จุดเริ่มต้นของการเขม่นกันของทั้งสองสาว หลินซูหนี่ว์และหุ้ยหรูหรูเริ่มต้นมาจากสมัยเรียน ด้วยวัยที่ห่างกันเพียงหนึ่งปีจึงทำให้เวลามีกิจกรรมของโรงเรียน หลินซูหนี่ว์มักจะเป็นฝ่ายถูกเลือกเสมอ จนเมื่อเธอรู้ว่าเด็กสาววัยสิบสองนั้นแอบชอบซือลู่ชิงเช่นกัน
เธอจึงเปิดฉากจีบเขาในวันวาเลนไทน์ แต่ก็หน้าแตกกลับมาไม่เป็นท่า เพราะอีกฝ่ายนั้นเย็นชาแถมพูดจาทำร้ายจิตใจเธออีกด้วย แต่พอเธอมารู้ข่าวว่าแม่รุ่นน้องหลินซูหนี่ว์ก็ถูกฝ่ายนั้นปฏิเสธมาเช่นกันเธอเลยนึกสนุกถ้าจะต้องลงแข่งในเรื่องที่ยากเหมือนกัน
“ต๊าย.... ไปไหนมาคะน้องหรูหรู พี่ตามหาหนูจนทั่ว ใกล้จะได้เวลาเข้าฉากแล้วนะคะ” เสียงผู้จัดการส่วนตัวของหุ้ยหรูหรูอุทานออกมาทันทีที่เห็นนักแสดงสาวที่เธอดูแลเปิดประตูห้องพักนักแสดงเข้ามา
“ไปทักทายน้องแถวนี้มาน่ะค่ะ ไหนคะบท”
ดาราสาวไม่ได้ตอบอะไรมาก หากแต่มือบางยื่นออกไปก่อนที่จะถามหาบทละครที่เธอต้องอ่านก่อนเข้าฉาก เมื่อครู่เธอเพียงจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่บังเอิญเห็นชื่อที่ติดอยู่ที่หน้าห้องพักนักแสดงเป็นรุ่นน้องสาวที่เป็นคู่แข่งกับเธอมาตั้งแต่สมัยเด็กจึงแวะไปทักทาย
ผู้จัดการส่วนตัวสาวส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนักแสดงสาวที่เธอดูแลอยู่ถึงดูจะไม่ค่อยกินเส้นกับซุปตาร์สาวหลินซูหนี่ว์ที่น่ารักขนาดนั้น ทั้งๆ ที่สองสาวนั้นอยู่สังกัดเดียวกัน เธอยังอดเสียดายไม่ได้ ที่ตนเองไม่ได้ดูแลหลินซูหนี่ว์แต่ได้มาดูแลหุ้ยหรูหรูแทน
ห้องพักนักแสดง หลินซูหนี่ว์
“น้องซูหนี่ว์อย่าไปใส่ใจให้ค่ายัยพี่หรูหรูนั่นเลยค่ะ ยังไงหนูก็เหนือกว่านางอยู่แล้ว” เยว่เหมยเอ่ยออกมาขณะที่มองใบหน้าสวยของซุปตาร์สาวที่กำลังทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อันที่จริงเราเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วล่ะค่ะพี่เยว่เหมย ซูหนี่ว์ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเธอในเส้นทางสายอาชีพอีกด้วยซ้ำ เพราะตอนแรกเธอก็ไม่มีวี่แววว่าจะเข้าวงการเหมือนกัน” ซุปตาร์สาวตัดสินใจเล่าออกมาให้ผู้จัดการส่วนตัวสาวได้ฟัง
เรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นความเขม่นกันของเธอและหรูหรูเริ่มมาจากกิจกรรมของโรงเรียน หลินซูหนี่ว์ในวัยเก้าปีที่เริ่มจะมีเค้าความสวย ในโรงเรียนประถมแห่งนั้นยังมีซือลู่เหลียน และหุ้ยหรูหรูอีกคน ที่หน้าตาผิวพรรณและชาติตระกูลดีไม่แพ้กัน จึงมักจะทำให้ได้รับเลือกในการแสดงของโรงเรียน ถือป้าย หรืออะไรที่เกี่ยวกับหน้าตาของทางโรงเรียน ฝ่ายหญิงที่ได้ทำหน้าที่มักจะเป็นเด็กหญิงทั้งสามคนที่มีวัยต่างกันเพียงเท่านั้น หากเค้าความสวยน่ารักนั้นมีไปคนละแบบ
“งานนี้เราเลือกคุณหนูลู่เหลียนไม่ได้แล้วนะคะ คุณชายซือขอมา ท่านบอกว่าคุณหนูไม่ชอบงานโชว์ตัวทุกอย่าง” เสียงของคณะครูที่กำลังปรึกษาหารือกันเรื่องคนที่จะมาถือป้ายโรงเรียนในงานแข่งกีฬาประจำเขต
“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือตัวเลือกสองคนที่พอจะทำได้” เสียงครูคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นออกมา
“ใครคะ” ครูสาวเอ่ยถามทันที
“หนูหลินซูหนี่ว์ ลูกสาวของอดีตซุปตาร์ชื่อดังอย่างพี่หลินซือซือไง” ครูคนแรกเอ่ยชื่อเด็กสาวคนแรกที่อยู่ในตัวเลือกออกมา
“อ๋อ... หนูซูหนี่ว์ น้องว่าคนนี้ได้เลยค่ะหน้าตาน่ารัก อ้อ...แล้วอีกคนล่ะคะ” ครูสาวอีกคนเอ่ยถามตัวเลือกที่สองขึ้นมาบ้างด้วยความอยากรู้ว่ายังจะมีใครอีก
“หนูหรูหรูค่ะ ลูกสาวของคุณนายหุ้ยจินเฉิน”
หุ้ยจินเฉิน คือหยุนจินเฉินที่เคยมีเรื่องกับมารดาของสองแฝดซือลู่ชิงและซือลู่เหลียน สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยชอบซือมู่อันมาก่อน
และแน่นอนว่าหรูหรูนั้นชอบซือลู่ชิงก็เกิดมาจากแรงยุยงส่งเสริมของมารดาที่สมัยของตนเองไม่สมหวังในความรักจนต้องระเห็จตัวไปอยู่ต่างเมืองเพราะบังอาจไปแตะต้องผู้หญิงที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะกลายมาเป็นคุณนายซือในอนาคต
“คนนี้ก็ได้อยู่นะคะ แต่ถ้าจะให้ดี.... น้องว่าเลือกหนูซูหนี่ว์ดีกว่า เพราะหนูซูหนี่ว์เป็นที่รู้จักในเมืองแอลมากกว่า” คุณครูคนที่สองเอ่ยขึ้น
“พี่ก็เห็นด้วยค่ะ หนูซูหนี่ว์เป็นลูกสาวเพื่อนรักของคุณนายซือ ถึงแม้เราจะไม่ได้คุณหนูลู่เหลียนมาทำหน้าที่ อย่างน้อยได้หนูซูหนี่ว์มาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ค่ะ เพราะสวยไม่แพ้กัน”
คำพูดที่เหล่าคณะครูปรึกษากันนั้น เด็กหญิงวัยสิบขวบได้ยินทุกอย่าง หุ้ยหรูหรูนั้นมีจิตใจริษยามาตั้งแต่เด็กเพราะมารดานั้นคอยพร่ำสอนตลอดเวลา
และที่สำคัญผู้ชายคนเดียวที่เธอถูกปลูกฝังลงในหัวใจและสมองมีเพียงซือลู่ชิงเพียงเท่านั้น ร่างเล็กเดินจากไปอย่างเงียบๆ เธอเดินไปหยุดมองเด็กหญิงที่กำลังนั่งคุยสนุกอยู่กับกลุ่มเพื่อน
รถตู้ของตระกูลหลินพาเจ้านายและเพื่อนๆ เคลื่อนออกจากคฤหาสน์ของตระกูลซือ มุ่งหน้าไปคลับสุดหรูใจกลางเมืองแอลซึ่งเป็นคลับในเครือของตระกูลซือที่ซือลู่ชิงเข้าดูแลต่อจากบิดานั่นเองเมื่อรถจอดการ์ดของร้านที่จำคุณหนูกลางของตระกูลซือกับคุณหนุหลินของตระกูลหลินได้ก็เข้ามารอต้อนรับและพาเดินไปที่โต๊ะซึ่งเป็นโต๊ะวีวีไอพีสายตาทุกคู่ของบรรดานักเที่ยวต่างมองมาที่คนทั้งสามเป็นตาเดียว โดยเฉพาะซือลู่เหลียนและหลินซูหนี่ว์ที่ได้รับความนิยมจากหนุ่มๆ นักเที่ยวแทบทุกโต๊ะร่างสูงยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังกระจกชั้นสอง สายตาคมจดจ้องไปยังร่างระหงของคู่หมั้นวัยเด็กที่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันจนเขาอยากจะจับเธอมาลงโทษซะให้เข็ด ว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรแต่งตัวล่อเสือล่อจระเข้ขนาดนั้นดีที่ยัยน้องสาวตัวแสบยังแต่งตัวมิดชิดแต่ก็ยังดูดีเพราะความสวยของเธอมีกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่จนหนุ่มๆ ทั้งคลับมองมาที่โต๊ะของซุปตาร์สาวกับทายาทคนกลางของตระกูลซือเป็นตาเดียวกัน“ให้ส่งคนไปคอยดูแลความปลอดภัยให้คุณหนูหลินกับคุณหนูลู่เหลียนไหมครับ” ต้าเฟยเอ่ยถามออกมาอย่างรู้ใจผู้เป็นนาย“อืม...ให้คนคอยดูแลอยู่ห่างๆ”เขาบอกก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ถึงไม
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะสารภาพความรู้สึกที่มีต่อคู่หมั้นวัยเด็ก ซือลู่ชิงก็ต้องการที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของผู้ชายชาวต่างชาติ ผมทองตาฟ้าที่หลินซูหนี่ว์ไปรับด้วยตัวเองถึงสนามบินเมืองแอลแบบไม่แคร์ต่อสายตาคนมองว่าเป็นใคร มาจากไหน และมีความสัมพันธ์แบบไหนกับน้องน้อยของเขา“ว่าไง ได้เรื่องอะไรบ้าง” เสียงเย็นชาเอ่ยถามตงหลงทันทีที่เห็นหน้าบอดี้การ์ดหนุ่ม“สืบมาได้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณหนูหลินครับ ข้อมูลอย่างอื่นไม่มีใครทราบเลยเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่บุคคลสาธารณะ” ตงหลงตอบออกมาตามที่ไปสืบได้มา“อืม... ไม่เป็นไร เห็นทีฉันต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนของเธอสักหน่อย” ซือลู่ชิงเอ่ยออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหยุดอยู่ที่กำแพงกระจกซึ่งมองทะลุไปยังรอบๆ คลับของตระกูลสองบอดี้การ์ดหนุ่มหันมามองหน้ากันก่อนที่จะเผยรอยยิ้มอย่างรู้ทันออกมา ถ้าคุณชายบอกว่าจะไปทำความรู้จักกับอีกฝ่าย คงจะต้องไปแสดงตัวอีกแน่ๆ ปากแข็ง ปากหนัก ปากไม่ตรงกับใจต้องยกให้คุณชายของพวกเขาเลยทางด้านหลินซูหนี่ว์ที่พาเพื่อนสนิทไปพักที่คฤหาสน์ตระกูลหลินด้วยก็แนะนำเพื่อนชายใจสาวให้กับบิดาและมารดาได้รู้จัก สองสามีต้อนรับข
ปัง!!! เสียงตบโต๊ะดังขึ้นทันทีที่อ่านข่าวในสมาร์ทโฟนเครื่องหรูจบ สายตาเย็นชาแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ารูปที่อยู่ในข่าวไม่ใช่คู่หมั้นวัยเด็กของเขา เธอกล้าไปกอดและหอมแก้มผู้ชายคนอื่นที่สนามบิน แบบนี้มันเท่ากับหักหน้าเขาชัดๆ“ตงหลง!!! นายไปสืบมาว่าไอ้ฝรั่งคนนี้มันเป็นอะไรกับซูหนี่ว์” เสียงเข้มสั่งบอดี้การ์ดคนสนิท“ครับ!! คุณชาย” ตงหลงออกไปจัดการสืบตามที่คุณชายต้องการทันที“ต้าเฟย นายว่าฉันควรจะจัดการกับยัยน้องน้อยจอมดื้อยังไงดี” ด้วยความที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเขาจึงสนิทใจที่จะเอ่ยถามต้าเฟยมากกว่าตงหลง“อืม.... อย่างแรก คุณชายต้องรู้ใจตัวเองก่อนครับ และอย่างที่สอง เมื่อรู้ใจตัวเองแล้วก็บอกอีกฝ่ายไปเลย ผมเชื่อว่าคุณหนูหลินเธอยังรักคุณชายเหมือนเดิม”และเพราะความสนิทต้าเฟยจึงกล้าเอ่ยคำแนะนำแบบนี้ออกมา คำตอบของต้าเฟยทำเอาซือลู่ชิงคิดหนัก เขาเฝ้าถามตนเองมาหลายรอบแล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับหลินซูหนี่ว์ แต่เขาก็ตอบตนเองไม่ได้ เขารู้เพียงว่าเขาหวงเธอ และเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอให้ไปเป็นคนของใคร เธอเป็นของเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน เธอก็ยังต้องเป็นของเขา และต้อง
หลินซูหนี่ว์อยากจะรู้นักว่าคู่หมั้นวัยเด็กของเธอนั้นรู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่ ความคิดที่อยากจะลองใจจึงเกิดขึ้นมา เธอตัดสินใจทักไปหาเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ที่ต่างประเทศNee : ไฮ แดนนี่ ทำอะไรอยู่จ๊ะDanny : นอนสิยะ ยูจะให้ไอทำอะไร ทักมาไม่ดูเวลาเลยนะแม่คุณNee: ไอมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากยูหน่อยDanny : ………….Nee : ได้ไหม....Danny : บอกมาก่อนว่าเรื่องอะไรNee : โทรได้ไหม พิมพ์ไม่สะดวกอะDanny : ได้สิยะแม่ดาราหลินซูหนี่ว์รอสายเพียงไม่นานปลายสายก็รับสายของเธอ เสียงหวานเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่ใช่ผู้ชายแท้เพียงคนเดียวที่เธอคบสมัยไปเรียนต่อ“คิดถึงยูจังเลย แดนนี่”“อย่ามาแสดง.... มีเรื่องอะไรอยากจะขอความช่วยเหลือจากไอว่ามา” แดนนี่เอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน“แหม...... คืออย่างนี้ หล่อนจำคู่หมั้นวัยเด็กของไอที่ไอเคยเล่าให้ยูฟังบ่อยๆ ได้ปะ” หลินซูหนี่ว์เอ่ยถามเพื่อนสนิททันทีที่อีกฝ่ายเปิดโอกาส“จำได้สิยะ ไอก็อยากจะเห็นหน้าคู่หมั้นที่ทำร้ายจิตใจยูอยู่เหมือนกันว่าจะหล่อขนาดไหนถึงทำให้คนสวยๆ แบบยูไม่ชายตามองผู้ชายคนไหนเลยตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”“อืม.... ถ้ายูได้เห็นยูจะหวั่นไหวเลยแหละขอบอก
ซือลู่ชิงลงไปชั้นล่างเพื่อจะออกไปที่คลับของบิดาที่เขารับช่วงดูแล สองบอดี้การ์ดนั้นรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายหนุ่มนั้นกำลังจะออกไปไหน เพราะก่อนที่จะกลับเข้าบ้านมาเพื่อจัดการกับคุณหนูกลาง คุณชายใหญ่นั้นได้คุยสายกับผู้จัดการคลับว่ามีคนเข้ามาก่อกวนที่นั่น และนี่คือเหตุผลที่คุณชายใหญ่ต้องเดินทางไปจัดการด้วยตัวเองซือลู่ชิงนั่งเงียบไปตลอดทาง เขากำลังครุ่นคิดเรื่องที่น้องสาวฝาแฝดถาม เขาไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกับ ‘น้องน้อย’ กันแน่ แต่ถ้าจะให้เขาปล่อยเธอให้ไปเป็นของคนอื่น เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน แบบนี้เรียกว่า’ รัก’ ได้หรือยังนะ“คุณชายครับ ถึงแล้วครับ”เสียงต้าเฟยดังขึ้นเรียกสติเจ้านายหนุ่มให้กลับมา ซือลู่ชิงมองไปที่ด้านนอกก่อนที่จะก้าวลงจากรถไปอย่างสง่างาม“ไอ้คนที่มันก่อกวนล่ะ” เสียงเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ“คนของเราคุมตัวไว้ข้างในแล้วครับ” ตงหลงรายงานขณะที่เดินตามหลังของเจ้านายหนุ่มท่าทางน่าเกรงขามบวกกับหุ่นสูงใหญ่ของซือลู่ชิง ทายาทคนโตของตระกูลซือที่เดินเข้ามาภายในคลับของตระกูลที่มีเสียงดังกึกก้องไปด้วยท่วงทำนองเพลงEDMเหล่านักเที่ยวกลางคืนกำลังโยกย้ายเคลื่อนไหวร่างกายไปมากันตาม
รถตู้คันหรูที่มีผู้โดยสารเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซือ พร้อมด้วยสองบอดี้การ์ดหนุ่มแล่นกลับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลซือในเวลาต่อมาหลังจากที่ออกไปส่งซุปตาร์สาวซูหนี่ว์กลับคฤหาสน์ตระกูลหลิน ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าเย็นชาลงมาจากรถก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเข้าไปในคฤหาสน์และตรงไปที่ห้องของน้องสาวฝาแฝดทันทีก๊อก....ก๊อก...ก๊อก......ใบหน้าสวยซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ซือลู่เหลียนก็ทำใจดีสู้เสืออย่างพี่ชายฝาแฝดด้วยการตะโกนออกไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะ เปิดเข้ามาได้เลย”เท่านั้นแหละร่างสูงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอเดินตัวปลิวเข้ามาในห้องของเธอก่อนที่จะไปนั่งลงบนโซฟา ขายาวยกขึ้นมาไขว่ห้าง แขนสองข้างก็ยกขึ้นมากอดอกเอาไว้ สายตาคมจดจ้องมาที่ใบหน้าสวยของเธอ“ม่ะ..มีอะไรจะคุยกับลู่เหลียนหรือคะ” เสียงห้าวหวานเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่เกาะ....มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า” เสียงเย็นชาดังขึ้นจนคนฟังรู้สึกสั่นสะท้านในอก“ม่ะ...ไม่มีนี่ พี่ไปฟังต้าเฟยเล่าอะไรให้ฟังมาล่ะ” ซือลู่เหลียนทำใจกล้าเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดออกไป“พี่จะให้โอกาส เล่าให้พี่ฟังหรือจะอดไปเที่ยวกับเพื่อนอีก”