[เช้าวันต่อมา...ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง...ลาสเวกัส]
“โอเค ฉันจะโทรแล้วนะ”
ศลิษาถือสมาร์ทโฟนไว้ในมือ วันนี้เธอจะต้องนัดหมายทางฝ่ายมาเฟีย บอกให้คนพวกนั้นรู้ว่า เธอกับเมธิตาได้มาถึงเมืองลาสเวกัสแล้ว มาก่อนกำหนดถึงสองวัน
“อืม ฉันพร้อมแล้วแก กดเลย”
เมธิตาก็ลุ้นระทึกกับเพื่อนของเธออยู่ไม่น้อยเลย เอาเข้าจริงๆ มันตื่นเต้นมาก และออกจะน่ากลัวขึ้นไปอีก เมื่อเธอและศลิษามาเหยียบเกือบจะถึงถิ่นของมาเฟียแล้ว
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! นิ้วเรียวยาวกำลังกดต่อสายด้วยความระทึก
“Hello!” เพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ
“ฉันติดต่อเรื่องพ่อของฉัน”
ศลิษาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ ใจของเธอตอนนี้มันเต้นรัวแรงเป็นอย่างมาก แทบจะกระโดดออกมากองอยู่ตรงหน้า เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าพวกมาเฟียนั้น
“ลูกของนายก้องภพใช่มั้ย” โรมันตอบกลับทันที
“ชะ-ใช่...ค่ะ” ศลิษาบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น นี่เธอกำลังสนทนากับพวกมาเฟียอยู่นะ น่ากลัวมาก เธอหันไปคว้ามือของเพื่อนเอามาบีบเอาไว้แน่น เพื่อขอกำลังใจ
“ดี...พวกแกจะเข้ามาเอาตัวพ่อเลยหรือเปล่าวันนี้”
“พวกคุณสะดวกวันนี้มั้ย”
“ได้สิ งั้นอีกสองชั่วโมงมาที่นี่ได้เลย เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรอรับแกข้างล่าง”
“จะให้ฉันไปหานายที่ไหน”
“เพนท์เฮ้าส์ที่พ่อแกอยู่ยังไงล่ะ”
“แล้วฉันจะเชื่อใจพวกนายได้ยังไง ว่าพวกนายจะไม่หลอกพวกฉัน ถ้าฉันไปแล้วจะเจอพ่อฉันมั้ย ฉันขอคุยกับพ่อก่อนได้ไหม”
“รับรองว่าพ่อของแกอยู่แน่นอน ขืนแกมัวชักช้า มันอาจจะตายก็ได้ จะมาหรือไม่มา! อย่ามาต่อรองอะไรมาก!”
“ไปก็ได้ นายส่งที่อยู่มาได้เลย อีกสองชั่วโมงเจอกัน”
“อืมดี”
และ 2 ชั่วโมงต่อมา...
ศลิษาและเมธิตาก็มาถึงจุดนัดหมาย โดยเธอทั้งสองขึ้นรถแท็กซี่ในการเดินทางมาครั้งนี้ และไม่ลืมที่จะขนของสัมภาระของเธอติดมาด้วย การมาของเธอทั้งสองคนนี้ มาเพื่อจะเป็นตัวประกันแทนพ่อของเธอ สองสาวกำลังแหงนมองไปยังตึกที่พวกมันบอกว่าที่นี่คือเพนท์เฮาส์ ตึกสูงหลายสิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“ฉันเตรียมสเปรย์พริกไทยพร้อมแล้วแก”
เมธิตาล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ในมือของเธอกำลังถืออาวุธพร้อมลุย ในการเผชิญหน้ากับมาเฟียที่น่ากลัวครั้งนี้
“ไอ่สเปรย์ของแกจะทำอะไรได้มด”
ในสถานการณ์อันน่ากลัวนี้มันก็ยังมีเรื่องขำๆ ของเพื่อนเธออีก ศลิษาอดยิ้มออกมาไม่ได้เลยเมื่อเจอ*ความโก๊ะของเมธิตา
“เอ๊า! อย่างน้อยก็ฉีดใส่ตาพวกมันตอนที่วิ่งไล่จับเราไงแก จะได้ถ่วงเวลาที่จะให้พวกเราหนีไง”
“แกจะหนีไปไหนได้ทันมด พ่อก็เจ็บอย่างนั้น แกนี่คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง...อืม...นู่น พวกมันมากันแล้ว จะใช่หรือเปล่าแกดูสิ”
“อุ้ยตาย! มากันเป็นฝูงเลยแก นี่จะยกทัพมากันขนาดนี้เลยเหรอ สเปรย์พริกไทยของฉันคงไม่พอแล้วแหละ”
“นี่ แกสองคนเป็นลูกของไอ้ก้องภพใช่มั้ย”
หนึ่งในคนที่เป็นลูกน้องของโรมันส่งมา เอ่ยถามสองสาวที่กำลังยืนขาสั่นอยู่หน้าตึกเพนท์เฮ้าส์
“เฮ้ย ลูกพี่ ลูกของไอ้ก้องภพมันสวยว่ะ”
หนึ่งในแก๊งมาเฟียกระซิบบอกกับลูกพี่ของตัวเอง เมื่อเห็นผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นลูกสาวไอ้ก้องภพนั้น สวยเหมือนกับดารานางแบบ สองคนนี้ นายคงถูกใจเป็นแน่
“ใช่ ฉันสองคนเป็นลูกสาวของพ่อฉัน พาฉันไปเลย”
“งั้น ก็เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง”
พูดจบกลุ่มมาเฟียก็เดินนำหน้า และอีกส่วนหนึ่งก็คอยประกบด้านหลัง
“แก น่ากลัวมาก”
เมธิตากระซิบกับเพื่อนของเธอ การมาครั้งนี้ของเมธิตากับศลิษาเหมือนกับเอาชีวิตของตัวเองไปแขวนไว้กับเส้นด้ายเลยทีเดียว ความน่ากลัวที่ไม่ได้มีเพียงหน้าตา แต่กลิ่นอายความดุร้ายของความเป็นมาเฟียต่างหากที่ทำให้เธอขนลุกอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ‘ยิ่งกว่าในหนังในละครซะอีก’
“ใจเย็นๆ แก ฉันก็กลัวเหมือนกัน”
“เชิญ!” หนึ่งในทีมกำลังจะพาเธอทั้งสองขึ้นลิฟต์
“เอ่อ” ศลิษาลังเลเป็นอย่างมาก อย่าบอกนะว่าจะให้เธออยู่ในลิฟต์กับพวกมาเฟียฉกรรจ์กลุ่มนี้ เกือบยี่สิบคนเลยนะ
“ทำไม! รีบเข้าไปดีกว่า อย่าบอกนะว่ากลัวพวกฉัน”
“ใช่”
“โอเค งั้นแกไปกับฉันแค่สองคนพอ ที่เหลือตามขึ้นไป”
“เฮ้อ...”เสียงผ่อนลมหายใจของสองสาวดังพร้อมกันทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะความกลัว และเกร็งสุดๆ ทำให้เธอทั้งสองเหมือนอยู่ในนรกก็ไม่ปาน
ในลิฟต์...
“เธอไม่กลัวกันบ้างหรือไง...หือ...เธอเป็นสาวไทยสินะ”
“...” สองสาวไม่ตอบ ได้แต่มองหน้ากัน และหันไปมองตัวเลขแสดงที่ลิฟต์พาเธอขึ้นไป
“สวยแบบนี้นายลูคัสคงถูกใจแน่นอน พี่ว่ามั้ย”
“อืม ใช่ สวยสะเด็ดขนาดนี้คงขายได้หลายตังค์ ก่อนจะขายฉันว่านายจะต้องจัดกับเธอแน่นอน”
“สองคนนี่หน้าตาเหมือนกันเลย ไหนไอ้ก้องภพมันบอกว่ามีลูกสาวลูกชาย อย่าบอกนะว่าอีกคนปลอมเป็นหญิงมา”
“จะปลอมอะไรได้เนียนขนาดนี้วะ อืม สวยขนาดนี้ นายลูคัสเห็นคงอารมณ์ดีขึ้นแน่ๆ เลยว่ะ พูดแล้วเปรี้ยวปาก อยากจะชิมสักทีสองที”
“ก่อนที่นายจะชิม นายก็คงจะหมดลมหายใจไปก่อนแน่ อืม หุ่นก็เซ็กซี่ นายดูผิวของเธอสิ สวยเนียนมาก ถ้านายโละทิ้งเมื่อไหร่ ฉันจะขอนายชิมบ้างแล้วแหละ”
ในระหว่างที่สองมาเฟียกำลังสนทนาถึงสองสาวอยู่นั้น อีกฝ่ายที่ฟังภาษาที่สื่อสารนั้นรู้เรื่องอยู่แล้ว มือของทั้งสองจับกันไว้แน่น ได้แต่เฝ้ามองตัวเลขของชั้นที่ลิฟต์จะพาขึ้นไป เมื่อไหร่จะหยุดลงซะที ศลิษากับเมธิตากลัวที่สุดในชีวิตของเธอ
ติ๊ง! เสียงสัญญาณของลิฟต์บ่งบอกว่าถึงที่หมายแล้ว
“ออกไปสิ”
“...” เมธิตาหันขวับไปที่เจ้ามาเฟียจอมโหดนั่นทันทีอย่างเอาเรื่อง ‘ฉันฟังแกออกนะ ไอ่บ้า’ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ขู่ไว้ในใจเท่านั้น ความเป็นจริงขาของเธอแทบจะก้าวไม่ออกเลยทีเดียว
ติ๊ด! ติ๊ด! แกร๊ก! เสียงเปิดประตูอัตโนมัติดังขึ้น
“เข้าไปสิ พ่อของแกรออยู่ข้างใน”
พูดจบทั้งสองร่างก็ถูกผลักเข้าไปด้านในของห้อง ที่มีเหล่าบรรดาชายฉกรรจ์นับสิบยืนเรียงรายรออยู่ก่อนแล้ว เพิ่มบรรยากาศความน่ากลัวขึ้นไปอีก
“เอ่อ” ศลิษาพูดไม่ออกและบอกอะไรไม่ถูกเลยตอนนี้ ความน่ากลัวในระดับสิบแบบนี้มันทำให้เธอเกิดอาการแพนิคชั่วขณะ มือบางเย็นเฉียบ หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างที่สุด มันเหมือนกับกลองที่ตีพร้อมกันสิบชุด!
“นายครับ...ลูกสาวมันมาแล้วครับ” โรมันรายงานเจ้านายทันทีเมื่อลูกน้องที่เขาส่งตัวไปรับมาถึง
เก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ถูกหมุนกลับพร้อมกับเผยโฉมหน้าของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลในย่านลาสเวกัสปรากฎแก่สายตาของสองสาวที่มาจากดินแดนเอเชียกำลังยืนแข้งขาสั่นต่างคนต่างประคองร่างของตัวเองไว้ ดวงตากลมโตเบิกออกพร้อมกันแทบจะทันที เมื่อเห็นใบหน้าของตัวท็อปมาเฟียใหญ่ได้ชัดเจน!
แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับ...
“...” ลูคัสชะงักไปชั่วขณะ เมื่อหันมาเจอสองสาวชาวไทย ที่บอกว่าเป็นลูกสาวของเจ้าหนี้เขา ‘อืม สาวไทยหน้าตาสวยขนาดนี้เชียวหรือ’ ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ฉะ-ฉัน มะ-มาเป็นตัวประกันแทนพ่อของฉัน พ่อฉันอยู่ที่ไหนล่ะ”
คำพูดของศลิษาตะกุกตะกักไม่เป็นประโยค เพราะความกลัวมาเฟียทรงอิทธิพลตรงหน้าเธอ
“ชะ-ใช่ พ่อฉันอยู่ไหน”
เมธิตาก็พูดตามมาติดๆ ริมฝีปากบางสั่นระริก มือเย็นบีบเข้าหากัน เพื่อเรียกกำลังให้กันและกัน
“เธอทำอะไรได้บ้างล่ะ ไหนลองบรรยายสรรพคุณของตัวเองมาให้ฉันฟังหน่อยสิ จะมาเป็นตัวประกัน เธอสองคนไม่ได้มาอยู่เฉยๆ นะ”
แววตาคมดุจ้องไปยังร่างอวบอิ่มที่ยืนแข้งขาสั่นอยู่ตรงหน้าเขา ตาคมดุฉายความปรารถนาออกมาอย่างชัดเจนไม่ปิดบัง ‘นี่สาวไทยสวยขนาดนี้เชียวหรือ...ชักน่าสนใจแล้วสิ’
“ฉันอยากเจอพ่อก่อน” ศลิษาต่อรองกลับ
“บอกฉันมาก่อนสิ ว่าเธอทำงานอะไรได้บ้าง”
แววตาของมาเฟียหนุ่มเจือรอยยิ้มที่มีกลิ่นอายชวนเสียวสันหลังซ่อนอยู่ สายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มนั้นราวกับหมาป่าที่อดเนื้อมานานหลายเดือน! ร่างกำยำร้อนฉ่าขึ้นมาแบบฉับพลัน แค่เห็นริมฝีปากอวบอิ่มขยับขึ้นลงเป็นจังหวะการพูดของเธอ ก็ทำให้ลูคัสร้อนเป็นไฟ!
“ฉันทำอาหาร ทำสวน ทำงานบ้าน แล้วแต่ที่คุณจะให้ทำ”
“แล้วแต่ที่ฉันจะให้ทำงั้นหรือ?”
........................