แม้กระทั่งตอนนี้ ผ่านไปหลายเดือน ความเจ็บปวดก็ยังสดใหม่อยู่ ร่างกายของเธอเกร็งขึ้นเมื่อนึกถึงสายตาเย็นชาคู่นั้น เขามองเหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงแค่ขยะ เหมือนเขาเกลียดเธอมาก หรือแย่กว่านั้น รู้สึกสมเพชเธอ เธอยังไม่แน่ใจว่าสิ่งไหนจะน่าอับอายมากกว่ากัน หากย้อนเวลากลับไปได้เธอคงไม่ยั่วยวนเขาแบบวันนั้น
เมริสารีบเดินกลับห้อง ผ่านห้องหับต่าง ๆ ในคฤหาสน์หลังโต จนกระทั่งเสียงหนึ่งหยุดเธอไว้
“สวัสดีครับเจ้าหญิง”
เลือดในกายเมริสาเย็นเฉียบเมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม เตือนตัวเองเป็นร้อยครั้งว่าห้ามมองเขาแบบที่ชอบทำ แต่สายตาเธอดันติดนิสัยที่ชอบแอบชื่นชมร่างกายที่สมบูรณ์แบบของชายหนุ่ม สันกรามที่โดดเด่นและดวงตาสีดำสนิทดูเหมือนจะมีพายุขดวนเต็มไปด้วยความอันตรายที่แฝงเร้น บ่ากว้างและอกแกร่ง วิธียิ้มน้อย ๆ ตรงมุมปาก ริมฝีปากหยักลึกที่ดูเหมือนเชื้อเชิญให้อยากสัมผัสว่ามันจะนุ่มแค่ไหน
เมื่อได้สติเมริสารีบสลัดความคิดไร้สาระของตนออก เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เธอเฝ้าฝันและจินตนาการอีกต่อไป
เขาจะเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดที่เปรียบเสมือนผู้คุมของเธอเท่านั้น และที่สำคัญเขาเกลียดเธอ นั่นเป็นเหตุผลเพียงพอที่เธอจะกอดอกเชิดหน้าใส่
“ฉันไม่เห็นเจ้าหญิงที่ไหนตรงนี้เสียหน่อย เลยไม่รู้ว่านายพูดกับใคร”
เซียวเฟิงแค่กลอกตา “ครับ ทำตัวแบบนี้ต่อไปเถอะ เจ้าหญิง”
“นายมีเรื่องอะไร”
“ผมเดาว่านายท่านน่าจะบอกคุณหนูแล้วว่าเราสองคนต้องอยู่ร่วมกัน”
“ไม่ใช่ซะหน่อย” เธอแหวใส่
“แล้วยังไงครับ”
“เราแค่อยู่คอนโดเดียวกันแต่คนละห้อง!”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนครับ ยังไงเราก็ต้องอยู่ร่วมกันอยู่ดีไม่ใช่หรือ” เซียวเฟิงยิ้มมุมปากน้อย ๆ
เมริสาทำท่าฮึดฮัดขัดใจ เขาคิดว่าตัวเองฉลาดนักรึไงที่ต้อนเธอให้จนมุมได้ แต่เธอไม่มีวันยอมหรอก
“นายเป็นแค่ลูกน้องที่กินเงินเดือนพ่อฉัน เพราะฉะนั้นก็แค่คนที่พ่อฉันส่งไปรับใช้แค่นั้นแหละ”
เซียวเฟิงกระตุกยิ้มที่ดูหยามหยันอยู่ในที “คุณหนูคงไม่คิดว่าการที่คุณหนูอยู่ไกลหูไกลตานายท่านจะทำให้การดูแลรักษาความปลอดภัยหย่อนยานลงหรอกใช่ไหมครับ”
“นายจะทำอะไร นายกล้าหือกับฉันเหรอ”
“ก็ไม่แน่นะครับ ผมขอเตือนไว้ก่อน ถ้าคุณหนูคิดจะทำเรื่องบ้า ๆ เหมือนที่ทำมาตลอด หรือว่าจะคิดหนีออกไป อย่าลืมว่าผมนำหน้าคุณสองก้าวเสมอ” ตอนนี้เซียวเฟิงเลิกคิ้วขึ้นและคลี่ยิ้มที่ดูเหมือนจะจริงใจแต่ทว่าเย็นชา “และถ้าคุณหนูทำหน้าเศร้าเหมือนไม่อยากไปเรียนต่อมหาลัยแบบนี้ผมสามารถรายงานนายท่านเรื่องนี้ได้ ปัญหาเรื่องนี้ก็จะจบ เพราะนายท่านจะไม่มีวันยอมให้คุณหนูก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์หลังนี้อีก”
เมริสารู้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นแน่เพื่อกำจัดเธอ ถ้าเธออยู่ในบ้านตลอดเวลา เขาก็ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันเธออีกต่อไป
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายต้องการอะไร นายกลัวว่าจะทำงานพลาดเวลาต้องไปอยู่ข้างนอก นายกลัวว่าฉันจะสร้างปัญหาให้นายเลยต้องมาขู่ฉันล่วงหน้า”
“ผมรู้จักคุณหนูดีครับ” เสียงเตือนทุ้มต่ำแฝงแววคุกคามทำให้แผ่นหลังเมริสาสั่นสะท้านแต่ก็ยังดึงดัน
“นายหัดรู้จักเจียมตัวซะบ้างว่าไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉันแบบนี้ ฉันจะบอกให้พ่อหาคนอื่นที่ไม่เอาแต่นั่งโอดครวญมาคุ้มกันฉันแทนนายก็ได้”
“คุณหนูกำลังกล่าวหาว่าผมโอดครวญ?” ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เมริสาก็ถูกผลักให้ร่างแนบกับประตูห้องนอนที่เปิดค้างอยู่ โดยมีร่างสูงใหญ่เข้ามาประชิด ทำให้ตอนนี้ท้องสองอยู่ใกล้กันมากจนเธอได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวชายหนุ่ม ความร้อนที่แผ่ซ่านออกมา ขนแขนของเธอลุกชันเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจร้อน ๆ ยามที่เขาโน้มหน้าลงมาหา “ผมขอเตือนไว้ก่อนนะครับคุณหนู ว่าอย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ ผมจะต้องรายงานนายท่านแน่”
เมริสาขาสั่นจนแทบยืนไม่อยู่แต่เธอจะไม่มีวันล้มลงต่อหน้าชายหนุ่ม เธอมีไพ่ในมือที่เหนือกว่า บทเรียนที่เธอได้เรียนรู้จากเซียวเฟิงในคืนนั้นคือ เขาต้องการรักษาหน้าที่การงานของเขาไว้ ไม่ว่าจะต้องเสแสร้งแค่ไหน เขาไม่มีทางให้พ่อของเธอรู้เรื่องนั้นเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้เธอจึงเชิดหน้าขึ้น
“ถ้านายกล้าก็ไปบอกพ่อฉันเลย แล้วมาดูกันว่าจะเป็นยังไง แต่เราสองคนรู้แก่ใจดีว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงไม่ใช่เหรอ ฉันว่านายควรปิดปากให้สนิทเสียดีกว่า แล้วก็ปล่อยให้ฉันทำในสิ่งที่ฉันต้องการ ยังไงฉันก็จะต้องไปเรียนต่อมหาลัย ฉันต้องการอิสระ”
“คุณหนูคิดว่าจะง่ายขนาดนั้นหรือ เราต่างรู้ว่านายท่านเป็นคนยังไง” เซียวเฟิงลดเสียงลงจนเกือบจะเป็นเสียงคำรามในลำคอ จนทำให้เมริสารู้สึกประหม่า “ผมขอเตือนไว้ก่อนให้คุณหนูประพฤติตัวให้เหมาะสม อย่าให้ผมต้องจัดการขั้นเด็ดขาด คุณหนูจะไม่ชอบมันแน่” ว่าจบเขาก็เดินจากไปเงียบ ๆ เหมือนกับตอนปรากฏตัวครั้งแรก
เมริสายกมือขึ้นกุมอก เพิ่งรู้ตัวว่ากลั้นหายใจอยู่ เขาที่สั่น ๆ ตอนนี้ต้านทานไม่อยู่ ทั้งร่างจึงร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
เธอจะต้องอยู่ร่วมกับผู้ชายคนนี้เพียงลำพังโดยไม่มีใครคอยจับตามองจริง ๆ หรือ
แล้วเธอจะอดทนกับเขาหรือเขาจะอดทนกับเธอไปได้สักเท่าไหร่กัน
เพียงแค่นี้ก็มองเห็นปัญหาขึ้นมาราง ๆ
อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปมากภายในระยะเวลาอันสั้น เมริสาแทบไม่อยากเชื่อเมื่อเธอมองย้อนกลับไปยังช่วงเทอมที่ผ่านมา เธอเคยรู้สึกประหม่าเหลือเกิน เมื่อคิดว่าทุกคนกำลังจ้องมองเธออยู่ และคุยเรื่องของเธอกับเซียวเฟิงอย่างสนุกปาก เธอเคยกังวลกับเรื่องนั้นมากส่วนในตอนนี้ ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกแล้ว ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องรู้เรื่องของเธอเมื่อเปิดเรียนอีกครั้ง เมริสากับบอดี้การ์ดพ่วงด้วยสถานะคนรักของเธอได้ย้ายกลับไปอยู่ที่คอนโด แน่นอนว่าประตูถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว และพ่อของเธอก็ยังจัดการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เธอไม่ต้องเห็นหรือสัมผัสสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับตี้หยางและค่ำคืนอันเลวร้ายนั้นอีก และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวอร์ชั่นปรับปรุงแล้วก็แพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่งเวลาที่เมริสาเดินเคียงข้างเซียวเฟิงในมหาวิทยาลัย เธอรู้ดีว่าทุกคนต่างคิดถึงเรื่องเดียวกัน เซียวเฟิงช่วยชีวิตเธอไว้ ตี้หยางเกือบจะฆ่าเธอ หรืออาจฆ่าทั้งคู่ พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าทำ
เซียวเฟิงกำลังรออยู่ในห้องพักส่วนตัวอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าจะเชื่อใจในเมริสาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่จัดกระเป๋าเตรียมไว้ เธออาจจะมองว่าเขากลายเป็นคนขี้ขลาด แต่เขาไม่ได้ปัญญาอ่อนที่จะอยู่รอความตาย ถ้าหากจะหนี เขาจะต้องเตรียมความพร้อมบางทีเขาควรจะบอกเมริสาก่อนที่พวกเขาจะนั่งลงคุยกับพ่อของเธอว่า เขาได้รับคำสัญญาว่าเขาจะขออะไรก็ได้ตามใจ และทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ความคิดของเขาก็พุ่งตรงไปที่เธอทันทีเธอคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการ สิ่งเดียวที่ดีและจริงแท้ที่สุดในชีวิตที่เขาเคยรู้จักเขาไม่มีโอกาสได้บอกเธอเรื่องทั้งหมดนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึก และเพื่อนบ้านที่ตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขายังไม่ได้บอกเธอด้วยซ้ำว่าเขารักเธอ ก่อนที่พวกเขาจะถูกแยกตัวไปสอบปากคำ เขามีเวลาเพียงพอแค่นัดแนะเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อ
หลิวเจี้ยนหัวเราะเสียงดัง “นายล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมต้องการคุณหนู” เซียวเฟิงตอบเสียงจริงจัง หันไปมองเมริสาแล้วดึงมือเธอมากุมเพื่อยืนยัน “ผมรักเธอ คุณหนูเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม ที่ผมไปช่วยคุณหนูไม่ใช่เพราะคำสั่งนายท่าน แต่ผมไปเพราะผมอยากช่วยให้คุณหนูปลอดภัย ผมต้องการคุณหนู”เมริสาเบิกตาโตมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาบอกว่ารักเธอ ต่อหน้าพ่อเธอ ทั้งที่เขาไม่เคยบอกกับเธอมาก่อนใช่แล้ว เธอเองก็รักเขา เธออาจจะปฏิเสธว่าไม่ได้รักเขา แต่เธอรู้ตัวดี ต่อให้ปฏิเสธอย่างไรก็ตาม หัวใจเธอก็เป็นของเขาอยู่ดี แต่พ่อเธออาจเอาชีวิตเขาได้หลิวเจี้ยนขรึมลงในฉับพลัน กำลังข่มอารมณ์อยากฆ่าคนอย่างถึงขีดสุด “ฉันจะทำเป็นว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”“นายท่านครับ...”“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น ในเมื่อนายเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ว่าอยากได้ลูกสาวของฉัน” หลิวเจี้ยนลุกข
เพราะได้ยินเสียงร้องเตือนของเมริสา เซียวเฟิงจึงหมุนตัวหลบอย่างรวดเร็ว กดหลังชิดกับผนังข้างประตูที่กำลังถูกเปิดออก เสียงกระสุนดังลั่นกระทบผนังฝั่งตรงข้ามในจุดที่เขาเคยยืนอยู่ มันคงเจาะทะลุร่างเขาไปแล้วถ้าเขาไม่หลบทันเขาหมุนตัวกลับมา ขึ้นไกปืนและเล็งเข้าไปในห้อง สายตาเฉียบคมจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวภายในทันทีแต่คราวนี้ไอ้บ้าตี้หยางไม่ได้เล็งปืนมาที่เขา มันกลับเอาปืนจ่อหัวเมริสาและยังล็อกตัวเธอไว้ด้านหน้า“ฉันน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าแกก็ได้แต่หลบอยู่หลังผู้หญิง ฉันบอกแกแล้วว่านี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับนาย เหมยไม่เกี่ยว ปล่อยเธอไปซะ แล้วเราค่อยมาตกลงกันอย่างลูกผู้ชาย”“ไม่เกี่ยวยังไง” มือหยาบกร้านลูบไล้ที่อกอวบ มันน่าขยะแขยงมากจนเมริสาขนลุก ก่อนที่มันจะบีบขยำเต็มแรง “เป็นไง ความรู้สึกที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ฉันจะเอานั่งนี่ต่อหน้าแก ฮ่า ๆ ๆ”“ไม่มีวัน เพราะฉันจะฆ่าแกก่อน”“ถ้าฉันลั่นไกจะเป็นยังไงน
“เธอไม่เอะใจเลยเหรอว่าทำไมฉันถึงไปหาเธอได้เร็วขนาดนั้น ฮ่า ๆ ๆ เธอคงคิดไม่ถึงละสิ ว่าฉันน่ะรออยู่ในโรงแรมใกล ๆ บ้านเธอตั้งนานแล้ว เพราะรู้ว่ายังไงเธอจะต้องโทรมาน่ะสิ เธอน่ะเอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง ต้องโทษว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเธอโง่เอง”เมริสารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาโชว์ความฉลาด สิ่งที่เธอต้องทำคือทำให้ตี้หยางสงบที่สุด ระหว่างทางเขาค่อย ๆ จมดิ่งไปกับความแค้นในอดีต คอยพร่ำพรรณนาบอกว่าเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างไรบ้างหลังจากที่เซียวเฟิงสังหารพ่อของเขาตอนนี้เมริสานั่งอยู่ที่โซฟา วางมือไว้บนหน้าขาเพื่อให้ตี้หยางเห็นได้ถนัดว่าเธอไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ ส่วนเขาเดินไปรอบห้อง บางครั้งก็มองที่ประตูระเบียงแต่ไม่ได้เดินไปที่นั่น เขากำลังรอว่าเมื่อไหร่เซียวเฟิงจะมาเมริสามั่นใจว่าชายหนุ่มต้องมา เขาจะต้องได้รับแจ้งเตือนตอนประตูคอนโดเปิดทางโทรศัพท์ เธอได้แต่ภาวนาในใจให้เขาระวังตัว เธอไม่สนแล้วว่าเขาจะเคยโกหกหลอกลวงเธอ ไม่ว่าเขาจะทำงานอะไรให้พ่อ เธอปรารถนาเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องหนีไปจากที่นี่ใ
“นายแน่ใจว่าเป็นมัน?”“ครับ ผมเช็กเฟซบุ๊กคุณหนูแล้วก็เช็กอีเมล คุณหนูติดต่อกับมันไม่ผิดแน่ คุณหนูนัดกับมันให้ไปรอรับที่ประตูหลัง”“แล้วนายแน่ใจใช่ไหมว่ามันคือคนที่นายคิด”“ผมแฮ็กเข้าบัญชีมัน มีรูปมันกับเฉินเหว่ยที่ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อนครับนายท่าน ผมเดาว่ามันน่าจะกลับมาใช้สกุลของแม่หรืออาจจะเป็นคนที่อุปการะเลี้ยง”“คิดจะแก้แค้นให้พ่อมัน หึ ฉันจะฆ่ามันไอ้สารเลว เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก”ในที่สุดเซียวเฟิงก็กระจ่างชัด ตลอดเวลาที่ไอ้ตี้หยางมันเข้าหา ไม่ใช่เพราะสนใจในตัวเมริสา แต่เป็นเพราะเขากับหลิวเจี้ยน ด้วยเหตุผลที่เธอไม่มีทางคาดเดาได้เพราะเธอไม่เคยรู้ว่าเขาทำอะไรไปบ้าง ว่าเขาสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น เพียงเพราะพ่อของเธอสั่งให้ทำ เพราะคนคนนั้นกำลังจะให้การเป็นพยานปากสำคัญและต้องถูกปิดปากอย่างถาวรเขาพยายามคิดว่าคืนนั้นได้พลาดอะไรไป ซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็ได้ เพร