เชื่อในเรื่องอดีตชาติและสิ่งที่ก่อเอาไว้กันหรือไม่ หากเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวคงไม่เชื่อในเเรื่องบาปกรรม แต่ว่าเวลาผ่านไปเธอกลับรับรู้ว่า สิ่งที่เธอทำนั้นเป็นสิ่งไม่ดี และมันทำให้ต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต แม้จะตายและเกิดใหม่ความทรงจำที่ทำผิดพลาดก็ตามหลอกหลอนไม่สิ้นสุด
ถูกแล้วเธอตายแล้ว! เถียนเมิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลด้านเกษตรกรรม เธอสามารถจดจำเรื่องราวในอดีตชาติของตนเองได้ ชาติก่อนเธอเป็นคนช่วงปี 70 ที่เสียชีวิตเพราะความขี้เกียจของตนเอง ก่อนจะรู้สึกตัวในตอนที่เกิดใหม่ในท้องมารดา ท้องมารดาที่หมายความว่าท้องแม่จริง ๆ เพราะเธอต้องทนอยู่ในท้องเป็นเวลาหลายเดือนกว่าจะออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง และช่วงนี้ทำให้เธอรู้ซึ้งถึงความหมายของชีวิต และได้รู้ตัวว่าที่ผ่านมาตัวเองทำตัวเหลวไหลแค่ไหน และทำให้เธอรู้สึกผิดตลอดมา ถึงแม้จะมีอดีตชาติเดิมคอยตามหลอกหลอน เถียนเมิ่งยังทำหน้าที่ใหม่ของเธอได้ดีและทำดีกว่าชาติที่แล้วเป็นอย่างมาก อาจเพราะเธอไม่อยากทำผิดพลาดอีกครั้ง พ่อและแม่ของเธอในชาตินี้เป็นคนมีฐานะหลังเสียชีวิตทิ้งมรดกเอาไว้มากมาย ถึงจะมีเงินแต่เธอก็สามารถสอบเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลได้จึงเป็นที่นับถือหน้าตากับวงตระกูลไม่น้อย "โอ้ย!" เถียนเมิ่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ระหว่างเดินทางเข้าซอยเพื่อกลับเข้าบ้าน จู่ ๆ ท่อระบายน้ำก็ระเบิดและทันใดนั้นตกลงก็ตกลงไปในนั้น จำได้ว่ามันมืดมากและหลังจากนั้นไม่รับรู้อะไรได้อีก..."แม่" ฉินชุนหลงลูกชายคนโตของบ้านปลุกแม่ของเขาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเตาทั้งที่ควรตื่นมากินข้าวได้แล้ว แต่วันนี้กลับนอนนิ่งผิดปกติ
แม่? น้ำเสียงคุ้นหูสร้างความตกใจให้แก่เถียนเมิ่งเป็นอย่างมาก เธอรีบลืมตาและปรับสายตาเพื่อที่จะมองเห็นให้ชัดเจนมากขึ้น เธอสะดุ้งลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วบนร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหล เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าลูกชายทั้งสามที่คุ้นเคยในความทรงจำ และเป็นเด็กที่เคยคลอดและหวนคิดถึงตลอดมา หรือว่าเธอย้อนเวลากลับมาในอดีตที่ผ่านมาก่อนจะเสียชีวิตลงช่วงยุค70? ทันใดนั้นนั้นความทรงจำชาติก่อนก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง เถียนเมิ่งเป็นภรรยาจอมขี้เกียจแต่มีสามีเป็นทหาร หลังแต่งงานได้เพียงหนึ่งเดือนเธอตั้งครรภ์ยิ่งคลอดออกมาเป็นเด็กผู้ชายสามคน ต่อให้ขี้เกียจแม่สามีไม่กล้าต่อว่าเพราะเธอชอบเอาลูกชายมาข่มขู่พวกเขา เธอเป็นคนโมโหร้ายแต่ไม่เคยลงไม้ลงมือกับลูกเพราะเด็กพวกนี้เธอรักเขามาก และชอบจิกหัวใช้สามีต่อให้อยู่ต่อหน้าผู้คนเยอะ ๆ เธอไม่ได้ให้เกียรติใคร ยิ่งไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะเขาเป็นทหารนาน ๆ ช่วงปลายปีถึงจะลาพักร้อนกลับมาที่บ้าน เถียนเมิ่งอาศัยอยู่ในบ้านฉินที่มีอีกสองครอบครัวและพ่อแม่สามี สามีของเธอเป็นลูกชายคนที่สามซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน และแต่ละบ้านจะมีเพียงหนึ่งห้องนอนยกเว้นบ้านสามที่มีสองห้องนอน เมื่อมั่นใจแล้วว่าตนเองได้ย้อนกลับมาจากอดีตก็ทำให้หัวใจเธออดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ นั่นหมายความว่าสวรรค์เห็นใจและให้โอกาสให้เธอกลับมาแก้ไขอดีตที่เลวร้าย เธอลุกขึ้นกอดเจ้าแฝดสามด้วยความรักและคิดถึง น้ำตาเธอคลอเบ้าแต่ไม่กล้าที่จะให้ไหลออกมาให้เด็ก ๆ สงสัย "เวลาไหนแล้ว" เถียนเมิ่งกอดพวกเขาแล้วผละออกเบาๆ พร้อมเอ่ยถามลูกชาย แต่ละคนใส่ชุดใหม่คงเปลี่ยนกันแล้ว ตอนนี้พวกเขาอายุห้าปีไม่จำเป็นต้องดูแลตลอดเวลา "กินข้าวกันหรือยัง" ไม่รอคำตอบเธอก็ถามประโยคต่อมา ชาตินั้นเธอผิดต่อพวกเขาชาตินี้ได้หวนกลับมาเธอจะดูแลพวกเขาและไม่ให้ผิดต่อพวกเขาอีก "พวกเราเพิ่งกินมื้อกลางวันครับ" ฉินชุนซางฝาแฝดคนเล็กเป็นคนบอก เธอพยักหน้าและรีบเปลี่ยนชุดยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ จริง ๆ ชาวบ้านจะกินข้าวเพียงสองมื้อ เช้าและเย็น หากเป็นบ้านที่ยากไร้พวกเขาจะกินข้าวเพียงมื้อเดียว บ้านฉินมีแต่คนขยันพวกเขากินข้าวสองมื้อแต่ว่าเด็ก ๆ จะมีมื้อกลางวัน และเถียนเมิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นที่กินข้าวสามมื้อ "อาสะใภ้สามจะกินข้าวหรือคะ ฉันจะไปเตรียมให้" ฉินหลันหลานสาวใหญ่ของบ้านเอ่ยถาม "อืม" เถียนเมิ่งไม่คิดที่จะปฏิเสธทุกคน ในบ้านรู้ดีว่าเธอเป็นคนขี้เกียจ อาหาร งานบ้าน หรือแม้แต่เสื้อผ้ายังเป็นหลานสาวที่ต้องซักให้ ของสามีเขาซักเอง ส่วนลูกทั้งสามผู้เป็นแม่สามีที่ซักให้ ก็แน่สิเถียนเมิ่งคลอดลูกชายท่ามกลางหลานสาวสิบกว่าปีจึงถูกมองว่าเป็นคนสำคัญ "ย่าล่ะ"ฉินชุนชุนเป็นหลานสาวคนเล็กของบ้านเธอมีใบหน้าที่ไม่ได้สวยมากแต่คนอื่นมองว่าเธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก ทำให้พี่ ๆ และผู้ชายในบ้านฉินต่างหวง ผู้ชายแทบไม่เคยได้เดินเฉียดใกล้ และยังเป็นเด็กสาวที่ติดพ่อกับพี่ชายมากนี่จึงทำให้ทั้งสี่คนต่างชอบ ฉินซ่งหลงยิ้มให้ลูกสาว "แน่นอนว่าเสร็จแล้ว พ่อขอเก็บของพวกนี้อีกหน่อยพวกเราจะออกไปแล้ว" เพราะเอกสารพวกนี้ตรงส่งตอนเช้าและคาดว่าพรุ่งนี้คงตื่นสาย หากไม่ทำวันนี้คงทำเสร็จไม่ทัน "คนงานกินเลี้ยงกันหรือยัง บอกพวกเขาว่ากินให้อิ่มไม่อิ่มสั่งอาหารเพิ่มได้ ค่าใช้จ่ายแม่ออกเองทั้งหมด" เถียนเมิ่งบอกลูกสาว ด้วยจำนวนคนงานและพนักงานที่เกินสามร้อยคน ทำให้เธอจ้างร้านอาหารอื่นมาทำอาหารให้ "บอกแล้วค่ะ" "ปะ พวกเราไปกันเถอะ" หน้าบ้านฉินมีสมาชิกของบ้านฉินนั่งเล่นกันอยู่ ถึงแม้ว่าทุกบ้านจะแยกบ้านกันแล้วแต่ว่ายังเป็นครอบครัวเดียวกัน มีบ่อยครั้งที่จะมาร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน หรือไม่ก็จะไปรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพราะพ่อฉินนั้นอายุเข้าเลขเจ็ดแล้วไม่อยากให้เดินไปไหนบ่อย แต่วันนี้มันต่างออกไปตรงที่มีการเลี้ยงคนงานด้วย เ
"ใช่ครับ เนื่องจากในตอนนี้ราคาของดอกไม้สูงเพราะมีการเพาะปลูกที่ยาก หากปล่อยสินค้ามากเกินไปจะทำให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง" ฉินซ่งหลงพูดเสริม เขาอธิบายเฒ่าแก่หวังไปแล้วแต่ก็ยังเรียกภรรยาเข้ามาช่วย "นั่นมันก็จริง ทำสัญญากันเถอะ!" ในเวลานี้เฒ่าแก่หวังนึกขอบคุณตนเองที่นำเมล็ดพันธุ์ดอกไม้มาให้ไร่เมิ่งชุน เพราะเวลาผ่านไปเพียงสองปีผลผลิตที่ได้ออกมานับว่าเกินคาดมาก เนื่องจากดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่นักวิทยาศาสตร์ต่างใช้ทดลองยา แต่หลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครปลูกได้ ถึงรับมาในราคาที่สูงเขาก็ขายออกในราคราที่สูงได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายรู้สัญญาแล้วจึงเซ็นสัญญาและจ่ายเงินสินค้าทั้งหมดหนึ่งปี นั่นทำให้เถียนเมิ่งยิ้มแก้มปริเนื่องจากดอกไม้ชุดแรกขายออกไปได้มหาศาล มากแค่ไหนก็คงสามารถจ่ายเงินเดือนให้คนในไร่ได้เป็นปีฉินซ่งหลงเป็นคนจัดการเรื่องสัญญาเพราะเขาเป็นผู้บริหารถึงแม้ว่าภรรยาจะเป็นคนที่ควรมีสิทธิ์มากกว่าก็ตาม แต่เถียนเมิ่งต้องการดูแลเบื้องหลังและดูแลลูก ๆ หลังทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เถียนเมิ่งประกาศขึ้นเงินเดือนให้กับทุกคนภายใต้ธุรกิจของไร่เมิ่งชุนคน
เถียนเมิ่งยังสร้างสำนักงานเพื่อการติดต่อที่สะดวกมากขึ้น คนที่เข้ามาทำงานในนี้ล้วนเคยเรียนในโรงเรียนมาก่อนยกเว้นสะใภ้บ้านฉินที่มีตำแหน่งสูงกว่าคนอื่น มีเจ้าหน้าที่ถึงสิบสามคนที่จัดการให้ ทั้งเรื่องบัญชี ภาษี ความขัดข้องต่าง ๆ และทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงปีกว่า ๆ เท่านั้น พอขยายไร่มากขึ้นรายได้ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ฉินซ่งหลงปรึกษาที่จะซื้อรถหกล้อเข้ามาช่วยขนผักและอื่น ๆ เพื่อความสะดวก เถียนเมิ่งเห็นด้วย เงินสำรองของไร่ที่เก็บเอาไว้จึงใช้จ่ายไปครึ่งหนึ่งเพื่อให้ได้รถหกล้อหนึ่งคันกับรถยนต์อีกหนึ่งคัน ทั้งสองเป็นสินค้ามือสองที่สภาพยังดีอยู่เพราะทำงานหนักมาหลายปีจึงมีเส้นสายในการซื้อรถได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่หาซื้อยากมากจึงได้ใช้แค่จักรยานมาหลายปี ต่อให้ไร่และร้านอาหารเมิ่งชุนขยายใหญ่จนมีคนงานจำนวนมากแต่คุณภาพไม่น้อยลงเลย เถียนเมิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มากถ้าเกิดผิดพลาดเพียงจุดเดียวทุกอย่างต้องหยุดชะงักเพื่อหาสาเหตุ นี่จึงทำให้ลูกค้าเก่าเชื่อใจสินค้าของไร่เมิ่งชุนเป็นจำนวนมาก มีการสั่งซื้อสินค้าวันละไม่ต่ำกว่าห้ารถหกล้อ ที่ยังไม่รวมกับลูกค้าที่เข้ามารับเองอีก
"มีครับ คุณครูบอกว่าวันนี้เป็นการบ้านวันสุดท้ายแล้ว เพราะอีกสองวันเป็นวันปิดภาคเรียนแล้วครับ" เถียนเมิ่งยิ้มเธอวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะก่อนจะขอดูการบ้านของลูกชาย "อืม เป็นการบ้านที่ลูกทำเมื่อวานนี้เอง ยังจำกันได้ไหมหรือจะให้พ่อสอน" "พ่อสอน!" ฉินชุนหลง ฉินชุนหยางรีบบอก “ได้" ฉินซ่งหลงมีความรู้เรื่องหนังสือมากเนื่องจากเขาเป็นทหารจึงได้เรียน เถียนเมิ่งก็มีสอนลูกชายบ้างแต่ส่วนมากจะเป็นสามีที่ได้สอน เพราะชุนชุนน้อยติดแม่มากเวลานี้ "พ่อเก่งมาก!" ใช้เวลาเพียงไม่นานการบ้านของเด็ก ๆ ก็เสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันจะปิดภาคเรียนไม่แปลกที่มันจะน้อย "ไหน ๆ แล้ว ทำขนมกันหรือไม่ พรุ่งนี้ลูกเอาไปแจกเพื่อนที่โรงเรียน" "ทำขนม!" ฉินชุนชุนพยักหน้า "ฮ่า ๆ ไปกันเถอะ" ขนมที่เถียนเมิ่งพาลาลูกชายทำคือเค้กกล้วยที่ดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุดิบที่มี และที่บ้านมีเตาอบดินเล็ก ๆ เอาไว้ทำขนมด้วย แต่ว่าวันนี้เค้กกล้วยที่ทำไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก ฉินชุนหลง ฉินชุนหยาง ฉินชุนซาง แต่ละคนเคยเข้าครัวมาช่วยแม่ทำขนมกันหลายครั้งและทำครัวเละทุกครั้งอย่างเช่นในวันนี้
"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าสาม" "แม่!" เจ้าแฝดประสานเสียงแต่ละคนล้วนทำตัวไม่ถูก "มีอะไรโวยวายกันทำไม แม่กับคนอื่นทำอาหารอยู่ได้ยินเสียงนานแล้ว" เถียนเมิ่งหรี่ตามองลูกชายทั้งสามอย่างจับผิดฉินชุนหลงถูกน้องชายดันหลังก็โมโหแต่ต่อหน้าแม่ถ้าเขาว่าน้องต้องถูกลงโทษแน่ ๆ "คะ...คือว่า ผม ผมอยากนอนกับคุณย่าครับ ให้พวกผม นอนที่นี่ได้ไหม" "ผมด้วย" "ผมด้วย" "ถามคุณย่าหรือยัง" "ถามแล้วครับ คุณย่าบอกให้ถามแม่" "เอาสิ" "เย้!" เถียนเมิ่งส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทีของลูกชายที่กระโดดอย่างดีใจ ตั้งแต่ย้ายบ้านไปอยู่บ้านใหม่เด็ก ๆ ไม่ค่อยได้มานอนที่บ้านฉินมากนัก เพราะเธอเกรงใจพี่ชายพี่สะใภ้ของสามี แต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ รักปู่กับย่ากำให้เธออมยิ้มบางเบา ผู้ใหญ่บางคนก็สมควรได้รับความกตัญญู...ร้านอาหารเมิ่งชุนถูกขยายใหญ่เพื่อให้รองรับลูกค้า เพราะเถียนเมิ่งยังไม่คิดที่จะเปิดร้านสาขาใหม่เร็ว ๆ นี้ ในเมื่องานยังล้นมืออยู่นั่นหมายความว่าหากเธอขยายสาขาก็แทบไม่ได้พัก ในตอนนี้รอเพียงสองสาวโตขึ้นมากกว่านี้ และรับพนักงานเพิ่มอีกหลายคน
"ฉันได้ใช้ชีวิตใหม่และเมื่อโตขึ้นจึงคิดได้ว่าสิ่งที่ฉันทำในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ใช้ชีวิตด้วยความโดดเดี่ยว" น้ำตาที่้กลั้นเอาไว้ไหลออกมา "และได้รับโอกาสให้ย้อนกลับมาก่อนจะแยกบ้านเพื่อเริ่มต้นใหม่" เสียงสะอื้นของภรรยาทำให้ฉินซ่งหลงที่กำลังอึ้งต้องดึงภรรยาเข้ามากอด "ช่างมันเถอะครับในเมื่อคุณกลับมาแล้วเรื่องอื่นผมไม่ได้สนใจ ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนผมก็รักเพียงคุณเท่านั้น" "ค่ะ" เถียนเมิ่งพยักหน้าแต่ว่า "ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ตกใจเท่าไร" "ตั้งแต่ที่บ้านติดต่อเรื่องแยกบ้านผมก็สงสัยแล้ว ยิ่งกลับมาที่บ้านคุณเปลี่ยนไปรวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ แต่ที่ไม่พูดเพราะคิดว่าเมื่อไหร่คุณอยากพูดคุณจะพูดเอง" "ขอบคุณค่ะ" ที่เถียนเมิ่งไม่พูดเพราะเธอไม่ต้องการให้สามีมองเธอไม่เหมือนเดิม หากในวันนี้เขาไม่บังเอิญเดินเข้ามาเธอก็คงจะปิดบังเขาเอาไว้ตลอด แต่วันนี้เขารับได้เถียนเมิ่งจึงโล่งอกไม่น้อย "เข้าไปดูร้านอาหารกันไหมครับ เมื่อวานหลานสาวบอกลูกค้าเยอะเผื่อต้องการพนักงานเพิ่ม" "ไปค่ะ" เถียนเมิ่งอยากเข้าไปดูร้านพอดีจึงตกลงที่จะไป ให้สามีไปบอกแม่