บทที่ 4
เสียตัวให้บอส
“โอ๊ยยย!!!! จะจอดทำไม่บอกกันก่อนเนี่ย”
เขาเบรกรถกะทันหันจนทำให้ศีรษะฉันกระแทกเข้าที่หน้ารถ ฉันต้องตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ความเจ็บปวดทุเลาลง ยกมือขึ้นไปกุมที่กลางหน้าผากด้วยกลัวว่ามันจะแตกจนเป็นแผล แต่ยังโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก จากนั้นจึงคลำหาแว่นตาที่หล่นลงไปวางแอ้งแม้งบริเวณเท้า เมื่อเห็นแล้วจึงหยิบมันขึ้นมาใส่อีกครั้ง
“ก็เธอบอกอยากจะลงไม่ใช่เหรอ...ลงไปสิ” เขาทำหน้ากวนยักคิ้วให้ฉันราวกับเป็นผู้ชนะในเกมนี้ รอยยิ้มหล่อทำให้ความโกรธของฉันหายเป็นปลิดทิ้ง มีโอกาสขนาดนี้แล้วจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่าแน่ ร้อยทั้งร้อยถ้าหากผู้ชายโดนผู้หญิงจูบจะต้องรู้สึกดีบ้างล่ะน่า
“แต่ตอนนี้หนูไม่อยากลงไปแล้วค่ะบอส” ฉันทำเสียงยียวนกวนประสาทเขาคืนบ้าง
“เธอมันน่ารำคาญจริงๆ เฮ้อ...” เขาถอนหายใจเสียงดัง บ่งบอกว่ากำลังรำคาญฉันเต็มทน
“แล้วถ้าทำอย่างนี้จะรำคาญอยู่อีกไหมคะ” พูดจบฉันก็ตัดสินใจเลื้อยตัวเข้าไปนั่งบนตักเขาอย่างไม่ให้ตั้งตัว จากนั้นจึงยกมือขึ้นไปโอบรัดต้นคอไว้แน่น
“ธะ...เธอจะทำบ้าอะไร” ทำไมบอสที่น่าจะช่ำชองเรื่องอย่างว่ากลับมีท่าทีประหม่าอย่างนี้นะ หรือว่ามันเป็นแค่การแสดง...
“ก็หนูบอกแล้วไงคะว่าชอบบอส”
ใบหน้าเราทั้งสองอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดใบหน้ากันและกัน บอสกลืนน้ำลายลงคอจนเกิดเสียงบ่งบอกว่าเขาเองก็หวั่นไหวไม่น้อย
“อืม...”
ในช่วงเวลานั้นฉันจึงโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบริมฝีปากเขาอย่างดูดดื่ม ช่วงแรกอีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากแต่ทว่าไม่นานก็ยอมให้ลิ้นของเราสัมผัสกัน เมื่อเครื่องเริ่มติดเขาก็เป็นฝ่ายรุกหนักขึ้น มือหนายกขึ้นมาบีบเคล้นเนินอกฉันแรงๆ ราวกับต้องการให้มันหลุดติดมือออกไป
“อื้อ...”
เขาส่งปลายลิ้นเข้ามาตวัดเลียหยอกล้อกับลิ้นของฉันอย่างสนุกสนาน ทุกอย่างดูผ่อนคลายมากขึ้น มีเพียงเสียงลมหายใจของเราทั้งสองดังระงมในรถ
บอสเลื้อยมือเข้าไปใต้ร่มเสื้อเพื่อสัมผัสกับเนินเนื้อ ในช่วงเวลานั้นฉันดึงสติกลับมาได้เสียก่อน ว่าต้องการเพียงแค่จูบเท่านั้นไม่ได้หวังจะให้มาถึงขั้นนี้
“พะ...พอก่อนค่ะบอส” ฉันผละใบหน้าออกมาอย่างเสียดาย ปล่อยมือที่โอบรัดต้นคอเขาลงมา เพื่อดึงมือเขาออกจากใต้ร่มเสื้อ
“ทำไมล่ะ...ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือ ฉันกำลังตอบสนองเธออยู่นี่ไง” เขาแค่นยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“หนูอยากจูบบอสก็จริงแต่นี่บอสกลับล้วง...” ความกล้าของฉันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เมื่อได้รับสัมผัสนั้นจริงๆ กลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ไม่เหมือนก่อนหน้าที่ใจกล้าหน้าด้านไปจูบเขาก่อน
“ถ้าฉันไม่ล้วงก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ เธอเป็นคนเริ่มมันก่อนเองนะช่วยไม่ได้” พูดจบเขาก็หันไปสนใจมองถนนตรงหน้า ออกรถไปด้วยความเร็ว แต่ทว่าจุดหมายปลายทางนั้นฉันกลับไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนกันแน่
*-*-*-*-*-*-*
“นี่มัน...โรงแรมม่านรูดนี่คะบอส”
“ก็ใช่ไง”
“บอสพาหนูมาที่นี่ทำไม”
“อย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลยน่า ผู้หญิงอย่างเธอน่ะเหรอจะไม่รู้ว่าเขามาที่นี่กันเพื่อทำอะไร ลงรถ! แล้วเข้าไปในห้องเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากขับรถเข้ามาจอดในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง
“ไม่! พาหนูกลับบ้านเถอะนะ ถึงหนูจะชอบบอส อยากจูบบอสแต่หนูก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะคะ” พอเอาเข้าจริงๆ แล้วมันกลับน่ากลัวกว่าที่คิด ฉันไม่น่าไปยั่วให้เขาอย่างนี้เลย
“มันสายไปแล้วล่ะ ลงไปเดี๋ยวนี้!”
บอสเปิดประตูรถลงไปก่อน จากนั้นเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูรถ ลากตัวฉันเข้าไปในห้องจนสำเร็จ
ปัง!
“ฉันนึกว่าเธอจะแน่กว่านี้ซะอีก ความหน้าด้านไร้ยางอายพวกนั้นหายไปไหนหมด ทีอย่างนี้ทำมาเป็นเล่นตัว” เขาเดินตรงเข้ามาหาแล้วผลักตัวฉันให้นอนราบลงบนเตียง ตามขึ้นมาคร่อมตัวทับทาบ ตรึงแขนทั้งสองข้างไว้แน่นไม่ยอมให้ขัดขืนได้
“หนูแค่อยากให้บอสชอบ อยากเป็นแฟนกับบอสทำไมถึง ฮึก...”
“สภาพอย่างเธอใครจะไปชอบลง จืดชืดไม่มีรสชาติ ทางเดียวที่จะมัดใจฉันได้ก็คือเรื่องเซ็กซ์ ถ้าเธออยากให้ฉันสนใจจริงๆ เธอต้องยอมเป็นของฉัน นอนอ้าขาให้ฉันเอาทุกครั้งที่ต้องการเข้าใจไหม”
“ฮึก...ถ้าหนูยอมอย่างนั้นจริงๆ บอสจะยอมคบกับหนูอย่างเปิดเผยไหมล่ะคะ” ถ้ามันจะทำให้เขายอมรับในตัวฉันได้ฉันจะยอม เพราะรักเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกอย่างก็ทำเพื่อให้แม่มีความสุขด้วย
“ได้สิ! ฉันจะยอมคบกับเธอ” เขากระตุกยิ้มร้ายอย่างพอใจ
“ถ้าอย่างนั้นหนูจะยอมเป็นของบอส เป็นของบอสตลอดไปเลยค่ะ” ฉันเริ่มยิ้มออกเมื่อได้รับคำยืนยันจากปากบอส ในที่สุดก็มีวันนี้สักที วันที่ฉันจะได้มีแฟนทั้งหล่อและรวยสมใจอยาก ถ้าแม่รู้คงจะดีใจมาก
“ถ้างั้นก็นอนนิ่งๆ ห้ามขัดขืน”
บอสปลดกระดุมเสื้อฉันออกทีละเม็ด จนเผยให้เห็นบราสีชมพูพาสเทล เขามองมันด้วยสายตาหื่นกระหาย กลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่ ค่อยๆ เอื้อมมือมาสัมผัสบีบเคล้นเบาๆ ไม่นานก็เลื้อยมือไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอ
“เธอนี่ก็ซ่อนรูปไม่เบาเลยนะ” เขาเอ่ยเสียงกระเส่าขณะดึงเสื้อพร้อมกับบราออกไปให้พ้นทาง จนตอนนี้ท่อนบนไม่มีอาภรณ์ปกปิดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
บอสปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกอย่างเร่งรีบ จนเผยให้เห็นเรือนกายกำยำ มัดกล้ามเนื้อแน่นดูแข็งแรง หน้าท้องมีซิกแพคเป็นลอนสวยงาม ทำให้ฉันแทบจะละลายลงเสียตรงนี้ ความเป็นชายของเขาโดดเด้งออกมา ฉันรู้สึกเสียววาบที่ส่วนล่างเมื่อเห็นความใหญ่โต จนอดคิดไม่ได้ว่าส่วนอ่อนไหวของฉันจะรองรับมันได้หรือเปล่า
บอสถอดกระโปรงสีดำฉันออกพร้อมกับแพนตี้ตัวจิ๋วลายลูกไม้ จากนั้นจับขาเรียวแยกออกจากกันก้มหน้าเข้าไปดอมดมสูดกลิ่นสาวที่บริสุทธิ์ราวกับคนโรคจิตก็ไม่ปาน
“บะ...บอสคะ อื้อ....”
ฉันนอนบิดตัวเร่าด้วยความกระสันเสียว เมื่อบอสแยกกลีบส้มโออวบอูมฉันออกจากกัน พรมจูบอย่างหื่นกระหาย ขบเม้มติ่งเสียวราวกับต้องการแกล้งให้ฉันขาดใจตายเสียตรงนี้
“อ๊ะ...บอสขาหนูเสียว อื้อ...อ๊า!”
ฉันทนไม่ไหวจำต้องร้องครวญครางออกมา เมื่อเขาส่งปลายลิ้นออกมาลากเลียที่กลางร่องสวาท ตวัดมันเร็วๆ อย่างชำนิชำนาญ ความเสียวแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูเนื้อจนต้องกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น ร่อนสะโพกเบาๆ เพื่อตอบรับสัมผัสอันสุดสวาท
“แจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!”
เขาส่งนิ้วยาวเข้าไปในรูสวาทกระตุกแรงถี่ๆ ขณะริมฝีปากกำลังขบเม้มติ่งเสียวของฉัน
“บอสขาหนูไม่ไหวแล้ว อื้อ...แรงกว่านี้ได้ไหม อ๊า”
“เธอจะต้องจำบทรักครั้งนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอนหึๆ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นมานั่งข้างตัวฉัน ส่งมือข้างหนึ่งมาบีบเคล้นเนินอก ส่วนอีกข้างกำลังกระตุกร่องสวาทอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการให้ฉันถึงจุดหมายปลายทาง
“แค่นิ้วเธอยังเสียวขนาดนี้ ถ้าได้เจอน้องชายฉันรับรองว่าจะต้องถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดอย่างแน่นอน ชอบฉันมากใช่ไหมเดี๋ยวจัดหนักจัดเต็มให้” เขากัดฟันพูดราวกับหมั่นไส้ฉันซะเต็มประดา ออกแรงกระตุกให้เร็วและแรงขึ้นจนฉันเริ่มทนไม่ไหว...
“อ๊ะๆ ๆ ๆ บอสหนูไม่ไหวแล้ว อื้อ...ทำไมมันเสียวอย่างนี้ อ๊ะ...จะเสร็จแล้วค่ะ อ๊าสสสส”
รู้สึกเหมือนตัวเองเบาหวิวไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง น้ำรักไหลพุ่งออกมาจากรูสวาทเป็นสาย
ฉันนอนหายใจเหนื่อยหอบอย่างหมดแรง บอสมองมาที่ฉันอย่างพอใจ รอยยิ้มซาตานที่มุมปากราวกับมีเลศนัยอย่างบอกไม่ถูก
“นี่มันแค่น้ำจิ้ม คนอย่างเธอจ้องเจอหนักกว่านี้หลายเท่าตัว”
พูดจบบอสก็โน้มใบหน้าลงมาขบเม้มที่ยอดอกฉันแรงๆ ส่งปลายลิ้นเปียกลากเลียอย่างสนุกสนาน เขาเลื้อยตัวมาทับทาบร่างฉันไว้ แยกขาเรียวทั้งสองข้างออกจากกันด้วยท่อนขาแกร่ง ทำให้ท่อนเอ็นยาวใหญ่บดเบียดที่กลางร่องสร้างความเสียวสยิวให้ฉันอย่างที่สุด
“หนูรักบอสนะคะ ได้หนูแล้วอย่าทิ้งหนูนะ” ฉันพูดออกไปด้วยความใสซื่อ เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อใกล้ๆ ทำให้ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ หากคนทั้งบริษัทได้รู้ว่าฉันตกเป็นของบอสแล้ว คงจะหน้าแตกกันถ้วนหน้าที่นินทาฉัน
“ถ้าเธอรักฉันจริงต้องตามใจฉันให้มากๆ รู้ไหม”
“หนูจะตามใจบอสทุกเรื่องเลยค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานให้เขา
“ดีมากหึๆ” เขาเอ่ยขณะรูดท่อนเอ็นยาวใหญ่ขึ้นลงสองสามครั้ง จากนั้นก็หยิบซองถุงยางอนามัยข้างโต๊ะขึ้นมาฉีกแล้วสวมมันอย่างบรรจง
เขากระตุกยิ้มร้ายก่อนจะประกบจูบอย่างดูดดื่ม เนินอกอันเต่งตึงถูกบดเบียดด้วยแผงอกแกร่งจนปริปลิ้นออกมาข้างตัว เขาละมือข้างหนึ่งลงไปจับท่อนเอ็นถูไถทางเข้าสองสามครั้ง จากนั้นจึงยัดเยียดส่วนหัวเข้าไปอย่างช้าๆ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างราวกับตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ นี่ฉันกำลังจะเสียความบริสุทธิ์งั้นเหรอ ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดถึงเพียงนี้
“อ๊ะ...อื้อ...บอสขาเอามันออกไปก่อนได้ไหมคะ จะ...เจ็บ” ฉันผละใบหน้าออกมาเพื่อขอร้องให้เขาหยุด
“อีกหน่อยเธอก็จะเสียงเองล่ะน่า”
พรวดดดด
“กรี๊ดดดด!!!”
ท่อนเอ็นยาวใหญ่ถูกดันเข้าไปรวดเดียวจนสุดลำ ในวินาทีนั้นน้ำตาฉันไหลพรากลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน มันอึดอัดและคับแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่พอเขาเริ่มขยับมันเข้าออกเป็นจังหวะ ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไป
“อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...บอสขาทำไมของบอสใหญ่อย่างนี้”
“ใหญ่อย่างนี้ชอบไหมล่ะ”
“ชะ...ชอบค่ะบอส ตอนนี้หนูไม่เจ็บแล้ว อื้อ...แต่มันเสียวเหลือเกิน เสียวจนจะเสร็จอีกรอบ” ฉันบิดตัวเร่าด้วยความกระสันเสียว ยกท่อนขาเรียวไปเกี่ยวที่เอวเขาไว้แน่น ส่วนมือทั้งสองข้างยกขึ้นมาขยำเนินอกตัวเอง บีบเคล้นเล่นเพิ่มความเสียวไปอีกทาง
ปับ! ปับ! ปับ!
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังระงมไปทั่วทั้งห้อง มือของบอสค้ำยันที่ข้างเอวฉันขณะออกแรงกระแทกกระทั้นความใหญ่โตเข้าไปในรูสวาทอย่างไม่ปรานี ราวกับต้องการลงโทษที่ฉันทำให้เขาต้องตบะแตก
“ซี๊ดดดด!! รูเธอตอดแน่นกว่าผู้หญิงที่ฉันเคยเอามาเกือบทุกคนเลย แม่ง! เสียวสัดๆ อื้อ...” เขาเอ่ยเสียงกระเส่าขณะจ้องมองดวงหน้าฉันไปด้วย
“บะ...บอสก็ใหญ่แน่นคับรูมากเหลือเกิน อื้อ...หนูรักบอสนะคะ อ๊า...หนูรักบอส” ฉันส่งเสียงร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ได้รับจากเขา
บอสโน้มใบหน้าลงมาบดจูบฉันอีกครั้ง ลิ้นของเราถูกส่งออกมาตวัดเลียอย่างเมามัน จังหวะรักถูกเร่งให้แรงและเร็วขึ้นจนฉันรู้สึกได้ ลมหายใจถี่ของบอสดังระงมจนฉันได้ยินถนัด บ่งบอกว่าเขากำลังใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางในอีกไม่ช้า และฉันเองก็กำลังจะเสร็จด้วยแรงกระแทกท่อนเอ็นยาวใหญ่อีกครั้ง
“มะ...ไม่ไหวแล้ว ซี๊ดดดด...ฉันจะแตกแล้ววววว อ๊ากกกก....”
“นะ...หนูก็จะเสร็จแล้วค่ะ อื้อ....”
เราทั้งสองคนกระตุกตัวพร้อมกันหลายครั้งติดต่อกัน บอสกอดร่างฉันไว้แน่นซุกใบหน้าหล่อที่ซอกคออย่างหมดแรง
ส่วนฉันเองก็กอดเขาไว้เช่นเดียวกัน รอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขฉายขึ้นบนใบหน้าตลอดเวลา มันเหมือนฝันมากเหลือเกิน
“บอสลุกขึ้นสิคะหนูจะไปล้างตัวแล้ว”
บอสยังคงนอนนิ่งไม่ยอมลุกออกจากตัวฉัน ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรือหลับกันแน่
“นอนอีกแปบนึงน่า”
“แต่หนูอยากกลับแล้วนี่คะ” กลับไปคงโดนแม่บ่นให้แน่นอน เพราะปกติฉันไม่เคยกลับบ้านเลยเวลา แถมยังไม่ได้โทรไปบอกอีกด้วย รอให้อะไรมันชัดเจนกว่านี้ก่อนเถอะ ฉันจะพาบอสไปเปิดตัวกับแม่แน่นอน
“เออๆ ๆ” ดูท่าทางเขาจะหงุดหงิดใส่ฉันราวกับไม่พอใจเอามากๆ
เขาลุกออกจากตัวฉันไปนอนแผ่หลาข้างกัน เมื่อเป็นอิสระแล้วจึงลุกขึ้นเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ แล้วรีบออกมาเก็บเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนบนพื้นขึ้นมาสวมใส่
บอสยังคงไม่ยอมลุกจากเตียง นอนอยู่อย่างนั้นไม่ได้สนใจฉันสักนิดเดียว หรือเขาจะเหนื่อยมากจนอยากจะนอนค้างที่นี่ต่อสักพัก
“บอสไม่กลับเหรอคะ” ฉันยืนสะพายกระเป๋าอยู่ข้างเตียงอย่างไม่เข้าใจ
“เธอกลับไปก่อนเถอะฉันขอนอนต่ออีกสักพัก ขอบใจสำหรับพรหมจรรย์ที่มอบให้นะ” เขาว่าพลางลุกขึ้นมาหยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่โต๊ะโคมไฟ หยิบธนบัตรใบละพันปึกหนึ่งยื่นให้ฉัน
“อะ...อะไรคะบอส มันหมายความว่าไง” เห็นอย่างนั้นฉันก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที กลัวว่าเขาจะผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ ที่ว่าจะคบกับฉันอย่างเปิดเผย
“ก็ค่าตัวเธอไง ฉันไม่ให้เธอเสียตัวฟรีๆ หรอกน่า รีบเอาไปซะฉันจะได้นอนต่อ” เขาเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ ทำเอาน้ำตาฉันไหลพรากลงมาอาบทั้งสองแก้ม
“หนูไม่เอา! หนูไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะคะบอส ฮึก...หนูต้องการเป็นแฟนกับบอสได้ยินไหมคะว่าหนูต้องการเป็นแฟนกับบอส ฮือๆ ๆ” ฉันตะโกนใส่หน้าเขาสุดเสียง ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะเป็นคนกลับกลอกอย่างนี้
“ก็เธอมาเสนอตัวให้ฉันเองไม่ใช่เหรอ ฉันก็สนองให้แล้วจะเอาอะไรอีก รีบรับไปซะ แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ทำไมบอสทำกับหนูอย่างนี้ ตั้งแต่เรื่องที่บอสบอกกับทุกคนในบริษัทว่าหนูไปสารภาพรักก็หนหนึ่งแล้ว ยังจะมาเรื่องนี้อีก ทำไมบอสเป็นคนใจร้ายอย่างนี้ ฮือๆ ๆ” ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นคนอย่างนี้ ฉันรักเขาแต่เขากลับทำร้ายฉันจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
“เดี๋ยวนะ! ฉันไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปทำเรื่องอย่างนั้นหรอก คิดเองเออเอง ไร้สาระ รีบออกไปซะ! แล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปพูดที่บริษัทไม่งั้นฉันเอาเธอตายแน่” พูดจบเขาก็ปาเงินใส่หน้าฉันอย่างไม่รักษาน้ำใจ
“หนูไม่นึกเลยว่าบอสจะใจร้ายอย่างนี้ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!”
ฉันรีบวิ่งออกจากห้องไปทั้งน้ำตา ความซวยมันยังไม่พอแค่นั้นข้างนอกกลับมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง แต่ทว่าฉันกลับไม่สนเดินฝ่าฝนไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง ความเจ็บปวดทางกายทำให้ฉันก้าวขาเดินอย่างยากลำบาก เนื้อตัวเปียกปอนจากการเดินตากฝนมาตามรายทางอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ฮือๆ ๆ คนรวยมันคงเป็นอย่างนี้หมดทั้งโลกสินะ เห็นคนจนเป็นแค่เศษขยะ ไม่มีค่าไม่มีราคาเลยสักนิด ไม่องไม่เอามันแล้วผัวรวย ฮือๆ ๆ”
ฉันเอ่ยเบาเสียงขณะเดินฝ่าฝนไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าภาพถนนที่อยู่ตรงหน้ามันเลือนรางจนแทบมองไม่เห็นอะไร จากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับวูบไปในทันที
บทที่ 31อวสานแม้ว่าแก๊งสาวโสดแผนกบัญชี จะเคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลายต่อหลายครั้ง ทว่ากลับไม่เคยบอกเรื่องที่ฉันคืนดีกับบอสแล้ว วันนี้จึงตั้งใจจะเข้าไปบริษัทพร้อมกับเขา เปิดตัวในฐานะแฟนอย่างเป็นทางการ ไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่อยากจะเซอร์ไพรซ์คนที่เคยนินทาและดูถูก และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าหมิว ตอนที่นางเห็นฉันเดินควงคู่มากับบอส คิดแล้วก็รู้สึกสะใจบอสมารับฉันที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะใส่บาตรด้วยกัน แล้วช่วยแม่ขายของอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาจากบ้านพร้อมกันเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของบริษัท ฉันก็หันไปยิ้มให้เขา อีกฝ่ายยิ้มตอบเอื้อมมาจับมือฉันไว้“ไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานเหรอ”“จะให้ฉันกลับมาทำในตำแหน่งอะไรล่ะคะ”“ก็...เลขาส่วนตัวฉันไง”“ไม่เอาฉันไม่อยากไปแย่งตำแหน่งใครมาอีกแล้ว ฉันขอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจแม่ค้าจนๆ อย่างฉันนะคะ”“ใครจะไปรังเกียจเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ หมายใจจะหอมแก้มแต่ทว่าฉันรีบเอื้อมมือไ
บทที่ 30คุณบอสสุดที่รักวันนี้เป็นวันหยุดบอสจึงมาช่วยขายข้าวแกงตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจทำคะแนนพิชิตใจแม่ เอาใจท่านราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปานหลังจากการขายของในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ค้าอย่างเราๆ ตอนนี้ฉันกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ส่วนอิงฟ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก“เจ้านายแกกลับไปแล้วเหรอ ฉันว่าแล้วอยู่ได้ไม่นานหรอก” แม่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของแขกผู้มาเยือน“เปล่านะแม่ เห็นบอกว่าจะไปเอาอะไรที่รถน่ะ”“อ้าวเหรอ…ฉันก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” แม่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อหลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ในมือเขามีถุงอะไรบางอย่างมาด้วย เห็นอย่างนั้นฉันก็มองหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงถามว่ามันคืออะไร อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วเดินนำมาวางไว้บนโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา“อะไรเหรอคุณ?”“ฉันซื้อของมาฝากคุณแม่น่ะ” เขาตอบก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ต่อทันที “คุณแม่ครับผมซื้อของมาฝาก”แม่ค่อ
บทที่ 29เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้วหลังจากแยกทางกับพี่มาร์คแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาบอสที่หน้าห้างตามสัญญา เมื่อมาถึงฉันก็ยืนอยู่ลานหน้าห้าง มองไปรอบตัวเพื่อหาเขาคนนั้น คนไม่เยอะแต่กลับหาไม่เจอแม้แต่เงาหมับ!รู้สึกตัวอีกทีก็มีใครบางคนมาสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงพยายามดิ้น และแกะมือหนานั้นออกทันที“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”“อ้าว! เธอมีแฟนเป็นคนโรคจิตงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูทำให้ฉันหยุดชะงัก แล้วยืนนิ่งทันที“บอส!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ คนมองกันใหญ่แล้วนั่น” ใครจะไม่อายล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงกลางลานเลยล่ะฟอดด!!!“ไม่แกล้งแล้วครับ ต่อไปนี้จะตามใจเมียทุกอย่าง” ก่อนจะคลายอ้อมแขนเขาก็ไม่ลืมหาเศษหาเลย โดยการหอมแก้มฟอดใหญ่ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าเขาหลังจากนั้น ก่อนจะยู่หน้าใส่อย่างเอาเรื่อง“ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ!”“ก็เธอไงล่ะ”“เอาใหญ่แล้วนะเรา” ทำไมฉันจะต้องยิ้มเขินด้วยนะ ทำไมฉันจะต้องหลบตาเขา เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองได้เล
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว