LOGINลิ้นเล็กๆ ของเธอสอดเข้าไปในปากของเขาก่อนจะร้อยรัดเกี่ยวกับลิ้นของเขา ภวินท์ยังตั้งตัวไม่ติดในตอนแรกแต่เมื่อเขาตั้งสติได้เขาก็เป็นฝ่ายรุกเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทำเอาภีรดาวาบหวามที่ช่องท้องขึ้นมาทันที
“อือ” เสียงครางของเธอหลุดออกมาเป็นระยะ เพราะรู้สึกเสียวซ่านจากแรงจุมพิตของเขา
“อย่าริอ่านเล่นกับไฟ” เขาพูดเสียงแหบพร่าเมื่อถอนริมฝีปากออกและจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ
“ฉันก็แค่จะขอบคุณนาย” ภีรดาไม่ยอมหลบตาเขา
“ถ้าเป็นคนอื่นจะทำแบบนี้หรือเปล่า” เขาถามอย่างไม่พอใจ
“แล้วคิดว่าจะทำไหมล่ะ” เธอถามอย่างท้าทาย
“ก็ลองทำดูสิ” เสียงเขาพูดเหมือนข่มขู่
“นายไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”
คำพูดนั้นทำให้ภวินท์ต้องกระแทกริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนครั้งแรก เขากดกระแทกลงมาจนภีรดารู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ยอมแพ้เขา เธอกลับพยายามตอบโต้เขาด้วยการจูบตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานอีกครั้งจนภวินท์ลืมตัวและจูบเธออย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นคราวแรก
“ยัยตัวแสบ” เขาพูดเหมือนคำรามหลังจากถอนริมฝีปากออกมาอีกครั้ง ภีรดากลับยิ้มอย่างมีความสุข
วราลีนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในตอนดึกของค่ำคืนนี้ ดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืนแข่งกันกะพริบแสงอย่างสวยงาม อะไรบางอย่างทำให้นึกถึงใครคนหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกล ตั้งแต่เขาไปเรียนต่อข่าวคราวของเขาก็เงียบหายไป ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรนะ คงกำลังมีความสุขอยู่กับสาวๆ ตามประสาเขานั่นแหละ เธอน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอเพราะไม่มีใครมาตามหาเรื่องและก่อกวนเธอแต่วราลีกลับทรมานใจอย่างประหลาดเมื่อไม่ได้พบหน้าเขา
เช้านี้วราลีตื่นสายมากกว่าปกติ เพราะเมื่อคืนนอนดึกเธอรีบวิ่งขึ้นไปตึกเรียนเพราะเลยเวลาเรียนไปเกือบห้านาทีแล้ว
โครม!
แรงปะทะกับอะไรบางอย่างทำให้วราลีล้มลงไปนั่งกับพื้นพร้อมทั้งแว่นตาของเธอที่กระเด็นตกไปอีกทาง
“ขอโทษครับ” หม่อมหลวงพิษณุพูดในขณะที่เข้าไปประคองวราลีให้ลุกขึ้นและช่วยเธอเก็บหนังสือที่ตกเกลื่อนอยู่ที่พื้น
“เอ้อไม่เป็นไรค่ะ” วราลีตอบอย่างเกรงใจเพราะเธอเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ได้ดูทางให้ดีเนื่องจากความรีบร้อนของเธอ
พิษณุรู้สึกแปลกใจเมื่อหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาพูดแต่ไม่ได้มองหน้าเขาราวกับมองไม่เห็นเขา เขาเพ่งมองใบหน้ารูปหัวใจของเธออย่างตกตะลึงนิดๆ เพราะผู้หญิงคนนี้มีอะไรดึงดูดใจเขาอย่างประหลาด
“เอ้อขอโทษนะคะคือคุณเห็นแว่นของไหมหรือเปล่าคะ” คำถามของเธอทำให้เขาหายสงสัยในที่สุด
พิษณุมองหาแว่นให้กับเธอก่อนที่จะเดินไปหยิบมันมา แว่นอันนั้นมีรอยร้าวที่เกิดจากแรงกระแทกตอนที่ตกกับพื้นนั่นเอง เขาก้มลงมองมันก่อนส่งคืนให้เธอ
วราลีรับมันคืนมาจากเขาและใส่มันกลับไปเธอมองเห็นเขาชัดขึ้นทันที
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับที่ชนคุณและทำให้คุณต้องเจ็บตัวแถมแว่นยังแตกด้วย” พิษณุบอกอีกครั้งหลังจากที่เธอสามารถมองหน้าเขาได้ชัดขึ้น
“ไหมผิดเองค่ะไม่เป็นไร แต่ว่าไหมต้องไปแล้วล่ะค่ะเลยเวลาเรียนของไหมมานานแล้ว” วราลีรีบผละจากไปเมื่อนึกได้ว่าเธอต้องรีบไปเรียน
วราลีมานั่งในห้องอย่างรีบร้อนแต่ก็รู้สึกโล่งใจเมื่ออาจารย์ยังไม่เข้าสอน เธอรู้สึกรำคาญตัวเองเล็กน้อยที่มองผ่านแว่นไม่ชัดเจนเหมือนทุกวันเพราะวันนี้แว่นของเธอมีรอยร้าวมาบดบัง ทำไงได้ก็ซุ่มซ่ามเองนี่นะวราลีแอบบ่นตัวเองในใจ
อาจารย์พิเศษเดินเข้ามาในห้องทำให้นักศึกษาทุกคนเงียบไปทันที ความหล่อของเขาสะกดนักศึกษาให้ตกตะลึงได้ชั่วขณะ
“สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน ผมพิษณุนะครับเป็นอาจารย์พิเศษของเทอมนี้ครับ” จบคำแนะนำตัวของเขาก็ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของนักศึกษาสาวๆ ที่หันไปซุบซิบและยิ้มอย่างพอใจกับความหล่อของเขา
พิษณุมองมาเห็นวราลีนั่งนิ่งๆ อยู่คนเดียวเขายิ้มให้เธอก่อนจะก้มหัวให้อย่างทักทาย เพื่อนๆ หลายคนมองมายังวราลีเป็นตาเดียวทำให้เธอขยับตัวอย่างอึดอัด ใครจะไปคิดว่าคนที่เธอเดินซุ่มซ่ามชนเขาเมื่อสักครู่จะมาเป็นอาจารย์สอนเธอ
“เดี๋ยวครับไหม” พิษณุเรียกเธอเอาไว้หลังจากเลิกเรียน
“คะอาจารย์” วราลีพูดกับเขาอย่างเกรงใจ
“แว่นของไหมผมขอเอาไปซ่อมให้นะครับ” เขาบอกและยิ้มให้เธอย่างอบอุ่น
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ ไหมจัดการเองเรื่องนิดเดียว”
“เรียกผมว่าพี่ณุก็ได้ครับ อย่าเรียกว่าอาจารย์เลย”
“เอาไว้ไหมเรียนจบแล้วค่อยเรียกดีกว่านะคะ เรียกตอนนี้บาปแย่เลย”
ประโยคนั้นของเธอทำให้เขายิ้มอย่างเอ็นดู ท่าทางเงียบๆ และนิ่งๆ ของเธอยิ่งชวนให้เขาอยากค้นหาตัวตนของเธอพิษณุบอกตัวเองแบบนั้น แว่นตาอันหนาที่ปิดบังดวงตาเธออยู่ไม่ได้ทำให้ความน่ารักของเธอน่ารักลดลงเลยแต่ในยามที่ไม่มีแว่นอันนี้อยู่บนใบหน้าของเธอก็ยิ่งทำให้เธอน่ารักมากขึ้นไปอีก
“หน้าไหมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะอาจารย์”
“เปล่าครับผมขอโทษนะ” พิษณุหัวเราะเก้อๆ เมื่อเผลอเพ่งมองเธอจนเธอจับได้
ภีรดาเดินเข้ามาหาวราลีในห้องเรียนหลังจากที่เห็นเพื่อนๆ ของวราลี เดินลงไปจากตึกแล้วแต่ยังไม่เห็นวราลีเดินลงไป
“ไหม” ภีรดาส่งเสียงเรียกมาจากหน้าห้องก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าวราลีไม่ได้อยู่คนเดียว
“พิมเอ้อขอโทษด้วยที่ปล่อยให้รอ นี่อาจารย์พิษณุ อาจารย์พิเศษของไหมจ้ะ” เธอแนะนำพิษณุให้กับภีรดารู้จัก ภีรดายกมือไหว้ทำความเคารพเขาตามมารยาท พิษณุกล่าวทักทายภีรดาสักครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวออกไป
“อาจารย์คนนี้หล่อจังเลยนะไหม” ภีรดาชวนคุยเมื่อพิษณุเดินออกไปจากห้องแล้ว
“งั้นเหรอจ๊ะ”
“ดูท่าทางเขาสนิทกับไหม ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ภีรดาซักอย่างอยากรู้
“เมื่อเช้านี่เองจ้ะ ไหมซุ่มซ่ามชนเขา”
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







