เข้าสู่ระบบภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้ง
หญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ
“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด
“ยัง”
“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”
“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด
“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”
“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพูดก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะไปหาเข าและโดยที่ภวินท์ไม่ทันตั้งตัวภีรดาก็นั่งลงบนตักเขาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาไว้อย่างท้าทาย
“นี่คุณ” เขาเรียกเธอน้ำเสียงดุดัน
“ทำไมนายมันแค่ลูกจ้างอย่ามาทำเสียงแบบนี้กับฉัน” เธอพูดชิดริมฝีปากเขา
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ” เสียงขุ่นๆ ของเขาที่พูดกับเธอทำให้ภีรดารู้ว่าเขากำลังโกรธเธออีกครั้งแล้วแต่นั่นกลับทำให้ภีรดารู้สึกพอใจมากกว่าการที่เขาทำท่าเย็นชาใส่เธอซะอีก
“ไม่ลุก แล้วฉันก็ต้องการให้จูบฉันเดี๋ยวนี้ด้วย”
“นี่คุณกำลังทำบ้าอะไร” เขาพูดอย่างหงุดหงิดกับความดื้อรั้นของภีรดา
“จูบสิ” เธอออกคำสั่งอีกครั้ง ก่อนจะเป็นฝ่ายกดริมฝีปากลงบนปากของเขาซะเอง ประสบการณ์จากการที่ได้เรียนรู้จากการที่เคยจูบกับเขาทำให้ภีรดารู้ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง หญิงสาวพยายามแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเขาเหมือนกับที่เขาเคยทำกับเธอ แต่เขาไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเธอง่ายๆ เขากลับไม่ยอมเผยอปากมิหนำซ้ำยังพยามที่จะผลักเธอออก
ในขณะที่ภีรดาก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันเธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้เขาจูบตอบเธอให้ได้โดยที่หญิงสาวไม่รู้ว่าในตอนนี้ในห้องไม่ได้มีแต่เธอกับภวินท์สองคนแล้ว
ภีรวัจน์ยืนดูเหตุการณ์นั้นอย่างโมโห เขาไม่คิดว่าภวินท์จะกล้าล่วงเกินน้องสาวคนเดียวของเขาทั้งๆ ที่อยู่ในที่ทำงานแบบนี้
“พิม”
น้ำเสียงทรงอำนาจที่บ่งบอกอารมณ์โกรธกรุ่นของภีรวัจน์ที่เรียกภีรดา ทำให้หญิงสาวได้สติและผละออกจากภวินท์อย่างอับอาย เพราะไม่คิดว่าภีรวัจน์จะเข้ามาเห็นเหตุการณ์แบบนี้
“พี่เคน” ภีรดาพยายามจะอธิบาย
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” น้ำเสียงเด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้ภีรดารู้ว่าเขาโกรธมากแค่ไหน
“คุณภวินท์เชิญที่ห้องผม” เขาหันมาสั่งภวินท์น้ำเสียงไม่ได้ต่างจากเดิมก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป
ภีรดาหันมามองหน้าภวินท์ที่ตอนนี้ยังสงบนิ่งแต่สายตาที่มองเธออย่างว่างเปล่าของเขาตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ภวินท์เดินตามภีรวัจน์ไปหลังจากนั้น ภีรดาเดินกลับไปกลับมาอย่างกระสับกระส่ายเพราะเธอไม่รู้ว่าภีรวัจน์จะทำอะไรกับภวินท์บ้าง ถ้าภีรวัจน์โกรธจนไล่เขาออกเธอจะทำยังไง เพราะแค่นี้เขาก็เกลียดขี้หน้าเธอมากพออยู่ แล้วถ้าครั้งนี้เธอทำให้เขาเดือดร้อนจนถึงกับโดนไล่ออกจากงาน เขาคงไม่มีวันมองหน้าเธออีก
“ผมต้องการให้คุณรับผิดชอบ” ภีรวัจน์พูดกับภวินท์ตรงๆ หลังจากที่ภวินท์เดินเข้ามาหาเขาในห้อง
“ผมยินดีลาออกจากที่นี่” ภวินท์พูดนิ่งๆ
“ผมไม่ได้ต้องการให้คุณรับผิดชอบแบบนั้น” ภีรวัจน์ตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ
“แล้วคุณต้องการอะไร”
“คุณทำให้น้องสาวผมเสียหายขนาดนั้นแล้วจะคิดหนีปัญหาไปแบบนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ” ภีรวัจน์พูดอย่างเย้ยหยัน
“คนอย่างผมไม่เคยคิดจะหนีปัญหา”
“ก็ดีถ้าอย่างนั้นผมต้องการให้คุณหมั้นกับยัยพิมและดูแลน้องสาวผมให้ดีที่สุด” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง
“โดยที่ไม่คิดจะถามความสมัครใจของเราสองคนก่อนอย่างนั้นเหรอครับ” ภวินท์รู้สึกไม่พอใจที่ภีรวัจน์พูดเหมือนบีบบังคับเขา
“เหตุการณ์เมื่อสักครู่ผมคงไม่ต้องถามใครกระมัง” ภีรวัจน์พูดแค่นั้นและกลับไปนั่งที่โต๊ะ ภวินท์ไม่ได้ตอบโต้อะไรอีกนอกจากเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ภีรดาเห็นสีหน้าของภวินท์หลังจากที่เขากลับมาแล้วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก พี่ชายของเธอคงไล่เขาออกแล้วจริงๆ หญิงสาวรู้สึกทนไม่ไหวกับการที่เธอต้องเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ทำให้เธอต้องรีบเดินตรงไปยังห้องของพี่ชาย
“พี่เคนไล่พี่ไก่ออกจากงานเหรอคะ” เธอถามทันทีที่มาถึงห้องทำงานของภีรวัจน์
“เขาบอกเราแบบนั้นเหรอ” ภีรวัจน์ย้อนถาม
“เปล่าค่ะแต่เห็นสีหน้าของเขาแล้วพิมก็รู้ว่าพี่เคนไล่เขาออก พี่เคนคะมันไม่ใช่ความผิดของเขานะคะ ทั้งหมดมันเป็นเพราะพิม” ภีรดาพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนพี่ชายของเธอจะไม่ยอมรับฟังเธอเลยสักนิด
“ดูเราเดือดเนื้อร้อนใจเหลือเกินนะ”
“ก็พิมเป็นห่วงเขานี่คะ” ภีรดาหลุดประโยคนั้นออกมาแล้วก็ต้องหน้าแดง เมื่อเธอรู้สึกตัวว่ากำลังถูกพี่ชายตลบหลัง
“งั้นพี่ก็ตัดสินใจไม่ผิด”
“พี่เคนให้เขาทำอะไร”
“ก็แค่ให้เขามาหมั้นเรา แล้วก็ดูแลเราให้มันเป็นเรื่องเป็นราว”
ภีรดาฟังอย่างตกใจเพราะเธอไม่คิดว่าเรื่องราวทุกอย่างมันจะบานปลายมาถึงขั้นนี้ ใช่...เธอยอมรับว่าความฝันของเธอคื อการได้อยู่เคียงข้างภวินท์ ได้เป็นเจ้าสาวของเขา แต่มันต้องไม่ใช่ด้วยการที่ไปบังคับเขาแบบนี้
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







