นางถูกเขาวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม สายตาของเว่ยอ๋องมองเรือนร่างของนางอย่างปรารถนา ก่อนจะเริ่มเล้าโลมนางอีกครั้งเจียอีหลุดเสียงครางออกมาด้วยความรู้สึกที่เสียวซ่านยามลิ้นร้ายของเขาเลียไปทั่วเรือนร่างของนาง นิ้วมือของเขาก็รุกเข้าไปในส่วนที่คับแคบของนางอย่างต่อเนื่อง จนเจียอีกระตุกเกร็งขึ้นมาอย่างสุขสมเมื่อโดนรังแกทั้งด้านบนและด้านล่างเช่นนี้เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้ว เว่ยอ๋องปลดเสื้อผ้าที่เกะกะออกอย่างรีบร้อน ก่อนจะจ่อลำทวนไปที่ช่องรักของนาง เพียงส่วนหัวที่เข้าไปด้านใน เจียอีก็สะดุ้งสุดตัวไปด้วยความเจ็บปวด“โอ๊ยยย เอาออกไปเถิด ข้าเจ็บ” นางร้องออกมาอย่างน่าสงสาร แต่เว่ยอ๋องจะยอมตามใจนางในเรื่องนี้ได้อย่างไร“เพียงครู่เดียวเจ้าก็ไม่เจ็บแล้ว” เขาค่อยๆ กดลำทวนเข้าไปช้าๆ เพื่อให้เจียอีนางปรับตัว ทั้งยังเล้าโลมนางไปด้วยเพื่อให้นางคลายความเจ็บปวด"อื้มมมม" นางร้องออกมาเบาๆ เมื่อหายเจ็บปวดแต่แทนที่ด้วยความคับแน่นแทน“หายเจ็บแล้วใช่หรือไม่” เขาจูบที่ข้างริมฝีปากของนางอย่างรักใคร่“อืม” นางพยักหน้าอย่างเขินอายท่าทางน่าเอ็นดูเช่นนี้ ทำให้เว่ยอ๋องใจอ่อนยวบ เอวหน้าเริ่มขยับทำหน้าที่ของมันอย่างรู้งาน
ตอนที่เว่ยอ๋องเดินเข้ามาในห้องขัง นางถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว เพราะมีดสั้นที่อยู่ในมือของเขา“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใด ถึงได้ใจกล้าเช่นนี้” เว่ยอ๋องเอ่ยเสียงเหยียบเย็นที่ดูราวกับจะมาเอาชีวิตของนางไปเขาเดินช้าๆ มาหยุดนั่งย่องๆ ที่ตรงหน้าของนาง แม้แต่เสียงร้องขอชีวิตก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาได้“ยิ่งเห็นใบหน้าเจ้า เปิ่นหวางอยากจะอาเจียนออกมา”ยามที่มีดสั้นบรรจงเฉือนเนื้อส่วนใบหน้าของมู่เฟยหย่าออกทีละนิด มันแสนเจ็บปวดจนนางต้องกรีดร้องออกมา นางโดนทรมานเช่นนั้นอยู่นับสองชั่วยาม ก่อนจะมีหมอมารักษานาง เพื่อยื้อไม่ได้ตายเร็วเกินไปนางถูกทรมานจนไม่อาจนับวันคืนได้ จนวันหนึ่งนางก็จบชีวิตลงอย่างน่าสมเพชภายในคุกใต้ดินของตำหนักอ๋องแม้แต่หลุมฝังศพ เว่ยอ๋องก็ไม่ยอมให้นางได้อยู่ เขาสั่งให้องครักษ์นำร่างของมู่เฟยหย่าไปโยนทิ้งที่สุสานศพไร้ญาติ โดยไม่มีการฝังแต่อย่างใด ปล่อยให้หมาป่ากัดกินเนื้อส่วนที่เหลือของนางมู่เฟยหย่าสะดุ้งเฮือกขึ้นมานั่งหอบหายใจ อยู่ที่บนเตียงของนาง เสียงกรีดร้องของนางทำให้คนในตระกูลมู่ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากวังหลวงต่างรีบร้อนเข้ามาดูนาง“หย่าหย่า เจ้าเป็นอันใด” สวีซื่อเดินเข้าไปจับ
เจียอีรีบเดินไปที่บ่อน้ำอย่างร้อนใจ นางไม่เคยพบเจอว่าผู้ใดที่แช่น้ำในบ่อแล้วจะเรียกไม่ฟื้น“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ” นางเอ่ยเรียกเขาเสียงสั่น ทั้งยังประคองใบหน้าของเขาไว้แล้วตบเรียกสติเบาๆเว่ยอ๋องที่ยังคงวนเวียนอยู่ในภาพฝัน เงยหน้าขึ้นมาจากหลุมศพของเจียอี แล้วมองหาเสียงเรียกของนาง“อีอี เป็นเจ้ารึ เจ้าอยู่ที่ใด” เขาลุกขึ้นมองหา โดยที่ยังได้ยินเสียงเรียกที่ร้อนใจของนางอยู่ไม่ขาด“ท่านอ๋อง ได้โปรด ลืมตาตื่นเถิดเพคะ” เจียอีจรดหน้าผากของนางติดกับหน้าผากของเว่ยอ๋อง แล้วเอ่ยเรียกเขาเสียงสั่นเทาน้ำตาของเจียอีไหลรินลงที่ใบหน้าที่หลับใหลของเว่ยอ๋อง นางยังคงเอ่ยเรียกเขาไว้ไม่ขาด เพียงไม่นานเว่ยอ๋องก็ลืมตาตื่นขึ้นมา“อีอีรึ” เขากะพริบตาที่พร่ามัว ด้วยไม่เชื่อว่าตรงหน้าของเขาจะเป็นนางไปได้“ท่านฟื้นเสียที” นางยิ้มออกทั้งน้ำตาด้วยความดีใจเพิ่งจะได้รู้ว่าต้องการเขามากเพียงใด ก็ต่อเมื่อเรียกเขาแล้วไม่มีการตอบโต้กลับ ในภพที่แล้วคู่ชะตาของเขาจะใช่นางรึไม่ ตอนนี้เจียอีไม่สนใจแล้ว นางต้องการเพียงแค่เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พอ“อีอี เปิ่นหวางมิได้ฝันใช่หรือไม่” เขาดึงนางเข้ามากอดไว้แน่น เขาแยกไม่ออกแล้วว่
ภาพเปลี่ยนมาตอนที่เขาส่งแม่สื่อมาที่จวนตระกูลมู่ เพื่อแต่งมู่เจียอี แต่มิรู้เลยว่าคนที่แต่งไปเป็นมู่เฟยหย่าเจียอีที่ถูกเปลี่ยนตัว เดินทางออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับหวงเต๋อฟานเพื่อเดินทางไปประจำการที่ชายแดนเหนือแทนเว่ยอ๋องที่กลับมาอยู่เมืองหลวงงานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เว่ยอ๋องถึงกลับสาบานในวันงานว่าจะมีเพียงมู่เจียอีเพียงผู้เดียวในตำหนักอ๋องของเขาในวันงานแต่งหวงเต๋อฟานย้อนกลับมาที่ตำหนักอ๋อง ในตอนแรกเว่ยอ๋องคิดว่าเขาจะมาร่วมแสดงความยินดี แต่เปล่าเลย เขาขอพบเจ้าสาวเพื่อพูดคุยเรื่องพี่สาวของนางเว่ยอ๋องในอดีตไม่เคยสงสัยในตัวของสตรีที่เขาแต่งเข้ามาเลย แม้เรื่องเมื่อสิบปีก่อนนางจะทำราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เขาก็คิดว่าในยามนั้นนางยังเล็กเกินกว่าจะจดจำเรื่องทั้งหมดได้ จึงได้แต่ปล่อยผ่านไปแม้เขาจะรักและทะนุถนอมนางมากเพียงใด แต่นางก็ไม่เคยตั้งครรภ์เลย เว่ยอ๋องที่เห็นภาพตนเองร่วมรักกับมู่เฟยหย่าเขาก็ขยะแขยงตัวเองขึ้นมาทันที ทั้งยังโกรธแค้นที่นางกรีดเลือดที่นิ้วเพื่อทำเป็นเลือดพรหมจรรย์ตบตาเขาอีกด้วย“น่าตายนัก” เว่ยอ๋องเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาเว่ยอ๋องที่เห็นภาพเขาและมู่เฟยหย่า
เจียอีตื่นตระหนกจนตัวของนางสั่นสะท้าน“ท่านพ่อ เข้าไปในมิติก่อนเจ้าค่ะ หากถึงวังหลวงแล้ว ลูกจะพาท่านออกมา” เจียอีไม่ยอมให้บิดาเอ่ยปฏิเสธนางรีบส่งรองเจ้ากรมมู่เข้าไปด้านในทันทีที่นางมิได้เข้าไปหลบภายในมิติ เพราะกลัวว่าหากออกมาอีกครั้งนางจะไปปรากฏตัวที่ใดไม่รู้ อาจจะไม่ได้อยู่ภายในรถม้าเช่นเดิมแล้วเสียงต่อสู้ด้านนอก ทำให้เจียอี นางเข้าไปหลบอยู่ที่มุมด้านในสุดของรถม้า ตอนที่ผ้าม่านถูกเปิดขึ้นนางเกือบจะกรีดร้องออกมาแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นองครักษ์ของเว่ยอ๋องที่เข้ามานางจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“ขออภัยคุณหนูรองมู่ขอรับ” เขารวบเอวนางแล้วพุ่งทะยานออกไปทันทีเจียอีทันได้เห็นองครักษ์กับคนร้ายหลายคนกำลังต่อสู่กันอย่างรุนแรง เลือดที่สาดกระเด็นของคนร้ายทำให้นางแทบอยากจะเป็นลมไปเสียเลย จะได้ไม่ต้องเห็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้องครักษ์ใช้วิชาตัวเบา พาเจียอีมาส่งถึงด้านในวังหลวง ก่อนจะเร่งพากันเดินไปที่ตำหนักของฮ่องเต้ที่มีไทเฮารอเจียอีอยู่ด้านใน (นางยังไม่เข้าใจเหตุใดไม่พานงไปส่งที่หน้าตำหนักเลย จะได้ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย)“คุณหนูมู่ ท่านมาแล้ว” จางมามาร้องอย่างยินดี เมื่อนางเห็นเจียอีเดินมาพร้
ภาพในอดีตซ้อนทับกับความทรงจำเดิมทันที เมื่อนางเห็นพี่สาวของนางนอนใบหน้าไร้สีเลือดอยู่บนที่นอน ด้านข้างมีท่านหมอมาตรวจอาการให้นาง รองเจ้ากรมมู่และสวีซื่อยืนร้อนใจอยู่ด้านข้างไม่ห่าง“น้องสาวข้า เจ้ามาแล้วรึ” มู่เฟยหย่าเอื้อมมือมาคว้า เพื่อให้เจียอีนางเดินเข้าไปใกล้เสียงที่แหบแห้งของนาง ทำให้นางยิ่งดูน่าสงสารเพิ่มขึ้นไปอีก เจียอีได้แต่ถอนหายใจออกมา ครั้งนี้นางไม่มีน้ำตาเช่นเดิมให้เห็นอีกแล้วภพก่อนเป็นนางที่โง่เขลาหลงเชื่อว่าพี่สาวของนางป่วยใกล้ตายจริงๆ แต่ตอนหลังนางถึงได้รู้ว่าเป็นแผนการที่นางวางไว้ โดยซื้อยามาแสร้งทำให้ดูเหมือนเป็นคนป่วยใกล้ตายจะกล่าวโทษท่านหมอที่ตรวจไม่พบโรคร้ายของนางก็คงไม่ได้ เพราะอาการที่นางเป็น นางไม่ได้เป็นอันใดมากเสียหน่อย แต่ครั้งนี้อาจเป็นเพราะนางตรอมใจด้วย จึงได้มีสภาพที่น่าเวทนากว่าในตอนนั้น“พี่หญิง ท่านเป็นเช่นใดบ้าง” เจียอีนั่งลงข้างเตียงของมู่เฟยหย่า“ข้ามิรู้ว่าจะรอดพ้นไปได้อีกกี่วัน ข้าปวดใจเสียจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด” นางสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร “ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากขอจากเจ้า” นางมองเจียอีด้วยสายตาที่อ้อนวอน“ท่านมิต้องพูดสิ่งใดแล้ว ข้าจะหาหมอที่ด