หน้าหลัก / รักโบราณ / ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น / ตอนที่ 10 ดอกเหมยที่รอวันผลิบาน

แชร์

ตอนที่ 10 ดอกเหมยที่รอวันผลิบาน

ผู้เขียน: นิ่งเฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-25 08:23:50

เสียงกระจกหน้าต่างฝั่งตรงข้ามแตกดังแกรก นักฆ่าคนที่สองพุ่งตัวเข้ามาพร้อมควันไฟที่ถูกจุดล่อเบี่ยงความสนใจ แต่นางยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม นั่นเพราะเงาร่างสีขาวเคลื่อนผ่านแสงตะเกียงด้วยความเร็วราววิหคเหิน เขายกตะเกียงในมือโบกขึ้น เป่าดับไฟ แล้วแทงคมมีดกลับไปยังต้นเสียงโดยไม่ต้องมอง เสียงร่างกระแทกพื้นดังตึง ร่างที่สามลอบเข้ามาจากประตูหลัง หยุดกึกกลางทาง

เงาของไป๋อวิ๋นยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้อง และเสียงของลี่อินก็เอ่ยขึ้นเบื้องหลังเขา

“ถ้าเจ้าไม่ถอยออกไป จะไม่มีโอกาสได้ตายดี”

นักฆ่าคนสุดท้ายลังเลชั่วครู่ ก่อนจะโยนอะไรบางอย่างลงพื้น มันคือกระบอกไม้ไผ่ที่มีตราสัญลักษณ์ลบลายบนปลอก

“จงส่งสาส์นนี้คืนไปยังผู้ส่งมันมา…” ลี่อินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “…และบอกมันว่า นับแต่นี้ ข้าจะไม่ยอมทนอยู่เงียบ ๆ อีก!”

รุ่งเช้าในวันถัดมา เสี่ยวจูเปิดประตูเรือนก็พบว่าหน้าประตูถูกกวาดเรียบจนไม่มีแม้ร่องรอยของการต่อสู้ ไป๋อวิ๋นจากไปแล้วเช่นทุกครั้ง ไม่เอ่ยคำร่ำลา ไม่ปล่อยแรอยเท้าไว้เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่คือลายมือสั้น ๆ บนกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งที่วางใต้หม้อน้ำชา

ครั้งหนึ่งข้าเคยพลาด ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมพลาดอีก

และเหนือกระดาษนั้น วางอยู่บนสุด คือขนนกสีเงินเส้นหนึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององครักษ์เงาที่ขึ้นตรงต่อท่านอ๋องเพียงผู้เดียวในต้าหลิง

แสงแดดยามเช้าสาดผ่านแนวระแนงไม้ ร่วงหล่นลงบนพื้นศิลาขาวสะอาด ลี่อินกำลังนั่งพับผ้าด้วยมือของตนเอง เงียบงันไร้คำพูด เสี่ยวจูที่นั่งอยู่ด้านข้างพลางปักชายเสื้อขนสัตว์มองเจ้านายของตนอยู่เนิ่นนานก่อนเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“คุณหนู พวกมันกลับมาอีกหรือไม่เจ้าคะ”

เสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามาแทนคำตอบ สาวใช้ผู้หนึ่งโผล่หน้าเข้ามาก่อนจะย่อตัวลง 

“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองกับคุณหนูรองเรียกพบเจ้าค่ะ บอกว่ามีของจะมอบให้”

แววตาของลี่อินไม่ไหวเอนแม้แต่น้อย

“ของจากแม่เล็กกับน้องหญิงอย่างนั้นหรือ…” นางทอดเสียงเย็น “เช่นนั้นก็คงเป็นยาพิษกระมัง”

เสี่ยวจูตื่นตระหนก “คุณหนูอย่าไปนะเจ้าคะ!”

“ข้าจะไป” ลี่อินลุกขึ้นอย่างเรียบเฉย

“แต่ข้าไม่ได้ไปเพื่อรับของ…” นางว่า พลางสวมผ้าคลุมขนสุนัขจิ้งจอกที่แม้ซีดจางแต่สะอาด

“แต่ข้าไปเพื่อเตือนพวกนางว่า ข้าในตอนนี้ ไม่ใช่ลี่อินคนเดิมที่พวกนางเคยย่ำยี!”

ห้องโถงของเรือนใหญ่ยังคงหรูหราเช่นเดิม ผ้าม่านสีแดงเข้มพริ้วไหวตามลมหนาว เจินซูเม่ยนั่งจิบชาอยู่ข้างเตาไฟ ส่วนเซียวถิงฮวานั่งเชิดหน้าอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นลี่อินเดินเข้ามาในท่วงท่ามั่นคง ดวงตาของทั้งสองก็ฉายแววไม่พอใจในทันใด

“หากไม่เชิญก็ออกจากรังมาไม่ได้สินะ” เจินซูเม่ยเอ่ยแค่นเสียง

ลี่อินย่อตัวอย่างเยือกเย็น แต่คำพูดกลับคมยิ่งกว่ากริช

“รังหรือเจ้าคะ? ข้านึกว่าฮูหยินรองจะกล่าวถึงมุมมืดของใจท่านเสียอีก”

เซียวถิงฮวาลุกพรวด สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ

“เจ้าพูดเช่นนี้กับท่านแม่ได้อย่างไร!”

“อ้อ ข้าเข้าใจผิดเสียแล้ว” ลี่อินหันไปมองนางด้วยรอยยิ้มเหยียด 

“เพราะข้าไม่มีท่านแม่แบบที่เจ้ามี ข้าจึงไม่คุ้นเคยกับการประจบประแจงคนจิตใจคับแคบ”

เจินซูเม่ยวางถ้วยชาดังปัง เสียงกระเบื้องกระทบจานรองสะท้านทั่วห้อง

“เซียวลี่อิน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!” นางกรีดเสียง “เจ้าจะไม่มีวันได้แม้แต่เศษอำนาจในจวนนี้!”

ลี่อินจ้องตอบตรง ๆ

“ข้าไม่ปรารถนาเศษอะไรจากท่าน สิ่งที่ข้าจะเอา คือความจริงที่ท่านปิดบังไว้เบื้องหลังความหรูหรานี้ต่างหาก”

เสียงเงียบงันปกคลุมห้องอีกครั้ง ราวกับอากาศทั้งหมดถูกแช่แข็ง แล้วเสียงของเจินซูเม่ยจึงแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น

“เจ้า…เจ้าคิดว่าการล่วงรู้ความลับบางประการ จะทำให้เจ้าพ้นจากความเป็นบุตรสาวที่ไร้ค่าในสายตาของพ่อเจ้าได้หรือ?”

ลี่อินหัวเราะเบา ๆ “ฮึ! ในสายตาท่านพ่อ ข้าไม่เคยมีค่าอยู่แล้ว แต่ในสายตาของจิ้งอ๋องนั้น ข้ามีค่ามากพอจะเป็นพยานลับสำหรับการทุจริตในกรมคลัง”

เจินซูเม่ยหน้าถอดสีทันที ขณะที่เซียวถิงฮวาเบิกตาโพลง ลี่อินหันหลังกลับโดยไม่สนใจน้ำชาในถ้วยหรือขนมใด ๆ ที่วางอยู่ ก่อนก้าวออกจากเรือนนั้นอย่างองอาจ เสียงสุดท้ายของนางสะท้อนในห้องดังกังวาน

“ดอกเหมยของข้า อาจยังไม่ผลิบานในฤดูหนาวนี้ แต่รอก่อนเถิด ฤดูใบไม้ผลิจะต้องมาถึง”

หลังจากลี่อินกลับถึงเรือนหลังเล็ก เสี่ยวจูก็รีบวิ่งมารับด้วยสีหน้าวิตก

“คุณหนู! ข้าได้ยินจากบ่าวในครัวว่าเมื่อครู่นี้ ฮูหยินรองโยนถ้วยชาพื้นจนถ้วยแตกกระจาย เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ!”

ลี่อินเพียงยิ้มบาง “แค่ถ้วยชา นับว่ายังเบา”

นางเดินตรงไปที่หีบไม้ใต้เตียง เปิดออกเผยให้เห็นห่อผ้าสีครามที่ซ่อนสมุดบันทึกของไป๋อวิ๋น มือเรียวกางสมุดออกช้า ๆ ก่อนจะหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมา เอกสารที่จิ้งอ๋องเคยมอบให้นางก่อนหน้านี้

มันคือบัญชีปลอมในชื่อของบ่าวรับใช้ที่ไม่มีตัวตน แต่กลับถูกใช้ในการเบิกจ่ายเงินจำนวนมหาศาลจากคลังหลวง นางจดจำชื่อทั้งหมดในนั้นขึ้นใจ และรู้ดีว่าหนึ่งในนั้น คือชื่อของบิดาของนางเอง

“เซียวเฟิงเฉิน ท่านสร้างชื่อเสียงไว้สูงส่งนัก แต่เบื้องหลังท่านกลับลอบลักทรัพย์แผ่นดิน”

นางขบฟันแน่น ดวงตาสั่นไหวด้วยเพลิงแค้น นั่นคือสิ่งที่ทำให้มารดาของนางถูกทอดทิ้ง

นั่นคือเหตุผลที่พวกนางต้องทนทุกข์ทั้งที่อยู่ในจวนสกุลเซียว

พลันเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่ประตู “คุณหนูใหญ่!”

สาวใช้อีกคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามารายงาน “มีคนจากตำหนักอ๋องมาส่งของเจ้าค่ะ!”

ลี่อินเลิกคิ้วเล็กน้อย “จากตำหนักอ๋องหรือ?”

นางเดินตามบ่าวออกไปยังหน้าจวน ที่นั่นมีบุรุษหนุ่มในชุดทหารยืนประสานมือ ค้อมศีรษะให้นางด้วยความเคารพ

“ข้าน้อยมาจากตำหนักจิ้งอ๋อง ท่านอ๋องทรงมีรับสั่งให้ส่งสิ่งนี้ถึงคุณหนูใหญ่ขอรับ”

กล่องไม้ดำสนิทที่ผูกด้วยด้ายแดง ถูกส่งมายังมือนาง เมื่อเปิดออก ภายในคือผืนแพรไหมสีดำปักอักษรด้วยด้ายสีทองว่า

เงียบ

แต่ไม่ไร้เสียง

มืด

แต่ไม่ไร้แสง

ผู้ที่อยู่ในเงา

อาจกลายเป็นแสงได้

หากรู้จักเวลา

และใต้ผืนผ้านั้นคือ ตราประทับของจิ้งอ๋อง

เสี่ยวจูที่ยืนมองอยู่ด้านข้างถึงกับอ้าปากค้าง “นี่มัน…”

ลี่อินปิดฝากล่องเบา ๆ ดวงตาทอแสงเงียบงัน

“นับแต่นี้ ข้าเป็นสายลับในเงาของท่านอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว...”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 10 ดอกเหมยที่รอวันผลิบาน

    เสียงกระจกหน้าต่างฝั่งตรงข้ามแตกดังแกรก นักฆ่าคนที่สองพุ่งตัวเข้ามาพร้อมควันไฟที่ถูกจุดล่อเบี่ยงความสนใจ แต่นางยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม นั่นเพราะเงาร่างสีขาวเคลื่อนผ่านแสงตะเกียงด้วยความเร็วราววิหคเหิน เขายกตะเกียงในมือโบกขึ้น เป่าดับไฟ แล้วแทงคมมีดกลับไปยังต้นเสียงโดยไม่ต้องมอง เสียงร่างกระแทกพื้นดังตึง ร่างที่สามลอบเข้ามาจากประตูหลัง หยุดกึกกลางทางเงาของไป๋อวิ๋นยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้อง และเสียงของลี่อินก็เอ่ยขึ้นเบื้องหลังเขา“ถ้าเจ้าไม่ถอยออกไป จะไม่มีโอกาสได้ตายดี”นักฆ่าคนสุดท้ายลังเลชั่วครู่ ก่อนจะโยนอะไรบางอย่างลงพื้น มันคือกระบอกไม้ไผ่ที่มีตราสัญลักษณ์ลบลายบนปลอก“จงส่งสาส์นนี้คืนไปยังผู้ส่งมันมา…” ลี่อินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “…และบอกมันว่า นับแต่นี้ ข้าจะไม่ยอมทนอยู่เงียบ ๆ อีก!”รุ่งเช้าในวันถัดมา เสี่ยวจูเปิดประตูเรือนก็พบว่าหน้าประตูถูกกวาดเรียบจนไม่มีแม้ร่องรอยของการต่อสู้ ไป๋อวิ๋นจากไปแล้วเช่นทุกครั้ง ไม่เอ่ยคำร่ำลา ไม่ปล่อยแรอยเท้าไว้เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่คือลายมือสั้น ๆ บนกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งที่วางใต้หม้อน้ำชา“ครั้งหนึ่งข้าเคยพลาด ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมพลาด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 9 บุรุษชุดขาวในสายลมราตรี

    ค่ำคืนเงียบงันยิ่งกว่าที่เคย ลมเย็นพัดเบา ๆ ผ่านแนวต้นหลิวที่ปลิดใบอย่างเชื่องช้า ในจวนสกุลเซียว แม้ภายนอกจะดูเงียบสงบ หากแต่ในความมืดของราตรีนั้น จิตใจของใครหลายคนต่างเต็มไปด้วยแรงเคลื่อนไหวที่ยากจะหยุดยั้งเรือนหลังที่เงียบเชียบของเซียวลี่อินกลับไม่มืดสนิทเหมือนเช่นทุกคืน ตะเกียงน้ำมันถูกจุดไว้ตรงกลางห้อง ราวกับนางตั้งใจ ‘เปิดทาง’ ให้ใครบางคนที่กำลังจะมาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นหน้าประตูหลัง ลี่อินไม่แสดงท่าทีแปลกใจ นางลุกขึ้นอย่างสงบ แล้วเปิดประตูออกด้วยมือนิ่งมั่นบุรุษในชุดผ้าฝ้ายสีขาวยืนอยู่ตรงหน้า รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมครึ่งหน้านั้นมีเพียงดวงตาคมลึกที่จ้องมองนางนิ่ง ๆ“เจ้าคือผู้ที่จิ้งอ๋องส่งมาหรือ?” ลี่อินเอ่ยเสียงเบาบุรุษชุดขาวพยักหน้า “ข้า ไป๋อวิ๋น เคยเป็นองครักษ์ลับประจำกรมคลัง เมื่อหกปีก่อนข้าเห็นสิ่งหนึ่ง แต่ไม่อาจกล่าวออกมาได้”เสียงของเขานุ่มทุ้ม แต่ทว่าเย็นยะเยือกคล้ายลมภูผา“และข้าจะไม่พูดกับใคร หากไม่มีเหตุผลพอ”ลี่อินไม่ตอบในทันที นางเชื้อเชิญเขาเข้าไปนั่งในเรือนอย่างสงบ ตะเกียงสว่างเพียงพอให้เห็นเงาบนฝาผนังสั่นไหว แต่ไม่มากพอให้เห็นสีหน้าของทั้งสองช

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 8 เสียงกระซิบใต้ม่านหยก

    วังหลวงแห่งแคว้นต้าหลิงยามย่ำค่ำยิ่งดูเงียบสงบงดงาม โคมแก้วหินลอยเหนือคูน้ำทอดยาวรอบตำหนัก เงาสะท้อนของดวงจันทร์สาดลงบนพื้นศิลาหยกขาวนวล แต่ภายใต้เงาสว่างนั้น มีบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืดอย่างเงียบงันภายในตำหนักซ่างอิงขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย บ่าวรับใช้ก้มหน้าอย่างเคารพเมื่อหญิงสาวในชุดเรียบหรูเดินตามขันทีเข้ามาเซียวลี่อิน ถูกเชิญให้มาเข้าเฝ้าองค์หญิงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนางน้อมคำนับอย่างงดงาม “หม่อมฉัน เซียวลี่อิน ถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”บนบัลลังก์หยกขาวกลางตำหนัก องค์หญิงจ้าวฮุ่ยทอดพระเนตรหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาที่คมดุจหอก“เจ้าคือบุตรสาวคนโตของเซียวเฟิงเฉินหรือ?” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่ง ทว่าหนักแน่น“เพคะ” ลี่อินตอบโดยไม่ลังเล “หม่อมฉันเป็นบุตรภรรยาเอก แต่ถูกถอนชื่อจากทะเบียนเรือนตอนอายุสิบสาม”ดวงตาขององค์หญิงหรี่ลง “เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น?”ลี่อินเงยหน้าขึ้น สบตากับองค์หญิงอย่างสงบนิ่ง“เพราะหม่อมฉันเป็นลูกของภรรยาที่ไม่ชื่นชอบ และไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อในสายตาผู้เป็นบิดา”คำตอบนั้นทำให้องค์หญิงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนแย้มพระโอษฐ์“เจ้าพูดอย่างสงบนิ่งทั้งที่ความจริงนั้นราวกับน้ำก

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 7 องค์หญิงจ้าวฮุ่ย

    สามวันถัดมา ภายในตำหนักซ่างอิงของวังหลวง ที่ประทับขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย พระธิดาองค์โตของฮ่องเต้ ผู้มีอำนาจทั้งในวังหน้าและวังใน เป็นสตรีมากบารมีแห่งแคว้นต้าหลิงภายนอกตำหนักนั้นเงียบสงบด้วยมารยาทแห่งราชสำนัก แต่ภายใน สายตาขององค์หญิงกลับเต็มไปด้วยความคมกล้า เจินซูเม่ยนั่งชูคอขณะที่เข้าเฝ้าองค์หญิงร่วมกับฮูหยินขุนนางอีกหลายคน“เซียวเฟิงเฉิน เป็นผู้ดูแลกรมการคลังมานานปี ข้าได้ยินมาว่า เขามีบุตรสาวคนโตชื่อเซียวลี่อิน แต่กลับไม่ปรากฏนามในบรรดารายชื่อหญิงงามในงานราชพิธีใด ๆ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”ขันทีข้างกายรายงานด้วยเสียงเบา “ทูลองค์หญิง กระหม่อมได้ยินมาว่านางเป็นบุตรีที่ไม่ได้รับความสนใจจากเสนาบดีเซียว เนื่องจากเป็นคนแข็งกร้าวไม่เชื่อฟังพะยะค่ะ”“งั้นหรือ บางครั้งข่าวลือที่ได้ยินมาก็มิอาจเชื่อถือได้ เจ้าว่าเช่นไรเล่า เจินซูเม่ย”“ทูลองค์หญิง สกุลเซียวให้ความใส่ใจกับบุตรทุกคน ข่าวลือนั้นไม่จริงเลยเพคะ”“เช่นนั้นหรือ ซูกงกง เจ้ายังได้ยินเรื่องใดมาอีก ว่าต่อสิ”“ทูลองค์หญิง กระหม่อมยังได้ยินมาอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้คุณหนูเซียวผู้นี้ถูกฮูหยินรองเซียวกักขังในห้องตำรา แต่แล้วก็หายตัวออกมาได้เอ

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 6 หนามแหลมในมือแม่เลี้ยง

    ในยามสายวันรุ่งขึ้น ลี่อินได้รับคำสั่งจากฮูหยินรองเจินซูเม่ย ให้นางเข้าไปช่วยจัดของในห้องเก็บตำราสำคัญของจวน“ห้องเก็บตำรา?”“ในอดีต ข้าจำได้ว่าเคยถูกล่อเข้าไปที่นั่น แล้วถูกกล่าวหาว่าขโมยหยกของฮูหยินรอง”“คุณหนู อย่าไปนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยอย่างร้อนรน“ห้องนั้น ข้าได้ยินว่าวันก่อนซูหรูเพิ่งให้คนเข้าไปทำความสะอาด ข้าเกรงว่ามันจะเป็นกับดัก”ลี่อินวางมือบนไหล่เสี่ยวจู บีบเบา ๆ“เจ้าเคยบอกข้าว่ากลัว หากต้องอยู่ในเงามืดเพียงลำพังใช่หรือไม่?”“ข้าเองก็กลัว แต่ข้าจะไม่หนีอีก ยิ่งพวกมันกล้าลงมือเร็ว ข้ายิ่งแน่ใจว่ามันเริ่มหวาดหวั่นแล้ว”ยามเฉินลี่อินก้าวเข้าสู่เรือนใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ภายในเรือนตกแต่งหรูหรา ทุกกระเบื้องและมุมเสาล้วนประณีตงดงาม แต่สำหรับนางแล้ว มันไม่ต่างจากคุกสีทองที่เคยกักขังนางนางเดินตามบ่าวรับใช้จนถึงหน้าห้องเก็บตำรา ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องปีกตะวันออก“เข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ ฮูหยินรออยู่ข้างในแล้ว”เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ปรากฏกลับไม่ใช่เจินซูเม่ย หากแต่เป็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า เงียบสงัด และมีกล่องเก็บผ้าโบราณซ้อนกันสูงจนบดบังแสง ทันใดนั้น ประตูไม้ก็ปิดดั

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 5 เสียงหัวเราะในเงามืด

    เสียงหัวเราะของเด็กชายดังขึ้นภายในสวนหลังเรือนใหญ่ เป็นเสียงที่สดใสเกินไปสำหรับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบแห่งความชิงชังและการหลอกลวงเซียวเทียนหยู บุตรชายของเจินซูเม่ย เด็กชายในวัยสิบสามปีผู้เป็นที่รักของบิดายิ่งนักแม้ในชาติก่อนเขายังเยาว์วัยนัก แต่กลับเป็นผู้ที่กล่าวหานางว่าลอบขโมยของหลวง และเป็นผู้ที่ผลักดันให้บิดาสั่งลงโทษนางและแม่ในช่วงท้ายของชีวิตอย่างไร้เมตตา“ในชาติก่อน แม้จะยังเด็ก แต่ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เป็นอสรพิษในคราบเด็กน้อย”“ในชาตินี้ ข้าจะขุดรากเจ้า ก่อนที่เขี้ยวจะงอก!”บ่ายวันนั้น ลี่อินปรากฏตัวในสวน นางแต่งกายเรียบง่าย เอาผ้าบางคลุมศีรษะ ถือกระเช้าผลไม้เดินตรงเข้าไป“เทียนหยู ข้านำผลไม้มาให้เจ้า”เด็กชายชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยืดอกพูดด้วยท่าทีจองหอง“พี่หญิงใหญ่!”“ใช่ ข้าเอง”“วันนั้น ท่านคือคนที่ทำถาดหล่นใส่ท่านอ๋องใช่หรือไม่”เสียงหัวเราะเหี้ยม ๆ จากปากเด็กชายทำเอาคนรับใช้รอบตัวสะอึก แต่ลี่อินกลับยิ้มบาง ย่อตัวลงนอบน้อม“ข้าสะเพร่าไปหน่อย เพียงแค่อยากไปช่วยงาน”เซียวเทียนหยูเลิกคิ้วอย่างงุนงง ก่อนจะโบกมือ “วางไว้ตรงนั้น แล้วไปเถอะ”ทว่าก่อนนางจะผละไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status