Mag-log inชิงเสวียนกับฮูหยินหยางมองขวดในมือหลิงอวี๋อย่างตกใจชิงเสวียนอดมิได้ที่จะเอ่ยไปว่า “ถูกงูกัดบาดเจ็บแล้ว เดี๋ยวเดียวก็จะตายนะ!”“ฮูหยินอู่ ท่านแน่ใจหรือว่าพิษงูเหล่านี้จะกำจัดสาหร่ายหนามได้โดยมิเป็นอันตรายถึงชีวิตรั่วหลาน?”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างอดทน “อย่าได้รีบร้อน ข้ายังพูดมิจบ!”“เมื่อครู่ข้าเปรียบเทียบยาพิษที่ได้ผลที่สุดดูแล้ว มีเพียงพิษงูนี่เท่านั้นที่เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วที่สุด!”“เมื่อพิษงูทะเลเข้าสู่ร่างกาย จะถูกร่างกายดูดซึมเข้าไปได้ง่ายที่สุด หัวใจและไตก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน!”“ทว่า หลังจากที่ถูกพิษงูทำให้บาดเจ็บแล้ว หากให้การรักษาภายในครึ่งชั่วยาม ก็จะมิเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต!”“เช่นนี้ก็หมายความว่า ขอเพียงพวกเราให้ยาแก้พิษงูกับหยางรั่วหลานภายในครึ่งชั่วยาม หยางรั่วหลานก็จะมิเป็นกระไร!”“ส่วนหัวใจและไตที่ได้รับความเสียหาย ขอเพียงค่อย ๆ บำรุงกันไปก็จะฟื้นฟูได้!”ฮูหยินหยางยังมิเคยพบเจอวิธีช่วยชีวิตคนเช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อยส่วนชิงเสวียนก็เข้าใจฮูหยินหยางที่สุด เมื่อนางเห็นความลำบากใจบนใบหน้าฮูหยินหยาง นางจึงเอ่ยออกไป “ท่านแม่บุญธรรม ให้ข้าไปตา
อ๋องซู่ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่หยางหนานก็มิรอให้เขาได้พูดอะไร ลากตัวเขาไปทันทีคราวนี้อ๋องซู่ก็ไม่มีข้ออ้างปฏิเสธแล้วรั่วหลานกำลังจะตาย หยางหนานหาวิธีการช่วยเหลือนางได้ ตนก็เป็นคู่หมั้นของหยางรั่วหลานด้วย จะมิไปได้อย่างไรกันอ๋องซู่เหลือบมองหมออาวุโส หมออาวุโสก็ส่งสายตาให้เขาอ๋องซู่เข้าใจในทันที และคิดว่ารั่วหลานจะต้องตายอย่างแน่นอน เขาจึงเดินตามไปอีกด้านหนึ่ง ชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าอ๋องซู่ออกไปแล้ว นางก็รีบเดินไปที่ห้องด้านข้างทันทีแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินอู่ ท่านออกมาได้แล้ว!”หลิงอวี๋จึงตอบกลับไป “รออีกประเดี๋ยว ใกล้จะเสร็จแล้ว!”นางจ้องมองการเปลี่ยนแปลงเลือดของรั่วหลานที่อยู่ภายใต้กล้องจุลทรรศน์นั้นอย่างร้อนอกร้อนใจ และอธิษฐานขอให้โอสถที่ตนปรุงในครั้งนี้ได้ผลชิงเสวียนเองก็มิรู้เช่นกันว่าหลิงอวี๋ทำอะไรอยู่ข้างใน จึงเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนใจรอจนผ่านเวลาไปหนึ่งก้านธูป แต่สำหรับชิงเสวียนแล้วยาวนานราวกับชั่วชีวิต นางอาศัยเวลานี้วิ่งเข้าไปในห้องรั่วหลาน แล้วก็พบว่าอาการของรั่วหลานทรุดลงมาก จึงถ่ายทอดคำพูดของหลิงอวี๋ให้ฮูหยินหยางฟัง ฮูหยินหยางถอนหายใจแล้ว
อ๋องซู่เอ่ยอย่างใจเย็น “นางคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก ทั้งยังเป็นหลิงอวี๋ผู้เป็นธิดาของหลงหมิงอีกด้วย! ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเป็นแพทย์ชั้นเซียนที่กล่าวขานกันอื้ออึงไปทั่วทั้งเมืองหลวงแดนเทพ!”“หลิงอวี๋?”ฮูหยินหยางตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำท่าทีเยาะเย้ยไปว่า “หากเข้าใจเพียงผิวเผินแล้วกล้าเรียกตนเองว่าเป็นแพทย์ชั้นเซียน เช่นนั้นหม่อมฉันจะมิเป็นแพทย์ชั้นเซียนที่เก่งกาจยิ่งกว่าหรือ!”“หม่อมฉันว่านางเองก็มีแต่ชื่อเสียงแต่ไร้ความสามารถเช่นกันกระมัง! มิฉะนั้นนางจะวินิจฉัยโรคของรั่วหลานมิออกได้อย่างไรกันเพคะ!”หมออาวุโสอยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ใต้หล้านี้ก็มีพวกหลอกลวงอยู่มากโข ที่อาศัยว่าตนมีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์เล็กน้อยมาตบตา ฮูหยินจะมิเชื่อนางก็เป็นปกตินี่!”“ฮูหยิน โรคนี้ของคุณหนูหยางช่างประหลาดนัก ข้าศึกษาวิชาแพทย์มาหลายสิบปีก็ยังมิเคยพบโรคเช่นนี้มาก่อนขอรับ!”“ฮูหยิน เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่จะมิใช่โรค แต่ถูกวิชามารเข้าแล้ว?”ฮูหยินหยางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ ชิงเสวียนก็ตะโกนเรียก “ท่านแม่ ท่านดูรั่วหลานสิเจ้าคะ!”ฮูหยินหยางหันกลับไปก็เห็นว่าใบหน้าของหยางรั่วหลานกลาย
หลิงอวี๋กล่าวพลางเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “มิสู้เชิญพวกเขาเข้ามาข้างในเถิด!”“ฮูหยินหยาง หากท่านหมออาวุโสผู้นั้นคือเจี่ยงชิงจริง เมื่อนางเห็นอาการของรั่วหลานทรุดหนักลง ก็อาจจะมิยื่นมือเข้ามายุ่งอีก!”“เช่นนี้ พวกเขาก็จะมิสงสัยว่าพวกเราล่วงรู้แผนการของนางแล้ว เปิดโอกาสให้พวกเราซื้อเวลาในการรักษาหยางรั่วหลานได้!”ฮูหยินหยางก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ชิงเสวียน ไปเชิญพวกเขาเข้ามาเถิด!”หลิงอวี๋ได้เจาะเก็บเลือดของหยางรั่วหลานเรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวว่า “ฮูหยินหยาง เช่นนั้นข้าขอตัวไปตรวจดูที่ห้องข้าง ๆ ก่อน!”นางถือเลือดกลับมายังห้องข้าง ๆ และเร่งรุดเข้าไปในมิติของตน วางตัวอย่างเลือดไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ทันทีครั้งนี้เมื่อหยดน้ำยาเทียบสีชนิดพิเศษลงไป หลิงอวี๋ก็มองเห็นเส้นใยบาง ๆ คล้ายพืชในกระแสเลือดของหยางรั่วหลานอย่างรวดเร็วเมื่อขยายภาพดูก็พบว่าเป็นเซลล์ของสาหร่ายบางชนิด สาหร่ายชนิดนี้สมชื่อสาหร่ายหนาม ผิวของมันมีหนามแหลมคมงอกออกมาหากหลอดเลือดบริเวณหัวใจถูกสาหร่ายหนามเหล่านี้พันรัดจนเต็ม การสูบฉีดเลือดก็จะถูกจำกัดอย่างหนักนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้หัวใจของหยางรั่วหลานเ
เมื่อหลิงอวี๋คาดเดาได้ดังนั้น ก็รีบรุดไปยังโต๊ะทดลองในภาชนะเพาะเชื้อมีเลือดของหยางรั่วหลานเลี้ยงไว้อยู่ หลิงอวี๋ตักตัวอย่างออกมาเล็กน้อยวางไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์เพื่อสังเกตการณ์ ทว่าเลือดในภาชนะเพาะเชื้อยังคงมิปรากฏสิ่งใดผิดปกติหรือว่านางจะวินิจฉัยผิดพลาดไป?ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิด ก็พลันนึกขึ้นได้ เลือดที่นางเก็บมานั้นเป็นเลือดจากข้อพับแขนของหยางรั่วหลานทว่าไฝดำของหยางรั่วหลานนั้นอยู่ที่แผ่นหลังซึ่งใกล้กับหัวใจหากเจี่ยงชิงใส่สาหร่ายหนามนี้เข้าที่แผ่นหลังของหยางรั่วหลานจริง ด้วยความสามารถในการแพร่พันธุ์ของมัน ย่อมยังมิลุกลามไปทั่วร่างในเวลาอันสั้นบางทีการเก็บเลือดบริเวณใกล้เคียงหัวใจของหยางรั่วหลานอาจทำให้ตรวจพบร่องรอยของสาหร่ายหนามได้ง่ายกว่าขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงร้องของหลิงหว่านดังมาจากด้านนอก “พี่หญิงหลิงหลิง ชิงเสวียนมาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นจึงรีบออกไป“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”หลิงอวี๋ใจกระตุกวูบ หรือว่าหยางรั่วหลานจะสิ้นหวังแล้ว?หลิงหว่านกล่าวอย่างร้อนรน “ชิงเสวียนบอกว่าไฝดำของหยางรั่วหลานขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่า ทั้งชีพจรยังเต้นเร็วขึ้น
หลิงอวี๋อ่านจบเล่มหนึ่งก็ดึงออกมาอีกเล่ม ทว่าบันทึกเล่มนี้กลับมิใช่บันทึกเกี่ยวกับเครื่องยาสมุนไพร แต่เป็นบันทึกเรื่องราวพิสดารนานาชนิดทั้งลายมือก็มิใช่ของฮูหยินหยางลายมือของฮูหยินหยางนั้นอ่อนช้อยงดงาม ทว่าลายมือในบันทึกเล่มนี้กลับหนักแน่นทรงพลัง ทั้งสำนวนการเขียนยังองอาจเปี่ยมด้วยอิสระ น่าจะเป็นบุรุษผู้หนึ่งที่เขียนไว้เดิมทีหลิงอวี๋คิดจะเปลี่ยนเล่ม แต่เมื่อลองพลิกอ่านดูสองสามหน้า ก็ถูกเนื้อหาด้านในดึงดูดความสนใจเข้าเสียแล้วในบันทึกเล่มนี้มีเรื่องราวของสัตว์เทพ ทั้งยังมีเครื่องยาสมุนไพรพิสดารบางขนาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการกล่าวถึงชนเผ่าหลายเผ่าที่หลิงอวี๋มิเคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยอีกทั้งสถานที่ตั้งของชนเผ่าเหล่านี้ดูเหมือนจะมิใช่แดนเทพ ตัวอย่างเช่นชนเผ่าหนึ่งนามว่าเผ่าจันทราโลหิตก็ตั้งอยู่ที่แคว้นเฮ่อหลานในบันทึกยังกล่าวถึงสถานที่อย่าง แดนเหมันต์ แคว้นซิงลั่ว แคว้นโหลวอี้และอื่น ๆนี่จึงเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของหลิงอวี๋ที่ว่าแดนเทพมิใช่แคว้นเดียวบนผืนแผ่นดินนี้ป่าหมื่นอสูรที่ถูกบันทึกไว้ก็มีคำอธิบายว่าตั้งอยู่ที่จุดบรรจบกันของสามดินแดนระหว่างแคว้นซิงลั่วและแด







