หลิงอวี๋ตัวน้อยในความทรงจำยืนอยู่ที่ประตู เห็นว่าหลิงเสียงเซิงผลักหลานฮุ่ยจวนล้มลงกับพื้น นางไอออกมาหลายครั้ง แล้วกระอักเลือดสีดำออกมาจำนวนมากหลิงเสียงเซิงพบหลิงอวี๋ตัวน้อยที่หน้าประตู ก็ก่นด่า “เจ้าผู้หญิงบ้า เจ้าทำให้ลูกตกใจ!”เขาอุ้มหลิงอวี๋ตัวน้อยขึ้นแล้วเดินออกไปผ่านไปไม่กี่วัน หลานฮุ่ยจวนก็ตายวันนั้นหลิงอวี๋ตัวน้อยตกใจมากจนป่วยหนัก ไปร่วมพิธีศพอย่างมึนงง ความทรงจำที่มีต่อหลานฮุ่ยจวนเลือนรางมากหลิงอวี๋ยืนมองอยู่ในมุมของคนที่มองเข้าไป ก็เห็นอะไรแปลก ๆ เยอะมากหลานฮุ่ยจวนตายไปยังไม่ทันครบปี หลิงเสียงเซิงก็ทนไม่ไหวไปพาอนุภรรยาตระกูลหวังมาอยู่ด้วย!แล้วนางก็กระอักเลือดสีดำออกมา!นี่มันคล้ายกับอาการที่ได้รับพิษมาก!หรือว่าในปีนั้นหลายฮุ่ยจวนจะตายอย่างแปลกประหลาดจริง ๆ ?นางไม่ได้ตายแบบปกติ แต่ถูกคนวางยาพิษหรือ?คำพูดนั้นที่หลานฮุ่ยจวนพูด ‘พวกเจ้าทำร้ายข้า...’บางทีนี่อาจจะไม่ได้หมายถึงทำร้ายความรู้สึกของหลานฮุ่ยจวน!แต่มันหมายถึงทำร้ายชีวิตของนาง?หากอยากจะหาสาเหตุการตายของหลานฮุ่ยจวนในแน่ชัด ยังต้องหาโอกาสไปหาที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอีก ตอนนี้หลิงอวี๋จึงทำได้เพียงแค่ป
หลิงอวี๋เห็นนางรับใช้ร่างใหญ่หน้ากลมผู้นี้มีผิวขาวผ่อง แม้จะด่าตน แต่ประโยคสุดท้ายกลับมีท่าทีพูดที่ดีเพื่อตนเสียอย่างนั้นนางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขาร้องของความช่วยเหลือ… เทือกเขารกร้างห่างไกลนี้มิมีผู้ใดมาช่วยพวกเจ้าได้หรอก!”“ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้าเป็นโรคหอบหืด! พลังหยิน(1)ในเขาลึกหนักเกินไป ทำให้หอบหืดกำเริบขึ้นง่าย!”หลิงอวี๋ล้วงยาพ่นหอบหืดในมือออกมา กล่าวว่า “นี่คือโอสถสรรพคุณพิเศษของข้า ให้นางสูดหายใจเข้าสักหน่อยแล้วนางจะพ้นอันตราย!”แม่นมเว่ยมองขวดประหลาดบนมือหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าระมัดระวัง มิเชื่อคำพูดนางอย่างเด่นชัด“แบบนี้...”หลิงอวี๋เปิดฝาพ่นใส่จมูกของตัวเองสองสามทีแล้วกล่าว“แม่นมเจ้าดูสิ ไม่มีสิ่งใดมิเหมาะ! ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้ายังเป็นโรคกลัวด้วย หากหายใจไม่ออกมาจะม่องเท่งเอานะ!”“แม้พวกเจ้าจะไปเรียกคนแล้ว แต่ถ้าฮูหยินใหญ่ยังมิได้รับการรักษาตัวอยู่อีก คาดว่าจะรอไม่ทันคนมาน่ะสิ! เจ้าดูนี่ สีหน้าฮูหยินใหญ่ม่วงหมดแล้ว!”แม่นมเว่ยก้มศีรษะต่ำลงมอง เห็นฮูหยินใหญ่ของตัวเองสีหน้าม่วงจริง เพียงหายใจออกแต่ไม่หายใจเข้าแล้ว!นางรีบจับมือฮูหยินใหญ่ทันควัน ก่อนจะตะโ
หลิงอวี๋เห็นฮูหยินใหญ่กำลังมองตนอย่างกอดความหวังไว้เช่นกัน นางจึงยิ้มสักพักกล่าวว่า“ขออภัยฮูหยินใหญ่ โรคเจ็บป่วยนี้จะกำเริบขึ้นบ่อยครั้ง ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้!”ดวงตาของฮูหยินใหญ่หมองลง หลิงอวี๋ค่อนข้างอดกลั้นไม่ไหว ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง นางจนปัญญาทนสายตาที่สิ้นหวังของผู้ป่วยเป็นที่สุดนางรีบกล่าวปลอบโยนว่า “แต่ข้าสามารถสอนหลายวิธีป้องกันการกำเริบต่อท่านได้! ท่านทำตามสิ่งที่ข้าบอกและดูแลรักษาให้ดีก็จะไม่กำเริบง่าย ถึงขั้นไม่กำเริบในอนาคตอีกด้วย!”อ่า มีดีขนาดนี้เชียวหรือ?แม่นมเว่ยกล่าวทันทีว่า “ฮูหยิน พวกเราจะไปทำตามวิธีที่ท่านสอนแน่นอน ท่านช่วยบอกว่าควรใส่ใจกับสิ่งใด! ไป่ซุ่ย เจ้าก็ตั้งใจช่วยฮูหยินใหญ่จำด้วย!”หลิงอวี๋ตอบว่า “ข้อแรกคือใส่ใจการบริโภค กินแค่ของอ่อนและกินผักผลไม้ให้มากเช่น ไชเท้าและบวบเป็นต้น พวกมันมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ขับเสมหะและล้างปอด เป็นประโยชน์ต่อคนเป็นโรคหอบหืดอย่างยิ่ง”หลิงอวี๋บอกไป่ซุ่ยเกี่ยวกับอาหารที่ควรเลี่ยงและกินได้ ครั้นดูท่าทีของไป่ซุ่ยที่จดจำลำบาก นางก็กล่าวขึ้นว่า“สักครู่ข้าจะไปยืมพู่กันกับกระดาษเขียนให้เจ้าแล้วกัน!”ไป่ซุ
หลิงอวี๋และทั้งสี่คนถูกไป่ซุ่ยพาไปลานจวนเล็ก ๆ ลานหนึ่งที่อยู่ข้างกัน ลานจวนนี้สะอาดเรียบง่ายเป็นสถานที่พักผ่อนรวมตัวตระกูลที่เป็นสตรีครั้นรอให้ไป่ซุ่ยออกไป แม่นมลี่ให้หลิงซินไป ก่อนจะดึงหลิงอวี๋มาข้าง ๆ เอ่ยเสียงแผ่ว“คุณหนู ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดบ่าวถึงสนับสนุนให้อยู่ต่อ?”หลิงอวี๋เดาว่าแม่นมลี่คงไม่เสนอให้ตนอยู่ต่อหากไม่มีสาเหตุจึงเอ่ยถามเสียงเบา“เป็นเพราะฮูหยินใหญ่เหลียงผู้นั้นมีฐานะที่พิเศษรึ?”แม่นมลี่มองนางอย่าจนปัญญา กล่าวเสียงแผ่วว่า “คุณหนู ท่านลืมไปแล้วรึ เมื่อท่านยังเด็กเคยพบนาง...นางแซ่เหลียง… ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันคือฮ่องเต้อู่อันและหมู่เฟย(1)ของฮ่องเต้ก็แซ่เหลียงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกตะลึงชั่วขณะ เอ่ยถามว่า “หรือว่านางคือไทเฮา?”หลิงอวี๋รู้เพียงว่าฮูหยินใหญ่ผู้นี้มีฐานะสูงศักดิ์ สง่าเกรียงไกร ยังคิดว่าเป็นคุณท่านหญิงจากสกุลร่ำรวยมากอำนาจจากบางแซ่ผู้ใดจะไปรู้ว่าเป็นไทเฮาในพระราชวัง!“นั่นน่ะสิ! คุณหนู… เมื่อครู่บ่าวเป็นห่วงท่านแล้ว! หากท่านรักษาไทเฮาไม่หาย พวกเราต้องตายกันหมดเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ประสานมือ ก่อนจะท่องนะโม อมิตาภพุทธะ แล้วเอ่ยว่า “ยังดีที่คุณหนูช่วยชีว
ด้วยตำรับอาหารบำรุงสุขภาพที่ทำตามคำแนะนำของหลิงอวี๋ กอปรกับโอสถพ่นหอบหืดที่หลิงอวี๋ให้ ไทเฮาเหลียงหลับเสถียรภาพตลอดคืนไทเฮาก็รู้สึกร่างกายผ่อนคลายจากที่ไม่เป็นมาก่อน นางก็คลี่ยิ้มพึงพอใจ“ทั้งหมดนี้ต้องยกคุณงามความดีให้ชายาอ๋องอี้! อายเจียรู้สึกว่าถ้าดูแลอย่างนี้ต่อไป อายเจียจะมีชีวิตถึงร้อยปีจริง ๆ ”“เป็นเช่นนั้นแน่นอนเพคะ! ไทเฮามีวาสนาดี… ออกตำหนักก็บังเอิญพบกับผู้สูงศักดิ์แล้ว!”“บ่าวจะไปคอยปรนนิบัติไทเฮาเสวยพระกระยาหารเช้า! ชายาอ๋องอี้บอกว่าหลังเสวยเสร็จก็พักผ่อนครึ่งชั่วยาม นางจะรอท่านอยู่ลานครึ่งทางขึ้นเขาวัดเพื่อชี้แนะวิธีรำไทเก๊กท่าน!”“ดีเลย… แม่นมเว่ย เจ้าควรศึกษาทีหลังด้วย! พวกเราจะได้อายุยืนยาว… เจ้าจะได้อยู่เคียงข้างอายเจียหลาย ๆ ปี” ไทเฮาเหลียงรู้สึกยินดีสุดซึ้งแม่นมเว่ยพยักหน้าส่งยิ้มตอบ “ไทเฮาทรงโปรดปรานรักใคร่ บ่าวจะหมั่นเพียรศึกษาตามอย่างแน่นอน บ่าวจะอยู่คอยปรนนิบัติไทเฮาพันปีพันพันปีเลยเพคะ! ”“ปากเจ้าทาน้ำผึ้งหรือ? เลือกวาจาน่าฟังเสมอเลย… อะไรพันปีกัน อายเจียไม่คาดหวัง มีชีวิตร้อยปีก็พอใจแล้ว!”ไทเฮาเหลียงเสวยพระกระยาหารเช้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง และแม่นมเ
“คุณหนู ทำเช่นไรดีเจ้าคะ?”“งานเฉลิมฉลองของไทเฮาเชิญท่านไป เราก็ต้องเตรียมของขวัญถวายไทเฮา ยังต้องซื้อชุดเสื้อผ้าให้ท่านสวมไปงานด้วย!”ระหว่างทางกลับ แม่นมลี่นึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่หลิวอวี๋ให้ตนก็เกิดความกลุ้มใจของขวัญถวายไทเฮามิอาจกระจอกงอกง่อยได้ เสื้อผ้าที่คุณหนูสวมเข้าวังก็มิอาจะกระจอกงอกง่อยได้เช่นกัน!นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ผลาญเงินยิ่ง แต่เหลือเวลาแค่สิบกว่าวันก็ถึงวันงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพแล้ว จะไปหาเงินได้จากไหนเล่า!หลิงอวี๋กล่าวคัดค้านว่า “แม่นม พระนางแค่พูดตามพิธีรีตองเท่านั้น ไยเจ้าคิดเป็นจริงเป็นจัง!”“อ่า ตามพิธีรีตอง? เป็นไปมิได้! คำพูดดั่งทองวาจาดั่งหยกของไทเฮา จะตรัสความเท็จได้เยี่ยงไร?” แม่นมลี่ผงะสักพัก“เมื่อก่อนในวังจัดงานเฉลิมฉลองอะไรก็ไม่เคยเชิญข้า! ไทเฮาจะทรงละเว้นได้เยี่ยงไร!”หลิงอวี๋ยิ้มอ่อนจาง “ข้าช่วยคนเป็นหน้าที่ ไม่อยากได้อะไรจากพระนาง! แม่นมก็อย่าพะวงไป… หากต้องพะวงจริง ๆ ก็คอยจนกว่าจะได้เห็นบัตรเชิญค่อยว่ากันเถอะ!”ครั้นแม่นมลี่ได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของนางก็หวนนึกถึงทัศนคติของราชวงศ์ที่มีต่อหลิงอวี๋กับหลิงเยว่ก็เลยไม่กอดความหวังแล้วเช่นกัน!ทั้งส
เสิ่นจวนเห็นเจิงจื่ออวี้เสียหน้าก็พลันช่วยพูดทันควัน “อย่าว่าแต่เรื่องดูแคลนอันใดเจ้า ตัวข้าสามารถดูแคลนเจ้าได้ประเดี๋ยวนี้เลย!”“หากเจ้าไม่มีเงินกินข้าวจริง ๆ มาเป็นนางรับใช้ให้ข้าสักวัน แล้วข้าจะช่วยค่าอาหารของวันนี้แก่เจ้าเป็นเช่นไร?”สตรีที่กำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างอาฆาตคือฉินรั่วซือ น้องสาวของฉินซานนางทนไม่ไหวเลยกล่าวเสียงเย็นชา“เสิ่นจวน นางเลือกภัตตาคารจี๋เสียงแล้วกลับยังต้องการให้เจ้าออกเงินช่วยอีกรึ!”“นางยังติดหนี้เกิ่งเอ้อเหยอยู่เลย ถ้านางจะเข้าไปยืมอีกก็ไม่เห็นจะเป็นไร! ลำบากขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก!”คุณหนูคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก แม้การพรรณนานี้จะหยาบ แต่เหมาะกับหลิงอวี๋ยิ่ง!เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจหลิงอวี๋กลับเต้นผิดจังหวะ คาดมิถึงว่านี้คือภัตตาคารที่เกิ่งเอ้อเหยเปิดกิจการ?นางกำลังใคร่ครวญว่า จะไถ่ถอนมรดกตกทอดวงศ์ตระกูลของเซียวหลินเทียนกลับมาอย่างไรดีและคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงที่ตัวเองติดค้าง!นี่คือการหลับในแล้ววิ่งชนหมอนจริงๆ(1)ชัด ๆ!ในบรรดาร้านยาสมุนไพรพวกนั้นไม่มีความรู้สรรพคุณยาเสียเลย แต่เกิ่งเอ้อเหยเป็นคนในยุทธภพเช่นนี้ต้องรู้เป็นแน่!
หลิงอวี๋มองนางอย่างเฉยเมย “เสียงผู้ใดดังก็เป็นผู้นั้นไร้การศึกษาไงเล่า ขนาดเด็กยังเข้าใจ เจ้ากลับมิเข้าใจรึ?”“ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปให้แม่เจ้าสั่งสอนภาคบังคับเจ้าใหม่อีกแปดปีซะสิ!”เสิ่นจวนบันดาลโทสะจนตัวสั่นเทิ้ม หลิงอวี๋คนต่ำช้าผู้นี้กลายเป็นคนฉลาดพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?เมื่อก่อนพอถูกตนกล่าวไม่กี่ประโยคก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธตลอดแท้ ๆ !นี่เพิ่งไม่พบกันไปไม่กี่วัน ผู้ที่ถูกทำให้โกรธจนต้องกระทืบเท้ากลับเป็นตนเสียอย่างนั้น!มีคุณหนูผู้หนึ่งในกลุ่มนั้นมองไปโดยรอบ ก่อนจะพบว่า คนที่มากินข้าวที่นี่ทั้งหมดล้วนต่างมองมา และแล้วใบหน้านางก็แดงฉับพลันนางดึงเสิ่นจวนเข้ามากระซิบเตือนข้าง ๆ ว่า “เรามาดูเรื่องบันเทิงของนาง! มิใช่ให้ผู้อื่นมาดูเรื่องบันเทิงเรา!”“ทนรออีกสักเดี๋ยว คอยดูนางไม่มีเงินจ่ายอีกสักหน่อย นั่นคงทำให้นางต้องอับอายเป็นแน่!”คำพูดนี้เอ่ยเพื่อปลอบขวัญเสิ่นจวน ครั้นนางเห็นอันเจ๋ออยู่ที่นี่ ก็พลันนิ่งเงียบไปนางปรารถนาออกเรือนกับเซียวหลินเทียน และอันเจ๋อก็เป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา นางเลยจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเอาไว้!อาหารเพิ่งยกมา หลิงอวี๋ก็พลันเห็นลู่หนานพา
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร