บทที่ 7
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ฉันรีบหันขวับกลับมาเมื่อรู้ว่าเป็นบอส จะทำยังไงดีหากเจอหน้าเขา ฉันกลัวว่าบอสจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แกล้งให้อับอายขายขี้หน้าอีกน่ะสิ
“มาช้าจริงเฮีย” เมื่อบอสเดินมาถึงตองจึงเอ่ยกับพี่ชายตัวเอง เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร
“ก็บอกว่ามีธุระมาให้ก็บุญโขแล้ว ต้องทำอะไรบ้างล่ะ”
“งั้นเฮียไปเปลี่ยนชุดด้านโน้นก่อนนะ หล่อระดับเฮียค่อยมาตบแป้งเบาๆ ก็พอ”
“โอเคๆ รีบๆ หน่อยละกัน” ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะถูกบังคับมา หากรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือฉัน เขาจะทำหน้ายังไงนะ
หลังจากบอสเดินไปแล้วฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนตองขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย
“พี่ดาวถอนหายใจทำไมคะ”
“เอ่อ...พี่ตื่นเต้นน่ะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ่ายไม่นานหรอก แถมยังไม่มีบทพูดทำตามที่ผู้กำกับสั่งก็พอ”
“น้องตองคะ...ช่วยแต่งหน้าพี่แบบว่า...ให้คนอื่นจำไม่ได้ มันพอจะเป็นไปได้ไหม”
“เดี๋ยวตองจัดให้เลยค่ะ รับรองว่าสวยจนแม้แต่ไอ้ฟ้าก็จำไม่ได้แน่นอน” ตองเอ่ยกับฉันด้วยความมั่นใจ ฉันเชื่อว่าเด็กคนนี้ทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
“ขอบใจจ้ะ”
จากนั้นตองก็ลงมือแต่งหน้าให้ฉัน อุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะถูกนำขึ้นมาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้อย่างบรรจง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงงานศิลป์บนใบหน้าก็เสร็จสิ้น พร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ที่ฉันก็แทบจำตัวเองไม่ได้
“สวยมากกกก...” ตองเอ่ยชมหลังจากฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ นั่นเพราะขนตาปลอมที่หนาเป็นแพทำให้ความไม่คุ้นชินบังเกิดขึ้น รู้สึกหนักตาราวกับคนง่วงนอนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่ออะไรเทือกนั้น
ฉันหยิบกระจกขึ้นมายลโฉมตัวเองก็ถึงกับตกใจ จากคนที่ไม่ชอบเรื่องการแต่งหน้าพอได้แต่งแล้วก็แทบจำตัวเองไม่ได้ นี่ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย
“นะ...นี่พี่จริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่ะพี่ดาวสวยมากจริงๆ ถ้าคนรู้จักได้มาเห็นรับรองว่าจำไม่ได้แน่ๆ”
“น้องตองเก่งมาเลยอ่ะทำผีให้เป็นนางฟ้าได้ขนาดนี้”
“ใครบอกว่าผี พี่ดาวสวยอยู่แล้วต่างหากล่ะยิ่งได้แต่งหน้ายิ่งสวยเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าจะให้ดีห้ามใส่แว่นอีกนะคะ แล้วก็หัดแต่งหน้าทำผมจะได้สวยทุกวัน” ตองแนะนำ
“พี่ไม่ชินอ่ะ แต่กลับไปบ้านจะลองดูละกันนะ”
“พี่มีเครื่องสำอางไหมคะ”
“ไม่มีจ๊ะ พี่ไม่ชอบแต่งหน้า”
“ถ้างั้นเอาของพวกนี้ไปเลยตองให้ ที่บ้านตองมีอีกเยอะแยะเลย”
“ไม่เอาพี่เกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมคะ พี่ดาวเป็นพี่สาวเพื่อนตองนี่นา นะนะเอาไปเถอะ” เห็นสีหน้าจริงจังของตองฉันก็เริ่มใจอ่อน เอาก็เอาบ้านนางรวยขนาดนั้นแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่ก็งงเล็กน้อยเพราะแบรนด์เครื่องสำอางที่ใช้เป็นแบรนด์นอก ไม่มีแบรนด์ที่บริษัทเลยสักอย่าง
“ถ้างั้นขอบใจนะจ๊ะ ถ้ามีโอกาสไปที่บ้านพี่นะจะทำกับข้าวเลี้ยงเป็นการตอบแทน”
“ค่ะพี่ดาว เอาไว้ว่างๆ หนูจะไปเยี่ยมที่บ้าน ตอนนี้เราไปเปลี่ยนชุดกันก่อนนะคะ”
“โอเคจ้ะ”
ดูท่าทางตองจะเป็นคนติดดิน ไม่ถือตัว ไม่ดูถูกคนจน ไม่หยิ่งเหมือนกับพี่ชายเลยสักนิด เป็นพี่น้องแท้ๆ กันหรือเปล่าเนี่ย
เราทั้งสองเดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนชุดเคลื่อนที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ตองเลือกชุดที่แขวนอยู่บนราวมาจากนั้นยื่นมาให้ฉันเข้าไปเปลี่ยน มันคือชุดเดรสเกาะอกสีชมพู กระโปรงฟูฟ่องพลิ้วไหวเมื่อยามต้องลม ฉันไม่เคยใส่อะไรแบบนี้มาก่อนมันก็ดูดีไปอีกแบบ
“ว้าววว!!! สวยมากเลยค่ะพี่ดาว” เมื่อฉันออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ตองก็ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า คนที่ชอบแต่งตัวเชยๆ อย่างฉันพอเปลี่ยนไปแบบนี้มันคงจะน่าตกใจมากสินะ
“ขอบใจจ้ะตอง เริ่มถ่ายกันตอนนี้เลยไหม”
“ตอนนี้เลยค่ะตอนนี้เฮียคงรออยู่แล้ว”
เราทั้งสองเดินไปยังสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่กลางสวนสาธารณะ บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างดีมาก แม้ว่าแดดจะแรงไปนิดแต่ทว่ากลับมีลมโกรกโชยพัดมาเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกเย็นได้บ้าง
เมื่อเดินไปถึงก็พบว่าบอสยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ๊ตเข้ารูปสีเดียวกับชุดฉันไม่ผิดเพี้ยน ติดกระดุมทุกเม็ดจนถึงต้นคอ มีสายเอี้ยมสีดำคาดบ่าทั้งสองดูเป็นคุณชายนิดๆ
นี่มันถ่ายเอ็มวีหรือพรีเวดดิ้งกันแน่เนี่ยยยย!!!
“นางเอกมาแล้วจ้า!!!” ตองตะโกนบอกกับทุกคน
ฉันพยายามก้มหน้าไม่อยากให้เขาได้เห็นถนัดตา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับจ้องเขม็งมาที่ฉัน ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย
“กรี๊ดดดด!!! นี่พี่สาวฉันจริงๆ เหรอเนี่ย” ยัยอิงฟ้ารีบวิ่งเข้ามาหาฉัน จับเนื้อตัวพลิกไปมาราวกับตัวประหลาด
นี่พี่สาวแกนะไม่ใช่เอเลี่ยนย่ะ!!!
“เป็นไงสวยล่ะสิ”
“มากกก!! ต่อไปนี้ลืมยัยเฉิ่มคนเก่าไปเลยนะ แบบนี้สิถึงจะมีแฟนกับเขาได้สักที”
“ฉันไม่อยากมีเองต่างหากไม่เห็นเกี่ยวเลย” ฉันก็พูดให้ดูดีไปอย่างนั้นเองละค่ะ ที่จริงแล้วยังไม่เคยมีใครมาจีบจริงๆ นั่นล่ะ
“ทุกอย่างพร้อมแล้วเริ่มถ่ายทำกันได้” เสียงน้องผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้กำกับ
ทุกคนเริ่มเข้าประจำจุดทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนฉันถูกนำตัวให้ไปยืนข้างๆ บอส ถึงตอนนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขาเช่นเคย กลัวว่าอีกฝ่ายจะจำได้
“สวัสดีครับ...ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า” บอสก้มหน้าลงมาเอ่ยถามฉันอย่างสงสัย แต่ทว่าฉันกลับเอียงหน้าหนีไปอีกทาง
“เอ่อ...ไม่เคยค่ะฉันเพิ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรก”
“ถ้างั้นยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ค่ะ”
ในระหว่างที่เราสองคนกำลังทำความรู้จักกันอยู่นั้น เสียงน้องผู้กำกับก็ตะโกนดังเข้ามาอีกครั้ง
“ทั้งสองยืนจ้องหน้าแล้วยิ้มหวานให้กันครับ”
เมื่อได้ยินคำสั่งเราทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาจะจำฉันได้ไหมนะอยู่ใกล้กันขนาดนี้แล้ว
“ใกล้อีกครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเราทั้งสองก็ขยับตัวเข้าหากันเรื่อยๆ จนกว่าผู้กำกับจะสั่งหยุด จนตอนนี้ใบหน้าห่างกันแค่นิดเดียวจนปลายจมูกจะสัมผัสกันอยู่แล้ว
“พอแล้วครับ พี่ผู้ชายเอื้อมมือไปกอดเอวพี่ผู้หญิงไว้ กระชับตัวเข้ามาแนบชิด จากนั้นก็สวมกอดกันอย่างช้าๆ ครับ”
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงหัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินคำสั่งนั่น ทำไมจะต้องรู้สึกเขินอายมากขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งที่ก่อนหน้ารู้สึกโกรธเกลียดเขามากเหลือเกิน กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาโชยเข้าจมูก มันช่างปลุกเร้าความกำหนัดในตัวฉันได้เป็นอย่างดี เขามีเสน่ห์เหลือล้นจนผู้หญิงที่ได้อยู่ใกล้ไม่อาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้ แต่ฉันจะพยายามฝืนตัวเองเพื่อไม่ต้องตกเป็นเหยื่อเขาอีกแล้ว
“ตอนแรกฉันก็แค่สงสัย แต่พอได้กลิ่นตัวเธอฉันจำได้ดีเลยล่ะอิงดาว” เขาเอ่ยกระซิบข้างใบหูฉันเมื่อเราทั้งสองสวมกอดกันแล้ว เราต้องกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกว่าผู้กำกับจะสั่งคัท
“คัท!”
เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์นั่นฉันก็โล่งใจ พยายามจะผละตัวออกจากอ้อมกอดแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมง่ายๆ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะบอส”
“ไม่ปล่อย”
“เด็กๆ กำลังมองไม่อายบ้างรึไง”
“อายทำไมในเมื่อมากกว่านี้เรายังเคยทำกันมาแล้ว”
เมื่อไม่ยอมฉันจึงใช้มือหยิกที่หน้าท้องเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!”
สิ้นเสียงร้องโอดโอยเราทั้งสองก็ผละออกจากกัน ฉันรีบเดินออกห่างจากตัวเขาไปหาผู้กำกับ
“เป็นยังไงบ้างน้องโอเคไหม”
“โอเคครับ ว่าแต่เมื่อครู่ผมสั่งคัทแล้วทำไมพวกพี่ยังไม่ยอมแยกจากกัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...พอดีมีปัญหานิดหน่อยจ๊ะ กระดุมเสื้อพระเอกมันติดที่ชุดพี่”
“ถ้างั้นถ่ายฉากต่อไปได้เลยครับพี่ ไปยืนรอสแตนด์บายที่เดิมได้เลย”
ฉันพยักหน้ารับ จากนั้นตองก็เดินมาซับหน้าให้
“พี่ดาวโอเคไหมคะ เฮียทำตัวรุ่มร่ามกับพี่มากเกินไปรึเปล่า”
“เปล่าหรอกจ้ะไม่มีอะไร” ฉันยิ้มให้ตองราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ถ้างั้นสู้ๆ นะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
หลังจากนั้นก็เริ่มถ่ายทำฉากใหม่ คราวนี้ฉันต้องเป็นฝ่ายนั่งพับเพียบให้บอสนอนหนุนตัก ฉันต้องก้มมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม ราวกับรักผู้ชายคนนี้มากที่สุดในโลก
“มองหน้าแล้วยิ้มหวานให้กันครับ ยิ้มไปเรื่อยๆ จากนั้นก็พูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะสั่งคัทครับ”
ผู้กำกับสั่งมาอีกระลอก เราทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างหวานซึ้ง เขาแสดงได้เก่งมากจนฉันเชื่อว่าเราทั้งสองเป็นคู่รักกันจริงๆ สายตาที่เขามองมานั้นช่างเต็มไปด้วยแรงเสน่หา บ่งบอกว่ากำลังต้องการตัวฉันมากเหลือเกิน รอยยิ้มแห่งมัจจุราชฉายออกมาให้เห็น สื่อว่าฉันกำลังจะตกเป็นเหยื่อของเขาในอีกไม่ช้า
“โดนฉันฟันแล้วทิ้งถึงกับอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยงั้นเหรอยัยเฉิ่ม”
“อย่าคิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลกับผู้หญิงทั้งโลก บอสมันก็แค่ผู้ชายที่เห็นแก่ได้เท่านั้นล่ะ”
“ปากดีขึ้นนี่สงสัยอยากโดนอีก ไม่เข็ดรึไง”
“มั่นหน้า! คิดว่าตัวเองหล่อมากขนาดนั้นเหรอ วินแถวหน้าบ้านหนูหล่อกว่านี้ตั้งเยอะแยะ” ฉันก็พูดเอาชนะเขาไปอย่างนั้นเอง แต่ที่จริงแล้วเขาคือผู้ชายที่หล่อที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเห็นมา
เสียตัวไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้...
“อย่างน้อยวินพวกนั้นก็ไม่ได้แอ้มเธอเหมือนฉัน หรือว่าเธออ้าขาให้จนครบเกือบทุกคนแล้วหึๆ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็ชักสีหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ กำลังจะพ่นคำก่นด่าออกไปแต่ทว่าอีกฝ่ายเตือนสติเอาไว้ก่อน
“อยากด่าก็ด่าเลย ฉันรู้นะว่าเธออยากอยู่ใกล้ฉันอย่างนี้นานๆ” คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ้มหวานเหมือนเดิม เพราะไม่อยากจะโดนสั่งคัทแล้วเริ่มต้นถ่ายใหม่อีกครั้ง
“หลงตัวเอง สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตหนูก็คือบอกรักบอสในวันนั้นจำไว้ด้วย”
“สิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตฉันก็คือมีอะไรกับผู้หญิงอย่างเธอเหมือนกัน”
“สาธุ...โชคดีจังที่บอสคิดอย่างนี้ หนูจะได้สบายใจว่าจะไม่มีปีศาจตนไหนมาทำร้ายหนูอีก”
เขากำลังจะตอบกลับมาแต่ทว่าผู้กำกับได้สั่งคัทเสียก่อน
“คัท!”
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ศีรษะของบอสหล่นกระแทกบนพื้นหญ้า จากนั้นก็เดินสะบัดตูดกลับมาหาน้องสาวตัวแสบที่ยืนยิ้มให้ฉันอยู่แล้ว
“ใกล้เสร็จรึยัง ฉันอยากกลับแล้ว” ฉันกระซิบเบาๆ กับยัยอิงฟ้า กลัวว่าเพื่อนของมันจะได้ยินเข้า เดี๋ยวจะหาว่าฉันเรื่องมากอีก
“อีกสองสามฉากอ่ะพี่ ทนเอาอีกนิดนะ”
“โอเคๆ”
บอสเดินเข้ามาหาเราตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อิงฟ้าส่งยิ้มข้ามศีรษะฉันไป เมื่อมองไปก็เจอกับพระเอกหน้าหล่อส่งยิ้มให้น้องสาวฉันอยู่นั่นเอง
“น้องเป็นน้องสาวของอิงดาวเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ หนูไม่นึกเลยว่าพี่ชายของตองจะหล่อขนาดนี้” ดูท่าทางน้องสาวฉันจะติดกับผู้ชายคนนี้อีกคนไปแล้ว กลับบ้านจะต้องอบรมสั่งสอนกันให้เข็ดหลาบเลยคอยดู
“ขอบคุณครับน้อง ว่าแต่เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าน้า พี่คุ้นหน้าน้องมากๆ เลย” เขาปรายตามองมาที่ฉันอย่างร้ายกาจ ฉันจ้องเขม็งเพื่อสั่งห้ามให้เขาปากมากพูดถึงเรื่องเมื่อวาน
“เปล่านะคะหนูเพิ่งเคยเห็นหน้าพี่ติณณ์” อิงฟ้าขมวดคิ้ว ทำท่าคิดไปด้วย
“ยัยฟ้าเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า” ฉันรีบดึงตัวน้องสาวให้ออกไปจากตรงนั้น แต่ทว่าบอสกลับเอ่ยประโยคนั้นออกมาจนได้
“อ้อ! จำได้แล้วเมื่อวานที่ไปส่งอิงดาวที่บ้านไง ว่าอยู่คุ้นๆ หน้า”
“อ้าว! โลกกลมจังเลยนะคะไม่นึกว่าพี่ชายตองจะเป็นเจ้านายของพี่ดาวนี่เอง”
“ใช่แล้วครับ โลกกลมสุดๆ” ฉันเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นี้เหลือเกิน
“วันนั้นพวกพี่ไปทำอะไรกันมาคะ หนูถามพี่ดาวก็ไม่ยอมบอก” เอาแล้วไงยัยน้องบ้า หาเรื่องให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าอีกแล้ว ถ้าผีเจาะปากเขาให้พูดตรงๆ ออกมา มีหวังฉันต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินกลับบ้านแน่ๆ
“เข้าฉากกันได้แล้วครับ”
เมื่อได้ยินเสียงผู้กำกับฉันก็โล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก รีบเดินออกไปจากตรงนั้น โดยไม่ลืมที่จะจูงแขนบอสไปด้วย เพราะกลัวว่าจะหว่านเสน่ห์ใส่น้องสาวฉันอีกคน
จากนั้นเราก็เริ่มถ่ายทำกันต่อ ถ่ายไปได้อีกสามฉากก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ฉันรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้รีบกลับบ้าน ร่ำลาเพื่อนๆ ของยัยอิงฟ้าแล้วก็เดินไปที่ถนนใหญ่เพื่อนั่งรถเมล์กลับ โดยไม่สนใจว่าบอสเลยสักนิด
บทที่ 31อวสานแม้ว่าแก๊งสาวโสดแผนกบัญชี จะเคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลายต่อหลายครั้ง ทว่ากลับไม่เคยบอกเรื่องที่ฉันคืนดีกับบอสแล้ว วันนี้จึงตั้งใจจะเข้าไปบริษัทพร้อมกับเขา เปิดตัวในฐานะแฟนอย่างเป็นทางการ ไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่อยากจะเซอร์ไพรซ์คนที่เคยนินทาและดูถูก และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าหมิว ตอนที่นางเห็นฉันเดินควงคู่มากับบอส คิดแล้วก็รู้สึกสะใจบอสมารับฉันที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะใส่บาตรด้วยกัน แล้วช่วยแม่ขายของอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาจากบ้านพร้อมกันเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของบริษัท ฉันก็หันไปยิ้มให้เขา อีกฝ่ายยิ้มตอบเอื้อมมาจับมือฉันไว้“ไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานเหรอ”“จะให้ฉันกลับมาทำในตำแหน่งอะไรล่ะคะ”“ก็...เลขาส่วนตัวฉันไง”“ไม่เอาฉันไม่อยากไปแย่งตำแหน่งใครมาอีกแล้ว ฉันขอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจแม่ค้าจนๆ อย่างฉันนะคะ”“ใครจะไปรังเกียจเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ หมายใจจะหอมแก้มแต่ทว่าฉันรีบเอื้อมมือไ
บทที่ 30คุณบอสสุดที่รักวันนี้เป็นวันหยุดบอสจึงมาช่วยขายข้าวแกงตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจทำคะแนนพิชิตใจแม่ เอาใจท่านราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปานหลังจากการขายของในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ค้าอย่างเราๆ ตอนนี้ฉันกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ส่วนอิงฟ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก“เจ้านายแกกลับไปแล้วเหรอ ฉันว่าแล้วอยู่ได้ไม่นานหรอก” แม่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของแขกผู้มาเยือน“เปล่านะแม่ เห็นบอกว่าจะไปเอาอะไรที่รถน่ะ”“อ้าวเหรอ…ฉันก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” แม่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อหลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ในมือเขามีถุงอะไรบางอย่างมาด้วย เห็นอย่างนั้นฉันก็มองหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงถามว่ามันคืออะไร อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วเดินนำมาวางไว้บนโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา“อะไรเหรอคุณ?”“ฉันซื้อของมาฝากคุณแม่น่ะ” เขาตอบก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ต่อทันที “คุณแม่ครับผมซื้อของมาฝาก”แม่ค่อ
บทที่ 29เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้วหลังจากแยกทางกับพี่มาร์คแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาบอสที่หน้าห้างตามสัญญา เมื่อมาถึงฉันก็ยืนอยู่ลานหน้าห้าง มองไปรอบตัวเพื่อหาเขาคนนั้น คนไม่เยอะแต่กลับหาไม่เจอแม้แต่เงาหมับ!รู้สึกตัวอีกทีก็มีใครบางคนมาสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงพยายามดิ้น และแกะมือหนานั้นออกทันที“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”“อ้าว! เธอมีแฟนเป็นคนโรคจิตงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูทำให้ฉันหยุดชะงัก แล้วยืนนิ่งทันที“บอส!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ คนมองกันใหญ่แล้วนั่น” ใครจะไม่อายล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงกลางลานเลยล่ะฟอดด!!!“ไม่แกล้งแล้วครับ ต่อไปนี้จะตามใจเมียทุกอย่าง” ก่อนจะคลายอ้อมแขนเขาก็ไม่ลืมหาเศษหาเลย โดยการหอมแก้มฟอดใหญ่ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าเขาหลังจากนั้น ก่อนจะยู่หน้าใส่อย่างเอาเรื่อง“ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ!”“ก็เธอไงล่ะ”“เอาใหญ่แล้วนะเรา” ทำไมฉันจะต้องยิ้มเขินด้วยนะ ทำไมฉันจะต้องหลบตาเขา เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองได้เล
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว