หลังจากไดออนเดินจากไป ข้าวหอมนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะ ซองจดหมายนั้นยังวางอยู่ตรงหน้าเธอไม่รู้ว่าควรเก็บไว้…หรือควรคืนเขาสมองของเธอไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกได้อีกต่อไป หัวใจมันตีกลับ—เหมือนน้ำที่กระทบหินก้อนเดิมซ้ำ ๆ แต่ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากโต๊ะ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังเสียงที่ทำให้ไหล่เธอกระตุกโดยอัตโนมัติ“มัจฉะนมอัลม่อน หวานร้อย...สั่งเหมือนเดิมเลยสินะ”ข้าวหอมชะงัก เสียงนั้นนุ่ม ละเมียด…แต่แฝงแรงกดดันลึก ๆ เธอหันไปช้า ๆ — และพบรอยยิ้มบาง ๆ ของ พัคจองฮุนเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม สูทเรียบพอดีตัว แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าการแต่งตัว…คือสายตาที่มองเธอราวกับรู้ว่าเธอจะมา“ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอคุณที่นี่อีกครั้ง”เธอพยายามควบคุมสีหน้า แต่มือที่วางบนหน้าขากระตุกเบา ๆ“ไม่คิดว่าคุณยังอยู่ในประเทศไทย…”“ผมไม่เคยออกไปไหนไกล ถ้ายังไม่เจอสิ่งที่ตามหา”เขานั่งลงตรงข้ามเธอโดยไม่รอคำอนุญาตข้าวหอมขยับแก้วของตัวเองเล็กน้อย แต่ไม่ได้ลุกหนี เพราะเธอรู้…ยิ่งแสดงออกว่าไม่กลัว เขายิ่งไม่มีทางเข้าถึงเธอได้ง่าย
หลังจากวันนั้นที่ไดออนได้เจอกับข้าวหอม เขาดื่มจนเมาไร้สติ ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง บ้านพักตากอากาศที่ไหนสักแห่งที่เขาไม่คุ้นเคย ริมทะเลที่เงียบสงบเขาไม่รู้ว่าใครพามา แต่เหล้าขวดหนึ่งที่อยู่ข้างเตียงทำให้เขาคิดว่า ‘มันคงไม่ใช่ฝัน’ประตูห้องเปิดออก เสียงส้นรองเท้าแตะพื้นไม้สะท้อนเบา ๆ ก่อนที่ ‘ซอนา’ เข้ามา“ไดออน ยองบอมสั่งให้ฉันพานายมาพักที่นี่สักระยะ”“หึ ทำไมมีเหล้าแค่นี้” เขาถามเสียงแหบในสภาพเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่“ดีที่ยังมีเหล้ามาด้วยตั้ง 1 ขวด ฉันให้เวลานายได้ย้อมใจได้เท่านี้ และมันจะสิ้นสุดลงแค่ขวดนี้ขวดเดียวเท่านั้น”“หากนายยังอยาก เริ่มต้นใหม่ นายอย่าทิ้งตัวตนของตัวเองไปแบบนี้สิ นายรู้ดีว่าความเมามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย”ซอนาวางขวดน้ำเปล่ากับยาแก้เมาค้างลงข้างเตียงก่อนจะเดินออกไป“นายก็อยู่ที่นี่ให้สบายใจก่อนก็แล้วกัน ฉันยกเลิกคิวงานให้หมดแล้ว วันนี้ถ้านายอยากจะล้ม... ก็ขอให้ล้มให้สุด แต่ถ้าจะลุก...ฉันจะรออยู่ข้างนอก” หลังพูดจบซอนาก็เดินออกไปจากห้องเสียงคลื่นเบา ๆ กระทบชายหาดยามเช้า ได
ทั้งหมดนั้นเป็นแค่จินตนาการของไดออนเท่านั้นไม่มีแสงเทียน ไม่มีกลีบกุหลาบโปรยปราย ไม่มีเสียงประตูเปิด ไม่มีคำว่า "เรากลับมาเริ่มกันใหม่ได้ไหม"มีเพียงความเงียบ...เขายืนอยู่กลางห้องเปล่า ๆ คนเดียว เสื้อเชิ้ตที่ใส่มาเริ่มยับย่นจากการทรุดนั่งลงหลายครั้งไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีแววตาที่เคยเชื่อใจ มีเพียงเสียงของความจริง...ที่กัดกินหัวใจเขาทุกวินาทีชายหนุ่มทรุดตัวนั่งอยู่ตรงกลางห้อง ร่างสูงใหญ่นั้นเคยสง่างามบนเวทีและหน้ากล้อง วันนี้กลับดูอ่อนแรง และบอบบางราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อเขาหลุบตาลงมองฝ่ามือตัวเอง—ฝ่ามือที่เคยจับเธอไว้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้หลุดไปอย่างโง่เง่าพรมสีครีมใต้ร่างให้สัมผัสอุ่น...แต่ความรู้สึกในใจกลับเย็นชาเกินกว่าจะรับรู้ได้‘เธอไม่ได้ห้าม…ไม่ได้วิ่งเข้ามา…ไม่ได้แม้แต่จะมองผมเลย…’เขาเงยหน้าขึ้น พยายามข่มน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่เปล่าเลย...น้ำตาลูกผู้ชายไม่ได้ช่วยให้หัวใจหายเจ็บ‘น่าสมเพชตัวเองชะมัด’เขาคิด ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างแห้งผาก เสียงหัวเราะที่เหมือนคนแพ้
รถของเธอหมุนดริฟต์เข้าโค้งสุดท้าย ปิดโชว์ด้วยการหมุนตัวหนึ่งรอบ ก่อนเบรกลงช้า ๆจังหวะพอดีที่เขาวิ่งมาถึง—ทันเห็นเธอก้าวลงจากรถ ทันเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือน แต่ก็ทัน... เห็นใครอีกคนที่เดินเข้าหาเธอก่อน“เกอ...” เขาพึมพำบางอย่างออกมาชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลอง เดินตรงเข้ามายืนบังเธอไว้ จากนั้นก็โอบบ่าของเธอไว้แน่น แน่น... ราวกับต้องการประกาศอะไรบางอย่างต่อหน้าทั้งสนามเขาหัวเราะเบา ๆ—แต่แววตาที่มองตรงมาหาไดออน... ไม่ขำแม้แต่นิดเดียว“เพิ่งรู้ว่า คนที่เคยทิ้งเธอไว้ได้... กล้ากลับมามองเธออีกครั้ง”น้ำเสียงของชายคนนั้น คนที่เขาคุ้นเคย ไม่ได้ดัง ไม่ได้ขู่ ไม่ได้ขึ้นเสียง แต่ทุกคำของเขา หนักพอจะฝังหมัดลงกลางอกไดออน... โดยไม่ต้องแตะตัวไดออนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เขาไม่โต้กลับด้วยความบ้าระห่ำ...แต่เขาเลือก “เงียบ” และ มองแค่เธอคนเดียวข้าวหอม...ไม่หลบตา แต่ก็ไม่ได้สบตากลับ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้าง ๆ เขา เหมือนกำลัง... “รอคำตอบ” หรือไม่ก็ “ทดสอบ” อะไรบางอย่าง“ผมไม่ได้กลับมา เพื่อขอร้องให้เธอย้อนกลับมา” ไดออนพูดเสียงเรียบ แต่ชัดทุกคำ“ผมกลับมา... เพื่อยืนอยู
ปัจจุบันไดออนนั่งพิงเบาะในเครื่องบินส่วนตัว ดวงตาคมทอดมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลุ่มเมฆสีขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ สวยงามในสายตาใครหลายคน... ยกเว้นเขาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงวันแรกที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนกัน—วันที่หัวใจเขาเต้นแรงที่สุดในชีวิต... แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับกัดกินหัวใจเขาแทน‘ฉันมันโง่... ที่เอาความเจ็บปวดในอดีต ไปตัดสินคนที่รักผมมากที่สุด’แววตาอ่อนล้าภายใต้แว่นดำสั่นระริก ความรู้สึกผิดในใจยังไม่เคยจางลงแม้เพียงวันเดียว‘หากได้เจอเธออีกครั้ง... ไม่ว่าเธอจะยังรักผมหรือเปล่า ผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อชดเชยทุกอย่างที่ทำพังไปกับมือ’ณ ห้องพัก โรงแรมใจกลางเมืองบุรีรัมย์ข้าวหอมทรุดตัวนั่งริมเตียง สองมือกุมโทรศัพท์แน่น จ้องหน้าจอที่หยุดนิ่งอยู่ตรงช่วงท้ายของคลิปสัมภาษณ์ศิลปินคนหนึ่ง—อดีตคนรักของเธอ“เราเลิกกันเถอะ…”เสียงคำพูดของเขาในวันนั้นยังคงดังชัดอยู่ในหัวใจ ราวกับลมหายใจของเขายังอบอวลอยู่ตรงหน้า ทั้งที่จริง… มันกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นในอดีตดวงตาเธอเต็มไปด้วยแววเจ็บปวด... ความเจ็บปวดจากการถูกตัดสิน ทั้งที่ไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะอธิบาย‘
ประตูใหญ่เปิดออกในจังหวะที่ไม่ควรที่สุด...ชายหญิงคู่หนึ่งเดินโอบกันเข้ามา ก่อนจะแลกจูบกันอย่างเร่าร้อนราวกับลืมโลก ทั้งที่อีกมุมยังมีคนสองคนจ้องมองอยู่อย่างตะลึงมือหนึ่งกอดเอว มือหนึ่งลูบต้นขา ไม่มีแม้สำนึกถึงสาธารณะ จากนั้นทั้งคู่พากันหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงประตูจะ...ปัง!“ไม่ต้องเบามือนะหนุ่มน้อย เต็มที่เลย เจ้ชอบบบ~!”เสียงแสบหูดังแว่วมาทันก่อนประตูจะปิด เงียบงันอีกครั้ง...บรรยากาศเงียบ...จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเองข้าวหอมหน้าแดงปลั่ง เธอหันไปมองหน้าไดออน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ของตัวเองกับเขา‘ถ้าเพื่อนไม่โผล่มา...เราจะเลยเถิดไปไกลแค่ไหนนะ…’เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น...ติ๊ง!เสียงข้อความจากมือถือของไดออนดังขึ้นกะทันหันเขาหยิบขึ้นมาดู“ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุขนะคะ ^^ ถ้าจะใช้มุมไหนในบ้านก็ตามสบายเลยค่ะ รับรองว่าคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ออกจากห้องนี้แน่นอน😏 – มินยง”ไดออนชะงัก มือที่ถือโทรศัพท์สั่นนิด ๆ ด้วยความพยายามกลั้นหัวเราะ“มินยง...” เขายื่นมือถือให้ข้าวหอมดูข้าวหอมเห็นข้อความแล้วแทบจะเอาหน้าซุกหมอน ร้องเส