Share

บทที่ 13

ยังไม่วายให้ฮ่องเต้ตอบสนอง ซูชิงอู่เชิดคางเล็กน้อย เบ้าตาแดงก่ำหยาดน้ำตาหมุนวนด้านในหางตาโดยไม่ยอมหลั่งลง

การแสดงออกถึงความคับข้องใจขีดสุดเช่นนี้ของนางทำให้วาจาพระองค์จุกแน่นอยู่ในลำคอฉับพลัน

ฮ่องเต้อดเปลี่ยนประเด็นไม่ได้ พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

อาจเป็นเพราะไม่ตรภาพครั้งเยาว์วัยระหว่างพระองค์กับมารดาของนาง ฮ่องเต้จึงโอบอ้อมอารีซูชิงอู่เป็นพิเศษ

แม้จะไม่อาจเข้าข้างได้ชัดเจนนัก แต่อย่างไรซูชิงอู่ก็ไม่น้อยหน้าบรรดาองค์หญิงชนชั้นเจ้า

ซูชิงอู่เป็นคนค่อนข้างมีชื่อในแวดวงบุตรีเหล่านั้นในเมืองหลวง

ไม่เพียงการหมั้นหมายที่ฮองเฮาเตรียมไว้สำหรับนางและองค์ชายสามเท่านั้น ยังมีความลำเอียงของฮ่องเต้ด้วย

เสียงซูชิงอู่เครือแผ่วค่อย ๆ ส่งออกจากกล่องเสียง “ฝ่าบาทเพคะ ได้โปรดอย่าโทษท่านอ๋องเลย เป็นเพราะหม่อมฉัน ท่านอ๋องถึงได้ลงมือ หากพระองค์จะลงโทษก็ลงโทษหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียวเถิดเพคะ หากองค์ชายสามไม่เอ่ยเรื่องน่ารังเกียจออกมา องค์ชายก็คงจะไม่ทรงกริ้ว หม่อม…หม่อมฉัน…”

สองตาฮ่องเต้หรี่ขึ้นฉับพลัน

เขากวาดมองร่างเย่อวิ๋นถูกับเย่เสวียนถิงเฉียบคม จากนั้นถามว่า “องค์ชายสามตรัสว่าอันใด?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการผันแปรทัศนคติของฮ่องเต้ กิริยาของเย่อวิ๋นถูไม่ค่อยดีอย่างเห็นชัด

แม้แต่ฮองเฮาก็ไม่พอใจถึงขีดสุด

ซูเชียนหลิงกลืนน้ำลายลงคอ ความตึงเครียดทวีขึ้น…

ซูชิงอู่เอ่ยเสียงแผ่ว “เย่อวิ๋นถูว่าหม่อมฉัน…ว่าหม่อมฉันเป็นหญิงใคร่กาม ว่าหม่อมฉันเจตนายั่วสวาทโจรภูเขาพวกนั้น ทรงตรัสอีกว่า…ว่าหม่อมฉันซึ่งพระองค์ทรงประทานการอภิเษกสมรสให้เป็นพระชายาเสวียน ไม่คู่ควรเป็นพี่สะใภ้ขององค์ชายสามเพคะ…”

ดวงหน้าฮ่องเต้มืดครึ้มดุจเดือนดับ

จาวาส่วนหน้าเป็นเพียงการเกริ่นสำหรับฮ่องเต้ ทว่าถ้อยคำส่วนหลังต่างหากที่เป็นชนวนโทสะที่แท้จริง

ไม่ว่าอย่างไร นางก็คือพระชายาอ๋องเสวียนที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้

ไม่ยอมรับฐานะของนางก็ถือว่าไม่เคารพต่อฮ่องเต้

ฮ่องเต้ผู้นี้เป็นผู้ถือศักดิ์ศรีเป็นที่สุด เย่อวิ๋นถูอาศัยสิ่งนี้เล่นงานเย่เสวียนถิงได้สำเร็จหลายครั้ง

แต่ผลลัพธ์ตอนนี้ ถือเป็นการให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

การทำเช่นนี้ของซูชิงอู่คือการใช้เหลี่ยมของอีกฝ่ายเล่นงานเขากลับไปบ้างเท่านั้น

“เสด็จพ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงลั่นวาจาขวานผ่าซากไปชั่วขณะ ถ้อยคำเหล่านั้นจึงตรัสออกไปอย่างไม่ระวัง ไม่มีเจตนาลบหลู่พระองค์แต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ตบโต๊ะกะทันหัน

“เหลวไหล! เจ้ากล้าดียังไงใช้วาจาเยี่ยงนี้พูดกับพี่สะใภ้ตัวเอง? อย่าว่าแต่อ๋องเสวียนเลย ข้าเองได้ฟังก็ยังอยากจะตีเจ้าให้ตาย ในฐานะองค์ชาย เวลาร่ำเรียนเรื่องมายาท เขาฟังหูซ้าย ทะลุหูขวาหรือ?”

เย่อวิ๋นถูถูกต่อว่าอย่างรุนแรง

เขาก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ฮองเฮาที่เดิมทีเป็นฝ่ายตำหนิลุกไปตรงหน้าฮ่องเต้ ดึงแขนเขาปลอบประโลม

ความกริ้วบนใบหน้าฮองเฮาเลือนหายแทนด้วยความอ่อนโยนแกมอ้อนวอนหลายส่วน “ฝ่าบาท เย่อวิ๋นถูยังเด็กไม่เข้าใจวิถีโลก แต่ในใจเขาไม่ใช่ต้องการเช่นนั้นแน่นอน พระองค์ทรงยกโทษให้เขาในครั้งนี้เถิดเพคะ…”

สีหน้าฮ่องเตครึ้มดุจเดือนดับ หน้าอกกระเพื่อมน้อย ๆ หลังขบคิดครู่หนึ่งก็มองเย่อวิ๋นถูพลางกล่าวว่า “กลับไปพิจารณาตัวเองเสีย รู้ผิดเมื่อไหร่ค่อยออกมา!”

เย่อวิ๋นถูรีบก้มศีรษะขานรับ “กระหม่อมรู้ผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่อวิ๋นถูเสียเปรียบอย่างนี้

เขาถูกโจมตีกลายเป็นคนน้ำท่วมปาก

ตาเขาหลุบลงมืนมนถึงขีดสุด สองมือที่วางบนหัวเข่ากำหมัดแน่น ราวกับได้รับความอัปยศอย่างมหาศาล

ซูชิงอู่เหล่มองเขาเล็กน้อยแล้วหันไปทางอื่น

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status