Mag-log inเมื่อกายสาวเคลื่อนผ่านหน้าตัวเองไป เมฆาก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าเด็กสาวผอมแห้งที่อยู่ข้างบ้าน จะเติบโตมาเป็นหญิงสาวที่ใช้คำว่าผู้หญิงได้อย่างไม่อาย ร่างกายอวบอิ่มที่ดูน่าจะเต็มไม้เต็มมือ บั้นท้ายกลมที่น่าตีแรงๆยามที่เจ้าของร่างโดนกระแทกอยู่ หรือแม้แต่เอวที่คอดเล็กน่าจับยามควบคุมให้หญิงสาวควบอยู่ด้านบนชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัว แต่เพียงไม่กี่นาทีกายสาวอวบอิ่มก็เดินกลับออกมาพร้อมกับหยดน้ำที่ยังเกาะอยู่บนตัวด้วยอาการที่เริ่มสร่างเมาปรางค์วลัยมีอาการงงเล็กน้อย เมื่อเธอกวาดตามองแล้วพบว่าตนเองไม่ได้อยู่บ้าน คิ้วเรียวขมวดเข้ามาหากัน ก่อนที่อาการปวดหัวจี๊ดจะเล่นงานจนต้องยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วเอามือยันผนังเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองล้มลง“ฟื้นแล้วเหรอ” เมฆาถามเสียงเรียบพร้อมกับเดินเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวมานั่งลงบนเตียง“เงียบเหอะ”“ไม่คิดจะปิดบังร่างกายหรือใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแหบพร่า“.....” กายเปลือยเปล่าเอนลงบนเตียงอย่างไม่สนใจ“นี่.....วันนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้นะ”“แล้วไง”“ก็ไม่แล้วไง บอกเอา
“ยัยนี่ดื่มไปเยอะแค่ไหนเนี่ย” เมฆาถามพร้อมกับสบตาชยกร“ก็ตั้งแต่มาก็ยังกระดกไม่หยุด” หมอหนุ่มพูดพลางถอนหายใจ“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ชมพูแพรถาม เธอกระพริบตาถี่พร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจ“มีเรื่องกันนิดหน่อย” ตอบพลางส่งสายตาขู่หนุ่มๆที่มองมาที่ปรางค์วลัย“ไม่หน่อยล่ะมั้งคะ สภาพขนาดนี้” หญิงสาวตัวเล็กยิ้มแหย“ประมาณนั้น ก็ยัยนี่ไม่ฟังพี่เลย” เมฆาบ่นโอดครวญ เขาเพิ่งรู้ว่าปรางค์วลันไม่ได้เล่าให้ชมพูแพรฟัง“ชมพูไม่ถามนะคะ เราไม่ซักเรื่องส่วนตัวกันค่ะ นอกจากเพื่อนเล่า” ชมพูแพรพูดดักทาง“ว้า พี่กะจะถามเลยนะเนี่ย” เมฆาพูดทีเล่นทีจริง แต่สบตากับชยกร และเมื่อเห็นเขากระพริบตากลับมาก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง“พูดมาก เก็บยัยการ์ตูนกลับบ้านเลยไป ปล่อยกลับเองน่าจะไม่ถึงบ้าน” ชยกรขมวดคิ้ว เมื่อปรางค์วลัยยังกระดกไม่หยุด“เออ รู้แล้วน่า” หมอหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายของหญิงสาวแล้วดึงท่อนแขนเปลือยให้ลุกตามเขาไป“อะไร จะไปไหน อย่ามายุ่งกับฉัน” ปรางค์วลัยที่เมาจนเสียงอ้อแอ้โวยวาย เพราะถึงเธอจะเมา แต่เธอก็รู้สึกตัวและยังรู้เรื่อง“พอได้แล้ว เมาจนจะเป็นหมาอยู่แล้ว” ร่างสูงบ่นเบาๆพร้อมกับดึงให้ร
“ไปดริ้งค์กัน” คำชวนสั้นๆดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูลิฟต์เปิดออก“หะ อารมณ์ไหนวะ” หญิงสาวบอบบางย้อนถามเพื่อนรักพร้อมกับก้าวเข้าไปในลิฟต์“เบื่อๆ” ดวงตากลมโตที่เคยสดใสตอนนี้เจือแววเหนื่อยล้าจนเพื่อนๆรู้สึกได้“ฉันไป” พศินรีบตอบรับหลังจากที่เขาส่งข้อความคุยกับเบนเสร็จ“ตามนี้ คืนนี้เจอกัน 3 ทุ่ม ร้านเดิม” ปรางค์วลัยสรุปพร้อมกับโบกมือแล้วเดินแยกออกไปเมื่อประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นล่าง“แกว่าตูนมันจะไหวไหมวะ” ชมพูแพรถามพศิน สายตามองตามร่างของเพื่อนรักด้วยสีหน้ากังวล“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ตอนนี้มันก็เหมือนต้องกลับไปเจอกับความโดดเดี่ยวที้บ้าน เราต้องให้เวลามันหน่อย” พศินเข้าใจดีว่าการกลับบ้านที่เคยอยู่กับครอบครัว แต่แล้ววันที่กลับไปไม่เจอใครมันรู้สึกยังไง“อือ ฉันก็หวังว่ามันจะดีขึ้นเร็วๆ เห็นแล้วอดห่วงไม่ได้ มันผอมลงเยอะเลย” เสียงถอนหายใจเบาๆพร้อมกับใบหน้าสวยหวานส่ายไปมา“ไปๆ แยกย้าย คืนนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนมันหน่อย” พศินตบบ่าชมพูแพรเบาๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปเมื่อถึงเวลานัด ปรางค์วลัยมาถึงก่อนเพื่อน หญิงสาวมาในชุดกระโปรงสั้นสีขาว กับเสื้อสายเดี่ยวลูกไม้สีขาวที่มีดันทรงอยู่ในตัว นั่นหมายความว่าวันนี้เธอโ
ร่างเล็กปลิวหวือลงไปบนเตียงเมื่อถูกโยนลงไป ใบหน้าสวยบิดเบ้ด้วยความเจ็บ มือทั้งสองข้างพยายามยันตัวขึ้นมานั่ง ดวงตากลมโตตวัดมองคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง“ดีเนอะ ไปเที่ยวกับผู้ชายกลับดึกกลับดื่นไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดว่ายังไง”“ในสมองคิดแต่เรื่องแบบนี้เหรอ อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นแบบตัวเองดิ”“เธอรู้ดีแค่ไหนว่าผู้ชายเป็นยังไง มันไม่มีใครเข้าหาผู้หญิงด้วยความบริสุทธิ์ใจหรอกนะ”“รู้ โตแล้ว ไม่ได้โง่ ผู้ชายมันก็หวังเซ็กซ์ทั้งนั้นแหละ”“ก็รู้นี่”“ฉันโตแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อน”“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”“สิ่งที่มันแตกไปแล้ว มันประกอบคืนไม่ได้หรอกนะ หมอเมฆ”“.....”“ออกไปจากบ้านฉัน อ้อ คืนกุญแจบ้านฉันด้วย นายไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเข้ามาในบ้านฉันอีก”“ฉันรับปากน้าปริมไว้แล้วว่าจะดูแลเธอ”“ฉันดูแลตัวเองได้ ออกไปเถอะ”เมฆานิ่งงันไปพักใหญ่ เขาแค่เป็นห่วงปรางค์วลัย ตอนนี้คนแถวนี้รู้หมดแล้วว่าหญิงสาวอยู่บ้านคนเดียว หากมีคนคิดไม่ดีแอบเข้ามาในบ้านเธอจะเอาตัวรอดยังไง เขาถึงต้องคอยเข้ามาดูความปลอดภัยในบ้านว่ากุญแจยังล็อกดีหรือไม่ ประตูหน้าต่างม
การทำงานที่วุ่นวายตลอดทั้งวัน ทำให้ทั้งสองสาวแท้ และหนึ่งสาวไม่แท้เลือกที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน และตามที่นัดกันเอาไว้ นพรุจได้มารับปรางค์วลัยที่หน้ามหาวิทยาลัยและตรงไปที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่เพื่อกินข้าวและนั่งคุยกันร้านอาหารญี่ปุ่นคือร้านที่ถูกเลือก สองหนุ่มสาวนั่งลงตรงข้ามกัน สั่งเมนูอาหารกับพนักงาน ก่อนที่นพรุจจะตั้งหลักเพื่อเริ่มทำการพูดคุยกับปรางค์วลัย“ตูนโกรธพี่ไหม ที่ไม่ได้ไปงานน้าปริม”“ไม่เลยค่ะ”“แล้วถ้าพี่ถามตามตรงว่าพี่ยังมีโอกาสที่จะจีบตูนติดอยู่ไหม”“ตูนเคยเล่าให้พี่รุจฟังไหมคะ ว่าทำไมตูนถึงไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายหรือคบหากับเพศตรงข้าม”“ไม่เคยจ้ะ”“งั้นเดี๋ยวตูนเล่าให้ฟัง” หญิงสาวยิ้มให้เขาน้อยๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวกับสิ่งที่เธอต้องเจอ สิ่งที่เธอได้ยินให้เขาฟังโดยที่ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าอีกฝ่ายคือใคร นพรุจมีอาการอึ้งอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องนี้เกิดนานหรือยัง”“นานมากแล้วค่ะ ตั้งแต่ตูนยังอายุแค่ 13-14 ปีเอง สำหรับตูนมันหนัก คำพูดเหล่านั้นมันทำให้ตูนฝังใจ กว่าที่ตูนจะผ่านมันมาได้ตูนต้องใช้เวลา กว่าที่ตูนจะพัฒนาตัวเองเพื่อลบคำสบประมาทมาได้ ตูนต้องพยายามมากแค่ไหนมีแต่ตัวตูนเองที่ร
“.....” ปรางค์วลัยนิ่งขรึมไป เธอพยุงตังเองลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้านิ่ง“เป็นอะไร” เมฆาเลิกเล่น เขายอมปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ แล้วนั่งมองหน้าเธอด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“จำคำพูดตัวเองไม่ได้เหรอ” เสียงที่เคยหวานใส ตอนนี้มันกลับแข็งกระด้างจนคนฟังตกใจ“คำพูดอะไร.....เธอได้ยินเหรอ!!!” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยพูดอะไรไว้ก็หน้าเสีย“ใช่ ขอโทษนะ ถ้าต้องพูดว่าคำพูดของนายมันทำให้ฉันแพนิค กลัวเพศตรงข้าม ไม่มั่นใจตัวเองจนไม่กล้าคบกับเพื่อนต่างเพศอยู่หลายปี นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตนายตลอดเวลาที่ผ่านมา” หญิงสาวบอกเขาด้วยสีหน้านิ่งขรึม แต่แววตาของเธอยังเจือแววความปวดร้าวเมฆานิ่งอึ้งไป เขาไม่คิดว่าปรางค์วลัยจะได้ยินประโยคนั้น ตอนนั้นเขายังเป็นวัยรุ่นอยู่ วันนั้นเขาพาแฟนมาที่บ้าน แต่ด้วยความที่สาวเธอขี้หึง ไม่พอใจที่ปรางค์วลัยเข้าออกบ้านเขาตลอด เขาจึงพูดออกไปแบบไม่ทันคิดอะไร เพื่อให้แฟนสาวในตอนนั้นเลิกสนใจปรางค์วลัยและสนใจสิ่งที่กำลังจะทำ อีกอย่างวันนั้นเขาไม่เห็นปรางค์วลัย จึงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกหลังจากเก็บความรู้สึกนี้มานานหลายปี ในที่สุดเธอก็







