Share

บทที่ 221  

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ในตอนนี้เอง หมอหลวงหวังรีบร้อนวิ่งเข้ามาพร้อมกล่าวว่า “เจอแล้ว กระหม่อมเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทุกคนต่างหันมองมาทางเขา ทันใดนั้นหมอหลวงหวังพลันสืบเท้าไปถึงเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท “ทูลฝ่าบาท สิ่งนี้ก็คือต้นเหตุที่ทำให้พระชายารองซูมีตุ่มพุพองขึ้นเต็มตัวพ่ะย่ะค่ะ”

เห็นเพียงในมือของเขาถือชามใบหนึ่งไว้ ภายในถ้วยมีบางสิ่งเป็นก้อนสีดำมืดขยับได้ มองแล้วน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ขนลุกขนชันไปทั้งตัว

ฝ่าบาทเห็นเช่นนั้นหัวคิ้วก็ขมวดขึ้นทันที “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”

“สิ่งนี้คือหนอนชนิดหนึ่งซึ่งใช้สำหรับรักษากามโรคพ่ะย่ะค่ะ พระสนมทรงใช้เทียบยาพื้นบ้านของสามัญชนรักษาโรคดังกล่าว เป็นเหตุให้ตัวอ่อนในพระครรภ์ของนางจากไปทั้งที่ยังอยู่ในพระครรภ์พ่ะย่ะค่ะ วันนี้พระชายารองซูได้สัมผัสพระสนมเจี๋ยอวี๋ กระหม่อมจึงคาดว่าที่ใบหน้าพระชายารองซูมีตุ่มพุพองก็เป็นเพราะมันพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียงของหมอหลวงหวัง คนที่รุมล้อมอยู่รอบข้างทั้งหมดล้วนตกใจกลัวจนต้องถอยตัวออกห่าง ถอยออกไปไกล ราวกับว่าพระชายารองซูก็เป็นกามโรคเหมือนกับท่านป้าของนางและจะติดต่อมาสู่พวกเขาได้อย่างไรอย่างนั้น

เฉิงฮองเฮายิ่งดึงตัวเซี่ยซางให้ห่างออกมา “หากต
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 222  

    เซี่ยซางสืบเท้าไปด้านหน้า อุ้มนางขึ้นมาพร้อมเอ่ยว่า “หมอหลวงหวัง รีบมาดูอาการพระชายาเร็วเข้าเถิด” หมอหลวงหวังยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยพอดี และมีเพียงเขาคนเดียวที่เข้าเวรในสำนักหมอหลวง เขามองพระชายารอง ก่อนจะหันมามองพระชายาอีกครั้ง ร้อนรนจนเหงื่อท่วมศีรษะแล้ว เหลียนเย่อยู่อีกด้านหนึ่ง ในแววตาก็ฉายประกายร้อนใจเช่นกัน ขอบตาแดงก่ำแล้ว นางคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว พลางบ่นพึมพำต่อหน้าเซี่ยซาง “เหตุใดต้องให้พระชายาของพวกบ่าวมารับชะตากรรมทั้งหมดนี้โดยไม่จำเป็นด้วย” เซี่ยซางได้ยินเสียงสาวใช้บ่น เผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เหตุใดหวานหว่านถึงได้สอนไม่เชื่อฟัง ทั้งที่เจียงเฟิ่งหัวปฏิบัติต่อนางด้วยความตั้งใจ ทว่านางกลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดีถึงเพียงนี้ ขณะที่หมอหลวงหวังกำลังจะจับชีพจรให้เจียงเฟิ่งหัว เหลียนเย่ก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากตัวและคลุมบนข้อมือของนาง กั้นด้วยผ้าเช็ดหน้า หมอหลวงหวังสงบจิตใจจับชีพจรให้เจียงเฟิ่งหัวอย่างระมัดระวัง ภายหลังจากนั้น แววตาของหมอหลวงหวังก็สว่างวาบขึ้น “ชีพจรมงคลพ่ะย่ะค่ะ”  “ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง พระชายาทรงม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 223  

    “ท่านอ๋อง” เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแอ “พระชายารองซูเป็นอย่างไรบ้างเพคะ หม่อมฉันมิได้ทำร้ายนางจริง ๆ นะเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นหม่อมฉันมิได้มีความสัมพันธ์ใดกับชายอื่นทั้งสิ้น ภาพชาตินี้ของหรวนหร่วนพึงใจเพียงท่านอ๋องผู้เดียว ท่านเชื่อหม่อมฉันหรือไม่เพคะ?” ประโยคสุดท้ายแสดงออกชัดเจนว่านางกำลังหวาดหวั่น และระมัดระวังอย่างยิ่ง เซี่ยซางเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางก็เอ่ยว่า “ข้าเชื่อเจ้า” ยามนั้นเรื่องราวยังมิได้ตรวจสอบให้กระจ่าง เขาเองก็ลังเลอยู่บ้าง เขามิได้เชื่อนางสนิทใจ บางคนก็พึงใจพระชายาของเขา นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่านางมีคุณค่ามากพอ ทั้งที่นางไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แต่เขาเกือบหลงเชื่อลมปากของซูถิงหว่านแล้ว และไปเคลือบแคลงกล่าวโทษนาง เขาสมควรตายจริง ๆ “ท่านอ๋อง มีเพียงเรื่องเดียวที่หม่อมฉันปิดบังท่าน” แววตาของเจียงเฟิ่งหัวฉายประกายหวาดหวั่นออกมา “ความจริงพี่ชายใหญ่ของหม่อมฉันเคยพาหม่อมฉันไปที่หออี๋ชุน และหม่อมฉันก็ยังได้พบท่านอ๋องที่หออี๋ชุน…เมื่อคืนนั้นท่านอ๋องกลับจวนไปในสภาพดื่มหนักจนเมามาย หม่อมฉันเคยบอกท่านอ๋องไปในตอนที่หม่อมฉันดูแลท่านอ๋อง แต่เหมือนว่าท่านจะลืมไปแล้ว” เจียงเฟิ่งหัว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 224  

    เจียงเฟิ่งหัวนิ่งไปไม่ขยับตัวอีก ก่อนจะเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “ท่านอ๋องว่าอย่างไรนะเพคะ? พูด…พูดอีกครั้งได้หรือไม่เพคะ” ตอนที่เซี่ยซางเพิ่งจะทราบข่าวดีก็ตกใจและยินดีมากจนพูดไม่ออกเช่นเดียวกัน เขาอุ้มนางขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบเบา ๆ บนหน้าท้องของนาง “ภายในนี้ของเจ้ามีเจ้าตัวเล็กแล้ว โอรสของข้า” เจียงเฟิ่งหัวดีใจมากจนน้ำตาไหลออกมา “จริงหรือเพคะ?” “จริงสิ หมอหลวงหวังตรวจชีพจรให้เจ้าหลายครั้งแล้วล้วนเป็นชีพจรมงคลทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นระดูของเจ้าก็ขาดไปแล้ว เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?” เซี่ยซางกระชับนางไว้ในอ้อมแขน พลางจินตนาการว่านางให้กำเนิดพระธิดาออกมารูปโฉมโนมพรรณงดงามเหมือนนาง  เจียงเฟิ่งหัวขอบตาแดงรื้น บุตรของนางในภพชาตินี้ในที่สุดก็มาท่ามกลางความคาดหวังของเซี่ยซางเสียที เซี่ยซางเห็นเช่นนี้ก็ถามขึ้น “ไยเจ้าจึงร้องไห้?” “หม่อมฉันดีใจเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวเอนกายพิงบนแผงอกของเขา ความคิดนับหมื่นพันประเดประดังเข้ามา พวกเขาจะมาพร้อมกันหรือเปล่านะ? ยามออกจากวัง ซูถิงหว่านมิได้ขึ้นรถม้าคันเดียวกับพวกนาง ได้ยินว่าถูกฮองเฮาส่งตัวออกจากวังไปในคืนนั้นแล้ว เจียงเฟิ่งหัวเองก็มิไ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 225  

    บัดนี้พ้นเที่ยงคืนมาแล้ว เซี่ยซางย่องกลับมาอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องมีเพียงแสงเปลวเทียนริบหรี่ ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เจียงเฟิ่งหัวก็โผล่ศีรษะออกมาจากด้านในมุ้งอุ่น พร้อมเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้ว” “ดึกเพียงนี้แล้ว ยังไม่นอนอีกหรือ” “หลับแล้วเพคะ แต่ก็ตื่นขึ้นมาอีก บัดนี้นอนไม่หลับแล้วเพคะ” เห็นนางในอาภรณ์เกาะอกตัวยาวสีขาวหิมะ ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อเนื้อบางโปร่งเพียงตัวเดียว เรือนผมหนาสีดำขลับทั้งศีรษะปล่อยสยายพาดลงมาบนบ่าและหน้าอก ราวกับเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งหลงเข้ามาในโลกมนุษย์ นางขยับมาข้างกายเขาอย่างนุ่มนวล พลางเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “หม่อมฉันช่วยท่านอ๋องนะเพคะ!” นัยน์ตาของนางเปล่งประกายดุจดวงดารา ริมฝีปากนิ่มนวลราวกับจะหยาดหยดลงมา ท่าทางน่ารักอ่อนหวานชวนให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหล เขาย่อมรู้ดีว่านางอยากจะทราบบทสรุปของเรื่องนี้ “ข้าจัดการเอง ยามนี้คนที่ห้ามเหนื่อยที่สุดก็คือเจ้าและเจ้าตัวน้อยนะ” เซี่ยซางโอบเอวบางของนางไว้ ยังบางแบบนี้ได้อย่างไร คราวต่อไปต้องให้นางกินเยอะกว่านี้สักหน่อยแล้ว มิเช่นนั้นบุตรในครรภ์จะได้อาหารบำรุงจากที่ไหน เจียงเฟิ่งหัวเป็นฝ่าย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 226

    ตอนนี้เจียงจิ่นเหยียนดำรงตำแหน่งขุนนางอยู่แล้ว หากเรื่องนี้เกิดขึ้นในหออี๋ชุน เกรงว่าเขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นขุนนางที่เที่ยวโสเภณีโดยมิอาจปฏิเสธได้“ตระกูลจางรู้แล้วหรือไม่?” เซี่ยซางกำชับมิให้นางยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของจางอวี่มั่ว เรื่องนี้ให้พี่ใหญ่เป็นคนจัดการเอง นางจึงมิอาจรู้ได้ว่าตระกูลจางรู้ถึงธาตุแท้ของหลี่เฉิงแล้วหรือไม่ แม้กระทั่งไม่รู้เหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ หากเป็นเช่นนั้นพี่ใหญ่ก็มิใช่ว่าถูกทำร้ายโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ“รู้หรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ในเมื่อหมั้นหมายกันแล้ว แลกดวงชะตากันแล้ว จางอวี่มั่วก็คือคู่หมั้นของหลี่เฉิง นางย่อมต้องแต่งให้เขาเป็นแน่ ถึงแม้ว่าจวนจางกั๋วกงจะเคยทรงอำนาจเพียงใด แต่ความรุ่งโรจน์ในอดีตก็มลายสิ้นแล้ว ทว่าตระกูลหลี่กลับดำรงตำแหน่งขุนนางชั้นสูง มีอำนาจอยู่ในมือ เรื่องนี้เกรงว่ายากที่จะแก้ไขได้” กษัตริย์เปลี่ยนองค์ ขุนนางย่อมเปลี่ยนตาม นี่คือความจริงแห่งโลกหล้า“ต่อให้ตอนนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตกลงรับจางอวี่มั่วเป็นภรรยา เขาก็จะถูกตราหน้าว่าแย่งคู่หมั้นของผู้อื่น ย่อมเสื่อมเสียไม่น้อยเช่นกัน”เจียงเฟิ่งหัวถามด้วยความฉงน “ต่อให้ยกความประพฤติของหลี่เฉิงมาเป็นเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 227

    เจียงจิ่นเหยียนรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “แน่นอนว่าได้” เขาจะปฏิเสธได้หรือ?จางอวี่มั่วยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางเผยให้เห็นลักยิ้มจางๆ บนแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาของนางทอประกายสดใส ราวกับดวงดาราที่เจิดจ้าในราตรีกาลนางกล่าวว่า “ถึงอย่างไรบาดแผลบนตัวท่านก็เป็นเพราะข้า ข้าขอช่วยท่านทายาเถิด อย่าปฏิเสธข้าเลย ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกผิดมาก ข้าอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชย ให้ข้าได้ช่วยได้หรือไม่?”นางยืนอยู่ด้วยท่าทีสง่างามและสำรวม สมกับกิริยาสตรีผู้สูงศักดิ์ จนยากจะหาข้ออ้างปฏิเสธได้เจียงจิ่นเหยียนยังคงอยากจะปฏิเสธอยู่ดียังไม่ทันที่เขาจะพูดออกมา จางอวี่มั่วก็ยื่นมือไปถือยาทาให้เขาเอง เขากัดฟันแน่นเพราะความเจ็บปวด นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเขา จึงค่อยๆ ลดแรงลงในมือให้เบาลงอีกนิดเจียงจิ่นเหยียนเห็นใบหน้าที่งดงามของนางเข้ามาใกล้ เพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด เขาจึงตัดสินใจหลับตาลงทันทีนี่เป็นครั้งที่นางอยู่ใกล้เขามากที่สุด แม้นางจะรู้สึกหัวใจเต้นเร็วขึ้น แก้มแดงระเรื่อ แต่ก็ยังพยายามข่มใจ ไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิไปเจียงจิ่นเหยียนมีขนตาที่ยาวและหนา ใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆ นางมองด้วย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 228

    เจียงจิ่นเหยียนนึกว่านางรู้แล้ว จึงเอาแต่เงียบ ได้ยินเพียงซางอวี๋เพียนเพียนกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าจะต้องกลับแล้ว วันนี้มาเพื่อบอกลาท่าน”นางกอดเอวเขาไว้ ซุกหัวเข้าไปที่บ่ากว้าง ๆ ของเขา “คราวนี้ ข้ากลับอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่น้อย ทำอย่างไรดีเล่า?”เจียงจิ่นเหยียนรู้ว่านางเป็นหญิงที่ไม่ยึดติดกับจารีตประเพณี ความรู้สึกเจ็บในตัวทำให้เขาไม่อยากขยับแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นห้องนอนของเขาอีกด้วย คนที่ออกไปควรเป็นนางจึงจะถูก“องค์หญิง…” เขาอยากดึงมือคู่นั้นที่โอบเอวเขาไว้ออก “เช่นนี้ไม่เหมาะสม ข้าเป็นบุรุษ ท่านเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเจาซี ย่อมพึงรู้จัก…”ซางอวี๋เพียนเพียนไหนเลยจะสนใจว่าเหมาะสมหรือไม่ นางเพียงแค่อยากทำตามใจปรารถนาก็พอ จึงผลักเขาล้มลงบนเตียงเลย ประกบริมฝีปากลงไป ราวกับว่าไม่มียางอายแม้แต่นิดเดียวเจียงจิ่นเหยียนโกรธสุดขีดแล้ว “ข้าไม่ใช่คุณชายไร้เทียมทานที่ท่านชอบ องค์หญิงโปรดระมัดระวังพระองค์ด้วย”ซางอวี๋เพียนเพียนตะลึง คนที่นางใส่ใจคือเจียงจิ่นเหยียน หรือว่าคุณชายไร้เทียมทาน นางก็แยกไม่ออกแล้ววันต่อมา องค์หญิงแคว้นเจาซีกลับแคว้นแล้ว ฮ่องเต้ส่งคนของกรมพิธีการไปส่งเสด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 229

    เจียงเฟิ่งหัวได้ยินข่าวลือข้างนอกแล้ว ใบหน้านางก็ไม่ได้แสดงอารมณ์มากมายแต่อย่างใด นางแววตาลุ่มลึก หัวคิ้วขมวดเล็กน้อยอยู่ไม่นานก็กลับมานิ่งสงบดังเดิมอย่างรวดเร็ว ท่าทางไม่สะทกสะท้านเหลียนเย่กล่าวอย่างร้อนใจ “พระชายา เหตุใดท่านจึงไม่มีปฏิกิริยาเลย ข้างนอกพูดถึงคุณชายใหญ่จนกลายเป็นแบบนี้แล้วนะเพคะ! คนพวกนั้นก็ปั้นน้ำเป็นตัวเสียจริงๆ”“เจ้าเลิกรบกวนพระชายาได้แล้ว พระชายาย่อมมีวิจารณญาณอยู่แล้ว” หงซิ่วฝนหมึกให้นางอย่างเงียบ ๆ เหลียนเย่ก็ไม่ส่งเสียงรบกวนแล้ว ยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมเจียงเฟิ่งหัวชอบคัดลายมือ เวลาคัดตัวอักษรนางจะทำใจให้สงบเพื่อใช้ความคิดได้ เวลานี้ ในสมองนางมีความคิดอยู่ร้อยแปดพันเก้า เพราะว่าประสบการณ์โชกโชน ทุกเรื่องที่นางคิดก็คิดไปในแง่ผลประโยชน์เสียมากกว่าด้วยความเคยชิน คิดอยากแสวงหาเงินทองถือว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ ทำลายชื่อเสียงคนก็เกี่ยวพันกับผลประโยชน์เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้ประโยชน์ และใครจะเสียประโยชน์จากเรื่องนี้ เรื่องเหล่านี้ต่างหากที่สำคัญฟังดูทีแรกเหมือนจะเป็นแค่เรื่องปัญหารัก ๆ ใคร่ ๆ ของชายหญิงสองสามคน แต่คิดให้ลึก ๆ แล้วกลับไม

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 376  

    เหลียนเย่หยิบมาลองดม รู้สึกเพียงกลิ่นหอมสดชื่นโชยปะทะจมูก หอมยิ่งนัก “หากว่าคุณหนูมีของสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อเยาว์วัยก็คงดี ตอนเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องฝันร้ายบ่อย ๆ อีก” อ้าวเสวี่ยถามเหลียนเย่ “เกิด อะไรขึ้นกับพระชายากันแน่ พวกเจ้ารับใช้พระชายามาตั้งแต่ยังเล็ก เคยเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวใดขึ้นกับนางมาก่อนหรือไม่?” “ไม่มี คุณหนูมีชีวิตเป็นสุขดีมาตลอด หากว่ายาหอมคืนเรือนสามารถช่วยให้คุณหนูไม่ต้องฝันร้ายอีกเช่นนั้นก็ดีมากแล้วจริง ๆ” ที่เหลียนเย่กล่าวมาเป็นความจริง เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากเจียงเฟิ่งหัวตื่นขึ้นมาแล้วนางดูปกติคล้ายว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน เห็นอ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เฝ้าอยู่ในห้องของนาง นางก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจพลางกล่าวว่า “เมื่อคืนหลับสบายจริง ๆ ข้ารู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่นดีมาก พวกเจ้าได้จุดกำยานอะไรเอาไว้หรือไม่?” เหลียนเย่เห็นนางลืมเรื่องเมื่อคืนที่ละเมอร้องไห้ในความฝันไปก็ถามขึ้นว่า “พระชายาจำอะไรไม่ได้เลยหรือเพคะ?” “ข้าต้องจำอะไรได้หรือ?” เจียงเฟิ่งหัวประคองท้องของตนเองเดินลงมาจากเตียงพลางเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนข้ากับเจ้านอนด้วยกัน” “ใช่แล้วเพค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 375  

    ครั้นส่งสี่หมัวมัวออกไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวเองก็มิอาจใจเย็นอยู่เฉยได้ ซูถิงหว่านต้องมีความทรงจำจากเมื่ออดีตชาติแล้วแน่ ซูถิงหว่านรู้แล้วว่าหลังจากนี้นางจะได้เป็นฮองเฮา เพราะฉะนั้นนางถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีสิ่งยึดเหนี่ยว หากมิใช่เพราะการตายของจีเฉินทำให้การเดินทางของนางล่าช้า นางอาจจะมุ่งหน้าไปเขตชายแดนเพื่อรวมตัวกับคนสกุลซูแล้วก็ได้ นางมิอาจเอาความโปรดปรานของเซี่ยซางมาเดิมพันว่าตำแหน่งของนางจะมั่นคง เมื่อวานฝ่าบาทนอกจากพระราชทานสิ่งล้ำค่าให้กับนางเพื่อเป็นรางวัลแล้ว ยังพระราชทานป้ายอาญาสิทธิ์ทองคำส่วนพระองค์ป้ายหนึ่งให้กับนางด้วย ด้านบนมีอักษรเขียนว่า ‘เสมือนฮ่องเต้เสด็จ’ มีมันแล้ว นางก็สามารถเดินผ่านได้ทุกที่ในวังหลวงแม้กระทั่งทั่วทั้งใต้หล้า ตอนแรกนางงุนงงอยู่เล็กน้อย ต่อมาเฉากงกงถึงได้เร่งให้นางรีบกล่าวขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทได้ สัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับป้ายทองอาญาสิทธิ์อันนี้ก็คืออำนาจ คือความไว้เนื้อเชื่อใจที่ฝ่าบาทมีต่อนาง “พระชายา ท่านเป็นอะไรไปเพคะ หน้าซีดเชียวเพคะ” เหลียนเย่เห็นนางเงียบไปนาน เหม่อลอยอยู่ตามลำพัง “เปล่า อาจเพราะเหนื่อยล้าเกินไปหน่อยกระมัง ข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 374  

    สี่หมัวมัวตกใจกลัวตัวสั่น รีบยั้งปากทันใด ครั้นมาถึงด้านในตำหนักเฉินซี เจียงเฟิ่งหัวก็สั่งให้เหลียนเย่ปิดประตูทันที ทิ้งให้อยู่ในห้องกับสี่หมัวมัวลำพัง เห็นเพียงนางสีหน้าเยือกเย็น พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “สี่หมัวมัว เจ้าคงจะทราบดีว่าคำพูดเมื่อครู่ของเจ้ามีโทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ บัดนี้เสด็จพ่อมีพระพลานามัยแข็งแรงดี ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังมิได้แต่งตั้ง เจ้ากลับเผยแพร่คำพูดเหล่านี้โดยพลการ มิเพียงเจ้าจะรักษาศีรษะของเจ้าไว้ไม่ได้ แม้แต่เสด็จแม่ ท่านอ๋องและข้าก็จะพลอยได้รับเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ของเข้าไปด้วย” สี่หมัวมัวตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลพราก ๆ “บ่าวทราบเพคะ ดังนั้นบ่าวถึงได้เก็บงำไว้ในใจมาตลอด บางคำมิได้พูด บ่าวเองก็ทุกข์ใจเพคะ หนนี้ถึงได้อยากแจ้งพระชายา อยากให้พระชายาช่วยโน้มน้าวฮองเฮาด้วยเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างจงใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้พระชายารองซูเอ่ยกับเสด็จแม่ เจ้ามิได้โป้ปดจริงแน่หรือ” สี่หมัวมัวเล่าอย่างละเอียดไม่มีปิดบัง “ถ้อยคำเหล่านี้บ่าวมิได้เป็นคนพูดเพคะ บ่าวจะกล้าพูดแบบนี้ออกไปได้อย่างไรเพคะ และมิใช่ฮองเฮาเป็นคนตรัสด้วยเพคะ ถ้อยคำเห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 373  

    ผ่านไปสองวัน ซูถิงหว่านยังไม่กลับมา สุดท้ายแล้วนางเลือกเดินซ้ำรอยเดิมของชาติก่อนติดตามเซี่ยซางไปที่เขตชายแดน และที่น่าขันคือข่าวนี้เฉิงฮองเฮาเป็นคนมาบอกนางด้วยตนเอง ได้ยินเฉิงฮองเฮากล่าวว่า “พระชายารองซูไปที่เขตชายแดนเพื่อช่วยซางเอ๋อร์ทำศึก ซางเอ๋อร์เองก็จำเป็นต้องมีสตรีสักคนคอยดูแลอยู่เคียงข้างกาย ส่วนเจ้าก็ท้องแก่แล้ว ข้าจึงอนุญาตให้นางไป หรวนหร่วนเจ้าคงไม่กล่าวโทษข้ากระมัง” เจียงเฟิ่งหัวผุดยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยว่า “เสด็จแม่ทรงคิดรอบคอบ ท่านอ๋องมีคนเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกายสักคนก็นับว่าดีเพคะ เพียงแต่เหมันต์ฤดูอากาศข้างนอกหนาวเย็นยิ่งนัก และอีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว พระชายารองซูเป็นสตรีตัวคนเดียวเดินทางไปเช่นนั้นจะปลอดภัยหรือเพคะ” “นางมีวรยุทธ์ติดตัว และมีกองทัพสกุลซูปกป้องคุ้มครอง ปลอดภัยไร้กังวล เราเห็นว่านางก็มิได้มีท่าทีอิดออดอะไร” “เป็นเช่นนี้ก็ดียิ่งนักเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ฮองเฮาเปลี่ยนใจรวดเร็วเสียจริง ตอนแรกยังคัดค้านเซี่ยซางอย่างสุดกำลังไม่ให้พาสตรีไปออกศึก อ้างว่าจะไม่เป็นสิริมงคล ถึงขั้นทำลายความองอาจน่าเกรงขามของหัวหน้าแม่ทัพ ทว่าบัดนี้กลับอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status