ศิลาเคียงจันทร์

ศิลาเคียงจันทร์

last updateDernière mise à jour : 2025-07-06
Par:  CucumberEn cours
Langue: Thai
goodnovel18goodnovel
Notes insuffisantes
6Chapitres
123Vues
Lire
Ajouter dans ma bibliothèque

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scanner le code pour lire sur l'application

จากคนที่ไล่เธอในวันนั้น สู่คนที่รุกจีบเจอในวันนี้ เป็นเรื่องราวของพ่อครูหนุ่มกับน้องสาวตัวน้อยที่เคยไล่ตามจีบเขาเมื่อตอนเด็กๆ ซึ่งเขาก็ได้ปฏิเสธเธอไปแล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย และมันก็ทำให้เขารู้ว่าความจริงแล้วตัวเขาเองก็ชอบเธอเหมือนกัน...แต่มันก็สายไปเสียแล้วเพราะเธอได้หายไปแล้ว...

Voir plus

Chapitre 1

๐๐ อารัมภบท

ป่าช้า

หวืดดด~ หวืดดด~

เสียงลมพัดจนต้นไม้น้อยใหญ่บริเวณป่าช้าของวัดบ้านป่าที่ห่างไกลความเจริญโอนเอนไปตามแรงของลม ที่มาพร้อมกับเสียงหวีดร้องของบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อดังขึ้นเป็นระรอกไม่หยุดพัก ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างพากันรีบปิดประตูปิดบ้านหนีกันไปหมดด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากวันนี้เป็นวันปล่อยผีหรือที่ชาวบ้านพากันเรียกว่าวันโกนนั่นเอง… หากเป็นภัยธรรมชาติก็ไม่อาจเลี่ยงได้แต่หากเป็นภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นพวกเขาขอไม่เสี่ยงสู้ปิดบ้านหนีเอาตัวรอดกันไปก่อนเสียยังดีกว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ค่อยหาวิธีแก้กันอีกทีในช่วงเช้า

ตึก ตึก ตึก

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ ชวนมองของพ่อครูศิลาหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ มือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเหลือดที่แตกระแหนงยกตะเกียงไฟนำทางขึ้น แววตาคมกริบสีนิลกวาดมองไปบริเวณรอบๆ เพื่อหาใครบางคนที่หลวงปู่แสงซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของเขาให้มาพบ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว จะมีก็เพียงเหล่าสัมภเวสีที่พากันลอยเพ่นผ่านไปทั่วเพื่อก่อกวนและขอส่วนบุญจนเขาเริ่มรำคาญ

“ออกไป มือนี่กูบ่อยากเฮ็ดไผ” (ออกไป วันนี้ข้าไม่อยากทำร้ายใคร)

น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยออกคำสั่งพร้อมกับมองไปยังกลุ่มควันสีดำที่ทยอยลอยหายห่างกันออกไปคนละทิศคนละทางด้วยความหวาดกลัว และเมื่อทุกอย่างค่อยๆ สงบลง ร่างแกร่งที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเดินตรงมาหาเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและดูน่าเกรงขาม รังสีของวิชาอาคมอันแกร่งกล้าแผ่ขยายออกมาจากร่างกายกำยำนั่นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นคนที่เล่าเรียนวิชาในแนวเดียวกันมาจึงดูออกได้ไม่ยาก เขาเอ่ยทักทายหลานชายของลูกศิษย์รักพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

“ไม่เจอกันนานเลยนะไอ้เพชร หึ ไม่สิพ่อครูศิลา”

“พ่อครูเมฆา”

ใบหน้าหล่อคมเข้มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะว่าพ่อครูเมฆาเป็นอาจารย์ของปู่เขาแต่ทำไมถึงยังดูหนุ่มแน่นไม่ต่างจากศิลาเลยสักนิด หากไม่บอกอายุคงมีคนคิดว่าเป็นหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ แบบเขาด้วยซ้ำ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น มาหาข้ามันลำบากเอ็งมากนักรึ!”

“...”

ศิลาไม่ได้เอ่ยตอบกลับเพียงแค่ส่ายหน้าให้เขาเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหา เมฆาเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับยกมือขึ้นตบเข้าที่บ่าของชายหนุ่มรุ่นหลานด้วยท่าทีสบายๆ แต่สีหน้าเขากลับต่างออกไปเพราะมันแสดงออกมาได้ถึงความกังวลบางอย่างก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าเดิม

“ข้ามีเรื่องจะมาบอกเอ็ง และฝากฝัง”

“เฮื่องอิหยัง” (เรื่องอะไรครับ)

“เมียเอ็งกำลังจะกลับมา และข้าก็ฝากให้เอ็งดูแลเขาให้ดี”

“เมีย? เบิ่งแงง? เฮ็ดหยัง?” (เมีย? ดูแล? ทำไม?) ศิลาขมวดคิ้วมองพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

จะไม่ให้แปลกใจได้ไงก็เพราะว่าเขานั่นไม่เคยถูกตาต้องใจผู้หญิงคนไหนเลยและไม่เคยยุ่งเกี่ยวอีกด้วย มุ่งเข้าทางธรรมเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านก็เท่านั้นไม่ชอบอะไรวุ่นวายหรือมีอะไรผูกมัด ไม่ชอบเอาใครมาเป็นภาระ และไม่อยากให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับตนด้วย นอกจากเธอคนนั้นที่เคยตามจีบเขาแต่ก่อน… ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะคิดถึงเขาเหมือนที่เขายังคงคิดถึงเธออยู่หรือเปล่า

“ก็เมียในอนาคตเอ็งไง ข้าเคยตรวจดวงชะตาเอ็งไว้นานแล้ว เดี๋ยวข้าจะไม่ได้มาหาบ่อยๆ แล้วช่วงนี้ เมียข้ากำลังเป็นสาวเดี๋ยวโดนหนุ่มมาจีบตอนข้าไม่อยู่ ต้องเฝ้าหน่อย”

“อิแท้กะแค่ติดเมียเด็ก” (ที่แท้ก็แค่ติดเมียเด็ก) ศิลาส่ายหน้าให้กับชายหนุ่มตรงหน้าที่อายุอานามนั่นมากโขจนใครๆ ก็คิดไม่ถึงอย่างเอือมระอา เขาเองก็พอจะรู้มาบ้างว่าชายหนุ่มคนนี้ผ่านอะไรมาและตามหาเธอคนนี้มานานมากแค่ไหนถึงขั้นยอมใช้วิชาต้องห้ามทางด้านไสยเวทย์โดยที่ไม่เกรงกลัวผลที่จะตามมาเลยสักนิด

“ผมบ่มักให่ไผมาผูกมัด” (ผมไม่ชอบให้ใครมาผูกมัด)

“ก็เมียข้าสวย แต่เชื่อเถอะคนนี้เอ็งอาจจะอยากให้เขามาผูกมัดกับเอ็งก็ได้”

“มั่นใจอิหยังปานนั้น มันแม่นไผ” (มั่นใจอะไรขนาดนั้น เขาเป็นใคร)

“เอ็งรู้จักดีเลยล่ะ ไว้งานแต่งเอ็งข้าจะพาเมียมาหาและแนะนำให้รู้จักก็แล้วกัน เอ้านี่เอาไว้ให้เขาด้วย”

มือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดไม่ต่างจากศิลายัดตะกรุดสีเข้มใส่มือของลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขาก่อนจะขยับออกห่างแล้วเอ่ยลาและกำชับเขาอีกรอบ

“อย่าลืมนะ นั่นเมียเอ็งและต้องดูแลเขาให้ดี”

“สิพยายาม” (จะพยายาม)

สิ้นเสียงของศิลาร่างกายหนาของพ่อครูเมฆาก็หายเข้าไปในกลุ่มหมอกควันภายในป่าทึบ ศิลาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มมองยังตะกรุดนาคเกี้ยวสีเข้มในมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขายัดมันใส่กระเป๋าย่ามสีเหลือง (เอามาจากวัด ของหลวงปู่)

“ไผวะ” (ใครวะ)

ศิลาพึมพำกับตัวเองและยืนครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ก็นึกไม่ออกเลยเลิกสนใจแล้วเดินเท้าออกมาจากป่าช้าด้วยจังหวะที่หนักแน่นและสม่ำเสมอ บางทีเขาก็สงสัยนะว่าทำไมต้องให้มาเจอกันที่ป่าช้า ทั้งๆ ที่ที่อื่นก็มีเยอะแยะไป แต่ก็ช่างเถอะยังไงก็ถือว่าเคยสั่งเคยสอนกันมาและอีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้อยากไปรู้เรื่องของคนอื่นมากนักหรอก เปลืองพื้นที่สมอง

ใช้เวลาร่วมชั่วโมงศิลาก็กลับมาถึงเรือน ซึ่งเป็นบ้านไม้เรือนไทยสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกของหมู่บ้านบริเวณรอบข้างเป็นป่าทึบไปเสียทั้งหมด แต่มันเป็นป่าทึบที่ปลอดภัยเพราะมันคืออาณาเขตของเขา บ้านหลังนี้เป็นของเขาและปู่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ในตอนที่เขายังเด็กและพอเขาโตขึ้นและรับช่วงต่อจากปู่ ปู่เขาก็ออกบวชทันที บ้านหลังนี้เลยเหลือเพียงศิลาคนเดียวที่อาศัยอยู่ ไม่สิ ยังมีอีกสองตนและอีกหนึ่งตัว กุมารทองผมจุกโจงกระเบนแดงสองพี่น้องฝาแฝดชาย มีชื่อว่าทองหยิบและทองหยอดทั้งสองเป็นกุมารที่ตกทอดมาจากพ่อครูเมฆา มอบให้เขาตั้งแต่ตอนที่ร่ำเรียนวิชาใหม่ๆ ซึ่งเรียกได้ว่าพ่อครูเมฆานั้นสอนทั้งปู่ทั้งหลานเลยล่ะ ส่วนอีกหนึ่งตัวก็คือสุนัขชื่อทองดี คล้องกับไอ้สองกุมารนั่นดีเขาเลยตั้งให้แบบนี้

.

.

-ช่วงเช้า-

ศิลาลุกออกจากหน้าโต๊ะทำพิธีของเขาก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขาวม้าขึ้นพาดบ่าเตรียมที่จะไปอาบน้ำในช่วงเช้า เพราะช่วงสายต้องไปหาหลวงปู่ที่วัดเห็นว่าจะให้ช่วยมุงหลังคากุฎิให้แกใหม่

ขณะที่เขากำลังจะเดินลงจากบ้านก็มีรถมอเตอร์ไซค์หลายคันขับเข้ามาพร้อมกับอุ้มเด็กหนุ่มอายุราวๆ สิบถึงสิบห้าปีเข้ามาหาเขา ศิลายืนกอดอกหันไปมองก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

“มื้อนี่มีอิหยังอีกละ” (วันนี้มีอะไรอีกล่ะ)

“บักเสนหลานข่อยมันพ้อผีครับพ่อครู แล้วอาการมันกะเลยเป็นจั่งซี้ผู้เฒ่าเพิ่นว่าขวัญมันหาย” (ไอ้เสนหลานผมมันเจอผีครับพ่อครู แล้วอาการมันก็เลยเป็นแบบนี้คนแก่เขาว่าขวัญมันหาย)

“ไปพ้อมันอยู่ไส” (ไปเจอมันที่ไหน)

“ม่องตีนเขา…” (ที่ตีนเขา)

“บอกแล้วแม่นบ่ว่าอย่าไปม่องฮั่นอีกกะยังบ่เซื่อ ดีท่อได๋แล้วที่เขายังเอาออกมาส่งให้” (บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่างไปแถวนั้นอีกก็ยังไม่เชื่อ ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังเอาออกมาส่งให้) ศิลาเอ่ยบอกพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ในเมื่อเขาเคยบอกเคยเตือนชาวบ้านแล้วแต่ก็ยังมีคนดื้อรั้นที่จะเข้าไป แม้ว่ามันจะไม่ได้อันตรายแต่การที่ไปก่อกวนสิ่งพวกนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่

“ต่อไปข่อยสิสั่งห้ามมันให้เด็ดขาดครับพ่อครู แต่ยามนี่ซ่อยหลานข่อยแหน่ได้บ่” (ต่อไปผมจะสั่งห้ามมันให้เด็ดขาดครับพ่อครู แต่ตอนนี้ช่วยหลานผมหน่อยได้ไหม)

“...”

“ได่โปรด…” (ได้โปรด…)

“อุ้มมันขึ้นเฮือน!” (อุ้มมันขึ้นบ้าน!)

ศิลาเอ่ยจบเขาก็เดินนำขึ้นไปบนบ้าน จากที่จะต้องไปอาบน้ำตอนนี้ก็ต้องมาช่วยทำพิธีเรียกขวัญให้กับเจ้าเสนมันก่อนแล้วค่อยให้มันไปขอขมาพวกเขาที่มันริอาจไปลบหลู่หรือรบกวน…

.

.

กรุงเทพฯ

จันทร์เจ้าขาเด็กสาวจากเมืองกำแพงที่มาเรียนอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่จบม.6เพราะอยากหางานดีๆ ทำและอยากเจอสังคมใหม่ๆ อยากลองใช้ชีวิตวัยรุ่นอยากมีประสบการณ์ จนต้องจำใจทิ้งใครอีกคนไว้ข้างหลังแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบเธอแบบที่เธอชอบเขาแต่จันทร์เจ้าขาก็เต็มใจที่จะชอบจะรักเขามาโดยตลอด แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะให้สถานะเธอเป็นเพียงแค่น้องแต่ตอนนี้เธอสวยและโตขึ้นมากคำว่าน้องนั่นอาจจะต้องพับเก็บลงไปเลยก็ได้ใครจะไปรู้

สาวสวยร่างอรชรอ้อนแอ่นทรวดทรงองเอวโค้งเว้าเง้างอนเผยสัดส่วนที่ดูยั่วยวนออกมาอย่างเด่นชัด เดินลากกระเป๋าเดินทางตรงไปยังชานชลารถตู้โดยสารเดินทางเพื่อเตรียมจะกลับบ้านเกิด เนื่องจากเรียนจบและยังไม่อยากหางานทำเลยเลิกที่จะกลับไปพักที่บ้านก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานที่นี่อีกทีในอนาคต

“คิดถึงแย่เลย กลับไปอย่าลืมพวกกูสองคนนะมึง”

ไอติมและพริมโรสเพื่อนสนิทของจันทร์เจ้าขาเอ่ยบอกเสียงอ่อนพร้อมกับมองตามเพื่อนตาละห้อย หลังจากที่เรียนด้วยกันมาหลายปี มีอะไรเกิดอะไรขึ้นก็ร่วมหัวจมท้ายกันมาตลอดแต่ตอนนี้ต้องมาแยกจากกันก็ไม่แปลกที่จะเศร้าและใจหาย

“เอาน่า ไว้ฉันจะโทรมาหาพวกแกบ่อยๆ และส่งของฝากมาให้เรื่อยๆ เลย พักแค่เดือนสองเดือนก็จะกลับมาแล้ว แต่ถ้าพวกแกคิดถึงก็ไปหาฉันได้!”

“ถึงแล้วอย่าลืมทักมาบอกพวกเรานะ”

“อย่าลืมส่งของกับโทรมาด้วยล่ะ ไม่งั้นงอนแน่”

“จ้าๆ”

จันทร์เจ้าขายกมือบ๊ายบาย เพื่อนทั้งสองก่อนจะเดินขึ้นรถไป แม้จะเศร้าใจอยู่บ้างที่ต้องจากเพื่อนแต่ก็ดีใจที่จะได้กลับไปบ้านเกิดไปหาแม่และ

ใครอีกคนที่เธอนั้นคิดถึงเขามาตลอด แต่เขาจะคิดถึงเธอบ้างไหมเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“คิดถึงจัง พี่ศิลาของหนู”

Déplier
Chapitre suivant
Télécharger

Latest chapter

Plus de chapitres

Commentaires

Pas de commentaire
6
๐๐ อารัมภบท
ป่าช้าหวืดดด~ หวืดดด~เสียงลมพัดจนต้นไม้น้อยใหญ่บริเวณป่าช้าของวัดบ้านป่าที่ห่างไกลความเจริญโอนเอนไปตามแรงของลม ที่มาพร้อมกับเสียงหวีดร้องของบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อดังขึ้นเป็นระรอกไม่หยุดพัก ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างพากันรีบปิดประตูปิดบ้านหนีกันไปหมดด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากวันนี้เป็นวันปล่อยผีหรือที่ชาวบ้านพากันเรียกว่าวันโกนนั่นเอง… หากเป็นภัยธรรมชาติก็ไม่อาจเลี่ยงได้แต่หากเป็นภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นพวกเขาขอไม่เสี่ยงสู้ปิดบ้านหนีเอาตัวรอดกันไปก่อนเสียยังดีกว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ค่อยหาวิธีแก้กันอีกทีในช่วงเช้าตึก ตึก ตึกชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ ชวนมองของพ่อครูศิลาหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ มือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเหลือดที่แตกระแหนงยกตะเกียงไฟนำทางขึ้น แววตาคมกริบสีนิลกวาดมองไปบริเวณรอบๆ เพื่อหาใครบางคนที่หลวงปู่แสงซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของเขาให้มาพบ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว จะมีก็เพียงเหล่าสัมภเวสีที่พากันลอยเพ่นผ่านไปทั่วเพื่อก่อกวนและขอส่วนบุญจนเขาเริ่มรำคาญ“ออกไป มือนี่กูบ่อยากเฮ็ดไผ” (ออกไป วันนี้ข้าไม่อยากทำร้ายใคร)น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ
last updateDernière mise à jour : 2025-06-29
Read More
๐๑ พ่อครู
หมู่บ้านขุนไพร-ช่วงบ่ายแก่-รถตู้โดยสารมาจอดอยู่หน้าร้านค้าเล็กๆในหมู่บ้านก่อนที่ลูกสาวคนสวยซึ่งก็คือจันทร์เจ้าขาเดินลากกระเป๋าออกมาแล้ววิ่งตรงไปกอดแม่ที่ยืนรอรับด้วยความคิดถึง ใบหน้าสวยซุกเข้าที่อกของแม่อย่างออดอ้อนเหมือนกับตอนที่ตนยังเป็นเด็กก็ชอบทำแบบนี้เช่นกัน เดือนจึงยกมือขึ้นมาลูบหัวและแผ่นหลังบางของลูกสาวด้วยความเอ็นดูและคิดถึง สองแม่ลูกยืนกอดกันกลมอยู่อย่างนั้นนานนับนาทีก่อนจะคลายออก“น้องจันทร์ของแม่สวยขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เดือนเอ่ยแซวลูกสาวก่อนจะจับให้เธอหมุนตัวเพื่อมองสำรวจ“ก็ต้องสวยสิคะ คุณแม่ของน้องจันทร์สวยมากขนาดนี้ ลูกไม้หล่นจะไกลต้นได้ยังไง~”“ปากหวานเชียวนะ อยากได้อะไรล่ะหืมมม”มือนุ่มของแม่หยีหัวลูกสาวอย่างนึกเอ็นดูพร้อมกับเอ่ยถาม“หงึ เบื่อคนรู้ทันจัง”จันทร์เจ้าขาเบะปากคว่ำแกล้งงอนคนเป็นแม่“กล้าเบื่อแม่เหรอ”“โอ๋ๆนะคะ ใครจะกล้าเบื่อคนสวยของน้องจันทร์กันล่ะ”ฟอดดดดริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มออกกว้างเมื่อได้ขโมยหอมแก้มนุ่มนิ่มของแม่คนที่ไม่ว่าจะหอมกี่ครั้งก็ยังคงชื่นใจไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด เดือนเองก็ได้แต่ยิ้มเขินอายกับการกระทำของลูกสาวที่ต่อให้โตแค่ไหนก็ยังคงทำตัวเ
last updateDernière mise à jour : 2025-06-29
Read More
๐๒ ไม่กล้าสบตา
ศาลากลางหมู่บ้านจันทร์เจ้าขาเดินเข้ามานั่งยังใต้ร่มไม้กับแม่โดยสายตาก็สอดส่องมองหาใครอีกคนอย่างใจจดใจจ่อด้วยความคิดถึงและอยากรู้อยากเห็นว่าเขาในตอนที่เป็นพ่อครูนั้นดูเก่งเท่ห์ขนาดไหนจะเป็นแบบในหนังหรือเปล่านะแต่เพียงแค่คิดเธอก็ยิ้มจนแก้มแทบจะแตกอยู่แล้วแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอจนจันทร์เจ้าขาต้องถอนหายใจออกมาแรงๆเมื่อไม่ได้ดั่งใจตนและทำสีหน้าเบื่อหน่ายเหม่อมองอะไรไปทั่วอย่างไม่สบอารมณ์จนกระทั่ง….“อ้าวเดือนลูกสาวเบาะ งามแท้เนาะ” (อ้าวเดือนลูกสาวเหรอ สวยจังเลยนะ)“ใช่จ้ะป้านัน น้องจันทร์ไหว้ป้านันเขาหน่อยสิลูก”เดือนเอ่ยตอบพร้อมกับหันมาทางลูกสาวที่มัวแต่เหม่อมองหาใครบางคน เธอจึงสะกิดและเอ่ยบอก“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นพนมพร้อมกับก้มหัวไหว้อย่างนอบน้อมตามคำบอกของแม่“โอ้ย ไหว้พระเถาะลูกๆ” (โอ้ยๆ ไหว้พระเถิดลูกๆ)ป้านันเดินมาเอ่ยทักทายก่อนจะหันไปดึงแขนหลานสาวและพากันเดินสะบัดตูดออกไปนั่งยังด้านหน้าซึ่งใกล้กับลานทำพิธีมากที่สุดทำเอาจันทร์เจ้าขาต้องขมวดคิ้วมองเพราะตรงนั้นมันทั้งร้อนและโดนแดดเข้าเต็มๆ“ป้าแกไปนั่งใกล้อะไรขนาดนั้น”“อยากรู้ไหมล่ะ เดี๋ยวแม่พาไป”ว่าแล้วเดือนก็หยัดตัว
last updateDernière mise à jour : 2025-06-29
Read More
๐๓ ใกล้ชิดและคิดถึง
หลังจากเสร็จพิธีศิลาก็หันไปมองคนข้างๆที่แอบมองเขาอยู่ตลอดเวลาที่กำลังทำพิธี แต่มองเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นแม้ว่าจะอยากเอ่ยทักแต่ก็ไม่กล้าเพราะว่าแต่ก่อนว่าเธอเอาไว้เยอะเลยกลัวตัวเองเสียฟอร์ม…เขาละสายตาจากเธอก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นและเดินไปหาหลวงปู่ซึ่งเป็นปู่ของเขา ที่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆลานทำพิธีโดยมีเหมราชที่เดินตามหลังมาพร้อมกับเอ่ยแซวพ่อครูของตนต่อหน้าหลวงปู่อย่างไม่เกรงกลัวและเกรงใจเพราะพูดหยอกพูดเล่นกันอยู่ประจำ“กั่งฮ่มให่สาวจะของผัดฮ้อนจนเหงื่อไหลเปียกหลัง คักโพดอาจารย์ข่อย” (กางร่มให้สาวตัวเองกลับร้อนจนเหงื่อใหลเปียกหลัง เกินไปจริงๆอาจารย์ผม)“สาวไสล่ะบักเหม พามาให่หลวงปู่เบิ่งแหน่” (สาวไหนล่ะไอ้เหม พามาให้หลวงปู่ดูหน่อย)หลวงปู่เอ่ยถามด้วยสีหน้าดีใจ เพราะหลานชายเพียงคนเดียวของเขาอายุก็เข้าเลขสามแล้วแต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีเมียเลยสักนิด จนแกแอบหวั่นใจ“เซาเว้าแหน่บักห่า” (หยุดพูดหน่อยไอ้ห่า)“ป๊าดๆ อาจารย์ข่อยเปลี่ยนไปครับหลวงปู่เบิ่งๆ” (ว้าวๆ อาจารย์ผมเปลี่ยนไปครับหลวงปู่ดูๆ)เหมราชไม่พูดเปล่าชี้มือชี้ไม้ใส่ศิลาไม่หยุดเพี๊ยะ!!“เอ๊อะ!! ทำร้ายร่างกายว่ะ! ฮับบ่ได่ๆ” (โอ้ย!! ทำร้ายร่างกายว
last updateDernière mise à jour : 2025-07-03
Read More
๐๔ ของขลังของใจ
สำนักพ่อครูศิลาศิลาพาจันทร์เจ้าขาปั่นจักรยานเข้ามายังเขตรั้วบ้านของตนและตรงไปยังใต้ถุนซึ่งเป็นที่เก็บจักรยาน เขาจอดมันอย่างระมัดระวังก่อนจะมองไปยังอีกคนที่กำลังนั่งเกาะเอวและคอของเขาไว้อยู่ เธอหันหน้ามองออกไปข้างหน้าไม่ขยับหรือกระดุกกระดิกจนเขาแอบคิดว่าเธอแข็งเป็นก้อนหินไปแล้วกึก!“ฮอดแล้ว” (ถึงแล้ว) ศิลาขยับหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับเอ่ยกระซิบแผ่วเบา“คะ ค่ะ” จันทร์เจ้าขาขนลุกและหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบเมื่อสัมผัสได้ถึงลมอุ่นที่เป่ารดต้นคอ จึงรีบกระโดดลงจากตักของเขาพรึ่บ!“หึ” ศิลาหัวเราะในลำคอชอบใจก่อนจะจัดการตั้งขาตั้งจักรยานไว้แล้วหันมามองเธอ ที่ตอนนี้กำลังยืนตัวลีบเรียบร้อยรออยู่ จะน่ารักอะไรขนาดนั้นวะ“ตามมา”“ค่ะ”ศิลาเดินนำขึ้นไปบนบ้านโดยมีจันทร์เจ้าขาเดินตามหลังมาติดๆ เธอมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจเพราะมีหลายอย่างที่แปลกตาออกไปจากแต่ก่อนมาก ขณะที่เจ้าขากำลังสนใจกับบริเวณรอบบ้านจึงไม่ทันมองเลยทำให้…ชนปึก!“อ๊ะ!”มือเล็กยกขึ้นมาลูบหัวตัวเองพลางมองไปยังอีกคนที่อยู่ๆ ก็หยุดโดยไม่บอกกันก่อน ทำให้เธอชนจนเจ็บตัว“เจ็บบ่” (เจ็บไหม)“เจ็บสิคะ ถามมาได้”“หึ สมน้ำหน้า บ่แนมทางเอง” (หึ สมน้ำหน้า ไม่
last updateDernière mise à jour : 2025-07-06
Read More
๐๕ อืม แซ่บ
เมื่อเดินมาถึงจันทร์เจ้าขาก็ถึงกับอ๋อขึ้นมาทันที เพราะเขาพาเธอเดินมาที่ครัวก่อนจะไปเปิดตู้เย็นและก้มๆ เงยๆ หาอะไรอยู่สักพักแล้วเดินตรงมายังเคาเตอร์ไม้และวางของในมือลง ซึ่งมันก็คือผักคะน้าและหมูสับ ศิลาหยิบผักออกมาและเดินตรงไปยังซิงค์ล้างจานและจัดการล้างผักในมือด้วยท่าทางคล่องแคล่วก่อนจะวางมันลงยังตะกร้าเพื่อรอให้สะเด็ดน้ำ ก่อนเขาจะหันมาเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นแล้วค่อยวกกลับไปหยิบผักในตะกร้านั้นมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ การกระทำเล่านั้นตกอยู่ภายใต้สายตาของหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังยืนมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย นอกจากจะเป็นพ่อครูที่คอยช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว เขายังทำอาหารเป็นอีกหรอเนี่ยเก่งเกินไปแล้ว แต่ถ้าไม่เอ่ยปากขอช่วยจะดูแปลกไปไหมนะ มาขอของจากเขาแถมยังมาให้เขาทำกับข้าวให้กินอีก“เอ่อ…พ่อครูให้หนูช่วยไหมคะ”“เฮ็ดเป็น?” (ทำเป็น?)สิ้นประโยคคำถามของคนตัวเล็กมือที่กำลังหั่นผักก็หยุดชะงักลงก่อนจะหันกลับมาและเอียงคอถามกลับ จันทร์เจ้าขาได้แต่ส่ายหน้าให้พร้อมกับยิ้มแห้งๆ“ม่องนี่บ่ต้องซ่อยดอก แค่ซ่อยเฮ็ดโตคือแต่ก่อนท่อนั่นกะพอ” (ตรงนี้ไม่ต้องช่วยหรอก แค่ช่วยทำตัวเหมือนแต่ก่อนแค่นั้นก็พอ)หมายถึงแบ
last updateDernière mise à jour : 2025-07-06
Read More
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status