Masukหยางเฉิงเห็นร่างแห้งกรังเหล่านั้น ก็ตกตะลึงเช่นกันเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดขมขื่น “ทุกคนโปรดสงบ ข้ายังมีเรื่องต้องกล่าว!”“พวกเจ้าคงเชื่อแล้วกระมังว่าข้ามิได้พูดจาเหลวไหลใส่ร้ายอ๋องซู่ เขาใช้ประโยชน์จากคนเจ็บหนักเหล่านี้ฝึกฝนวิชานอกรีต ดูดกลืนวรยุทธ์ของพวกเขาไป!”“ทว่ายามนี้ ภายนอกยังมีทหารอีกมากที่ยังคงเชื่อถือเขา!”“แม่ทัพหยวน สุนัขรับใช้ผู้นี้ ต้องแจ้งข่าวแก่อ๋องซู่แล้วเป็นแน่ อีกมินานอ๋องซู่จะนำคนมา สังหารปิดปากพวกเรา!”วาจานี้ทำให้เหล่าทหารพลันเดือดดาลขึ้นมาทันทีมีคนตะโกนก้อง “อ๋องซู่กระทำการชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ยังกล้ามาสังหารปิดปากอีกหรือ?”“ใต้เท้าหยาง ท่านวางใจเถิด หากเขากล้ามา พวกเราจะร่วมมือกันสังหารเขา ล้างแค้นให้พี่น้องที่ตายไป!”“ใช่ ล้างแค้นให้พวกเขา!”ผู้คนนับมิถ้วนต่างตะโกนก้องหยางเฉิงโบกมือให้ทุกคนสงบลง แล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ข้ายังพูดมิจบ... พวกเจ้าคิดว่าอ๋องซู่เพียงแค่สังหารคนเจ็บหนักเหล่านี้เท่านั้นหรือ?”“มิใช่... มิได้มีเพียงเท่านี้!”หยางเฉิงกล่าวด้วยความคับแค้นใจ “โอสถฝึกปรือที่อ๋องซู่มอบให้พวกเรา ในนั้นมีส่วนผสมของสมุนไพรพิษอยู่ด้วย!”“โอสถบำรุง
ทหารกล้าหาญผู้หนึ่งตะโกนถามขึ้นว่า “ใต้เท้าหยาง อ๋องซู่มีความลับอันใดกันแน่?”“ท่านเป็นพ่อตาของอ๋องซู่มิใช่หรือ? ท่านทำเช่นนี้ มิละอายใจต่ออ๋องซู่บ้างหรือ?”หยางเฉิงแค่นหัวเราะ “ถูกต้อง ข้าคือพ่อตาของอ๋องซู่ ข้ามันตาบอด ดูคนมิออก ยกลูกสาวสุดที่รักให้กับอ๋องซู่ เจ้าเดรัจฉานในคราบมนุษย์นั่น!”“พวกเจ้าบางคนน่าจะรู้แล้ว วันนั้นรั่วหลานลูกสาวข้ามาที่ยอดเขาเกาหลิ่ง เมื่อกลับไปก็หมดสติมิฟื้นคืน ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย!”“ข้าคิดมาตลอดว่า รั่วหลานเพียงป่วยเป็นโรคประหลาด แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่านางกลับต้องตกอยู่ในเงื้อมมือชั่วร้ายของอ๋องซู่และเจี่ยงชิง!”มีคนหนึ่งกล่าวอย่างมิอยากจะเชื่อ “ใต้เท้าหยาง ท่านคงโกรธจนเลอะเลือนไปแล้วกระมัง?”“พวกเราต่างรู้ดีว่าอ๋องซู่รักใคร่เอ็นดูคุณหนูรั่วหลานเพียงใด ท่านอ๋องจะทำร้ายคุณหนูรั่วหลานได้อย่างไรกัน?”อีกคนก็กล่าวอย่างกังขา “นั่นสิ แม่ทัพเจี่ยงกับคุณหนูรั่วหลานก็มิได้มีเรื่องบาดหมางอันใดต่อกัน เหตุใดเขาต้องทำร้ายคุณหนูรั่วหลานด้วย?”หยางเฉิงหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะนั้นแฝงไว้ด้วยความรวดร้าวและสมเพชตนเองเมื่อหัวเราะเสร็จจึงกล่าวว่า “คำถามเหล่านี้ล้วนถาม
มิทันที่หยางเฉิงจะได้เอ่ยปาก แม่ทัพหยวนก็ชักกระบี่แทงเข้าใส่เขาแต่ไหนเลยเซียวหลินเทียนยจะยอมให้เขาทำร้ายหยางเฉิงได้ บัดนั้นเขาปล่อยเข็มเงินในมือออกไปข้างหนึ่ง พลางตวัดฝ่ามือเข้าใส่แม่ทัพหยวนสัมผัสได้ถึงพลังอันเกรียงไกรที่จู่โจมมาจากด้านหลัง หากยังยืนกรานจะสังหารหยางเฉิง ตนย่อมต้องบาดเจ็บเป็นแน่แม่ทัพหยวนหันกลับมาตามสัญชาตญาณ แล้วตวัดกระบี่ยาวในมือแทงเข้าใส่เซียวหลินเทียนจังหวะที่หันกลับมานั้นเอง เข็มเงินก็พุ่งปักเข้าที่ช่องท้องของแม่ทัพหยวนความเจ็บแปลบเล็กน้อยทำให้แม่ทัพหยวนรู้สึกตัว แต่เขามิอาจแม้แต่จะก้มลงมอง เพราะพลังฝ่ามือของเซียวหลินเทียนพุ่งเข้ามาแล้วแม่ทัพหยวนเห็นพลังฝ่ามือนั้นรุนแรงดุดัน จึงเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ“หยางเฉิง ที่แท้ท่านก็...!”มีเจตนามิดี…คำหลังยังมิทันหลุดจากปาก แม่ทัพหยวนก็รู้สึกว่าร่างกายครึ่งซีกชาหนึบ ก่อนจะทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้น“เร็วเข้า หยางเฉิงคิดสังหารแม่ทัพหยวน!”เฝิงกังที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ก็ชักกระบี่พุ่งเข้ามาเหล่าสมุนของเฝิงกังต่างก็ชักกระบี่กรูกันเข้ามาเช่นกัน“จับกุมพวกเขาให้ข้า!”หยางเฉิงตวาดลั่น องครักษ์หลายนายที่เข
“ใต้เท้าหยาง ท่านช่างเป็นขุนนางตงฉิน! พวกเราสมควรยกท่านเป็นเยี่ยงอย่าง!”มิรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้เริ่มตะโกน ทหารมากมายต่างก็โห่ร้องตามกันเซ็งแซ่ดวงตาของหยางเฉิงพลันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา สิ่งที่เขาทุ่มเททำมาทั้งหมดยังมีคนมองเห็นและยอมรับ!แม่ทัพหยวนยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา เขารู้สึกว่าหยางเฉิงกำลังทำตัวเป็นที่โอ้อวด อาศัยชื่อเสียงของตนเพื่อชักจูงใจผู้คนหยางเฉิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุด เหล่าทหารด้านล่างจึงเงียบเสียงลงหยางเฉิงเหลือบมองแม่ทัพหยวน กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “สิ่งที่หยางเฉิงได้ทำลงไปล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ข้าเอ่ยถึงเรื่องนี้แค่ต้องการบอกทุกคนว่า เจตจำนงดั้งเดิมของข้าหยางเฉิงมิเคยเปลี่ยน ข้าเพียงต้องการทำความดีเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง!”“เพียงแต่...”หยางเฉิงชะงักไป กล่าวอย่างเจ็บปวดราวกับทั้งโกรธทั้งเศร้า "ข้าคาดมิถึงว่า จะมีคนชูธงว่าทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อราษฎร แต่ลับหลังกลับลอบทำเรื่องชั่วช้าที่มิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้!”สิ้นคำพูดนี้ ใจของแม่ทัพหยวนก็พลันกระตุกวูบมาแล้วหรือ? นี่ต่างหากคือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่หยางเฉิงมาในวันนี้!มือของแม่ทัพหยวนกดลงบนด้ามกระบี่ใน
เมื่อหยางเฉิงได้รับความเห็นชอบจากเซียวหลินเทียนแล้ว ก็ยิ่งบังเกิดความมั่นใจมากขึ้นครั้นมาถึงลานฝึกทหาร เขาก็กล่าวกับแม่ทัพหยวนว่า “ท่านจงเรียกคนของค่ายกองหมาป่ามารวมพลเถิด! ข้าอยากเห็นฝีมือของพวกเขา!”ในใจแม่ทัพหยวนนึกดูแคลนยิ่งนัก ทว่ายังคงรับบัญชา และสั่งให้เฝิงกังเป่าแตรรวมพล“ปู๊น ปู๊น...”เสียงแตรรวมพลดังขึ้น เหล่าทหารที่ฝึกฝนอยู่โดยรอบพลันวิ่งกรูกันเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง และเข้าประจำที่ตามหน่วยของตนอย่างเป็นระเบียบเพียงชั่วพริบตา เบื้องล่างลานกว้างก็ปรากฏร่างทหารเจ็ดแปดสิบคนยืนเรียงรายกันเซียวหลินเทียนเฝ้าสังเกตการณ์อย่างสงบนิ่งทหารเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่คัดเลือกมาจากแต่ละหน่วยอย่างแท้จริง ผู้ที่ด้อยที่สุดยังมีวรยุทธ์ดินแดนที่ห้า ส่วนผู้ที่สูงหน่อยก็อยู่ดินแดนที่เจ็ดขึ้นไปการมาเยือนครั้งนี้ เซียวหลินเทียนได้พาจู้เฉียงมาด้วยจู้เฉียงปลอมแปลงโฉมแล้ว และได้นำพาแม่ทัพเซวียและเซวียกวงไปค้นหาศพก่อนหน้านี้ เซียวหลินเทียนล่วงรู้จากจู้เฉียงแล้วว่า ทหารในกองพันนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีพื้นเพมาจากครอบครัวยากไร้ที่พวกเขาพากเพียรพยายามจนเข้าค่ายกองหมาป่า ก็เฉกเช่นเดียวกับจู้เฉีย
“ใต้เท้าหยาง! ขออภัยที่ข้าน้อยมารับท่านช้าไป!”แม่ทัพหยวนมิได้ลงจากม้า เขานั่งอยู่บนหลังม้าพลางประสานมือคารวะหยางเฉิง และกล่าวอย่างสุภาพ ทว่าแฝงแววคลางแคลงใจ“ข้าน้อยได้ยินมาว่า เป็นท่านอ๋องของพวกเราที่เชิญท่านมาตรวจการที่ค่ายกองหมาป่า? แล้วเหตุใดข้าน้อยจึงมิเคยได้ยินท่านอ๋องตรัสถึงเรื่องนี้เลย?”หยางเฉิงยิ้มเย็นชา “อ๋องซู่มิได้บอกท่านหรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?“หรือเป็นเพราะอ๋องซู่งานยุ่งมาก จึงหลงลืมไป?”“ช่างเถิด หากเจ้าเด็กนั่นหลงลืมไป ตัวข้าก็จะมิถือสาหาความ! ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ขอดูเสียหน่อยเถิด!”ทว่ากลุ่มของแม่ทัพหยวนยังคงขวางอยู่เบื้องหน้ามิยอมเปิดทางให้หยางเฉิงสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที “แม่ทัพหยวน เหตุใดกัน มิต้อนรับข้างั้นหรือ?”“ท่านอย่าได้ลืมเลือนไปว่า งบประมาณทหารครึ่งหนึ่งของค่ายกองหมาป่าแห่งนี้ ล้วนมาจากศาลาว่าการของข้า!”“ข้ามาดูว่ากองกำลังที่พวกเราสนับสนุนนั้นฝึกฝนไปถึงขั้นใดแล้ว นี่มิใช่เรื่องที่สมควรหรือ?”แม่ทัพหยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าหยางพูดเล่นแล้ว ท่านมาตรวจการ พวกเราหรือจะกล้ามิยินยอม!”“เมื่อครู่ข้าน้อยเพียงกำลังครุ่นคิดว่







