LOGINได้โอกาสเกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นสาวอ้วน ที่สามีไม่ได้รักแถมยังรังเกียจเสียอีก ไหนจะอนุภรรยาสันดานหมาจิ้งจอก โถ่ชีวิต!
View Moreบทนำ
ในสถานที่เริงรมย์กลางเมืองปรากฏร่างระหงส์ของหญิงสาวในเสื้อกล้ามครอปสีดำสนิทโชว์เอวเล็กคอด บวกกับกางเกงยีนส์เข้ารูปและที่ทำให้เธอดูโดดเด่นเป็นพิเศษเห็นจะเป็นใบหน้าสะสวย ซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสนุกสนานเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนสนิทเธอจึงได้ออกจากบ้านหรือที่เธอเรียกมันว่าถ้ำ เธอมักจะหมกตัวอยู่ในโลกส่วนตัวทำคลิปเทรนลูกค้าเรื่องการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก พอได้ออกมาเพื่อนสาวของเธอเลยจัดหนักจัดใหญ่ให้เธอได้เมาจนแทบจะพากันเลื้อยกลับ
โชคยังดีที่ตอนนี้มีบริการคนขับรถแทนเธอจึงจำต้องใช้บริการเพราะไม่สามารถขับรถกลับไปในสภาพนี้ได้จริง ๆ
“ฉันกลับก่อนนะ มีความสุขมาก ๆ นะแก” ภาพวาดคือชื่อของหญิงสาวที่ยืนเซซ้ายเซขวาอยู่หน้าทางออกจากคลับ ซึ่งเธอกำลังร่ำลาเจ้าของวันเกิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแก้มที่เคยมีสีชมพูอ่อนเพราะบลัชออน ตอนนี้บลัชออนได้จางไปหมด แต่ที่เห็นว่าแก้มนวลยังมีสีชมพูอยู่คงเพราะแอลกอฮอล์สูบฉีดอยู่ในร่างกายของเธอละมั้งมันถึงแดงมากกว่าบลัชออนซะอีก
“โอเค แล้วเจอกันใหม่นะภาพวาดเพื่อนรัก” เจ้าของวันเกิดบอกเสียงอ้อแอ้เพราะอาการลิ้นเปลี้ยจากการดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมาก ไม่ต่างจากเพื่อนสาวตรงหน้าเลยและทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพเซซ้ายเซขวาไม่ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว ร่ำลากันเสร็จก็กลับมากอดกัน พอกอดกันเสร็จก็มาร่ำลากันอีก ทั้งคู่ทำแบบนี้อยู่สองสามหนจนการ์ดที่เฝ้าประตูยังหัวเราะ สุดท้ายเพื่อนที่เดินออกไปแล้วเลยต้องกลับมาแยกทั้งสองออกจากกันถึงกลับบ้านได้
“พี่ขับนิ่ม ๆ หน่อยนะวาดเวียนหัว” พอนั่งรถก็หันไปกำชับคนขับรถแทนที่เรียกมา ก่อนจะเอนหลังแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอเปิดไปที่การนำทางก่อนจะยื่นแผนที่ที่ปักหมุดบ้านตนเองไว้ให้คนขับเพราะสภาพเธอตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะนั่งบอกทางจริง ๆ
“อย่าลืมรัดเข็มขัดนะครับ” คนขับรถแทนพูดจบก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที ตลอดเส้นทางที่คลาคล่ำไปรถส่วนตัวและรถสาธารณะทำให้จราจรติดขัดบ้างเป็นช่วง ๆ คนเมาเลยเกิดอาหารเวียนหัวยกใหญ่ก่อนจะพยายามพาตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราไปก่อนจะถึงบ้านตัวเอง โดยที่เธอยังคงก่นด่าตัวเองในใจว่าต่อไปจะไม่กินเยอะแบบนี้อีกเด็ดขาด เวลาผ่านไปเกือบ 20 นาทีคนขับรถแทนก็ขับเข้าไปจอดในชั้นจอดรถใต้คอนโดแล้วส่งเสียงปลุกคนที่กำลังหลับอยู่ให้รู้สึกตัว
“คุณครับ คุณ ถึงแล้วนะครับ” คนขับรถวัยยี่สิบกว่า ๆ ส่งเสียงปลุกอยู่นานจนกระทั่งเธอสลึมสะลือลุกขึ้นมาควักธนบัตรใบสีม่วงให้เพื่อเป็นทิป พอเสร็จก็จัดการล็อกรถแล้วตรงดิ่งไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นห้อง ลิฟต์หยุดลงที่ชั้น 9 ภาพวาดลากสังขารที่จะหลับไม่หลับแหล่ออกมาจากลิฟต์เปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง
“เวียนหัวจังเลยเว้ย” พอเข้าห้องได้คนเมาก็โยนกระเป๋าและกุญแจห้องไปคนละทิศคนละทาง พร้อมกับพึมพำถึงอาการเวียนหัวคลื่นไส้ของตัวเอง ขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำก็บังเอิญเห็นลู่วิ่งไฟฟ้าของตัวเองอยู่ใกล้ ๆ กับประตูห้องน้ำ
“วันนี้แม่ยังไม่ได้ปลุกหนูเลยใช่ไหมลูก” คนเมาพูดกับลู่วิ่งไฟฟ้าก่อนจะขึ้นไปยื่นบนลู่แล้วกดเปิดเครื่องพร้อมกับออกแรงเดินเบา ๆ ไปบนลู่ด้วยส้นสูงสี่นิ้วที่สวมอยู่บนเท้า ภาพวาดเอื้อมมือไปเร่งสปีดลู่วิ่งจนตัวเองเริ่มหอบแฮ่ก ๆ พอตัวเองเริ่มวิ่งไม่ไหวเธอเลยเอื้อมมือไปปิดแต่โชคร้ายเธอกลับไปโดนสปีดทำให้ลู่วิ่งเร็วขึ้นจนเธอตามไม่ทันเพราะส้นสูงและความเมา
“โอ๊ย” ภาพวาดตะโกนออกมาพร้อม ๆ กับร่างเพรียวบางหงายหลังตกจากลู่วิ่งจนหัวไปกระแทกกับขอบโต๊ะที่วางโทรศัพท์บ้านอยู่ เสียงสุดท้ายของเธอดังขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นเลยสักคน ร่างเพรียวบางนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงทำให้รู้ว่า ณ ตอนนี้เธอไม่หายใจอีกต่อไปแล้ว
“มึง นางเป็นอะไรหรือเปล่าวะ โทรตามรถพยาบาลดิ” หญิงสาวสองคนที่กำลังจะเดินผ่านห้องของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ไป แต่บังเอิญได้ยินเสียงกรีดร้องก่อนจะหงายหลังลงพื้นของภาพวาด ทำให้ทั้งสองเดินย้อนกลับมาพร้อมผลักประตูที่แง้มไว้เข้าไปในห้อง ก่อนจะสะกิดกันด้วยความตกใจแล้วพากันร้องโวยวายเสียงดังจนกระทั่งมีคนมามุ่งเรื่อย ๆ
"เป็นอย่างไรบ้างเล่า ทีนี้จะเชื่อข้าได้หรือยังว่าเจ้านั่นตายแล้ว" เสียงเข้มดังมาจากปากผู้ชายในชุดสูทสีดำคลุมทับด้วยโค้ตยาวสีน้ำเงินเข้ม คนพูดยืนมองร่างไร้วิญญาณอยู่ตรงประตูทางเข้าที่ถูกเปิดออกกว้างเพื่อการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
"โอ๊ย! ฉันอายุแค่นี้เองนะทำไมถึงตายเร็วขนาดนี้" วิญญาณของเจ้าของห้องพูดขึ้นขณะที่เธอทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นห้อง และไม่มีใครมองเห็นเธอซึ่งกำลังนั่งมองร่างตัวเองที่หงายหลังฟาดกับตู้ปลาจนตาย
"เจ้าตายแล้วแต่เจ้ายังไม่ถึงฆาต"
"แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ ไม่ถึงฆาตแล้วตายได้ยังไงแบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะคะ ว่าแต่คุณเป็นใคร" หญิงสาวที่กำลังนั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้นเอ่ยถามก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนข้าง ๆ ด้วยแววตาจริงจัง เธอคงเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ในขณะที่ตัวเองเป็นแค่วิญญาณเท่านั้น
"ข้าคือหัวหน้ายมฑูต"
"หัวหน้ายมฑูตเนี่ยนะ แล้วทำไมไม่ใส่โจงแดงล่ะ ปกติในหนัง ยมฑูตไทยต้องโจงแดงหรือท่านเป็นยมฑูตสัญชาติเกาหลี" น้ำเสียงสงสัยเอ่ยขึ้นมาพร้อม ๆ กับที่เธอลุกยืนเต็มความสูงแต่ก็ยังสูงน้อยกว่าคนที่บอกว่าตนเองคือยมฑูตอยู่ดี
"ยมฑูตแบบนั้นก็มีแต่ในละครน้ำเน่าของพวกเจ้าเท่านั้นแหละ พวกข้าแต่งตัวตามยุคตามสมัยบางทีก็มีประชุมยมฑูตนานาชาติ หากใส่โจงแดงไม่น่าขำหรอกหรือ" คนที่บอกว่าเป็นยมฑูตบอกเธอด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง
"แล้วที่นี้ทำยังไงล่ะไปนรกเหรอ ว่าแต่นรกนี่ร้อนไหม" วิญญาณเจ้าของห้องตะโกนถามยมฑูตที่เดินนำไปพร้อมก้าวเท้าวิ่งตามออกไป แต่วิ่งยังไงก็ยังไกลจากยมฑูตอยู่ดีจนเธอเองสงสัยว่ามันอาจมีทริคการเดินแบบวิญญาณแน่ ๆ
"ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง เหตุเพราะส่วนหนึ่งคือความผิดพลาดของการจัดการบัญชีเป็นตายในยมโลก"
"ทางเลือกหมายถึงฉันไม่ต้องลงไปในนรกก็ได้ใช่ไหมคะ"
"ถูกต้อง" ยมฑูตในชุดสไตล์เกาหลีพูดขึ้นพร้อมหันกลับไปมองวิญญาณหญิงสาวที่เดินตามมาตาละห้อย หลังจากที่ยมฑูตพูดจบแววตาก็มีความหวังขึ้นมาทันที
"ถ้ายังงั้นมีเรื่องอะไรบ้างล่ะคะ"
"อย่างแรกเจ้าจะได้เกิดใหม่ในร่างคุณหนูสกุลใหญ่ในอดีตนางหนักหนึ่งร้อยกิโลเป็นบุตรสาวของพ่อค้าที่มีฐานะและมีสามีแล้ว" สีหน้าจริงจังน้ำเสียงเรียบดังออกมาจากปากยมฑูตที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
"อันนี้ดีนะ แต่ใช้คำว่าสกุลนี่ไม่ใช่ในไทยเหรอคะ"
"ไม่ นางคือเจ้าในอดีตเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว"
"แล้วทางเลือกที่สองล่ะคะ" หญิงสาวเอียงคอถามยมฑูตอย่างสงสัย เพราะทางเลือกแรกสำหรับเธอที่ไม่ชอบให้ตัวเองอวบอ้วนมันค่อนข้างเลือกยากสักหน่อย เธอจึงถามหาทางเลือกที่สองเพื่อประกอบการพิจารณา
"อยู่ในยุคนี้แต่เป็นร่างสุนัขของคนรวย" ร่างโปร่งแสงตอบหน้าตายก่อนจะยกยิ้มมุมปาก คล้ายกำลังเยาะเย้ยทางเลือกทั้งสองของเธอ
"ทำไมทางเลือกของฉันมันถึงโหดร้ายนักล่ะเนี่ย" ภาพวาดโวยวายอย่างหัวเสีย ผิดกับท่านยมฑูตที่ยกยิ้มอย่างพอใจ ราวกับการแกล้งใครสักคนเป็นเรื่องน่าสนุก
"กรรมของเจ้ายังไงล่ะ"
"กรรมอะไรของฉัน เกิดมาไม่เคยจะทำร้ายใครเลย เหล้ายังนาน ๆ กินที"
"กรรมที่เจ้าขายยาลดน้ำหนักทั้งที่เจ้าเองไม่เคยกินยานั่น แปลว่าเจ้าโกหกยังไงล่ะ" พอยมฑูตพูดจบร่างโปร่งแสงของหญิงสาวก็ทรุดลงกับพื้นโถงทางเดินในคอนโดของเธอ แล้วนั่งนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่เธอเข้าวงการลดน้ำหนักใหม่ ๆ แล้วอยากหารายได้เสริมจึงขายยาลดน้ำหนัก แต่พอขายไปก็รู้สึกละอายใจเลยเลิกขายแล้วผันตัวมาเป็นโค้ชลดน้ำหนักออนไลน์แทน
"คิดได้หรือยังว่าจะเลือกทางไหน หากนานเกินกว่าสองวันข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปอีก 40 ปีจนกว่าจะถึงเวลาตายจริง ๆ ของเจ้า"
5ใจคนยากแท้…หยั่งถึง"ไปทำอาหารกันเถอะผู่เย่ว์ อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาไอเอฟแล้ว" กล่าวจบนางก็พาร่างอวบเดินไปทางครัวในเรือนตน สาวใช้ทำหน้างุนงงกับคำพูดเมื่อครู่ของผู้เป็นนายจึงได้แต่ทบทวนคำของนางแล้วเดินตามไป"คุณหนูว่าอย่างไรนะเจ้าคะ" ผู่เย่ว์ถามนายของตนหลังเท้าซ้ายแตะบนพื้นห้องครัว เจียงถิงถิงหันกลับมามองผู่เย่ว์ด้วยสายตาเช่นเดียวกับที่ผู่เย่ว์มองนาง"อะไรเหรอ""ไอเอฟอะไรหรือเจ้าคะ" คนพูดยิ้มกว้างด้วยความลืมตัวเพราะดันหลุดกล่าวคำพูดของยุคตนเอง นางหัวเราะในลำคอพร้อมก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าคนถามมองสาวใช้ของตนอย่างเอ็นดู"ไอเอฟคือการกินและหยุดกินเป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายย่อยอาหารที่กินเข้าไปให้หมดอย่างไรล่ะ ทีนี้รู้แล้วก็ไปเอาเนื้อหมู แครอท พริกอ่อนมาให้ข้าที" สาวใช้พยักหน้ารับคำแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว เจียงถิงถิงเดินเข้าไปเพื่อเตรียมข้าวของที่ใช้ทำอาหารพร้อมกับบ่นพึมพำอยู่ลำพัง"ถ้าอยู่โลกนู้นฉันคงทำอาหารได้เยอะกว่านี้แน่ ๆ เฮ้อ…อีกกี่เดือนร่างยายคุณหนูนี่ถึงจะผอมได้ล่ะเนี่ย" ระหว่างที่เตรียมข้าวของก็เติมไฟรอทำอาหารไปด้วย เธอจะทำอย่างไรกับอนุภรรยานางนั้นดีเท่าที่ดูจากความทรงจำของเจียงถิง
4เจ้าไม่ใช่นาง"ผู่เย่ว์จัดโต๊ะแล้วตักข้าวสวยให้ข้าที ตักเผื่อคุณชายอันสักชาม" เจียงถิงถิงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่ายจะปะทะวาจาต่อ จึงปลงใจหันไปสั่งผู่เย่ว์ให้เตรียมจัดโต๊ะอาหารที่โถงกลางของเรือนตนเอง"เจ้าค่ะคุณหนู" ผู่เย่ว์ค้อมหัวรับคำแล้วยกไก่ผัดต้นหอมชามใหญ่และจานไข่เจียวเพื่อจะออกไปจัดโต๊ะอาหาร"อ๋อ ข้าวสวยของข้าไม่ต้องตักมากเพียงสองอุ๋งมือก็พอ" เสียงหวานกล่าวจบก็หยิบแตงกวาที่ปอกแล้วขึ้นมาหั่นใส่ชามจนหมดทั้งสองลูก เพียงไม่นานผู่เย่ว์ก็กลับมาตักข้าวสวยให้ผู้เป็นนายและแขก"ไปสิ รีบกินรีบกลับได้แล้ว""เหตุใดจึงรีบไล่ข้าเช่นนี้ คราก่อนเจ้ายังขอให้ข้าพาไปเที่ยวตลาดอยู่เลย""นั่นมันเมื่อก่อน รีบไปกันเถอะ" คุณหนูเจียงเอ็ดบุรุษตรงหน้าก่อนจะลากข้อมือของเขาให้ตามไปที่โต๊ะที่ผู่เย่ว์จัดไว้ คนเดินตามยกยิ้มมุมปากอย่างขบขันกับกิริยาสตรีที่เดินอยู่เบื้องหน้า"ตั้งแต่คราที่เจ้าจมบ่อบัวหัวคงกระแทกอย่างหนักกระมัง นิสัยและกิริยาจึงเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้""ไม่ต้องพูดมาก รีบกินรีบกลับไปเสีย" น้ำเสียงขุ่นมัวเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูที่แห้งแตกด้วยความไม่พอใจบุรุษตรงหน้าเพราะมาวุ่นวายกับตนเอง น
3งามจากจิตใจ“ข้าไม่งามใช่หรือไม่ผู่เย่ว์” ฮูหยินเอ่ยถามสาวใช้ข้างกายที่เดินตามอยู่ทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบ นางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วใช้สายตาไล่มองตั้งแต่ฝ่ามือพลิกมองหลังมือ ข้อมือ ตลอดจนแขนทั้งสองข้างที่อวบอ้วน พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“คุณหนูของข้างามจากจิตใจเจ้าค่ะ” ผู้เป็นบ่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางยกยิ้มให้คุณหนูของตนจากทางด้านหลัง เจียงถิงถิงหยุดเดินแล้วขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปมองสาวรับใช้ของตน“แปลว่าภายนอกไม่งามสินะ”“ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนู”“เอาเถอะ ข้าก็พอจะรู้ตัวดีอยู่แล้ว เฮ้อ” สองเท้าออกเดินไปข้างหน้าหลังจากพูดจบ พอเห็นคุณหนูของตนดูมีท่าทีไม่สบายใจก็รีบเดินตามไปติด ๆ“คุณหนูมีสิ่งใดไม่สบายใจหรือเจ้าคะ” ผู่เย่ว์ถามเจ้านายของตนขณะที่กำลังเปิดประตูห้องให้เจียงถิงถิงเข้าไปด้านใน เจียงถิงถิงพาร่างที่อวบอ้วนของตนเดินเข้าไปด้านใน ผู่เย่ว์ปิดประตูแล้วเดินตามเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ ตั่งไม้“หนักใจน่ะสิ ข้าต้องลดน้ำหนักเกือบสองร้อยจิน เมื่อใดจะผอมเล่าไหนจะข้าวปลาอาหาร งานหนักโดยแท้” เจียงถิงถิงกล่าวกับสาวใช้ของตนพร้อม ๆ กับใช้มือข้างที่ถนัดกุมขมับของตนเอาไว้ราวกับกำลังคิดหนักเสีย
2ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" สาวใช้ถามผู้เป็นนายด้วยความห่วงใย แม้จะยังงุนงงสงสัยเกี่ยวกับการที่นางสิ้นลมแล้วฟื้นขึ้นมา ถามเสร็จก็จัดแจงหาอาภรณ์มาให้ผู้เป็นนายได้ผลัดเปลี่ยน เจียงถิงถิงนั่งกระพริบตาถี่ ๆ ราวกับกำลังนึกบางสิ่งบางอย่างอยู่ ผู่เย่ว์ใช้มือแตะลงบนต้นขาที่อวบอ้วน นางจึงเริ่มได้สติหันมามองผู่เย่ว์ที่มีท่าท่างกล้า ๆ กลัว ๆ ราวกับไม่กล้าจะมองนาง"ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงไป" เจียงถิงถิงหันไปบอกสาวใช้ของตนเองด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ไม่ได้ต่างไปจากก่อนนางจะจมน้ำที่บ่อบัวกลางสวนใหญ่แม้แต่น้อย ผู่เย่ว์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะลุกขึ้นเพื่อช่วยคุณหนูของนางเปลี่ยนอาภรณ์ที่เปียกชื้น"โอ๊ย นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงได้อ้วนขนาดนี้ล่ะเนี่ย" หลังจากถอดอาภรณ์ที่เปียกชื้นออกเผยให้เห็นร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกคลุม เจียงถิงถิงกรีดร้องออกมาอย่างไม่ทันได้คิดสิ่งใด เพียงเพราะนางเห็นร่างกายของตนเองในชาตินี้ ภาพวาดสตรีจากโลกแห่งอนาคตที่ใช้ชีวิตด้วยการเป็นนักโภชนาการอาหารเพื่อช่วยลดและควบคุมน้ำหนักของผู้อื่น นางจึงมีทรวดทรงที่เพรียวบางอยู่เสมอ การเห็นตนเองอวบอ้วนเช่นนี้ทำนางใจหาย
1ทางเดียวที่เลือกได้"ท่านยมทำไมพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นล่ะคะ" หลังจากที่ยมฑูตพูดจบเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลก็พูดต่อแทบจะทันที ใบหน้าสวยหงิกงอเพราะทางเลือกที่ไม่ได้ดีนักทั้งสองทาง ก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความปลงตก"เลือกได้แล้วสินะ""ใช่ค่ะ""เช่นนั้นก็บอกทางเลือกของเจ้ามา ข้าจะได้รีบทำภารกิจให้เสร็จแล้วรีบไปต่อ" ยมฑูตยกมือสองข้างขึ้นมากอดอก รอฟังคำตอบของร่างโปร่งแสงตรงหน้า เพราะหลังจากจัดการเรื่องของเธอสำเร็จหัวหน้ายมฑูตก็จะได้กลับไปจิบชานมในยมโลก โดยไม่ต้องมาวุ่นวายกับเหล่ามนุษย์อีก"เลือกเป็นตัวเองในอดีต""ข้าคิดว่าเจ้าควรเป็นสุนัขมากกว่า ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำอะไรวัน ๆ ได้แต่กินกับนอน" บุรุษในร่างโปร่งแสงพูดขึ้นพร้อม ๆ กับใช้มือขวามาวางเหนือศีรษะของวิญญาณหญิงสาวตรงหน้า คล้ายกับกำลังร่ายเวทย์มนตร์"เดี๋ยวค่ะ""มีอะไรอีก ข้าต้องรีบไปแล้วมัวชักช้าลีลาอยู่ได้เดี๋ยวสาปให้เป็นหมาซะนี่" ยมฑูตที่รอนานพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มจนวิญญาณหญิงสาวแทบกรูหนี ก่อนเธอจะอ้าปากพูดด้วยความเกร็งเล็กน้อย"ใจเย็น ๆ นะคะ ฉันแค่อยากขออะไรสักสองสามข้อได้ไหมคะ""ว่ามา""ขอความทรงจำทุกเรื่องของฉันเอาไว้""ต่อไ
บทนำในสถานที่เริงรมย์กลางเมืองปรากฏร่างระหงส์ของหญิงสาวในเสื้อกล้ามครอปสีดำสนิทโชว์เอวเล็กคอด บวกกับกางเกงยีนส์เข้ารูปและที่ทำให้เธอดูโดดเด่นเป็นพิเศษเห็นจะเป็นใบหน้าสะสวย ซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสนุกสนานเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนสนิทเธอจึงได้ออกจากบ้านหรือที่เธอเรียกมันว่าถ้ำ เธอมักจะหมกตัวอยู่ในโลกส่วนตัวทำคลิปเทรนลูกค้าเรื่องการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก พอได้ออกมาเพื่อนสาวของเธอเลยจัดหนักจัดใหญ่ให้เธอได้เมาจนแทบจะพากันเลื้อยกลับโชคยังดีที่ตอนนี้มีบริการคนขับรถแทนเธอจึงจำต้องใช้บริการเพราะไม่สามารถขับรถกลับไปในสภาพนี้ได้จริง ๆ“ฉันกลับก่อนนะ มีความสุขมาก ๆ นะแก” ภาพวาดคือชื่อของหญิงสาวที่ยืนเซซ้ายเซขวาอยู่หน้าทางออกจากคลับ ซึ่งเธอกำลังร่ำลาเจ้าของวันเกิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแก้มที่เคยมีสีชมพูอ่อนเพราะบลัชออน ตอนนี้บลัชออนได้จางไปหมด แต่ที่เห็นว่าแก้มนวลยังมีสีชมพูอยู่คงเพราะแอลกอฮอล์สูบฉีดอยู่ในร่างกายของเธอละมั้งมันถึงแดงมากกว่าบลัชออนซะอีก“โอเค แล้วเจอกันใหม่นะภาพวาดเพื่อนรัก” เจ้าของวันเกิดบอกเสียงอ้อแอ้เพราะอาการลิ้นเปลี้ยจากการดื่มแอลก












Comments