LOGIN"เพียงเพราะอำนาจ ท่านถึงกล้าส่งภรรยาร่วมผูกผมไปให้ผู้อื่นเลยหรือ" เสียงตัดพ้อที่เบาราวกับยุงบินผ่านของสตรีที่ได้ชื่อว่างามล่มเมือง เอ่ยถามบุรุษผู้เป็นสามี
View Moreขนตาหนาเป็นแพขยับอย่างหงุดหงิด เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายที่อยู่ด้านนอกสิ่งแรกที่ปรากฏคือแสงสว่างของอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอน
คิ้วงามขมวดอย่างมึนงง ก่อนจะเริ่มขยี้ตาเพื่อปรับให้เห็นภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น พอข้าวของเครื่องใช้ สิ่งต่างๆ ที่เริ่มคุ้นเคยปรากฏขึ้นในสายตา ชุยจินหว่าน ก็เกือบจะกรีดร้องออกมา
เป็นไปได้อย่างไร!!! ยามนี้นางอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง เมื่อยกมือขึ้นมาสำรวจก็พบว่ามือของตนเองช่างเล็กและบอบบางนัก
สาวใช้ด้านนอกเหมือนจะได้ยินเสียงของคุณหนูเคลื่อนไหวจึงได้เดินเข้ามาดูอย่างรีบร้อน
“โถ่ คุณหนูของบ่าว สวรรค์เมตตาแล้ว ดีเพียงใดที่ท่านฟื้นขึ้นมา” เสียงสะอื้นของเสี่ยวผิง สาวใช้ข้างกายของจินหว่านร้องอย่างดีใจอยู่ข้างเตียงของนาง
“เกิดอันใดขึ้น” เสียงเล็กแหลมทั้งยังแหบพร่า ทำให้จินหว่านนิ่งอึ้งชะงักไปทันที
“คุณหนูจำมิได้หรือเจ้าคะ คุณหนูกับคุณหนูรองทะเลาะกันแล้วตกลงไปในสระน้ำกันทั้งคู่ แต่คุณหนูรองได้สติตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว เหลือเพียงแค่คุณหนูของบ่าวที่ยังมิได้สติจนมาถึงวันนี้”
พอเสี่ยวผิงอ้าปากเล่าออกมา ความโกรธแค้นของนางที่ไม่อาจจะเข้าช่วยคุณหนูของตนไว้ได้ก็ออกมาด้วย
จินหว่าน หวนคิดย้อนกลับไปก็ดูเหมือนจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ แต่เมื่อตอนนั้นนางเพิ่งจะอายุได้เพียงสิบหนาวเท่านั้น
คุณหนูรองที่เสี่ยวผิงพูดถึงคงไม่แคล้ว ชุยจินหร่วน บุตรีของท่านอารองของนาง ชุยหมิ่นอารองของนางเพิ่งจะเดินทางกลับมารับตำแหน่งในเมืองหลวงเมื่อสองเดือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง ตอนนั้นนางกับจินหร่วนกำลังแย่งดอกไม้ผ้าไหมที่ใช้ประดับผมกันอยู่
เดิมทีก็เป็นของนางแท้ๆ แต่จินหร่วนกลับเป็นฝ่ายที่อยากได้ หากขอดีๆ มีหรือที่ญาติผู้พี่อย่างนางที่มีเครื่องประดับหลายหีบจะไม่ให้นาง แต่ด้วยนางต้องการจะแย่งชิงไปจากมือ นั่นคือสิ่งที่จินหว่านรับไม่ได้
ทั้งสองยื้อแย่งกันจนพลัดตกลงไปในน้ำ สาวใช้ที่อยู่รอบตัวต่างก็ว่ายน้ำกันไม่เป็น ทำให้เสียเวลาวิ่งไปตามคนมาช่วยอยู่นาน นางจะไม่เป็นอันใดมากเลยหากไม่ใช่ว่าจินหร่วนกดหัวนางลงน้ำอยู่หลายหน
พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณจินหร่วนที่ทำให้นางได้ย้อนเวลากลับมาดีหรือไม่ เมื่อภพที่แล้วชีวิตนางช่างเลวร้ายนัก นางต้องยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับโซ่วอ๋อง หลี่หรงหาน พระโอรสองค์รองของฮ่องเต้ ที่เกิดจากซ่งเสียนเฟย หลังจากที่ถูกจ้าวตงหยุนช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ให้นางถูกโจรชั่วย่ำยี ชื่อเสียงของนางไม่หลงเหลือแล้วจำต้องแต่งให้จ้าวตงหยุนอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่างหลี่หรงหานถูกทำลายเส้นเอ็นที่ขาทั้งสองข้างจนกลายเป็นผู้พิการเดินไม่ได้ไปแล้วเขาจึงยอมถอนหมั้นให้นางแต่โดยดี
จ้าวตงหยุนสอบได้จอหงวนในปีนั้น แต่บัณฑิตที่ยากไร้จะได้แต่งให้นางได้อย่างไรหากไม่ใช่ว่าชื่อเสียงของนางไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นบิดามารดาก็ไม่ได้ยินยอมตั้งแต่แรก แต่นางดื้อรั้นเห็นเขาเป็นผู้มีพระคุณของนางจึงอยากจะแต่งให้เขา
แต่ไม่คิดว่า จ้าวตงหยุนจะต้องการบ้านเดิมของนางเพื่อหนุนให้อนาคตในราชสำนักของเขารุ่งเรืองขึ้น ในภายหลังนางยังไม่ได้รู้เขาและจินหร่วนร่วมมือกันทำให้นางต้องตกอยู่ในวงล้อมของโจรชั่ว แล้วทำทีเป็นบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วยหญิงงาม
ความรักในช่วงแรกที่จ้าวตงหยุนมอบให้นางเป็นเรื่องจริง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าสาวงามล่มเมือง ต่อให้จุดโคมหาทั่วทั้งเมืองหลวงจะพบสาวงามเช่นนางหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่สัญญาและข้อตกลงที่เขาทำไว้กับจินหร่วนก็ไม่อาจปฏิเสธนางได้ มิเช่นนั้นนางจะเปิดเผยแผนการที่เขาวางเอาไว้ออกมา
ยิ่งได้มาเจอกับหลี่หรงฝู ที่หมายตานางเข้าด้วยแล้ว เพื่อแลกกับอำนาจที่หอมหวาน จ้าวตงหยุนจึงยอมตัดใจยกภรรยาของตนให้เขาในทันทีและได้ทำตามสัญญาที่มอบให้จินหร่วนอีกด้วย
บิดาที่เป็นเสนาบดีกรมคลัง กับมารดาที่เป็นฮูหยินตราตั้งชั้นหนึ่ง ถึงกลับโกรธนางจนไม่ยอมติดต่อหลังจากที่ออกเรือนไป มีเพียงพี่ชายที่ยังติดต่อดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่เมื่อตำแหน่งของจ้าวตงหยุนในราชสำนักดีขึ้น บิดากับมารดาก็ยอมใจอ่อนให้นางได้กลับบ้านเดิม แต่นางได้กลับไปแสดงความกตัญญูกับบิดามารดาได้เพียงแค่ครั้งเดียว ก็ถูกส่งตัวให้หลี่หรงฝูเสียแล้ว
เมื่อคิดถึงความรักใคร่ที่หลี่หรงฝูมอบให้ จินหว่านก็อดที่จะสั่นสะท้านออกมาไม่ได้ นางเป็นสตรีที่ได้ชื่อว่าสองสามี จึงไม่อาจได้รับฐานะใดในวังหลัง ทั้งยังถูกกักขังเอาไว้ในกรงทองที่ไม่อาจออกมามองภายนอกได้
หลี่หรงฝู แม้จะรักนางจากใจยิ่ง ทั้งยังมอบสิ่งที่ดีที่สุดในวังหลวงเท่าที่เขาจะมีให้นางจนสิ้น แต่กลายเป็นสร้างความอิจฉาให้ฮองเฮาและสนมนับพันของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงจะซ่อนนางให้พ้นจากสายตาของผู้คนแล้ว แต่ผู้ใดจะคิด ฮองเฮายังสามารถหาโอกาสเล่นงานนางได้
“ข้าก็นึกว่าสตรีใดที่ฝ่าบาทหวงแหนจนต้องสร้างเรือนทองคำเพื่อซ่อนสาวงาม อาหว่าน...เจ้านั้นเอง หากฝ่าบาทบอกกล่าวข้าสักคำ ข้าจะใจดำไม่ให้รับเจ้าที่แปดเปื้อนแล้วเข้าวังหลังได้อย่างไร ทั้งข้า...ยังจะมอบตำแหน่งให้เจ้าอีกด้วย” สายตาของมู่ฮองเฮาที่จ้องมองมายังใบหน้าของจินหว่าน มีทั้งแววรังเกียจที่ปิดไม่มิด ทั้งความอิจฉาที่สวรรค์ช่างลำเอียงมอบความงามทั้งหมดให้นางอย่างไม่มีสตรีใดในแคว้นจะเทียบได้
จินหว่านได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด นางรู้ดีว่าวันหนึ่งมู่ฮองเฮาจะต้องรู้ถึงการมีอยู่ของนาง แต่ไม่คิดว่าจะล่วงมานานถึงห้าปี ที่นางจะต้องคอยมองท้องฟ้า สวนดอกไม้ที่งดงาม อยู่แต่ภายในห้องเท่านั้น
ตำหนักทองคำแล้วอย่างไร สวนดอกเหมยแดงที่นางชื่นชอบ หรือแม้แต่ดอกโบตั๋นที่งดงามเป็นหนึ่งนับร้อยกระถาง ในเมื่อนางไม่อาจออกไปไปชื่นชมได้แม้แต่เพียงอึดใจ อยากชื่นชมก็ทำได้เพียงให้นางกำนัลยกเข้ามาภายในห้องของนางแทน
ชุดผ้าไหมเนื้องามที่เป็นเครื่องบรรณาการ สิ่งของล้ำค่าที่วางประดับจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้นางได้ชื่นชม แต่ทุกสิ่งที่เห็นนางไม่ต้องการ นางอยากออกไปจากกรงขังทองคำนี้ใจแทบขาด ภายนอกรู้เพียงว่านางหนีหายไปหลังจากที่จ้าวตงหยุนรับญาติผู้น้องของนางเข้าจวน แต่ใครจะคิดว่านางจะถูกซ่อนเอาไว้ในวังหลวงเช่นนี้
มู่ฮองเฮามีเวลาไม่มาก นางส่งสายตาให้นางกำนัลและขันทีข้างกาย จับยึดร่างของจินหว่านเอาไว้ ยารสขมที่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ยาบำรุงร่างกายถูกกรอกลงลำคอระหงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถึงจะต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเพียงใด แต่ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากถึงสองชามก็ทำให้จินหว่านไม่อาจหนีไปจากความตายได้ ร่างของนางค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้นดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน
“หึหึ หวังว่าฝ่าบาทจะมาช่วยเจ้าหรือ พระองค์เดินทางออกไปจัดการกบฏโซ่วอ๋องที่นอกเมือง ยามนี้จะมีกระจิตกระใจเป็นห่วงเจ้าได้อย่างไร ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการเก็บกวาดเรื่องของเจ้าให้เอง”
จินหว่านขมวดคิ้วอย่างมึนงง นางไม่มีเวลาคิดเรื่องที่มู่ฮองเฮาพูด ด้วยไม่อยากเชื่อว่าโซ่วอ๋องที่พิการไปแล้วจะก่อกบฏได้อย่างไร ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้สติของนางเริ่มจะขาดๆ หายๆ
"ข้าไม่คิดว่าพี่หญิงใหญ่จะอ่อนแอเพียงนี้ ตกน้ำเหมือนกับพี่หญิงรองแต่นางถึงกับสลบไปสามวัน นี่ก็ยังมีไข้อยู่อีกหรือ” จินหลัน ลูกอนุของบ้านร้องเอ่ยถามอย่างสงสัย นางมองไปที่พี่สาวร่วมบิดาของนางอย่างไม่เข้าใจ ช่วยขึ้นมาพร้อมกันแต่อีกคนเป็นหนัก อีกคนดูเหมือนจะไม่เป็นอันใดเลยจินหลันรู้ดีว่าจินหร่วนมีนิสัยเช่นใด ที่อยากมาดูจินหว่านก็เป็นเพราะต้องการเห็นสภาพของคุณหนูใหญ่ชุยในตอนย่ำแย่เท่านั้นไม่ได้อยากจะมาเยี่ยมอย่างที่ปากนางพูด ส่วนนาง...มาเพื่อชมความสนุกเท่านั้น“เหอะ ไม่ให้เข้าก็ไม่เข้า” จินหร่วนสะบัดหน้าหนีไปอย่างไม่ไยดี จินหลันทำได้เพียงเร่งฝีเท้าตามกลับไปชุยจิ้น ส่งบ่าวข้างกายไปติดตามชุยหมิ่นอยู่สองวันเต็มๆ ก็พบความผิดปกติแล้ว บ่าวข้างกายของชุยหมิ่นเข้าออกร้านเครื่องลายครามและภาพวาดโบราณอยู่หลายหน มีทั้งที่ถือสิ่งของติดมือกลับมาและนำสิ่งของเข้าไปเลือกเปลี่ยนเป็นเงิน ชุยจิ้นเมื่อได้ฟังรายงานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นกังวลทันที ที่น้องสาวพูดออกมาเป็นเรื่องจริง เขาไม่อาจเสียเวลาต่อได้แม้แต่เพียงอึดใจเดียว เมื่อสอบถามได้ความว่าบิดาเดินทางกลับมาถึงจวนแล้วก็ออกไปพบทันที“ท่านพ่อ”“มีเรื่องใด”
บุตรชายของหูซื่อก็คือ ท่านอารองของนาง การที่นางจะรักและเชื่อหวงซื่อกับจินหร่วนก็ไม่ผิด“น้องสาวเจ้าบอกข้า ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ย่อมจะต้องเชื่อเจ้า” จินหว่านอดที่จะมองชุยจิ้นอย่างซาบซึ้งไม่ได้“เจ้าค่ะ พวกท่านก็เห็น เครื่องประดับข้ามีน้อยเสียที่ไหน เพียงดอกไม้ผ้าไหมเพียงดอกเดียวนับเป็นอันใด อาหร่วนอยากได้จากข้า หากขอข้าดีๆ มีหรือที่ข้ามีทุกสิ่งจะไม่แบ่งปันนาง แต่นางหมายเข้ามาแย่งข้าจากมือ ข้าทนไม่ได้เจ้าค่ะ” อย่างน้อยเรื่องดีเรื่องหนึ่งของจินหว่าน คือครอบครัวนางยอมรับฟังนางเสมอ“หึ เป็นเช่นที่ข้าคิดไม่ผิด หากหว่านวานของข้าไม่หมดสติถึงสามวัน ท่านแม่ก็คงให้นางไปคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชนแล้ว”“อาเหลียน” ชุยเซียวอดที่จะตำหนิภรรยารักไม่ได้ ต่อให้หูซื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับเขา แต่นางก็ได้ชื่อว่ามารดาจะตำหนินางลับหลังคงจะดูไม่ดี หากผู้ใดมาได้ยินเข้า ไม่แคล้วเขาคงได้ถูกร้องเรียนว่าไม่มีความกตัญญู “ครอบครัวอารองของเจ้ามิได้มีบุตรีเพียงแค่อาหร่วนเพียงผู้เดียว บุตรของอนุก็มีอีกหลายคน นางคงไม่ได้มีเครื่องประดับมากเหมือนเจ้า แล้วอีกอย่างนางก็เพียงเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เรื่องในหนนี้ก็ให้แล้วกันไปเถิด”บ
จินหร่วนยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน แม้ภายในร่างกายของนางจะถูกแผดเผาจนไม่เหลือชิ้นดี ดวงตาของนางยังเบิกกว้างจ้องมองมู่ฮองเฮาให้ชัดเจน“ขอบใจจะ เจ้า เจ้ามากที่ช่วยให้ ขะ ข้าหลุดพ้น”แววตาของมู่ฮองเฮามีประกายความตกใจไหลผ่านอยู่ครู่ เมื่อเห็นรอยยิ้มของจินหว่านที่ยินดียอมรับความตายหลังจากนั้นจินหว่านนางไม่รู้แล้วว่ามู่ฮองเฮาจัดการร่างของนางเช่นใด และหาข้อแก้ตัวกับฮ่องเต้เช่นใดเมื่อนางหายตัวไป แต่อย่างว่า การหายตัวไปของนางอาจจะไม่กระทบกับหลี่หรงฝูเลยสักนิด เขามีสตรีข้างกายมากมายเพียงนั้น จะหาคนมาแทนที่นางเมื่อใดก็ย่อมได้แต่หากมู่ฮองเฮาได้ล่วงรู้ว่านางมิได้ตายในครั้งนั้นไม่รู้จะมีสีหน้าเช่นใด นางถูกคนช่วยเหลือเอาไว้ แต่พิษที่ได้รับทำให้ต้องสูญเสียการมองเห็นและตัวนางไม่อาจพูดได้อีกเลย นางรู้จากผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือนางเอาไว้ ว่าร่างของนางถูกทิ้งอยู่ที่สุสานนอกวังหลวงถึงแม้จะช่วยเอาไว้ได้ แต่พิษที่ได้รับก็เริ่มกัดกินร่างกายของนางไปมากแล้ว หมอที่เขาพามารักษาบอกว่านางอยู่ได้มากที่สุดคงไม่เกิดสามเดือน นางเองก็ไม่ประสงค์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เมื่อมองสิ่งใดก็ไม่เห็น ทั้งยังไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ก้าวเดิ
ขนตาหนาเป็นแพขยับอย่างหงุดหงิด เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายที่อยู่ด้านนอกสิ่งแรกที่ปรากฏคือแสงสว่างของอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนคิ้วงามขมวดอย่างมึนงง ก่อนจะเริ่มขยี้ตาเพื่อปรับให้เห็นภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น พอข้าวของเครื่องใช้ สิ่งต่างๆ ที่เริ่มคุ้นเคยปรากฏขึ้นในสายตา ชุยจินหว่าน ก็เกือบจะกรีดร้องออกมาเป็นไปได้อย่างไร!!! ยามนี้นางอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง เมื่อยกมือขึ้นมาสำรวจก็พบว่ามือของตนเองช่างเล็กและบอบบางนักสาวใช้ด้านนอกเหมือนจะได้ยินเสียงของคุณหนูเคลื่อนไหวจึงได้เดินเข้ามาดูอย่างรีบร้อน“โถ่ คุณหนูของบ่าว สวรรค์เมตตาแล้ว ดีเพียงใดที่ท่านฟื้นขึ้นมา” เสียงสะอื้นของเสี่ยวผิง สาวใช้ข้างกายของจินหว่านร้องอย่างดีใจอยู่ข้างเตียงของนาง“เกิดอันใดขึ้น” เสียงเล็กแหลมทั้งยังแหบพร่า ทำให้จินหว่านนิ่งอึ้งชะงักไปทันที“คุณหนูจำมิได้หรือเจ้าคะ คุณหนูกับคุณหนูรองทะเลาะกันแล้วตกลงไปในสระน้ำกันทั้งคู่ แต่คุณหนูรองได้สติตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว เหลือเพียงแค่คุณหนูของบ่าวที่ยังมิได้สติจนมาถึงวันนี้”พอเสี่ยวผิงอ้าปากเล่าออกมา ความโกรธแค้นของนางที่ไม่อาจจะเข้าช่วยคุณหนูของตนไว้ได้ก็ออกม











