ภายในห้องตำราของหลิวห่าวเทียน หลังจากหลิวหยุนจิง แจ้งจุดประสงค์ของตนออกไปชายชราก็ไม่ถามให้มากความเจ้าตัวจึงได้ปลดป้ายประจำกายส่งให้นางทันที
“ท่านตาเจ้าคะ หลานอยากให้ท่านตาออกไปด้านนอกสักครู่เจ้าค่ะ เพราะอวิ๋นซิงต้องการใช้สมาธิในการถ่ายเทพลังและในระหว่างนี้หลานจะต้องอยู่ด้วย”
หลิวห่าวเทียนพยักหน้ารับคำก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องตำราทันที ทิ้งให้หลิวหยุนจิงกับอวิ๋น ซิงอยู่กันตามลำพัง
ภายในห้องเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมหายใจของเด็กหญิงและเสียงกระพือปีกเบา ๆ ของนกเทพ อวิ๋นซิงกระพือปีกขึ้นไปเกาะอยู่บนชั้นหนังสือก่อนจะปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นานพลังงานอ่อนโยนแผ่ซ่านออกมาจากร่างของมันคล้ายกับระลอกคลื่นที่กระเพื่อมไปทั่วทั้งห้อง
หลิวหยุนจิงวางหยกทั้งหมดลงบนโต๊ะ หยกสีเขียวเข้มสำหรับเมืองเตี้ยนหวง หยกสีขาวสำหรับพี่ชายและพี่สาว ส่วนป้ายหยกของท่านตานั้นเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยง
ข้าจะเริ่มแล้ว เจ้าเตรียมใจไว้ให้ดี อวิ๋นซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง
หลิวหยุนจิงพยักห
“ยาโถวตัวเหม็น เหตุใดมีของดีเจ้าถึงไม่บอกข้าบ้าง” เสียงที่ดังขึ้นก่อนตัวจะโผล่ออกมานั้นทำให้หลิวหยุนจิงยกมือขึ้นมาตบหน้าผากพลางกลอกตามองบนและเมื่อเขาปรากฏตัวออกมาและเห็นว่าใครอยู่ที่นี่ด้วยเฉิงอี้หลงแทบจะสะดุดเท้าของตนล้มกลางอากาศ ทว่าหลิวเช่อได้ทรงบุ้ยใบ้ให้เขาทำเป็นไม่รู้จักกับพระองค์ซึ่งการกระทำของชายหนุ่มทำให้หลิวหยุนจิงที่กำลังเพ่งมองรู้สึกสนใจ(ที่แท้ก็รู้จักกันนี่เอง คนยุคโบราณนี่ช่างเล่นละครกันเก่งยิ่งนัก) เจ้าตัวคิดก่อนจะมองไปทางเฉิงอี้หลง“ท่านปู่ ที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ”“เหอะ! เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาอีกอย่างนั้นหรือ เมื่อวานข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำของอร่อยจากน้ำแข็งเหตุใดถึงไม่เรียกข้ามากินบ้างเล่า” ท่าทางของชายชราทำให้หลิวหยุนจิงบื้อใบ้เหตุใดเขาช่างหน้าหนาเช่นนี้กล้าต่อว่าต่อขานข้าได้เยี่ยงไรกัน“ท่านปู่ ท่านพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะเจ้าคะ” หลิวหยุนจิง กอดอกเอ่ยออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจซึ่งการกระทำของนางทำให้จางเต๋อและเหล่าองครักษ์ที่ติดตามองค์เหนือหัวมองนางตาแทบจะถลนออกจากเบ้า ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขารู้ถึงกิตติศัพท์ความโ
เรื่องที่เกิดขึ้นหน้าสำนักศึกษาในวันนี้หาได้รอดพ้นจากสายพระเนตรขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงทราบถึงการกระทำอันโอหังของบุตรสาวของหวงจี้ รวมถึงยังทรงตระหนักถึงการที่ขุนนางผู้นี้ปล่อยปละละเลยบุตรของตนจนสร้างความเสื่อมเสียในเช้าวันต่อมาองค์จักรพรรดิจึงได้มีราชโองการเรียกตัวเขาเข้าเฝ้าเป็นการด่วน เมื่อหวงจี้มาถึงพระองค์มิได้ทรงตำหนิหรือแสดงความกริ้วโกรธอย่างโจ่งแจ้งแต่กลับทรงตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ใต้เท้าหวง เจ้าคงทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าสำนักศึกษาแล้วสินะ”หวงจี้คุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว “กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าเห็นว่าการกระทำของบุตรสาวเจ้าเป็นการดูหมิ่นขุนนางและประชาชนที่มาสมัครเรียน ซ้ำยังเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติสถานศึกษาเล่าเรียนอีกด้วย” สายตาขององค์เหนือหัวหนุ่มทำให้หวงจี้พลันตัวสั่น“กระหม่อมขอพระราชทานอภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะอบรมบุตรสาวของกระหม่อมให้ดีมากกว่านี้”หลิวเช่อทรงยกพระหัตถ์ขึ้น “การอบรมสั่งสอนบุตรเป็นหน้าที่ของบิดา แต่เมื่อบุตรของเจ้ากระทำความผิดเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าเจ้าละเลยในหน้าที่”“กระห
“บ่าวมีความเห็นว่าเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความจริงควรเรียกคุณชายรองซางเทียนเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ จากนั้นก็ให้ท่านหมอหลวงซือซุนเป็นผู้ตรวจ”คำกล่าวของจางเต๋อทำให้ทุกชีวิตในท้องพระโรงต่างสูดปากไปตาม ๆ กัน เรื่องนี้หากว่าได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงเกรงว่าใบหน้าของใต้เท้าซางคงจะไม่น่าดูเสียแล้วในระหว่างนี้เองบุตรชายคนโตของเขาซางฟงซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรองเจ้ากรมการคลังแม้ว่าชายหนุ่มจะมิใคร่ชอบน้องชายต่างมารดาผู้นี้นักทว่าเรื่องอับอายของคนในครอบครัวเช่นนี้จะให้เปิดเผยต่อสาธารณะชนได้อย่างไร“กราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากน้องรองของกระหม่อมในตอนนี้ได้ไปพำนักอยู่เรือนชนบทดังนั้นจึงมิสะดวกเข้าเฝ้า”องค์หลิวเช่อทรงทอดพระเนตรซางฟงด้วยสายตาเย็นชา แม้จะทรงทราบดีว่าครอบครัวขุนนางชั้นสูงมักปกป้องกันเองในยามเกิดเรื่องอื้อฉาวทว่าในสถานการณ์เช่นนี้การที่ซางฟงอ้างว่าน้องชายของตนไปพำนักอยู่เรือนชนบทช่างดูเป็นข้ออ้างที่น่าสงสัยยิ่ง“เรือนชนบทหรือ? เพราะเหตุใด” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันอย่างไม่ปล่อยผ่านซางฟงแสร้งถอน
หลิวหยุนจิงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น“หน้าไม้กลไกที่ข้าได้คิดค้นขึ้นมานั้นมีความพิเศษอยู่ที่กลไกภายในเจ้าค่ะ” นางกล่าว “มันถูกออกแบบมาให้สามารถบรรจุลูกดอกได้จำนวนมากและยิงออกไปได้อย่างต่อเนื่องโดยอาศัยหลักการทำงานของเฟืองและคันโยก”“เฟืองและคันโยก?” ฮัวหยุนเอ่ยทวนก่อนจะถามออกมาเพิ่มเติมอย่างสงสัย “มันทำงานอย่างไร?”“เมื่อผู้ใช้ดึงไกหน้าไม้จะทำการยิงลูกดอกออกไปหนึ่งดอก และในขณะเดียวกันกลไกภายในก็จะทำงานเพื่อนำลูกดอก ดอกต่อไปเข้ามาบรรจุในตำแหน่งที่พร้อมจะยิงกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถยิงลูกดอกออกไปได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาในการบรรจุลูกดอกใหม่” หลิวหยุนจิงอธิบายออกมาอย่างใจเย็น“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก แล้วเจ้าได้สร้างมันขึ้นมาแล้วหรือยัง?” ฮัวหยุนพูดขึ้นพลางถามออกมาในคราวเดียวหลิวหยุนจิงพยักหน้ารับ “ข้าได้สร้างต้นแบบขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ แต่ทว่ายังมีบางส่วนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นางตามตอบตรงซึ่งเรื่องที่นางสนทนากันอยู่นี้ได้ทำให้หานซินกับเหยียนเหยาเกิดความสนใ
ในระหว่างที่พวกเขากำลังต่อแถวกันอยู่นั้นได้มีเสียงของใครคนหนึ่งตะโกนออกมา “หลีกไป คุณหนูของข้าจะลงจากเกี้ยว” เสียงแหลมสูงของหญิงรับใช้ดังขึ้น ทำให้ผู้คนในบริเวณนั้นต้องรีบหลีกทางให้เกี้ยวหลังนั้นก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคุณหนูบ้านใดกันที่ทำตัวราวกับองค์หญิงก็มิปาน ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหยุดพูดถึงผู้ที่มาใหม่หญิงสาวร่างเล็กในชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อนปักลายดอกเหมยก็ได้ก้าวลงจากเกี้ยวด้วยท่าทางสง่างามใบหน้าของนางขาวผ่องราวกับหยก ดวงตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากเล็กสีแดงสดแย้มยิ้มอย่างหยิ่งผยอง นางคือหวงอ้ายลี่คุณหนูใหญ่แห่งจวนใต้เท้าหวงขุนนางฝ่ายซื่ออวี้สื่อ นางเพิ่งจะมีอายุเพียงสิบปีแต่กลับมีท่าทางราวกับผู้ใหญ่ยิ่งนัก“สำนักศึกษาแห่งนี้ช่างดูเก่าแก่ยิ่ง เหตุใดท่านพ่อจะต้องบังคับให้ข้ามาเข้าเรียนกัน” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนผู้คนที่ยืนรออยู่ต่างพากันมองนางด้วยความไม่พอใจแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากต่อว่าเนื่องจากยังไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใดหวงอ้ายลี่เดินตรงไปยังประตูสำนักศึกษาโดยมีหญิงรับใช้สองคนเดินตามประกบ นางมองไปยังป้ายชื่อสำนักศึกษาด้วยสายตาดูถูก“ชิงห
“อืม เรื่องนี้ข้าเองก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน แต่ข้ายังไม่ขาย ท่านก็สามารถนำไปฝากคนในครอบครัวได้นะเจ้าคะ” คำตอบของหลิวหยุนจิงทำให้ทุกสายตามองมาทางนางพร้อมกัน“ข้าจะให้น้ำหวานสูตรของข้ากลับไป ส่วนน้ำแข็งพวกท่านก็กลับไปทำกันเอง เรื่องอุปกรณ์นั้นไม่ยากมีแค่สิ่งที่ข้าบอกไปพวกท่านก็ทำกันได้แล้ว” หลิวหยุนจิงกล่าวออกมาเพิ่มเติมหลังเห็นสายตาของทุกคน“ขอบใจเจ้า” อู๋ฉีกับหลิวหรูอวี๋ต่างพูดออกมาพร้อมกันยกเว้นสองพี่น้องฮัวเนื่องจากวันนี้เขาว่างแค่วันเดียวก่อนจะต้องแยกย้ายกันไปฝึกที่ค่ายของตน“ท่านสองคนไม่ดีใจเหรอ” หลิวหยุนจิงถามสองพี่น้องฮัวออกมาอย่างสงสัย“เฮ้อ! เอาไว้เจ้าค่อยไปทำให้แม่บุญธรรมของพวกเราที่จวนเถอะ ส่วนข้าสองคนต้องกลับค่าย” ฮัวชวี่ปิ้งเอ่ยออกมาอย่างเสียดายหลิวหยุนจิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เมื่อทุกคนเข้าใจในสิ่งที่นางพูดแล้วดังนั้นนางจึงได้ให้พวกเขาทดลองทำและหลังจากที่หลิวหยุนจิงมั่นใจว่าการทำน้ำแข็งของอู๋ฉีกับหลิวหรูอวี้ไม่มีปัญหานางจึงได้มอบน้ำหวานชนิดต่าง ๆ รวมถึงเครื่องเคียงให้คนทั้งคู่ก่อนที่พวกนางจะแยกย้ายกันหลิวหยุนจิงกับลูกพี่ลูกน้