สัปปะดลวิมนรัก (ซีรีส์ชุดสัปปชญานน)

สัปปะดลวิมนรัก (ซีรีส์ชุดสัปปชญานน)

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-08-28
Bahasa: Thai
goodnovel18goodnovel
10
0 Peringkat. 0 Ulasan-ulasan
36Bab
181Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

เมื่อจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นท่ามกลางความเกลียดที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ...เขาควรจะยอมรับความรู้สึกหรือยอมรับความจริง ความจริงที่ทั้งเกลียดแต่แสนรัก!

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทนำ ต้นเหตุแห่งความเกลียดชัง!

เสียงหัวเราะครึกครื้นของแขกเหรื่อในงานเลี้ยงที่ดังขึ้นเนื่องในวันเกิดครบยี่สิบเก้าปีของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าของไร่ธราดล

จะเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตเนิร์ดที่สาว ๆ หมายปองทั่วทั้งโรงพยาบาลก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นหนุ่มแว่นยิ้มง่ายอัธยาศัยดีและมีมนุษยสัมพันธ์แสนดีเลิศกับทุกคนโดยเฉพาะสาว ๆ แต่สาว ๆ ที่ว่าก็เป็นได้เพียงแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

ชายหนุ่มถือคติที่ว่า 'น้ำแตกแล้วแยกทาง' แตกแบบที่มีเครื่องป้องกันเป็นอย่างดีโดยไม่ซ้ำรอยกับคนเดิมให้มีพันธะต่อกัน

ธราดลไม่ได้ต้องการมีใครเป็นตัวเป็นตน...เพราะใจจริงก็แอบมีคนที่มอง ๆ ไว้ เพียงแต่รู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง

"คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก!...แต่ถ้าเมาก็ห้ามกลับอยู่ดีนะโว้ย! เมาไม่ขับน่ะรู้จักเปล่า?"

เสียงชนแก้วดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลบเสียงพูดคุยของกลุ่มเพื่อนชายหญิง

ดูเหมือนเจ้าของวันเกิดจะเมาหนักกว่าใครเพื่อน

หากดีหน่อยที่อูยู่ภายในบ้านไม่ได้ออกไปเมาแอ๋ที่ไหน...จนผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

"ตาดลนะตาดล...อายุจะสามสิบอยู่แล้วแท้ ๆ ยังเมาแอ๋ไม่เว้นแต่ละวัน นี่ก็ใช้ข้ออ้างว่าวันเกิด...ไหนจะความเจ้าชู้ประตูดิน เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ฉันละเหนื่อยใจจริง ๆ เลยรัตน์ คนล่าสุดที่คบ ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะจริงจังแค่ไหน ฉันล่ะอยากให้ออกเหย้าออกเรือนแต่งงานแต่งการมีเป็นตัวเป็นตนสักที"

วิมลรัตน์ที่เป็นทั้งแม่บ้านและผู้ที่คอยรับฟังทุกปัญหาคุณผู้หญิงของบ้านอยู่เนือง ๆ ได้แต่ยิ้มรับแต่ก็ไม่กล้าออกความเห็นมากนัก

เธอรู้ดีว่าท่านเป็นห่วงบุตรชายแต่คุณดลคงยังไม่เจอคนที่ถูกใจ

วิมลรัตน์เชื่อว่าถ้าวันหนึ่งเขาได้เจอคน ๆ นั้น ก็คงจะหยุดทุกการกระทำด้วยตัวเอง

"คุณผู้หญิงไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้รัตน์กับลูกจะดูแลเอง"

"รัตน์ก็ไม่ต้องรอจนดึกกว่านี้หรอกนะ ฉันเองก็สงสารหนูมน...พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าด้วย"

"สักพักรัตน์ก็จะให้ลูกกลับก่อนแล้วค่ะ รอมนเก็บถาดอาหารที่ไปเสิร์ฟคุณ ๆ เมื่อกี้ก่อน คุณผู้หญิงไปพักนะคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้

"ขอบใจนะรัตน์"

หญิงวัยกลางคนเอ่ยปากขอบใจคนตรงหน้า ก่อนจะเดินไปยังชั้นบนของบ้านเพื่อพักผ่อน

สาวน้อยวัยสิบแปดในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนกำลังเก็บถ้วยจานที่แขกเหรื่อในงานต่างรับประทานเสร็จแล้ววางทิ้งไว้ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในนาทีต่อมา

"ว้าย!!!"

หนึ่งในเพื่อนของเจ้าของวันเกิดเซถลามาทางเธอด้วยความเมามาย ก่อนที่น้ำจิ้มซีฟู้ดในถ้วยเล็ก ๆ จะพุ่งมาตรงหน้าอกเสื้อของเธออย่างแม่นยำ

“อ๊ะ! ขอโทษครับ” เอ่ยออกไปแม้จะยังไม่มีสติสัมปชัญญะเท่าที่ควร สังเกตได้จากท่ายืน...ขณะจะยืนยังยืนให้ตรงไม่ได้เลย

"ว้าว! นางฟ้า" เสียงบ่นพึมพำออกไปคล้ายละเมอ สายตาพร่าเลือนแต่ยังมองเห็นราง ๆ ว่าผู้หญิงตรงหน้ามีใบหน้าสวยหวานแค่ไหน

สาวน้อยผมเปียแต่ดูหวานอมเปรี้ยวน่ารัก...ผู้หญิงคนนี้อยู่แผนกไหนในโรงพยาบาลกันนะ

มือหนาเอื้อมไปข้างหน้าหมายจะประคองดวงหน้าหวานละมุนให้เข้ามาใกล้อีกสักนิด เขาจะได้เห็นเธอชัด ๆ จนเต็มต

ทว่า

พลั่ก!!!

"เมาแล้วอย่ามั่ว นี่เด็กในบ้านกู!"

แรงเหวี่ยงจากการผลักเพื่อนในแผนกจนล้มลงกับพื้นด้วยไม่รู้จักให้เกียรติผู้หญิง โดยเฉพาะคนในบ้านของเขา

เสียงเข้มตะโกนออกไปพร้อมกับร่างหนาที่ยืนขวางคนตัวเล็กเอาไว้

"อะไรวะ? กูแค่ขอโทษเขาเฉย ๆ มึงก็ทำเป็นหวงไปได้"

"มึงไม่ได้ขอโทษเฉย ๆ กูรู้ว่ามึงคิดอะไรไอ้เมฆ!"

"งั้นมึงก็คิดไม่ต่างจากกู ถึงได้รู้ว่ากูคิดอะไร!"

พลั่ก!!!

วิมลลักษณ์เบิกตากว้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าเจ้านายของเธอจะรัวกำปั้นหมัดใหญ่ใส่เพื่อนสนิทตรงหน้า

ก่อนที่คนที่อยู่ภายในงานจะวิ่งกรูกันเข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

"เข้าไปข้างใน! แล้วไม่ต้องออกมาอีก!"

สิ้นเสียงคำสั่งนั้น เธอรู้ดีว่าทุกคำในประโยคเมื่อครู่ คือคำพูดที่เขาพูดกับเธอ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปภายในบ้านด้วยความตกใจ ตกใจที่เห็นธราดลดกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น

สาวน้อยวัยสิบแปดเดินตรงไปยังห้องน้ำเล็กดานหลังเรือนใหญ่ กว่าจะค้นพบว่ากลอนประตูจากด้านในล็อกไม่ได้...วันพรุ่งนี้เห็นทีคงต้องไปบอกพี่ลมให้มาซ่อมก็แล้วกัน

ดวงตากลมโตก้มลงมองคราบเปรอะเปื้อนที่แผ่กระจายเป็นดวงใหญ่บนเสื้อยืดสีอ่อน กลิ่นเปรี้ยวเผ็ดของน้ำจิ้มยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม

“แล้วจะซักออกไหมเนี่ย?” แต่เหมือนยิ่งเช็ดยิ่งแย่กว่าเดิม กลายเป็นคราบเปียกชื้นชัดเต็มแผ่นอก มองเสื้อยืดตัวโปรดที่เปรอะเปื้อนด้วยสีหน้าอ่อนใจ จนต้องยอมถอดมันออกมาล้างใต้ก๊อกน้ำอีกครั้ง

พยายามถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน กลิ่นน้ำยาล้างมือผสมกับกลิ่นซีฟู้ดยิ่งทำให้เธออยากร้องไห

เสื้อเปียกแฉะจนไม่รู้ว่าพอใส่กลับไปแล้วจะเป็นปอดบวมตายหรือเปล่า?

ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเธอเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็ต้องยืนตัวแข็งในห้องน้ำ เพื่อรอเสื้อแห้ง...อย่างคนพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา

โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เพิ่งไล่เพื่อนกลับไปจากงานวันเกิดของตัวเองเมื่อครู่จะวิ่งมาดูสาวน้อยตัวต้นเรื่อง

ไม่ทันได้คาดคิดว่าจะได้เห็นของดีจากมุมใกล้ ๆ และไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองผู้หญิง...จนวันนี้

วันที่คนอย่างเขาต้องมาแอบยืนดูผู้หญิงในห้องน้ำ

ก่อนที่นัยน์ตาคมกริบจะชำเลืองมองไปที่หน้าอกใหญ่เกินตัวของสาวน้อยวัยสิบแปดด้วยความไม่ตั้งใจ

แต่ถ้าคนไม่ตั้งใจจริง ๆ ก็ควรเดินออกไปจากตรงนี้แล้วไม่ใช่เหรอ?

ไม่ใช่หน้าด้านหน้าทนยืนมองเขาจนแก่นกายบางอย่างเริ่มปวดหนึบด้วยความทรมาน

ก่อนจะก่นด่าตัวเองภายในใจ

"เงี่ยนให้มีสติหน่อย...ไอ้ห่าเอ้ย! ท่องไว้...คุกโว้ยคุก!

"อะ...อ่ะ...อ๊า...ฉันเสียวที่สุดเลยที่รัก"

เสียงร้องครวญครางเอ่ยออกไปยามที่รู้สึกได้ว่าลิ้นหนาของคนบนเตียงที่กำลังกระหวัดวนรอบอยู่ตรงจุดเรือนกายที่อ่อนไหวที่สุด

มือบางเผลอขยุ้มเส้นผมดกดำตรงหน้าราวกับกำลังถึงจุดความต้องการสูงสุด

"อ๊ะ...เข้ามาเลยได้ไหม?...ฉันเสียวใจจะขาดอยู่แล้ว!"

เอ่ยออกไปอย่างเชิญชวน เพราะถ้าเขายังปล่อยให้เธอค้างคาอยู่แบบนี้

ใช่ว่ามีแต่เธอเสียหน่อยที่จะทรมาน...เขาก็ด้วย ออกจะตั้งโด่อยู่อย่างนั้น

"ผมจะเสียบคุณให้มิดด้ามเลยที่รัก"

พรวด!!!

"อะ...อ่า...ขยับให้เร็วกว่านี้ได้ไหม?"

คนถูกร้องขอปรนนิบัติคนขอร้องอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเอวสอบให้แรงขึ้น

พั่บ! พั่บ! พั่บ!

มือบางที่ตั้งใจจะยกประตูเคาะห้องถึงกับหยุดชะงัก เพราะผู้เป็นแม่นั่นแหละที่ให้เธอขึ้นมาตามคนรักของเจ้าของบ้านให้ลงไปรับประทานอาหารเย็น...ด้วยเห็นว่าเป็นเวลาเกือบทุ่มเศษ ๆ ด้วยกลัวคนรักของเจ้านายจะเป็นอะไรไปเสียก่อน

หากกลับได้ยินเสียงร้องครวญครางไม่เป็นภาษา โดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภายในนั้นคงกำลังกินอย่างอื่นอยู่ที่ไม่ใช่อาหาร

แม้เธอจะเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบแปด แต่ก็พอจะเดาได้จากสถานการณ์ตรงหน้าโดยไม่ต้องสืบ

"ไม่ควรสินะ"

วิมลลักษณ์พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะย่องลงมาจากชั้นบนอย่างเงียบเชียบที่สุด

มือกุมหัวใจราวกับกลัวว่าเสียงของมันจะดังจนออกมาเต้นนอกอก

"เป็นอะไรไปล่ะหนูมน...ดูทำเข้า เหมือนไปเห็นผีมาซะอย่างนั้น"

"เปล่าค่ะ มนแค่คิดว่าคุณแขอาจจะยังไม่สะดวก"

"ทำไมล่ะ? หนูแขไม่สบายเหรอ?"

คุณผู้หญิงของบ้านที่กำลังคนน้ำซุปอยู่หน้าเตาถึงกับหันไปมองคนตัวเล็กที่ถักผมเปียสองข้างด้วยความฉงน

"เอ่อ...คือ เธอน่าจะอยู่กับคุณดลค่ะ"

คุณแม่ของธราดลที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเช่นเดียวกับแม่ของวิมลลักษณ์ถึงกับรู้สึกตงิดขึ้นมาภายในใจ เพราะลูกชายของเธอที่วิมลลักษณ์ว่ายังไม่ได้กลับเข้ามาในบ้านด้วยซ้ำ

หากสักพักเธอคงจะขึ้นไปตามด้วยตนเอง ด้วยเห็นว่าเป็นคนรักของลูกชายที่คบกันมานาน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานกับสาวเจ้าสักที

ท่านหันไปยิ้มให้กับความน่ารักของสาวน้อยตรงหน้าที่ทำท่ากระหืดกระกอบราวกับอยากอออกไปจากพื้นที่ตรงนี้เต็มกลืน

อดหวนกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนไม่ได้ ด้วยพื้นเพที่นลินเป็นคนมีจิตใจเมตตาเป็นทุนเดิมจึงรับวิมลรัตน์ในวันนั้นให้เข้ามาทำงาน

หญิงสาวที่ดูเหมือนจะไร้หนทางไปต่อในวันที่เธอต้องหอบลูกน้อยวัยเพียงไม่กี่เดือนมานั่งอยู่ที่ริมศาลาปากทางเข้าไร่ธราดล

"เรากับแม่อยู่กินข้าวกับฉันก่อน อย่าเพิ่งรีบกลับเลย"

"มนขอโทษนะคะคุณผู้หญิง มนต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือสอบ...สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนจบมอหกด้วยค่ะ"

เด็กสาวผมเปียในชุดนักเรียนมัธยมปลายรีบปฏิเสธออกไป ก่อนหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ที่ส่ายหัวให้กับลูกสาว ก็วิมลลักษณ์เคยอยู่กินข้าวกับคุณหญิงหรือเจ้านายของฟาร์มนี้เสียเมื่อไหร่ล่ะ กับคุณหญิงเธออาจให้ความเคารพ...แต่สำหรับตัวของบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน

วิมลรัตน์รู้ดีว่า...ลูกสาวของเธอกลัวเขามาแต่ไหนแต่ไร

"จบแล้วอยากเรียนต่ออะไรล่ะจ๊ะหนูมน?"

"รัตน์ว่าจะให้ลูกช่วยทำงานก่อนค่ะ...อาจจะหยุดเรียนสักปีสองปีค่อยว่ากันต่อ"

รีบเอ่ยออกไปด้วยไม่อยากหวังไกลไปมากกว่านี้ แค่นี้เธอก็ติดหนี้บุญคุณคนตรงหน้ามากเกินพอแล้ว

"ไม่ได้นะรัตน์ จะให้หนูมนเสียเวลาไปทำไมตั้งปีสองปี สู้เอาเวลาที่เหลือไปเรียนต่อ...หัวดี ๆ อย่างหนูมนใช้เวลาไม่นานหรอก ฉันสนับสนุนเต็มที่"

วิมลลักษณ์ที่ได้ฟังผู้ใหญ่พูดกันก็รู้ดีว่าเป้าหมายในอนาคตของตัวเองจะต้องดำเนินไปในทิศทางเช่นไรในเวลานี้

แม้จะอยากเรียนต่อ...หากก็ไม่เคยต้องการให้แม่ลำบากในการหาเงินส่งเสียเธอ

บางทีเธออาจต้องใช้เวลาในการเก็บหอมรอมริบด้วยตนเอง

หวังแค่เพียงสักวันจะพอเลี้ยงดูแม่ของเธอให้สุขสบายได้ในวันข้างหน้า

ที่สำคัญคือไม่อยากรบกวนคุณผู้หญิงของบ้านด้วยเช่นกัน

"หนูขอทำงานช่วยคุณผู้หญิงไปก่อนแล้วกันนะคะ แม่จ๋าหนูกลับไปอ่านหนังสือก่อนนะคะ...ลาเลยแล้วกันค่ะคุณผู้หญิง สวัสดีค่ะ"

สาวน้อยรีบกระพุ่มมือไหว้ลาคุณผู้หญิงของบ้าน ก่อนจะรีบเดินไปคว้าจักรยานคู่ใจเพื่อปั่นกลับไปยังบ้านพักคนงานท้ายฟาร์ม ที่ ๆ เธออยู่กับแม่มาตั้งแต่จำความได้

ใจจริงก็อยากอยู่กินอาหารอร่อย ๆ ต่อนั่นแหละ หากรู้ว่ามีเขาอยู่ด้วย เธอไม่ขออยู่เสียยังดีกว่า

คนอะไรหน้าดุไม่พอยังเซ็กส์จัดเป็นบ้า...เธอทำใจมองหน้าเขาไม่ลงหรอกนะ ต่อให้คนที่ว่าจะเป็นเจ้านายเธอก็ตาม

"ที่ยายมนพูดเมื่อกี้อย่าถือสาเลยนะคะคุณผู้หญิง บางทีแกอาจหูฝาด"

วิมลรัตน์เอ่ยขอโทษคนตรงหน้าออกไป เธอรู้ดีว่าลูกสาวของเธอกลัวบุตรชายของคนตรงหน้ามากขนาดไหน บางทีอาจหูแว่วไปเอง

"ฉันว่าหนูมนพูดจริง ฉันรู้สึกตงิด ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"

"จะเป็นไปได้ยังไงคะ ในเมื่อคุณดลยังไม่เข้าบ้านด้วยซ้ำ"

"นั่นเป็นคำถาม...ที่ฉันเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน"

คุณผู้หญิงของบ้านเงยหน้าสบตากับวิมลรัตน์ ก่อนที่ท่านจะชวนคนตรงหน้าไปหาคำตอบในเวลาต่อมา

"เธอต้องรีบลงไปตอนนี้นะ...ขืนคุณดลกลับเข้ามาเราได้ตายกันทั้งคู่แน่ ๆ"

"ผมยังกินคุณไม่อิ่มเลย...ขอผมกอดขอหอมคุณให้หายชื่นใจก่อนได้ไหมครับคุณแข?"

มือหนาคว้าเอวบางที่ยังเปลือยเปล่ามากอด ก่อนจะขยำทรวงอกใหญ่ที่เพิ่งไปอัพไซซ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกับเจ้านายของไร่แห่งนี้ ด้วยรู้จากข่าวของคนที่ขยันหาสาวมาส่งให้เขาตามประสาหนุ่มโสดในวัยเกือบสามสิบ โดยจะเน้นไปทางหญิงสาวที่ต้องมีหน้าอกหน้าใจใหญ่โตเป็นพิเศษจึงจะเป็นที่โปรดปรานของธราดล

มิหนำซ้ำศศิธรยังลงทุนผ่าตัดทำเยื่อพรหมจารีใหม่ โดยทำให้เหมือนไม่เคยฉีกขาด เสมือนเป็นสิ่งที่ยืนยันความบริสุทธิ์ผู้หญิงที่สวมรอยว่าเรียบร้อยประดุจผ้าพับไว้

เธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ ทว่าพอได้มาใช้ชีวิตกับเขาจริง ๆ ได้ราวไม่กี่เดือน เขากลับไม่มีความเร้าใจเฉกเช่นวันแรก ๆ ที่คบกันเลยสักนิด

ตรงกันข้าม...ชีวิตของเขามีแต่คำว่างานกับงานจนแทบไม่มีเวลาให้เธอ

โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่เขากับเธอแทบจะไม่ได้มีอะไรกันมาร่วมเดือน

และผู้หญิงที่อยู่ในวัยยี่สิบปลาย ๆ เช่นเธอย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นเป็นพิเศษ เธอต้องการแต่เขาตอบสนองไม่ได้ ทั้งที่พยายามยั่วยวนมาโดยตลอด

เขาบอกเพียงแค่ว่าเขาเหนื่อย...เหนื่อยจากงานที่ต้องทำในห้องแล็บของโรงพยาบาลเพราะเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไหนจะต้องดูแลไร่แห่งนี้ด้วยตัวคนเดียว กลายเป็นว่าเขาทิ้งให้เธอต้องดูแลแม่ของเขา

ลำพังพ่อแม่เธอ...เธอยังไม่ดูแลด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับแม่ของคนอื่น ความอดทนของคนเราบางครั้งก็มีขีดจำกัด

หากไม่ได้รับการตอบสนองที่เร้าใจกว่า...เธอก็คงไม่ขอทนอยู่กับเขาอีกต่อไป

"เรายังมีเวลาสนุกด้วยกันอีกนาน อย่าใจร้อนจนเราทั้งคู่ต้องเดือดร้อนเลยนะ"

เธอเอ่ยออกไปเสียงกระเซ่า...เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองตอนที่ชายหนุ่มที่นอนร่วมเตียงใช้ท่อนเอ็นร้อนมาดุนตรงปากทางรักอีกครั้ง

เขารับรู้ได้ถึงความฉ่ำแฉะ...เธอเองก็ต้องการเขาอีกครั้งไม่ต่างกัน

แกร๊ก!

เสียงกุญแจสำรองที่ไขเข้ามาจากฝีมือคุณผู้หญิงของบ้าน...เป็นเหตุให้คนบนเตียงถึงกับผงะออกจากกันด้วยความตกใจ

"ถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ให้หมดเลยรัตน์!"

"คุณแม่!"

เสียงร้องออกไปด้วยความตกอกตกใจ...ก่อนที่ชายชู้จะรีบคว้ากางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาสวมใส่ หันหลังให้ผู้ที่เข้ามาด้วยกลัวว่าจะจับได้

"ฉันไม่ใช่แม่เธอ ผู้หญิงอะไร...เลวจนหาคำด่ามาเปรียบเทียบแทบไม่ได้!"

ชายหนุ่มอาศัยช่วงชุลมุนรีบปีนไปทางหน้าต่างภายใต้ความมืด...ทางที่เขาปีนเข้ามาหาคนในห้องนั่นล่ะ

"นี่หยุดนะ! รัตน์ลงไปตามมัน!"

"ได้ค่ะคุณผู้หญิง"

วิมลรัตน์รับคำก่อนจะกำโทรศัพท์ในมือแน่น สองท้าวรีบวิ่งลงบันไดอย่างเต็มฝีเท้า

"คุณแม่คะ ฟังแขก่อน!"

"ฉันไม่ฟัง! เธอรอแก้ตัวกับลูกชายของฉันเอาเถอะ เดี๋ยวเขาก็มาถึงแล้ว"

นลินไม่พูดเปล่าหากพยายามที่จะกดเบอร์ออกไปเพื่อติดต่อไปยังปลายสาย ร้อนรนจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงต้องรีบพันผ้าขนหนูเข้ามาแย่ง

"ฉันบอกให้ฟังยังไงล่ะอีแก่!"

ไม่พูดเปล่า หากยังผลักร่างหญิงวัยกลางคนจนล้มลงไปกองกับพื้น มือบางคว้าโทรศัพท์มือถือมาไว้กับตัวโดยเร็วที่สุด ดวงตาเต็มไปด้วยความอำมหิต

"แกมันเลว! แกมันชั่ว! ฉันไม่มีวันยอมรับผู้หญิงอย่างแกมาเป็นลูกสะใภ้!"

"ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นนักหรอก ลูกแกมันห่วย จืดชืดไม่มีน้ำยา!"

"นังผู้หญิงหน้าด้าน!"

คำพูดนั้นเป็นเหมือนมีดกรีดลงกลางอกของศศิธร

เธอลุกขึ้นเต็มความสูงทันที ดวงตาแดงวาวด้วยความโกรธและอับอาย

เพียะ!!!!

เสียงตบจากฝ่ามือบางจนหน้าของหหญิงวัยกลางคนหันไปอีกทาง ดังสะท้อนกลางห้อง

นลินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างหมดความอดทน

เธอพยายามตะเกียกตะกายจะยืนขึ้นอีกครั้ง รวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังพอเหลืออยู่เพื่อแย่งโทรศัพท์ของตนคืนมา

ศศิธรที่ร้อนรุ่มจนควบคุมอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป

หญิงสาวผลักแม่ของคนรักจนเต็มแรง

ร่างของหญิงวัยกลางคนเซถลาไปชนมุมโต๊ะไม้โอ๊ค ก่อนที่แจกันกระเบื้องเคลือบจะหล่นลงมากระแทกที่ศีรษะเต็มแรง

เลือดซึมจากขมับช้า ๆ …จนกระทั่งเธอแน่นิ่งไป

ใบหน้าของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวกำลังซีดเผือด

ความเงียบที่น่ากลัวเข้าครอบงำ

เธอต้องหาทางเอาตัวรอด...ก่อนที่เขาจะกลับมา

ซ่า!!!

เสียงน้ำกระแทกกับร่างของเธอดังขึ้น พร้อมกับถังในมือหนาโยนทิ้งลงไปกับพื้นราวกับต้องการให้คนที่กำลังหลับใหลมีสติ

ร่างบางสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดจากฟูกเก่าในห้องพักที่เธออาศัยนอน เส้นผมเปียกชุ่มแนบใบหน้า

เสื้อผ้าชื้นแฉะเกาะลำตัวราวกับจะซ้ำเติมความหนาวยะเยือกที่กัดกินไปถึงกระดูก หนาวจนต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองนั่นล่ะ

"คุณ!"

ดวงตากลมโตเบิกกว้างยามที่เห็นว่าผู้บุกรุกตรงหน้าคือใคร จะว่าเข้าเป็นผู้บุกรุกก็เรียกได้ไม่เต็มปาก

เพราะเขาเป็นเจ้าของที่นี่...ไม่เว้นแม้แต่ห้องพักที่เธอออาศัยอยู่ในขณะนี้

“ตื่นได้แล้ว! ตื่นมารับรู้ความระยำที่แม่เธอสร้างเรื่องเอาไว้!”

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเย้ยหยัน

ไม่เหลือเค้าของความเมตตาอีกต่อไป

"แม่...แม่ทำอะไร?" วิมลลักษณ์พึมพำออกไปราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังจะได้ยินจากประโยคถัดมา

"แม่เธอเป็นฆาตกร! แม่เธอฆ่าแม่ฉัน!...เธอออกไปจากที่นี่ได้แล้วลูกฆาตกร ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก!"

"ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้!"

"ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแม่กับลูกจะไม่สมรู้ร่วมคิด บอกให้ออกไป...ออกไป๊!"

ธราดลตะโกนออกไปจนสุดเสียง คนงานที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงด่าทอของเจ้านายหนุ่มในช่วงเวลาตีสามกว่า ๆ ถึงกับเปิดประตูออกมาดูด้วยความตกใจ พร้อมกับได้ยินทุกประโยคจากบทสนทนาเมื่อครู่

ศศิธรรั้งแขนหนานั้นเอาไว้ด้วยกลัวว่าคนตรงหน้าจะเข้าไปทำร้ายเด็กสาวตรงหน้า

"ดลคะ ใจเย็นก่อน...อย่างน้อยก็ให้เวลามนเขาบ้าง"

เอ่ยออกไปอย่างเห็นอกเห็นใจ ด้วยขณะนี้นัยน์ตาของเด็กสาวเบิกกว้าง สั่นไหวด้วยทั้งความตกใจและอับอาย

เธอพยายามลุกขึ้นยืน เนื้อตัวสั่นไหวด้วยความกลัว ปกติเธอก็กลัวเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่นี่เขายังน่ากลัวเป็นร้อยเท่าพันเท่าเพิ่มขึ้นไปอีก

ไม่รู้เป็นเพราะน้ำที่ไหลจากผมหรือหยดน้ำตากันแน่ ที่ทำให้ใบหน้าของเธอชุ่มจนเปียกได้ถึงเพียงนี้ หากเธอไม่มีแม้แต่เวลาจะมายืนร้องไห้

พลั่ก!!!

เขาผลักเธอลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ก่อนหันหลังเดินออกไป โดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่นิดเดียว

วิมลลักษณ์ได้แต่นั่งนิ่ง น้ำเย็นบนผิวกายยังไม่เย็นยะเยือกเท่ากับหัวใจที่ถูกทำร้ายเพราะคำปรามาสจากคนเมื่อครู่

แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้แน่ก็คือ… แม่ของเธอไม่มีวันทำร้ายใคร

เธอหวังแค่เพียงสักวัน เธอจะมีโอกาสล้างมลทินนี้ให้หมดไปจากชื่อของแม่...ผู้หญิงที่แสนดีที่สุดในชีวิตของเธอ

กลิ่นธูปลอยคลุ้งในอากาศ ปะปนกับกลิ่นดอกไม้จันทน์จากพวงหรีดที่เรียงรายรอบภาพถ่ายของผู้วายชนม์

ผู้หญิงที่เคยเป็นที่พึ่งพิงให้เธอกับแม่มาโดยตลอด

แววตาอ่อนโยนที่สุดยามที่ท่านมองเธอ…

บัดนี้ไม่มีอีกแล้วซึ่งร่มเงาที่จะแผ่กิ่งก้านสาขาให้กับเธอ

แม้แต่แม่ที่ถูกตราหน้าว่าท่านเป็นฆาตกร...หากจนถึงบัดนี้ตำรวจกลับยังไม่พบหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าแม่ของเธอคือฆาตกรตัวจริงด้วยซ้ำ แต่อีกนัยหนึ่งที่เป็นข้อถกแย้งจนกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้แม่ของเธอตกเป็นจำเลยของสังคมก็คือ...

ท่านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากพบว่าคุณผู้หญิงของบ้านนอนแน่นิ่งโดยมีเลือดคั่งในสมองพร้อมกับทองคำหลายสิบบาทในห้องนอนของคุณหญิงที่หายไปแทบทั้งหมด

แพทย์และพยาบาลพยายามทำการยื้อชีวิตของคนไข้อย่างสุดความสามารถ

ทว่าสุดหนทางที่จะช่วยท่านได้เนื่องจากมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไปเสียแล้ว...

มีเพียงศศิธรคนรักของธราดลเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างคุณแม่ของเขาไปจนถึงโรงพยาบาล แทนที่ผู้เป็นลูกชายจะได้กลับไปหาแม่ที่บ้าน

ท้ายที่สุดจึงต้องตามไปที่โรงพยาบาล ก่อนที่ทีมแพทย์จะแจ้งให้ทำใจในที่สุด

นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแม่ของเธอเป็นฆาตกรอย่างที่เขาปรามาสเอาไว้จริง ๆ

เสียงพระสวดดังคลอเบา ๆ อาศัยจังหวะที่แขกเหรื่อภายในงานเริ่มทยอยกลับกันไปหมดแล้ว

เธอสวมชุดดำเรียบ ๆ เข้ามาภายในงาน โดยสายตาคอยระแวดระวังจากคนรอบกาย

สาวน้อยในวัยสิบแปดปีไม่เคยคิดหวังสิ่งใด นอกจากจะได้มีโอกาสกราบลา

ผู้หญิงคนหนึ่ง…ที่เคยอุ้มชูเธอ ผู้ที่มีพระคุณราวกับเป็นแม่คนที่สอง

เธอคุกเข่าลงหน้ากรอบรูป วางธูปไว้ในกระถาง ดวงตาแดงเรื่อ มือสั่นน้อย ๆ ขณะพนมขึ้นไหว้

“ขอบคุณนะคะ…ที่เคยรักหนูเหมือนลูก...วันนี้หนูมากราบลาและขออโหสิกรรมทั้งหมด หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณผู้หญิง แต่หนูเชื่อว่าแม่ของหนูไม่ได้ทำ...คุณผู้หญิงช่วยหนูกับแม่หน่อยได้ไหมคะ?”

น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลลงมาก่อนที่ธูปจะดับ

แต่ยังไม่ทันได้วางดอกไม้ดี เสียงเข้มจัดก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

ตัดทุกความสงบในวินาทีนั้นให้กลายเป็นน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ

“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในงานนี้?”

เสียงของธราดลก้องกังวานด้วยอารมณ์ที่ปะทุเหมือนเปลวไฟที่ราดลงไปในกองน้ำมัน

ผู้คนในงานที่ยังหลงเหลืออยู่เริ่มหันมามอง บางคนกระซิบ...บางคนเบือนหน้าหนี แต่ไม่มีใครกล้าห้าม

“ลูกของคนที่ฆ่าแม่ฉัน ยังกล้ามีหน้ามาไหว้แม่ฉันอีกเหรอ?!”

เอ่ยออกไปไม่พอ มือหนายังคว้าดอกไม้ที่เธอวางเมื่อครู่...โยนทิ้งลงไปต่อหน้าต่อตาคนตัวเล็ก

“หรือเธออยากมาดูผลงานแม่ตัวเองใกล้ ๆ ว่าสำเร็จดีแค่ไหน!”

วิมลลักษณ์สะดุ้งเฮือก พยายามลุกขึ้นด้วยคำปรามาสที่ตะโกนใส่เธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เธอส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาสั่นระริก น้ำตาหยดลงบนผ้าดำตรงอก

“หนูแค่อยากมากราบท่าน...ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี...”

“หยุดตีหน้าเศร้าให้คนอื่นมองว่าฉันรังแกเธอได้แล้ว! เธอก็ไม่ต่างจากแม่ของเธอนั่นแหละ!”

เขาชี้ไปที่ทางออก สายตาเย็นยะเยือก ราวกับเธอเป็นเพียงกิ้งกือไส้เดือนที่เขาขยะแขงและเกลียดเต็มทน

“ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะสั่งให้คนลากเธอออกไป!"

พรึ่บ!!!

ไฟในงานดับลงโดยไม่มีสาเหตุ ก่อนที่สาวน้อยที่ยืนร้องไห้เมื่อครู่จะยืนนิ่งอยู่เพียงครู่หนึ่ง

แล้วลุกขึ้นเพื่อเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่หันหลังกลับไปมอง

ทุกก้าวย่างของเธอเหมือนถูกตะปูตอกลงกลางอก

แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า...

เธอเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกัน

Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

Tidak ada komentar
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status