บทที่ 6
โลกกลม
ระหว่างนั่งรถกลับฉันก็เอาแต่นิ่งเงียบ เอียงหน้าไปมองข้างทางเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าหล่อที่ซ่อนความเป็นร้ายกาจเอาไว้ เขาขับรถฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา อยากมีปืนสักกระบอกเพื่อยิงแสกหน้าให้ตายลงตรงนี้เสีย
“จอดหน้าปากซอยข้างหน้านี้ละค่ะ” เมื่อรถเคลื่อนล้อใกล้จะถึงหน้าปากซอยเข้าบ้าน ฉันจึงเอ่ยบอกก่อนที่เขาจะขับเลยไป
“บ้านเธออยู่ในซอยนี้เหรอ” เขาตีไฟเลี้ยวเพื่อจะขับเข้าไปในซอย
“บอกว่าให้จอดไม่ได้ให้เลี้ยวเข้าไป เฮ้อ!!” ฉันเริ่มหงุดหงิดกับความกวนตีนของเขาซะเหลือเกิน
“บ้านหลังไหนบอกมาสิ” เขาตีหน้านิ่งขับไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย นั่นทำให้ฉันยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่
“อยากจะรู้ไปทำไมคะ”
“ก็อยากเห็นว่าบ้านคนจนมันเป็นยังไง ตั้งแต่เกิดฉันไม่เคยเข้ามาในชุมชนแออัดอย่างนี้มาก่อน มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ” เขากระตุกยิ้มร้ายขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฉันเรียบร้อยแล้ว เมื่อฉันไม่ยอมบอกเขาก็ขับวนไปอยู่อย่างนั้น จนเด็กๆ ในหมู่บ้านเริ่มสนใจกับรถหรูคันนี้เสียแล้ว
“เฮ้อ!! เลยไปอีกซอยนึงบ้านไม้สองชั้นฝั่งซ้ายมือ หน้าบ้านเปิดร้านขายข้าวแกง” ฉันจำใจบอกเขาอย่างเซ็งๆ ถ้าแม่รู้ว่ามีคนขับรถหรูมาส่งคงจะตาโตเป็นไข่ห่านแน่ๆ ฉันคงจะโดนซักถามหนักพอสมควรเพราะหายไปกับเขาทั้งคืน
“บ้านเธอดูโทรมดีนะ อยู่กันเข้าไปได้ยังไง” เขาว่าหลังจากได้จอดรถที่หน้าบ้านฉันเรียบร้อยแล้ว แม่และน้องสาวรีบจ้องเข้ามาในรถเพื่อดูว่าเป็นใคร
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อขจัดความกังวลในใจ ไม่รู้จะตอบคำถามคนทั้งสองยังไงดีว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ
“เดี๋ยว!”
“มีอะไรอีกคะ” ฉันกระแทกเสียงใส่เขา
“เธอจะตอบคำถามแม่เธอว่ายังไง ให้ฉันลงไปยืนยันด้วยไหมว่าเมื่อคืนเราไปทำอะไรกันมา” เขากระตุกยิ้มร้ายหลังจากกล่าวจบ
“ถ้าคิดคำพูดดีๆ ไม่เป็นก็ไปตายเถอะค่ะบอส” ฉันด่าทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อแม่รู้ว่าเป็นฉันนางก็ยิ้มกว้าง แทนที่จะพ่นคำก่นด่าออกมา เพราะฉันได้หายไปกับผู้ชายทั้งคืน ส่วนบอสก็ขับรถออกไปหลังจากนั้นไม่นาน
“นังดาวววว!! ใครมาส่งแกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ แล้วทำไมไม่ชวนเขาลงมากินน้ำกินท่าก่อนล่ะ” แม่รีบเดินมาเกาะแขนฉันทำท่าทีดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
“แทนที่แม่จะถามฉันว่าไปทำอะไรมา แต่กลับดีอกดีใจไม่ห่วงฉันบ้างเลยรึไง” ฉันทำหน้าเซ็งๆ
“ถ้าแกนั่งวินกลับมาฉันก็ว่าจะด่าอยู่หรอก แต่นี่นั่งรถเบนซ์มาใครจะด่าลงยะ แถมไม่ห่วงด้วยถ้าแกไปกับคนรวยๆ นั่นรถแฟนแกใช่ไหมบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ใช่...นั่นเจ้านายฉัน”
“เมื่อคืนพวกแกไปทำอะไรกันมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ...ฉันไปทำงานต่างจังหวัดมา มันงานด่วนน่ะแม่เลยไม่มีเวลาโทรมาบอก แค่นี้ก่อนนะฉันขอตัวขึ้นห้องก่อน” พูดจบฉันก็รีบเดินเข้าบ้านไปก่อนที่แม่จะถามไปมากกว่านี้
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน นอนหลับตาเพื่อพักสมองครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพราะมีคนเคาะประตูห้อง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พี่นี่ฉันเองเปิดประตูให้หน่อย”
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“เปิดเถอะนะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เออๆ เปิดก็ได้” ฉันถอนหายใจด้วยความรำคาญน้องสาว จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูให้มันอย่างจำใจ “มีอะไรว่ามาฉันจะพักผ่อน”
“พี่ไปทำอะไรมาหรือว่า...” ฉันรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เด็กอะไรแก่แดดชะมัด
“หุบปากไปเลย...แกชักจะแก่แดดเกินไปแล้วนะ สรุปว่ามีธุระอะไรจะคุยกับฉัน”
“พรุ่งนี้มีเรื่องให้ช่วยอ่ะ”
“ไม่ว่าง” ฉันตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะเพลียร่างจนแทบไม่อยากจะลุกขึ้นมากินข้าวเสียด้วยซ้ำ
“ช่วยฉันหน่อยนะพี่ ฉันต้องทำงานกลุ่มส่งอาจารย์อ่ะ เป็นมิวสิควิดีโอสั้นๆ เองนะ” อิงฟ้าเข้ามากอดฉันอย่างออดอ้อน
“ห๊ะ! จะให้ฉันไปแสดงหน้ากล้องงั้นเหรอ ไม่มีทางย่ะ น่าอายจะตาย” ฉันเคยทำแบบนั้นซะที่ไหนกันล่ะ
“แต่ฉันเสนอตัวว่าจะให้พี่ไปเป็นนางเอกแล้วนะ ไม่นานหรอกสงสารเด็กตาดำๆ ด้วยเถอะนะพี่”
“ไม่นานจริงนะ” ในเมื่อมันอ้อนขนาดนี้แล้วฉันจะปฏิเสธได้อย่างไรกันล่ะ ที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อน้องสาวอยู่แล้ว
“จริงสิไม่นานหรอก สรุปว่าพี่โอเคแล้วใช่ป่ะ” ยัยน้องสาวตัวแสบเริ่มยิ้มออก
“อือๆ ไปก็ไป...กี่โมงล่ะ”
“บ่ายโมง”
“โอเค แกออกไปได้แล้วฉันจะนอน”
“ไปก็ได้ ว่าแต่พี่ไปทำอะไรกับผู้ชายคนนั้นมาถึงได้ดูเพลียๆ อย่างนี้” พูดจบมันก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที
“นังน้องบ้า! นังเด็กแก่แดด!” แม้ว่าจะตะโกนตามหลังแต่มันก็ไม่ได้ยินแล้วล่ะ
เมื่ออยู่คนเดียวในห้องฉันก็เริ่มคิดถึงเรื่องบอสขึ้นมาอีกครั้ง เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย เวลาเจอหน้ากันที่บริษัทฉันจะทำตัวยังไง หรือว่าฉันควรจะหางานใหม่เพื่อจะได้ไม่ต้องเครียดกับเรื่องนี้อีกแล้ว
“โอ๊ยยยย!!! ยิ่งคิดยิ่งเครียด ฉันไม่น่ามาชอบคนอย่างนายเลยจริงๆ” ฉันระบายออกมาเป็นคำพูดแล้วก็ฟุบตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
*-*-*-*-*-*-*
วันรุ่งขึ้นฉันกับน้องสาวออกเดินทางไปที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พบกับกลุ่มเพื่อนของอิงฟ้า ฉันเพิ่งรู้ว่าเด็กมัธยมสมัยนี้จะทำงานกันอย่างมืออาชีพขนาดนี้ เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับถ่ายทำครบเซต ก็อย่างว่าล่ะเด็กโรงเรียนนี้มีแต่รวยๆ กันทั้งนั้นยกเว้นก็แต่น้องสาวฉันนี่ล่ะ
“ฉันพานางเอกเอ็มวีมาแล้วจ้า นี่พี่ดาวพี่สาวฉันเอง” เมื่อไปถึงน้องสาวฉันก็เข้าไปทักทายเพื่อนๆ
“สวัสดีค่ะ/ สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะทุกคน”
ฉันรับไหว้น้องๆ ทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะพี่ดาว หนูตองนะคะ เชิญพี่ไปแต่งหน้าทำผมด้านนี้เลยค่ะ พอพระเอกมาเราจะได้เริ่มถ่ายกันเลย” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็หันไปมองน้องสาวตัวแสบทันที
“เพื่อนฉันแต่งหน้าเก่งเว่อร์รับรองพี่ต้องสวยแน่ๆ” ยัยฟ้าเอ่ยอย่างมั่นใจในตัวเพื่อน
ฉันไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้ จากนั้นตองก็รีบดึงตัวฉันไปนั่งที่ม้าหินอ่อน ที่มีกล่องอุปกรณ์สำหรับแต่งหน้าวางอยู่ก่อนแล้ว ดูท่าทางคงจะหลายตังค์น่าดู ลูกคนรวยก็งี้อยากได้อะไรก็ได้ไม่ต้องพยายามอะไรมากเหมือนลูกคนจนอย่างฉัน
ฉันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบว่ามีคนอื่นๆ ไหนว่าจะมาถ่ายเอ็มวีแต่ไหงกลับมีแค่ฉันคนเดียว อ้อ! ยังมีพระเอกอีกคนนี่นา ต้องขอบใจยัยฟ้าที่ทำให้ฉันได้เป็นนางเอกกับเขาสักครั้งในชีวิต อิอิ
“พี่ดาวถอดแว่นก่อนนะคะ” ตองบอกฉันหลังจากขนอุปกรณ์แต่งหน้าออกจากกล่องเรียบร้อยแล้ว
“แล้วเวลาถ่ายพี่ต้องใส่ไหมอ่ะ”
“ต้องถอดนะคะเวลาถ่ายจะได้สวยๆ”
“อ้าว! แล้วพี่จะมองเห็นได้ไง พี่สายตาสั้นนะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะวันนี้หนูเตรียมไอ้นี่มาให้ด้วย” ตองชูกล่องอะไรบางอย่างขึ้นมาให้ดู มันเป็นกล่องวงกลมเล็กๆ
“นี่มันกล่องอะไรจ๊ะ”
“คอนแทคเลนส์ค่ะ ฟ้ามันบอกว่าพี่สายตาสั้นหนูเลยเตรียมมาไว้ให้ พี่ต้องใส่มันก่อนแต่งหน้านะคะ” ตองยื่นให้ฉัน
“พี่ไม่เคยใส่เลยอ่ะ”
“มานี่เดี๋ยวหนูใส่ให้เอง พี่ดาวเป็นคนสวยนะคะ ถ้าถอดแว่นแล้วแต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ยิ่งสวย”
“ชมแบบนี้พี่ก็เขินแย่เลย” เมื่อได้รับคำชมฉันก็ยิ้มรับอย่างไม่ถ่อมตัว
หลังจากนั้นตองก็ใส่คอนแทคเลนส์ให้ฉันอย่างบรรจง ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ ขัดลูกตาแต่ทว่าเมื่อปรับสภาพได้กลับรู้สึกเหมือนไม่ได้มีอะไรในตาเลยสักนิด แถมยังมองเห็นชัดแจ๋วอีกต่างหาก
“เสร็จแล้วเรามาแต่งหน้ากันดีกว่า วันนี้ตองจะทำให้พี่สวยที่สุดจนพระเอกจะต้องตะลึงเลยค่ะ”
“ว่าแต่ทำไมพระเอกยังไม่มาอีกล่ะจ๊ะ”
“อ๋อ...พี่ติณณ์กำลังมาค่ะ”
“พี่ติณณ์” ฉันทวนคำพูดของตองอีกครั้ง ทำไมต้องมาเจอคนชื่อติณณ์ด้วยนะ ฉันเกลียดชื่อนี้ที่สุด
“พี่ติณณ์เป็นพี่ชายหนูเองล่ะ ตอนแรกแกก็ไม่ยอมมาเหมือนพี่นั่นล่ะ แต่พอเจอลูกอ้อนเข้าหน่อยก็ยอมตอบตกลง” ตองเอ่ยพลางลงรองพื้นให้ฉันไปด้วย ดูท่าทางคงจะเก่งเรื่องแต่งหน้าน่าดู คล่องแคล่วและมีความมั่นใจ ต่างจากฉันที่แทบจะไม่มีเครื่องสำอางในห้องเลยสักอย่าง ทั้งที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตเครื่องสำอางแท้ๆ
“พี่ชายหนูคงจะหล่อเนอะ เพราะหนูออกจะน่ารักขนาดนี้”
“หล่อมากค่ะ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้สุดๆ” ตอนแรกก็ดีอยู่หรอกแต่หลังๆ มาราวกับตองกำลังนินทาพี่ชายตัวเองให้ฉันฟังซะงั้น
“สงสัยจะหล่อมากจริงๆ” ฉันเอ่ยขำๆ ออกไป
“โอ๊ะ! มาโน่นพอดีเลย พี่ติณณ์ทางนี้ค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็ลังเลใจเล็กน้อยว่าจะหันไปมองไหม แต่ถึงยังไงก็จะได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ถือซะว่าเป็นการทักทายกัน
คุณพระช่วย! หล่อมากจริงๆ หล่อบัดซบที่สุด หล่อเหี้ยๆ ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้เนี่ย ไอ้เราก็นึกว่าแค่คนชื่อเหมือนกันแต่ที่ไหนได้มาตัวเป็นๆ เลย...บอสติณณภพ
บทที่ 31อวสานแม้ว่าแก๊งสาวโสดแผนกบัญชี จะเคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลายต่อหลายครั้ง ทว่ากลับไม่เคยบอกเรื่องที่ฉันคืนดีกับบอสแล้ว วันนี้จึงตั้งใจจะเข้าไปบริษัทพร้อมกับเขา เปิดตัวในฐานะแฟนอย่างเป็นทางการ ไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่อยากจะเซอร์ไพรซ์คนที่เคยนินทาและดูถูก และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าหมิว ตอนที่นางเห็นฉันเดินควงคู่มากับบอส คิดแล้วก็รู้สึกสะใจบอสมารับฉันที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะใส่บาตรด้วยกัน แล้วช่วยแม่ขายของอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาจากบ้านพร้อมกันเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของบริษัท ฉันก็หันไปยิ้มให้เขา อีกฝ่ายยิ้มตอบเอื้อมมาจับมือฉันไว้“ไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานเหรอ”“จะให้ฉันกลับมาทำในตำแหน่งอะไรล่ะคะ”“ก็...เลขาส่วนตัวฉันไง”“ไม่เอาฉันไม่อยากไปแย่งตำแหน่งใครมาอีกแล้ว ฉันขอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจแม่ค้าจนๆ อย่างฉันนะคะ”“ใครจะไปรังเกียจเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ หมายใจจะหอมแก้มแต่ทว่าฉันรีบเอื้อมมือไ
บทที่ 30คุณบอสสุดที่รักวันนี้เป็นวันหยุดบอสจึงมาช่วยขายข้าวแกงตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจทำคะแนนพิชิตใจแม่ เอาใจท่านราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปานหลังจากการขายของในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ค้าอย่างเราๆ ตอนนี้ฉันกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ส่วนอิงฟ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก“เจ้านายแกกลับไปแล้วเหรอ ฉันว่าแล้วอยู่ได้ไม่นานหรอก” แม่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของแขกผู้มาเยือน“เปล่านะแม่ เห็นบอกว่าจะไปเอาอะไรที่รถน่ะ”“อ้าวเหรอ…ฉันก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” แม่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อหลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ในมือเขามีถุงอะไรบางอย่างมาด้วย เห็นอย่างนั้นฉันก็มองหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงถามว่ามันคืออะไร อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วเดินนำมาวางไว้บนโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา“อะไรเหรอคุณ?”“ฉันซื้อของมาฝากคุณแม่น่ะ” เขาตอบก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ต่อทันที “คุณแม่ครับผมซื้อของมาฝาก”แม่ค่อ
บทที่ 29เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้วหลังจากแยกทางกับพี่มาร์คแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาบอสที่หน้าห้างตามสัญญา เมื่อมาถึงฉันก็ยืนอยู่ลานหน้าห้าง มองไปรอบตัวเพื่อหาเขาคนนั้น คนไม่เยอะแต่กลับหาไม่เจอแม้แต่เงาหมับ!รู้สึกตัวอีกทีก็มีใครบางคนมาสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงพยายามดิ้น และแกะมือหนานั้นออกทันที“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”“อ้าว! เธอมีแฟนเป็นคนโรคจิตงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูทำให้ฉันหยุดชะงัก แล้วยืนนิ่งทันที“บอส!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ คนมองกันใหญ่แล้วนั่น” ใครจะไม่อายล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงกลางลานเลยล่ะฟอดด!!!“ไม่แกล้งแล้วครับ ต่อไปนี้จะตามใจเมียทุกอย่าง” ก่อนจะคลายอ้อมแขนเขาก็ไม่ลืมหาเศษหาเลย โดยการหอมแก้มฟอดใหญ่ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าเขาหลังจากนั้น ก่อนจะยู่หน้าใส่อย่างเอาเรื่อง“ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ!”“ก็เธอไงล่ะ”“เอาใหญ่แล้วนะเรา” ทำไมฉันจะต้องยิ้มเขินด้วยนะ ทำไมฉันจะต้องหลบตาเขา เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองได้เล
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว