู่ภายในนี้?ไม่เช่นนั้นหวางซือจะใจดีแบบนี้ได้อย่างไร แล้วสินเดิมแบ่งครึ่งหนึ่งให้ตนจริงหรือ?หากอุบายเหล่านี้ล้
คำพูดของเกิ่งเสี่ยวหาวทำหลิงอวี๋หัวเราะ นางรู้สึกอบอุ่นมากน้องต่างสายเลือดผู้นี้คิดว่าตนเป็นพี่แท้ ๆ ซะแล้ว!ถึงปกป้องตนเยี่ยงนี้!“มิใช่ท่านอ๋องอี้หวด… ข้าเกิดเรื่องนิดหน่อย เข้าห้องไปคุยเถอะ!”ภายนอกมีคนมากมายหลายความคิด หลิงอวี๋จึงดุนเกิ่งเสี่ยวหาวเข้าห้องนางเล่าเรื่องที่ตนประสบรวบรัดสั้น ๆ ซึ่งเตือนสติเกิ่งเสี่ยวหาวเช่นนี้หลิงอวี๋กลัวว่าเกิ่งเสี่ยวหาวใกล้ชิดกับตนจะไม่ทันเตรียมป้องกันแล้วถูกตนพัวพันไปด้วย“คนใจกล้าพวกนี้! ไม่คาดว่าจะกล้าสร้างอาวุธเถื่อน!”เกิ่งเสี่ยวหางฟังจนอ้าปากตาค้างพร้อมเข้าใจความกังวลของหลิงอวี๋แล้วเช่นกัน“วางใจ ข้าจะดูแลตัวเองอย่างดี!”“ท่านพี่ ไม่งั้นจะหานางรับใช้ได้วรยุทธสองคนให้ท่านเถิด เพื่อเลี่ยงไม่เกิดเรื่องคล้ายประเภทนี้เกิดขึ้นอีกครั้งหน้า!”หลิงอวี๋คิดแล้วผงกศีรษะ “ได้ หาคนที่หลักแหลมหน่อยสักสองคน!”นางอยู่ในแวดวงนี้ทั้งยังเป็นพระชายาอ๋องอี้!ผู้ใดจะรู้ว่าจะล่วงเกินใครในภายหลัง?หานางรับใช้ฝีมือวรยุทธดีสองคนเวลาประสบภยันตรายก็อาจช่วยรองรับได้หน่อย“วันนี้ข้ามาหาเจ้ายังมีอีกเรื่อง! คราก่อนข้าให้เจ้าสืบเรื่องที่ทุบตีเฮยจื่อบาดเจ็บ เจ้
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ของเฝิงโป สีหน้าผ่อนคลายเล็กน้อยคิดครู่หนึ่งพลางหยิบตั๋วเงินร้อยตำลึงส่งให้เขา“งั้นก็ลำบากเจ้าช่วยข้าหานางให้เร็วที่สุดด้วย!”นัยน์ตาเฝิงโปทอประกาย เพิ่งคิดเอื้อมมือไปรับก็ถูกเกิ่งเสี่ยวหาวตีมือหนึ่งฝ่ามือ“ทำงานให้พี่ข้าแล้วยังกล้าเอาผลประโยชน์ วอนตายซะแล้ว!”เฝิงโปรั้งมืออย่างหน้าม่อยคอตกหลิงอวี๋ขยิบตาให้เกิ่งเสี่ยวหาว พลางเอาตั๋วเงินโยนลงบนเตียง“ฮ่องเต้ไม่ปล่อยทหารหิวโหย(1)… ให้เขาเอาเถอะ! ขอแค่เขาช่วยข้าทำงานเต็มที่เขาก็ขาดผลประโยชน์มิได้!”“เฝิงโป ข้ายังมีคำถามถามเจ้า หลิงผิงกับเจ้าวางแผนหลอกเอาเงินข้า แผนพวกนี้ผู้ใดเป็นคนคิดให้นาง?” หลิงอวี๋ถามเฝิงโปมองตั๋วเงินสักครู่พลางขบคิดคำพูดของหลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นเขาพูดเจื่อน ๆ “พระชายาอ๋องอี้ ข้าน้อยล้วนเชื่อฟังคำสั่งหลิงผิงถึงหลอกท่าน! มิใช่เจตนาจริงของข้าน้อยหลอกพระชายาขอรับ!”“เงินพวกนั้นหลิงผิงแบ่งให้ข้านิดเดียว ที่เหลือถูกนางเอาไปหมดแล้วขอรับ!”“ประเด็นคือผู้ใดคิดแผนให้นาง?” หลิงอวี๋ถามอย่างเหลืออด“เจ้าวางใจ ข้าไม่คิดตามเงินพวกนั้นคืน ข้าแค่อยากรู้ว่าผู้ใดกำลังแฝงอยู่ลับหลังข้า!”ครั้นเฝิ
หลิงอวี๋เห็นบุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งลงรถม้าบุรุษวัยสี่สิบกว่าปี สวมเสื้อคลุมยาวสีเทา คุณภาพเสื้อคลุมประณีตละเอียด ฝีมือก็พิถีพิถันมากเช่นกันเขามีส่วนสูงปานกลาง ไว้หนวดทรงรั้งขมวด มีไฝเล็ก ๆ เด่นบนจมูกมีผู้คุ้มกันติดตามอยู่ข้างหลังเขา ดูสูงใหญ่แข็งแรงกำยำ“พวกเจ้าคือผู้ใด? เหตุใดขวางทางเรา?”ครั้นหลิงซวนเห็นสถานการณ์ก็ขวางตรงหน้าหลิงอวี๋ทันที ถามเสียงเฉียบขาด“พระชายาอ๋องอี้ ข้าหาเจ้าเจอง่ายมาก!”บุรุษหัวเราะเหน็บแนม “ข้าคือพ่อบ้านของตระกูลกวน ข้าแซ่เหอ!”“พระชายาอ๋องอี้รับเงินมากมายของตระกูลกวน รับปากไปตรวจโรคนายท่านข้าที่เรือน นี่ก็หลายวันไม่เห็นไปเยือน!”“ท่านเอ้อร์ให้เหอโหม่วมาเชิญพระชายา… พระชายาอ๋องอี้ โปรดขึ้นรถม้าเถิดขอรับ!”คราก่อนหลิงอวี๋เคยถูกคนหลอกอ้างเป็นตระกูลหลี่ว์ ครานี้ก็หลักแหลมขึ้นแล้ว นางหัวเราะเล็กน้อย“พ่อบ้านเหอ วันนี้หลิงอวี่ยังมีธุระไม่มีเวลาไป!”“หลิงอวี๋รับปากเจ้า รุ่งเช้าวันพรุ่งจักไปตรวจโรคนายท่านที่เรือน!”พ่อบ้านเหอหน้าขรึมทันใดพลางพูดเคืองขุ่น “พระชายาอ๋องอี้ เหอโหม่วรับปากท่านเอ้อร์แล้วจักเชิญคนไปแน่นอน โปรดพระชายาอ๋องอี้อย่าทำเหอโหม่วลำบากเล
รถม้ามุ่งหน้าสู่คฤหาสน์กวนหลิงอวี๋พิงกำแพงรถม้าพักผ่อนพลางใส่ใจเส้นทางไปด้วยก่อนหน้านางรู้เกี่ยวกับตระกูลกวนจากปากหลิงซวนตระกูลกวนร่ำรวยเช่นนี้ ลือกันว่าเป็นบรรพบุรุษตระกูลกวนค้นพบเหมืองทองแห่งหนึ่งเหมืองทองแห่งนี้เกื้อหนุนตระกูลกวนเปิดร้านมองหลายที่ทั่วแคว้น ไม่แปลกใจว่าจะร่ำรวยเทียมแคว้นขณะนั้นเองหลิงอวี๋นึกถึงคำพูดอวดดีประโยคนั้นที่กวนอิ่งเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ขอเพียงท่านตบแต่งกับข้า ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลกวนจะเป็นของท่าน!”หลิงอวี๋เคยถามหลิงซวนอย่างใคร่รู้ ตระกูลกวนมีคนแบบใดบ้าง?หลิงซวนก็พูดทุกอย่างที่ตนได้ยินมาให้หลิงอวี๋แล้วนายท่านาตระกูลกวนมีทายาทน้อยนิด ชั่วชีวิตนี้มีบุตรชายเพียงคนเดียวท่านกวนต้าท่านกวนเอ้อร์ที่พูดถึงคือท่านเอ้อร์ของตระกูลกวน ที่จริงแล้วถูกนายท่านกวนรับเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก!ท่านต้าตระกูลกวนคือบุตรชายของนายท่านกวน อีกทั้งมีแค่บุตรคนเดียวด้วย!ท่านกวนต้าผู้นี้ถูกฮูหยินใหญ่กวนรักเอ็นดูมากตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขาไม่มีความสามารถโดดเด่นพิเศษอะไร!แต่ท่านกวนเอ้อร์กลับอยู่ข้างกายนายท่านกวนตั้งแต่เล็กจนโต ติดตามนายท่านกวนขึ้นเหนือล่องใต้ ลือว
พอหลิงอวี๋ได้ยินเสียงกวนอิ่ง ยังคิดไม่ถึงว่านางต้องการทำอะไรตนเสียงแส้ม้าเพียะ เพียะ เพียะ ไม่ขาดสายหลิงอวี๋ได้ยินเสียงม้าร้องฮี้อย่างเจ็บปวด รถม้าโคลงเคลงขึ้นลงหลิงอวี๋ถูกปะทะจนตุปัดตุเป๋นางรีบคว้าขอบหน้าต่างรถไว้มั่นพลางตรึงร่างตนให้คงที่สุดแรงประเดี๋ยวเดียวหลิงอวี๋ก็มองกระจ่างทันที กวนอิ่งมิใช่ต้องการชีวิตตน นางแค่ทำให้ตนอับอายด้วยวิธีเช่นนี้ ให้ตนรับความระทมหากคนตายจะไม่จบ แต่ถ้ากลิ้งไปมาถูกกระแทกจนจ้ำช้ำเขียวเต็มร่างอย่างนี้นี่กวนอิ่งกำลังแสดงอำนาจใส่ตน!หลิงอวี๋ตระหนักรู้จุดนี้ พลางร่างกายร่วงหล่น พลางคิดหาแผนรับมือกวนอิ่งแค่หมายตนอ้อนวอนกันแสงลั่นฟ้าโขกหัวสู่ดินต่อนาง ระบายความขุ่นเคืองจากความอัปยศอดสูในวันนั้น!หลิงอวี๋ไม่สบายใจที่ถูกสั่นสะเทือน นางกำลังฝืนยันก็พลันได้ยินเสียงเรียกคลุมเครือ“คุณหนูใหญ่ คนของท่านอ๋องอี้ไล่ตามมาแล้วขอรับ!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก เซียวหลินเทียนตามมาแล้วนั่นดีนัก!“เฮอะ ตัวข้ากลัวคนง่อยนั่นรึไง?”“นี่คืออาณาบริเวณของตระกูลกวนแล้ว หากเขากล้ามา แม้แต่เขาตัวข้าก็จะเก็บกวาดด้วย!”เมื่อกวนอิ่งนึกถึงวันนั้นที่ขอแต่งงานกับเซียวหลินเที
“กวนอิ่ง ไม่ว่าเจ้าจะมองข้าเช่นไร กวนผิงทำเพื่อตระกูลกวนทั้งสิ้น!”“พระชายาอ๋องอี้เป็นกวนผิงเชิญมา กวนผิงแค่มีหน้าที่รับรองความปลอดภัยของนาง!”ท่านกวนเอ้อร์พูดใจเย็น “เจ้าไม่พอใจอะไรกวนผิงวันหลังค่อยว่ากัน ตอนนี้เชิญพระชายาไปตรวจโรคนายท่านก่อนเถอะ!”“เว้นแต่เจ้ามิหวังให้นายท่านหายป่วย ไม่งั้นก็อย่ามาขัดขวางอีก!”กวนอิ่งเหลือบจ้องท่านกวนเอ้อร์เคียดแค้น หัวเราะเยาะหยันพลางมองรถม้าหยุดลง หลิงอวี๋ยังไม่ทันออกมาหญิงต่ำช้าผู้นี้ถูกกระแทกจนเป็นลมตายในรถม้าแล้วแน่รึ?กวนอิ่งหัวเราะดีอกดีใจ ขณะคิดพาคนของตนไปก่อน เซียวหลินเทียนก็พาคนรุดมาแล้วกวนอิ่งเห็นเซียวหลินเทียนมาแล้ว นางเลยไม่คิดไปอีกหากทำหลิงอวี๋อัปยศต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้ นั่นคงระบายความโกรธนัก!“คุณหนู…”ครั้นหลิงซวนรอรถม้าหยุดลงก็วิ่งไปรถม้าที่หลิงอวี๋นั่งอย่างตะลีตะลานความโกรธเต็มท้องที่นางถูกกลิ้งไปมา หลิงอวี๋เพิ่งจัดเสื้อผ้าหน้าผมเสร็จพลางตีหน้าขรึมจับมือหลิงซวนลงรถม้าพอเห็นกวนอิ่ง หลิงอวี๋ก็พุ่งไปโดยตรง สะบัดมือตบหน้ากวนอิ่งอย่างเหี้ยมเกรียมกวนอิ่งไม่คิดฝันว่าหลิงอวี๋จะตบตนพลางนิ่งงันไปชั่วขณะถึงโถมโจมตีอย่างกร
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร