เรายังจะต้องคุยอะไรกันอีก...แค่ฉันบอกว่าเจ็บ นายยังไม่ฟังเลย
view moreบทนำ
ณ มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เสียงฮือฮาของเหล่าบรรดานักเรียนทั้งชายและหญิง ดังกึกก้องไปทั่วสนามฟุตบอลที่รุ่นพี่กำลังแข่งกีฬาอยู่ ทันทีที่อาจารย์ผู้สอนเดินออกจากสนาม เหล่าบรรดารุ่นน้องหญิงชายก็วิ่งตรงเข้ามาหาคนที่ตัวเองปลื้มพร้อมกับดอกไม้และตุ๊กตาหมีที่เป็นสิ่งแทนใจ ในวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่า คนที่ได้สิ่งของแทนความรักมากที่สุดก็คือ.... เฌอเบลล์ หญิงสาวตัวเล็กสเปกชายที่ฮอตตั้งแต่มอต้นยันมอปลาย นอกจากความสวยสดใสและรอยยิ้มบาดใจแล้ว เฌอเบลล์ยังเป็นคนเฟรนด์ลี่พูดคุยเก่งเข้าได้กับทุกคนอีกด้วย และยิ่งกว่านั้นเฌอเบลล์ยังเรียนเก่งและให้คำปรึกษารุ่นน้องในเรื่องการเรียนได้ดีกว่ารุ่นพี่คนอื่น ๆ เรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์ไปหมดทุกอย่างจริง ๆ “เบลล์แม่งฮอตฉิบหาย” ไวน์ หนุ่มหล่อพ่อรวยเพื่อนสนิทในกลุ่มของเฌอเบลล์พูดขึ้นมาขณะที่มองดูกลุ่มรุ่นน้องกำลังรุมล้อมเพื่อนของตน ถึงจะเป็นภาพที่ทุกคนเห็นบ่อยแล้ว แต่ก็รู้สึกอึดอึดแทนเพื่อนทุกครั้งที่เห็นอะไรแบบนี้ “ไม่ฮอตได้ไง เบลล์มันน่ารักขนาดนั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกัน ใครบางคนแม่งจีบไปนานแล้ว จริงไหมวะ!” ประโยคหลังเจเลอร์ตั้งใจหันไปถาม มาร์ติน เพื่อนชายอีกคนที่นั่งมองเฌอเบลล์ไม่วางตา โดยที่ข้าง ๆ มี มิริน กำลังยื่นขวดน้ำให้เหมือนทุกครั้งที่เรียนพละเสร็จ “แสนรู้นะมึง” มาร์ตินตอบทีเล่นทีจริงพร้อมกับรับขวดน้ำจากมิรินมาดื่มด้วยท่าทางปกติไม่แม้แต่จะมองดูและไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เพื่อนพูด “กูไม่ได้แสนรู้ แต่กูเป็นคนที่รู้ใจมึงที่สุด แนะนำในฐานะเพื่อนนะเว้ย ชอบก็บอกว่าชอบดิวะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกก่อนหรอก” เจเลอร์ บอกเพื่อนรักและตบไหล่เบา ๆ ตามประสาคนรู้ใจ ตามมาด้วยเสียงเชียร์ของเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่อยากให้มาร์ตินสารภาพรักกับเฌอเบลล์ เพราะทุกคนเข้าใจว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน เว้นก็แต่มิรินที่ไม่ยอมรับความจริง “มีอะไร?” มาร์ตินขมวดคิ้วถามมิรินที่เอาแต่ยืนมองหน้าเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ “ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร” มิรินตอบพร้อมรอยยิ้มและเก็บสิ่งของที่เตรียมมาใส่กระเป๋า แน่นอนว่าคนสนิทกันดูออกจึงได้ถามต่อ “มีอะไรก็พูดมา” สายตาคมมองจ้องที่ดวงตาของอีกฝ่ายจนเธอทำตัวไม่ถูก เธอรู้สึกประหม่า จนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่มองใบหน้าหล่อของเพื่อนสนิทอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งหัวใจมันทนต่อความอยากรู้ไม่ไหวจนต้องออกคำสั่งให้เธอถามเขาออกไป “นายชอบเบลล์เหรอ” คำถามของคนตรงหน้าทำให้มาร์ตินหยุดชะงักไปชั่วขณะ เขาจ้องมองดวงตาคู่สวยด้วยแววตาเกินจะคาดเดาเช่นเดียวกับคำถามที่ถูกส่งมาหา “อยากให้ชอบไหมล่ะ?” “มะ...ไ....” ยังไม่ทันที่มิรินจะได้ตอบสิ่งที่อยู่ในใจ หมับ! เจเลอร์ก็พุ่งเข้ามากอดคอมาร์ติน “ไปช่วยเบลล์ถือหน่อย กูกลัวแขนมันจะหัก” “อืม ค่อยคุยกัน” มาร์ตินบอกมิรินก่อนจะเดินไป ทำให้เธอต้องคิดไปเองว่า..... “ฉันไม่สำคัญกับนายเลยสินะ” มิรินได้แต่บอกตัวเองในใจพร้อมกับความรู้สึกที่จมดิ่ง และอึดอัดใจที่ต้องทนเก็บบางอย่างไว้ในใจต่อไป ...ความรู้สึกนั้นยังต่อเนื่องมาจนถึงเวลาเลิกเรียน มิรินก็ยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้สักที มันช่างเป็นอะไรที่อยากจะอธิบายเสียจริง จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปตรง ๆ ก็ไม่ได้ เพราะก็กลัวจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป “เฮ้อ....” “เป็นไรมากปะ ฉันเห็นแกนั่งถอนหายใจแบบนี้นานแล้วนะ” นานะ เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มหันไปถามด้วยความสงสัย ทำให้ทุกคนจับจ้องมาที่มิรินเป็นตาเดียว “ไม่มีอะไรหรอก" มิรินแสร้งยิ้มและหยิบมือถือขึ้นมาเล่นกลบเกลื่อนความว้าวุ่นใจ ขณะที่รอหนุ่ม ๆ หอบหนังสือไปส่งอาจารย์ แต่อยู่ ๆ เฌอเบลล์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกแก ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” น้ำเสียงจริงจังของเฌอเบลล์ทำให้สาว ๆ หันไปมองหน้าเธอเป็นตาเดียวรวมถึงคนที่กำลังคิดไม่ตกกับเรื่องตัวเองด้วย และสิ่งที่เฌอเบลล์นั้นเอ่ยออกมาก็ยิ่งทำให้ความว้าวุ่นในใจของมิรินพุ่งทยานขึ้นไปอีกหลายเท่า “ฉันชอบติน พวกเธอช่วยฉันคิดหน่อยได้ไหม ว่าฉันจะสารภาพรักยังไงไม่ให้เสียเพื่อน” เฌอเบลล์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าของมิรินตลอดเวลา ราวกับกำลังจับผิดว่าเพื่อนรักของเธอจะรู้สึกยังไง “ฉันชอบติน ฉันชอบติน ฉันชอบติน” คำพูดของเฌอเบลล์ยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของมิรินจนไม่ทันได้ฟังว่าเพื่อนพูดอะไรกันต่อ ในหัวของเธอตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด ต่างจากหัวใจที่บีบรัดแน่นจนจุกอก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะทำใจกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่พอเกิดขึ้นจริง ๆ เธอกลับทำใจไม่ได้ “เธอช่วยฉันคิดหน่อยสิริน ว่าฉันควรจะทำยังไงดี ฉันชอบตินมาก ๆ เลยนะ” “เอ่อ...” มิรินได้แต่อ้ำอึ้งเหมือนคนน้ำท่วมปาก ขณะที่เฌอเบลล์ก็จ้องมองเธอราวกับกำลังจับผิด อีกทั้งสายตาของเพื่อนรอบข้างก็มองกดดันเธอราวกับว่าเธอเป็นส่วนเกินที่ไปแทรกกลางความรักของคนสองคน เพราะใคร ๆ ก็คิดว่าเขาสองคนนั้นมีใจให้กัน “มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเธอเองก็ชอบติน” ใช่ ฉันชอบติน ชอบมานานแล้วด้วย ชอบก่อนที่เธอจะชอบตินสะอีก มิรินได้แต่สารภาพรักอยู่ภายในใจพร้อมหัวใจที่เจ็บปวด ถ้าให้เลือกระหว่างเธอกับเฌอเบลล์ ไม่ว่าใครก็คงจะเลือกเฌอเบลล์อยู่แล้ว เฮ้อ...นี่ฉันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งเลยเหรอ มิรินถอนหายใจออกมาอย่างสุดปลง เมื่อรู้ชะตาตัวเอง เธอควรจะทำใจแล้วสินะ ก่อนที่จะเสียเพื่อนทั้งสองคนไป “เธอชอบตินใช่ไหม” เฌอเบลล์ถามย้ำอีกครั้ง เมื่อมิรินเอาแต่เงียบ “เปล่า ไม่ได้ชอบ ถ้าเธอชอบหมอนั่น ก็สารภาพรักไปตรง ๆ เลย” มิรินพยายามบอกออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อไม่ได้เสียเพื่อนทั้งสองคนไป เธอยอมรับว่าเธอรักมาร์ติน แต่เธอก็รักเฌอเบลล์เหมือนกัน ถ้าพวกเขาจะรักกันจริง ๆ เธอก็ควรจะยินดีไม่ใช่เหรอ “เธอพูดจริงเหรอ” “จริงสิ เพื่อนกัน จะไปชอบกันได้ไงล่ะ ไม่มีทางหรอก” มิรินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อให้สมบทบาท โดยไม่รู้ว่าคำพูดของเธอทำให้คนที่พึ่งจะเดินเข้ามาเข้าใจทุกอย่างชัดเจน “ติน!” มิรินเอ่ยชื่อชายหนุ่มที่รักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะสมองก็คิดหาคำอธิบายกับสิ่งที่เธอพลั้งพูดออกไปว่ามันไม่ใช่ความจริง หมับ! คนตัวสูงไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ เขาเดินตรงไปหาเพื่อนของเธอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะจูงมือเธอออกไป ท่ามกลางสายตาและเสียงเชียร์ของคนอื่น ๆ มิริน เม้มริมฝีปากเข้าหากันทันทีที่เผลอพลั้งปากออกไป แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อทางเลือกของเธอมันมีไม่มาก ตอนนี้เธอทำได้เพียงมองทั้งสองคนค่อย ๆ เดินออกไปพร้อมกับหัวใจที่ปวดหนึบ แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นคนเลือกที่จะพูดแบบนั้นออกไปเองบทที่ 4.ภาพบาดตามิรินเอ่ยถามเพื่อนสนิทของเธอเหมือนทุกครั้ง ก่อนที่เฌอเบลล์จะสวมกอดแขนของเธอ"โอ๊ย!"มิรินเอ่ยร้องขึ้น เมื่อเฌอเบลล์บีบเข้าที่แผลของเธออย่างตั้งใจ"ริน ฉันขอโทษนะ ฉันลืมตัวอะ""ริน มีเลือดออกด้วยอะ ไปห้องพยาบาลก่อนไหม"นานะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเลือดของเธอไหลออกมาเป็นจำนวนมาก มาร์ตินยังคงจับจ้องไปที่มิรินด้วยสายตาดุดันไม่ต่างจากเดิม"เหอะ!" เสียงเจเลอร์เอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อเห็นว่ามาร์ตินยังคงยืนมองนิ่ง เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนมาร์ตินคงอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาล"ไม่เป็นไรนานะ เรามีเอาอุปกรณ์ทำแผลมา"มิรินค่อย ๆ หยิบ ๆ ยาล้างแผลและผ้าก็อซออกมาทำความสะอาดบาดแผลด้วยตัวเอง"ฉันช่วยไหมจะได้ไวขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันทำเองดีกว่าเดี๋ยวมือเธอเหม็น""ฉันขอโทษจริง ๆ นะยัยริน ฉันไม่ได้ตั้งใจ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนไปซื้อข้าวให้ฉันล่ะ""เธอยังมีอารมณ์จะกินข้าวอยู่เหรอยัยเบลล์ มิรินเจ็บอยู่นะ"นานะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อเฌอเบลล์งอแงจะกินข้าวอย่างเดียว"เบลล์จะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเราไปซื้อให้"" จริงนะ งือ ตินน่ารักที่สุดเลย ขอบคุณนะ”คำพูดของชายหนุ่มที่เปล่งอ
บทที่ 3. คำถามซึ่งไร้คำตอบทรงยศเอ่ยขี้น ก่อนจะดึงร่างลูกสาวออกห่าง แต่มิรินกลับสวมกอดผู้เป็นพ่อไว้แน่นกว่าเดิม ส่งผลให้เศษแจกันบาดเข้าบริเวณแขนของเธอ"ถ้าพ่อตายรินจะอยู่ยังไง อย่าทิ้งรินไปอีกคนเลยนะคะ รินไม่เหลือใครแล้ว"มิรินค่อย ๆ ทรุดตัวลงที่พื้น ท่ามกลางหยาดเลือดของตัวเอง ลมหายใจค่อย ๆ อ่อนลง ๆ ก่อนที่เธอจะเป็นลมหมดสติไป ทรงยศค่อย ๆ ทิ้งเศษแจกันในมือลง ก่อนจะสวมกอดลูกสาวไว้แน่น เขาไม่น่าเห็นแก่ตัว สิ้นคิด ทำอะไรไม่คิดถึงลูกเลย"พ่อขอโทษริน เจ็บมากไหมลูก เจ็บมากไหม"ทรงยศเข้าไปพยุงลูกสาวด้วยท่าทีสติแตก ก่อนจะอุ้มร่างลูกสาวไปที่โซฟาอย่างทุลักทุเลปัก! อ๊ะ! เศษแจกันปักเข้าที่เท้าของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่เขาจะดึงมันออก แล้วคลานไปหยิบกล่องยา เพื่อมาทำแผลให้ให้ลูกสาว แม้ว่าหยาดเลือดบริเวณฝ่าเท้าของตัวเองนั้นจะไหลออกมาไม่หยุดก็ตาม ทรงยศจัดการล้างแผลให้ลูกสาวพร้อมหยดน้ำตา และพรั่งพรูคำว่าขอโทษออกมาไม่หยุด หลังจากที่จัดการทำแผลให้ลูกสาวคนเล็กเรียบร้อย จึงจัดการทำแผลให้ตัวเอง และเก็บกวาดเศษกระจกจำนวนมาก เพราะกลัวว่ามิรินจะเผลอเหยียบ และได้รับบาดเจ็บอีกเป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่หญิงสาวหมดส
บทที่ 2. คาร์น เควินคาร์นมิริน... ตื่นมาในช่วงสายของวัน เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน ดวงตาที่บวมแดงดูก็รู้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก มิรินนั่งคิดอยู่สักพักว่าเธอควรจะไปมหา’ลัยยังไงไม่ให้เพื่อน ๆ สงสัยว่าที่บ้านของเธอกำลังเจอกับปัญหาอะไรในขณะเดียวกันเพื่อน ๆ ก็อดที่จะเป็นห่วงเธอไม่ได้"ทำไมวันนี้ยัยรินไม่มาอะ ปกติไม่เคยขาดของอาจารย์ธีระนะ มีอะไรรึเปล่าอะ"นานะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวันนี้ เพื่อนสนิทของเธอไม่ยอมมาเรียน"คงติดธุระมั้ง"ไวน์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือทักทาย เจเลอร์และมาร์ตินที่กำลังเดินเข้ามา"หรือว่า จะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานที่เธอปรึกษาอะ ยัยเบลล์"นานะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ทำเอาทุกคนขมวดคิ้วยุ่งทันที ก่อนที่เจเลอร์และมาร์ติน จะเดินมาถึงโต๊ะหินอ่อน"งั้นเราก็โทรไปถามยัยรินเลยดี""มีไร"มาร์ตินเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิทอีกคน"ก็วันนี้น่ะสิติน ยัยรินไม่มาเรียนอะ ปกติไม่เคยขาดวิชาอาจารย์ธีระนะ"เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อน ก่อนจะจ้องมองท่าทีของเพื่อนสนิทอย่างมาร์ติน"ก็โทรไปถามดิ เบอร์ก็มี"มาร์ตินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก
บทที่ 1. ปัญหาเห้อ......มิรินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินตามหลังเพื่อน ๆ ออกไปที่โรงจอดรถ เธอยืนมองเฌอเบลล์ที่กำลังขึ้นรถมาร์ตินด้วยแววตาเศร้า ทั้งที่มันควรจะเป็นภาพที่คุ้นชิน แต่พอรู้ว่าเฌอเบลล์รู้สึกยังไงกับมาร์ติน ก็อดจะเสียใจไม่ได้ มิรินยังคงจ้องมองทั้งสอง ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกถึงการถูกจ้องมอง และหันมาที่รถของเธอเช่นเดียวกัน มิรินรีบเปิดประตูเข้าไปในรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองทันที เพราะกลัวว่ามาร์ตินจะรู้ว่าเธอแอบมองอยู่รองเท้าส้นสูงขนาดสองนิ้วเหยียบลงที่คันเร่งรถด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจสายตาเพื่อน ๆ ที่มองตาม"ยัยริน รีบไปไหนอะ ทำไมต้องขับรถเร็วขนาดนั้น""นัดเด็กไว้เปล่า เห็นมีเด็กปีสองมาวอแว"เจเลอร์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีหยอกล้อ ต่างจากอีกคนที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที" มิรินไม่ใช่คนแบบนั้น"น้ำเสียงนิ่งเรียบโดยมาร์ตินดังขึ้น ก่อนที่จะขับรถออกไปด้วยความเร็วไม่ต่างกันภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตา ตกแต่งแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง มีร่างสวยในชุดนอนสีหวานเดินวนไปวนมาด้วยท่าทางร้อนรน เรียวปากเล็กก็บ่นพึมพำราวกับนางเอกกำลังท่องบทละครหลังข่าว“ฉันขอโทษนะ จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้คิดอย่
บทนำ ณ มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เสียงฮือฮาของเหล่าบรรดานักเรียนทั้งชายและหญิง ดังกึกก้องไปทั่วสนามฟุตบอลที่รุ่นพี่กำลังแข่งกีฬาอยู่ ทันทีที่อาจารย์ผู้สอนเดินออกจากสนาม เหล่าบรรดารุ่นน้องหญิงชายก็วิ่งตรงเข้ามาหาคนที่ตัวเองปลื้มพร้อมกับดอกไม้และตุ๊กตาหมีที่เป็นสิ่งแทนใจ ในวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่า คนที่ได้สิ่งของแทนความรักมากที่สุดก็คือ....เฌอเบลล์ หญิงสาวตัวเล็กสเปกชายที่ฮอตตั้งแต่มอต้นยันมอปลาย นอกจากความสวยสดใสและรอยยิ้มบาดใจแล้ว เฌอเบลล์ยังเป็นคนเฟรนด์ลี่พูดคุยเก่งเข้าได้กับทุกคนอีกด้วย และยิ่งกว่านั้นเฌอเบลล์ยังเรียนเก่งและให้คำปรึกษารุ่นน้องในเรื่องการเรียนได้ดีกว่ารุ่นพี่คนอื่น ๆ เรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์ไปหมดทุกอย่างจริง ๆ“เบลล์แม่งฮอตฉิบหาย”ไวน์ หนุ่มหล่อพ่อรวยเพื่อนสนิทในกลุ่มของเฌอเบลล์พูดขึ้นมาขณะที่มองดูกลุ่มรุ่นน้องกำลังรุมล้อมเพื่อนของตน ถึงจะเป็นภาพที่ทุกคนเห็นบ่อยแล้ว แต่ก็รู้สึกอึดอึดแทนเพื่อนทุกครั้งที่เห็นอะไรแบบนี้“ไม่ฮอตได้ไง เบลล์มันน่ารักขนาดนั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกัน ใครบางคนแม่งจีบไปนานแล้ว จริงไหมวะ!”ประโยคหลังเจเลอร์ตั้งใจหันไปถาม มาร์ตินเพื่อนชายอีกค
Mga Comments