เสียงหัวเราะของเด็กหญิงวัยเก้าขวบสร้างความรู้สึกรำคาญภายในจิตใจของเธออยู่ไม่น้อย หุ้ยหรูหรูไม่เคยคิดว่าเธอจะด้อยกว่าใครในเมืองแอล
เพราะที่บ้านก็ร่ำรวย มีธุรกิจสืบทอดมาจากคุณตาคุณยายที่บิดาเข้าไปบริหารแทน ถึงแม้บิดาจะเป็นคนต่างเมืองและเป็นคนที่มารดาไม่ได้รักมาตั้งแต่ต้น แต่เขาก็รักเธอและมารดาของเธอ
“ฉันมีอะไรด้อยไปกว่าเธออย่างนั้นหรอ...” เสียงเล็กดังออกมาก่อนที่จะเดินจากไป
หลินซูหนี่ว์ได้รับเลือกจากคณะครูให้ไปเดินถือป้ายในงานกีฬาสีของเขต ซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียน ในวัยเด็กเธอนั้นไม่ค่อยชอบแสดงออกสักเท่าไหร่
แต่ที่ต้องทำเพราะไม่อยากให้มารดาเสียหน้า เพราะคำว่าลูกสาวอดีตซุปตาร์มันค้ำคอเธออยู่ เธอจึงยอมรับการตัดสินใจของคณะครูที่มักจะเลือกเธอให้เป็นตัวแทนของโรงเรียนในทุกๆ ครั้ง
“ดีใจด้วยนะน้องน้อย” ซือลู่เหลียนเดินเข้ามาหาและนั่งลงข้างๆ หลินซูหนี่ว์ที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่
“พี่ลู่เหลียนอะ ซูหนี่ว์ไม่ได้อยากทำเลยค่ะ คุณลุงไปบอกพวกคุณครูยังไงคะ พวกเขาถึงไม่เลือกพี่ บอกคุณลุงให้ช่วยไปพูดกับพวกคุณครูให้ซูหนี่ว์บ้างได้ไหมคะ”
เด็กหญิงวัยสิบปีเอ่ยถามพี่สาววัยสิบสามปีขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะทุกทีนั้นจะเป็นซือลู่เหลียนทำหน้าที่นี้มาโดยตลอด และไม่วายที่จะขอร้องให้พี่สาวไปบอกบิดาของเธอให้มาช่วยพูดให้กับตนเองบ้าง
“ก็เพราะพี่ไม่ชอบยังไงล่ะจ๊ะ แต่พี่ว่างานนี้เหมาะกับน้องน้อยดีนะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าเราน่ะเหมือนสตาร์ดวงน้อยๆ เลย โตมาเราต้องตามรอยคุณน้าซือซือนะ” เด็กหญิงวัยสิบสามปีเอ่ยออกมาพรางยื่นมือไปลูบลงบนศีรษะของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู
“อึ๋ย....... ไม่เอาหรอกค่ะ ซูหนี่ว์ไม่ชอบเป็นที่รู้จัก อยากอยู่แบบเงียบๆ มากกว่า”
เด็กหญิงที่ไม่คิดว่าอนาคตจะกลายไปเป็นซุปตาร์ชื่อดังรีบปฏิเสธออกมาจนพี่สาวยิ้มกว้าง
“ตอนนี้น้องน้อยยังเด็กอยู่ อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าเราชอบอะไร แต่พอโตขึ้นเราก็จะรู้เองแหละจ้ะ” ซือลู่เหลียนในวัยสิบสามปีเอ่ยออกมาราวกับว่ารู้อนาคต
“แล้วพี่ลู่เหลียนชอบอะไรล่ะคะ” เด็กน้อยอดที่จะเอ่ยถามพี่สาวออกมาไม่ได้
“พี่ชอบถ่ายรูป ชอบไปเที่ยวและเก็บภาพความทรงจำด้วยกล้อง”
ซือลู่เหลียนตอบพร้อมกับแววตาที่ฉายแสงแห่งความสุขออกมา เด็กหญิงตัวน้อยส่งยิ้มให้พี่สาวพราง คิดชื่นชมว่าพี่สาวนั้นมีความใฝ่ฝันแล้ว หากแต่ตัวเธอนั้นคงยังเด็กเกินไป ความฝันในหัวของเธอตอนนี้มีเพียงเมื่อโตไปแล้วจะเป็นเธอจะไปเป็น ‘เจ้าสาวของซือลู่ชิง’
วันงานกีฬาเขตที่หลินซูหนี่ว์ต้องเดินถือป้ายให้โรงเรียนก็มาถึง เพียงแต่ว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเด็กหญิงวัยสิบขวบเดินไปเหยียบเศษแก้วแตกที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนจนทำให้เจ็บเท้าเดินไม่ไหว
ซือลู่ชิงที่รู้ว่าแม่น้องน้อยเกิดอุบัติเหตุก็รีบไปหาเธอทันที เขาเป็นคนอุ้มร่างเล็กไปที่ห้องพยาบาลด้วยตนเองจนเด็กสาวหลายๆ คนรู้สึกอิจฉาเด็กหญิงที่ถูกคุณชายใหญ่ซือลู่ชิงนั้นอุ้ม แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้นเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเด็กหญิงนั้นสนิทกับครอบครัวตระกูลซือแค่ไหน
งานวันนั้นตัวแทนอย่างหุ้ยหรูหรูจึงได้ทำหน้าที่แทน แม้จะรู้สึกสะใจแต่ก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้ที่เด็กหญิงมีซือลู่ชิงคอยดูแล ทำให้เธอไม่ค่อยมีสติกับการเดินถือป้ายเท่าไหร่ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมากับมีความรู้สึกขุ่นหมองอยู่ภายในใจ
หลินซูหนี่ว์มารู้เรื่องในภายหลังว่าเหตุการณ์กลั่นแกล้งที่เธอเคยพบเจอทั้งหมดตั้งแต่สิบขวบจนถึงสิบสองขวบที่โรงเรียนประถมแห่งนั้นเป็นฝีมือคนคนเดียว เธอได้แต่อโหสิกรรมให้กับหุ้ยหรูหรูเพราะพอจะมองออกว่าหญิงสาวนั้นเก็บความกดดันเอาไว้มากมายแค่ไหน
ถึงแม้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่อีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกที่จะเป็นคู่แข่งกับเธอเสียที มารดาของเธอเล่าให้ฟังว่าในอดีตมารดาของหุ้ยหรูหรูเคยทำไม่ดีไว้กับคุณน้าถิงถิงจึงทำให้ถูกครอบครัวส่งไปอยู่ต่างเมืองและเพิ่งจะได้กลับมาตอนที่เธอมีหุ้ยหรูหรูแล้ว
“ถึงยังไงน้องหรูหรูก็สู้น้องซูหนี่ว์ของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งความสวยและความสามารถมันคนละชั้นกัน” ผู้จัดการสาวแสดงความคิดเห็นออกมาทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นของสาเหตุการณ์เขม่นกันของทั้งสองสาว
“ที่จริงซูหนี่ว์ไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใครหรอกนะคะ ซูหนี่ว์ก็อยู่ของซูหนี่ว์เฉยๆ แบบนี้ แต่ดูทางนั้นคงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ถ้ายังไม่ชนะ”
ซุปตาร์สาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความรู้สึกเบื่อหน่าย เธอบอกเล่าเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างเธอกับหุ้ยหรูหรูให้กับผู้จัดการสาวได้ฟังตั้งแต่ต้น หากแต่เธอนั้นไม่ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องที่เธอกับซือลู่ชิงนั้นเป็นคู่หมั้นวัยเด็กกัน
สองสาวหยุดการพูดคุยเรื่องที่คุยกันก่อนหน้าเพียงเท่านั้นเพราะมีช่างแต่งหน้าของกองถ่ายได้เคาะประตูขออนุญาตเข้ามาแต่งหน้าให้กับซุปตาร์สาวก่อนที่จะออกไปเข้าฉาก
มือหนารูดอันเดอร์แวร์ตัวสุดท้ายของเธอออกจากร่างงามเผยให้เห็นดอกไม้สวยที่ยังไม่เคยมีชายใดเคยเห็นมาก่อน มันโล่งเตียนและเนียนจนชายหนุ่มไม่นึกรังเกียจมือหนาค่อยๆ ส่งนิ้วเรียวหนึ่งนิ้วเข้าไปสำรวจพร้อมกับสำรวจใบหน้าหวานของน้องน้อย เธอกำลังตกอยู่ในอารมณ์ใคร่ อารมณ์ที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณของชายหญิง ที่อยู่ใกล้กันก็เหมือนน้ำมันกับไฟ“อื้อ....จะ....เจ็บ”เสียงหวานครางออกมาเบาๆ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มผ่อนปรนความเร็วของนิ้วที่จ้วงแทงเข้าไปข้างในช่องทางที่คับแคบแต่ทว่าเริ่มผลิตน้ำหล่อลื่นให้ไหลออกมาตามอารมณ์ใคร่ของหญิงสาวลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางรักที่ยังคงปิดสนิท เสียงหวานครางออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ซือลู่ชิงใช้ลิ้นร้อนจ้วงแทงจนพาหญิงสาวไปพบกับ ประสบการณ์ปลดปล่อยเป็นครั้งแรกร่างบางเกร็งกระตุกก่อนที่น้ำรักจะไหลออกมาให้ชายหนุ่มได้ดูดกลืนไปทุกหยาดหยด มือหนาเอื้อมลงไปปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงลง เพียงไม่นานเขาก็เปลือยเปล่าไม่ต่างกันกับเธอร่างหนาผละออกไปหยิบกล่องถุงยางอนามัย เขาหยิบมันออกมาหนึ่งชิ้นก่อนที่จะสวมใส่ลงบนท่อนเอ็นอุ่นอย่างรวดเร็ว หลินซูหนี่ว์มองการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น อยากรู
หลินซูหนี่ว์เดินตามซือลู่ชิงเข้าไปภายในบ้านก็จริง แต่เธอก็เว้นระยะห่างจากเขาพอสมควรเพราะเขาเคยทำให้เธอตกใจแบบไม่ทันตั้งตัวมาแล้วนั่นเอง ร่างระหงเยื้องย่างไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ภายในห้องโถงของบ้าน โดยที่เขาเดินตรงไปยังตู้เย็นและหยิบบรั่นดีกับแก้วมาสองใบ“พี่ยังไม่เมาหรือคะ เอ๊ะ!!! แล้วจะเอาแก้วมาทำไมตั้งสองใบ ฉันไม่ดื่มนะ” หลินซูหนี่ว์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“พี่บอกเธอแล้วว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน แต่ก่อนคุยเธอต้องมาดื่มเป็นเพื่อนพี่ก่อน เธอก็รู้ว่าพี่พูดไม่เก่ง” เขาหลอกล่อคู่หมั้นสาว เธอหลี่ตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ“ได้ค่ะ แต่แค่แก้วเดียวนะคะ เพราะฉันดื่มมาจากคลับของพี่เยอะแล้ว” เธอต่อรอง ซือลู่ชิงพยักหน้าก่อนที่จะรินเหล้าให้เขาและเธอคนละแก้ว“แดนนี่ เขาบอกความจริงกับพี่หมดแล้ว” หลังจากที่ชายหนุ่มยกเหล้าขึ้นมาจิบ เขาก็เอ่ยขึ้นมาทันที หลินซูหนี่ว์ถึงกับสำลักเหล้าที่เพิ่งจะดื่มไปเมื่อสักครู่“แค่กๆๆ ... หมดแล้ว.... เรื่องไหนบ้างคะ” เธอเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ ซือลู่ชิงส่งกระดาษทิชชูให้เธอเช็ดปาก มือบางยื่นไปรับมาก่อนที่จะเช็ดริมฝีปากอิ่มรูปกระจับสีชมพู“ก็... เธอมีความลับอะไรปิดบังพี่อยู่บ้างล
“อ้าว.... ทำไมไม่ให้ฉันไปส่งน้องน้อยกับเพื่อนของเธอด้วยล่ะ ไหนๆ พี่ก็จะเลยกลับบ้านเลยไม่ใช่หรอ” ซือลู่เหลียนขัดขึ้นทันที“ใช่!! แต่พอดีว่าพี่มีเรื่องที่จะเคลียร์กับคู่หมั้นคนสวยของพี่สักหน่อย อาจจะต้องใช้เวลา น้องไปกับต้าเฟยเถอะ ต้าเฟย... ฝากคุณหนูรองด้วย” คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซือตอบน้องรองก่อนที่จะหันไปสั่งบอดี้การ์ดที่เป็นเพื่อนทั้งเขาและเธอมาตั้งแต่เด็ก“ครับ!!คุณชาย เชิญครับคุณหนูรอง” ต้าเฟยรับคำสั่งก่อนที่จะผายมือเชิญคุณหนูรองให้เดินนำไป“อืม... ถ้าอย่างนั้นพี่ไปนะน้องซูหนี่ว์ อย่ารังแกน้องน้อยนะพี่ลู่ชิง ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะบอกแม่จริงๆ ด้วย”ซือลู่เหลียนที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายฝาแฝดรู้ความจริงเรื่องที่น้องน้อยพาเพื่อนมาให้เขาหึงแล้วก็อดที่จะเป็นห่วงหลินซูหนี่ว์ไม่ได้ ขนาดคนเยอะยังบังคับจูบสาวสวยอย่างไม่แคร์สายตาใครเลย แล้วถ้าที่ลับตาคนล่ะพี่ชายของเธอจะไม่รังแกน้องน้อยมากกว่านี้หรือ“อืม... รู้แล้วน่า พี่จะไปรังแกน้องน้อยของเธอทำไม น้องน้อยของเธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยหึๆ” ประโยคที่เอ่ยออกมาเหมือนจะดีแต่เสียงหัวเราะเย็นๆ ตบท้ายนี่สิทำให้ซือลู่เหลียนไม่ไว้ใจพี่ชาย“พี่ลู่เห
ซือลู่ชิงใช้แผนมอมเหล้าฝรั่งหนุ่มเพื่อให้อีกฝ่ายหลุดปากถึงความลับบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ กับการมาของฝรั่งคนนี้“พอเหอะ พี่ลู่ชิง แดนเค้าไม่ไหวจริงๆ แล้วนะคะนะ หน้าแดง ผิวเปลี่ยนสีหมดแล้ว” ยิ่งประโยคห้ามที่แสดงความเป็นห่วงอีกฝ่ายดังมาจากคู่หมั้นสาวยิ่งทำให้ซือลู่ชิงรู้สึกหึงขึ้นหน้า“ได้ไงกัน ท้าดวลกันแล้วก็ต้องดวลให้จบสิ หึๆ” เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับส่งสายตามองไปยังฝรั่งหนุ่มที่หน้าแดงตัวแดงเหมือนที่หลินซูหนี่ว์บอกจริงๆ“ไอม่ายมาววย่ะ...นีนี คู่หมั้นของยูหล่อสมกับที่ยูเล่าให้ไอฟังเลย......” แดนนี่บอกเพื่อนสนิทก่อนที่จะมองไปยังซือลู่ชิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป‘ตายแล้ว ยัยแดนนี่กำลังจะแปลงร่างแล้วแน่ๆ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย’หลินซูหนี่ว์คิดในใจก่อนที่จะพยายามหาทางออก หากช้ากว่านี้แดนนี่ต้องทนแอ๊บแมนเอาไว้ไม่ไหวแล้วแน่ๆ เธอสะกิดซือลู่เหลียนให้เดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน“นี่คุณแดนมาเที่ยวที่นี่หรือครับ หรือว่าซูหนี่ว์ให้มาทำอะไร” ซือลู่ชิงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป เขาแกล้งเอ่ยถามคนเมาออกมาทันที“เอื้อก.... อืม.... มาเที่ยวฮะ” ซือลู่ชิงเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่
“ยูไม่ปาย งั้นไอไปเองงง.....”แดนนี่รู้สึกมึนและปวดเบาจึงลุกขึ้นและเอ่ยออกมา ร่างสูงล่ำของฝรั่งหนุ่มเดินไปตามทางที่ตงหลงพาไป เขาเกาะแขนล่ำของบอดี้การ์ดหนุ่มไปตลอดทาง ทั้งต้าเฟยและคุณชายลู่ชิงต่างมองไปที่ฝรั่งหนุ่มและตงหลงเป็นตาเดียวกันก่อนที่จะรู้สึกสงสัยเรื่องบางอย่าง เขาหันกลับมามองใบหน้าสวยของคนที่นั่งข้างๆ ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น"เธอตั้งใจจะให้เพื่อนเธอมาทำให้พี่หึงเธอใช่ไหมซูหนี่ว์”“เปล่านะ แดนเขาแค่อยากมาเที่ยวเมืองแอลบ้าง ฉันจะทำให้พี่หึงทำไม ในเมื่อทำไปพี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่ดี” เสียงหวานตวาดออกมาก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบาลง“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ”เสียงเย็นชาดังออกมาสะกดสายตาของหลินซูหนี่ว์ให้มองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างค้นหาและรอคอยให้เขาพูดกับเธอให้มากกว่านี้ แต่ทว่าเขากลับไม่พูดอะไรออกมาเพียงแต่ส่งริมฝีปากสีแดงอมชมพูธรรมชาติลงมาประกบปากอิ่มรูปกระจับของเธออย่างนุ่มนวล กลิ่นของเหล้าแบรนด์ดังคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากซุปตาร์สาวจะเอ่ยห้ามแต่คู่หมั้นหนุ่มกับได้โอกาสส่งลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานของไวน์แดงจากโพรงปากของเธอ สายตาทุกคู่ต่างมาที่สองหนุ่มส
หลินซูหนี่ว์พยายามที่จะห้ามปรามเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่เป็นผล เหล้าแบรนด์ดังแก้วแล้วแก้วเล่าถูกวางลงตรงหน้าสองหนุ่มที่มีความหล่อเหลาคนละแบบกัน ริมฝีปากหนาสีแดงชมพูเป็นธรรมชาติยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสนิทคู่หมั้นสาว‘ตายแน่ยัยแดนนี่ โดนพี่ลู่ชิงจับได้แน่ๆ’ หลินซูหนี่ว์คิดในใจก่อนที่จะพยายามห้ามเพื่อนสนิทไม่ให้ดื่มต่อ“พอเถอะแดน เมาแล้ว.....”เสียงหวานห้ามออกมา สายตาคมของซือลู่ชิงเหลือบไปมองใบหน้าสวยของคู่หมั้นสาวด้วยความไม่พอใจที่เธอแสดงท่าทีห่วงใยผู้ชายคนอื่นมากกว่าคู่หมั้นแบบเขา“เธอจะห้ามเพื่อนทำไม ผลแพ้ชนะยังไม่ออกมาเลย จริงๆไหมครับคุณแดน” ซือลู่ชิงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ ก่อนที่จะหันไปถามความคิดเห็นของฝรั่งหนุ่ม“เยส ยูพูดถูก เอื้อก....”สติของแดนนี่เริ่มไม่เต็มร้อยตั้งแต่แก้วที่สิบแล้ว ก็บริกรชงเข้มให้เขามากกว่าผู้เป็นนายมีหรือที่ฝรั่งที่ว่าคอทองแดงก็ต้องแพ้ให้กับซือลู่ชิงที่ดื่มเหล้าที่มีปริมาณน้อยกว่าหลินซูหนี่ว์ถึงกับส่ายใบหน้าสวยไปมา ก่อนที่เธอจะหันไปขอความช่วยเหลือจากซือลู่เหลียน ซึ่งพอสองสาวมองตากันก็พอจะรู้ใจ“น้องว่าพอแค่นี้ก่อนดีไหมพี่ลู่ชิง ดูแดนไม่ไห