ฟู่หลินหลินคิดผิดที่ต่อปากต่อคำกับเขา และขัดใจท่านแม่ทัพ เขากระแทกร่างของนางชนกับขอบโต๊ะ แล้วกดดันหลังของนางให้โน้มชิดเอาตัวติดกับพื้นไม้
“อะ” นางเกือบจะร้องลั่นดังออกมา แต่ก็ต้องงับขบริมฝีปากให้แน่นสนิท ฟู่หลินหลินรู้ตัวตลอด เขารื้อร่นจนชายชุดที่ใส่อยู่ขึ้นมากองอยู่เหนือเอว
จากนั้นแม่ทัพนั่งลงไปที่ด้านล่าง แล้วได้ชิดใบหน้าฝั่งลงไปที่ด้านหลัง เขาฝังจมูกโด่งคมสันลงไปกลางร่อง สองขาของฟู่หลินหลินที่ถูกเขาจับให้แยกออกกว้าง ปลายลิ้นเร่าร้อนของแม่ทัพหนุ่มจ้วงแทงพ้นริมฝีปาก
และเริ่มละเลงไปกับกลีบดอกไม้แสนงามของนาง ฟู่หลินหลินครางครวญ และสะดุ้งตัว ‘เรื่องเซ็กซ์กับผู้ชายช่างเป็นของคู่กัน ที่ขาดไม่ได้ นี่เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพ แต่ทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างถึงรสชาติ’
“อื้อ... อย่า... ท่าน... อ้า... ซี้ด...” ความระร้ายของปลายชิวหาทำให้ฟู่หลินหลินน้ำตาไหลซึมเอ่อ นางอ้าขยับร้องครวญคราง หัวสมองและร่างกายของฟู่หลินหลินเริ่มปั่นป่วน
เขาดูดดุนน้ำหวานที่ไหลบ่าออกมาจากร่องรูรักของฟู่หลินหลินอย่างไม่คิดรังเกียจ และทำเหมื
“แล้วถ้าท่านพี่ทายผิด”“อือ… ข้าจะลาออกจากราชการ และไปอยู่กับเจ้าที่นอกเมืองหลวง ไปอยู่ในชนบทดีไหม”“จริงหรือเจ้าคะ” หน้าตาของฟู่หลินหลินยินดีมาก นางรีบลุกขึ้น แล้ววิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที เพราะนางเปรยเรื่องนี้มาหลายครั้ง เพราะไม่อยากเห็นสามีตายในสนามรบ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง“ลูกขอให้เป็นไปดั่งคำทายของข้า ให้ท่านพี่ทายผิด เราจะได้ไปอยู่นอกเมืองอย่างสงบเจ้าค่ะ”“ทำไมล่ะ เจ้าถึงต้องการมากถึงเพียงนี้”“ท่านพี่ ท่านน่ะไม่รู้ใจของข้าหรอก ตอนที่ท่านออกรบ ข้านอนไม่ได้ กินไม่ได้ เพราะเป็นห่วงท่าน ถ้าจะให้ดีเราไปเป็นเกษตรกรดีกว่า”แม่ทัพรั่วถึงกับหัวเราะเสียงใส“ข้าจะเก็บเอาไว้พิจารณานะ”แต่แล้วพอถึงวันคลอด ฟู่หลินหลินคลอดลูกสาว ทำให้แม่ทัพรั่วต้องทำงานรับใช้ราชสำนักต่อไป และเริ่มไว้หนวดเครา เพราะว่ารักลูกสาวตัวน้อยอย่างกับไข่ในหินและทั้งสองได้ตั้งชื่อลูกสาวว่า “ลูหลู้”ฟู่หลินหลิ
นางเพียงก้าวออกมาจากห้องเรื่อย ๆ แม้ลมที่พัดมาจะวูบพัดพาความเย็นมามากเพียงใด ทว่าใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก ๆแล้วขาที่อ่อนแรงก็ทำให้นางลื่นล้มและไถลไปกับพื้น ก้นและหลังกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่วางประดับอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้น“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ และร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ฟู่หลินหลินที่กำลังเดินมา เพื่อจะมาหารั่วฮูหยิน“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหน”“ข้าอยู่นี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดฟู่หลินหลินเดินตามเสียง จนพบว่าแม่สามีกำลังนอนอยู่กับพื้นร้องโอดโอย นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ฟู่หลินหลินรีบยกหัวของท่านขึ้นมา“โอ๊ย!”“ข้าถูกวางยา”“ใครกันทำท่านแม่”ยังไม่ได้คำตอบ รั่วฮูหยินหมดสติไปแล้วฟู่หลินหลินวางท่านลง แล้ววิ่งไปตามบ่าวไพร่ และให้คนไปตามหมอลมที่พัดแรงอากาศรอบตัวดูเวิ้งว้าง ฟู่หลินหลินใจหา
“ก็มีความจริงอยู่นิดหนึ่งนั่นแหละ แต่ตอนนี้ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว”“แน่นอนอยู่แล้วหลินหลิน ก็เจ้ากำลังจะเป็นแม่คนแล้วนี่นา”“ข้าตื่นเต้นจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่หาหมอที่ดีที่สุดมาทำคลอดให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปยิ่งใกล้คลอดข้าจะให้แม่หมอมาอยู่กับเจ้าเลย”แค่นี้ฟู่หลินหลินก็อบอุ่นในหัวใจแล้วแม่ทัพรั่วจึงพานางไปจับจ่ายซื้อของในตลาด พอได้ กินขนม และชมการละเล่นต่าง ๆ จนนางพอใจ ก็ชวนกลับ“หลินหลิน เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าได้ลืมสิ่งใดไปหรือไม่” แม่ทัพรั่วเอ่ยถามในขณะที่พานางออกมาชมดอกบัวที่สระว่ายน้ำใหญ่น่าจวน“ข้าลืมอะไรไปหรือเจ้าคะ”ฟู่หลินหลินมองเขาอย่างประหลาดใจ พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าตนเองลืมอะไรนางก็นึกไม่ออกแม่ทัพรั่วใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบพู่ห้อยเอวที่ทำจากไม้อันหนึ่งออกมา“เจ้าจำสิ่งนี้ได้หรือไม่” “นี่คือพู่ห้อยเอวที่ข้าคล้องห่วงได้วัน
แม้ฟู่หลินหลินจะมีความรู้ด้านการถอนพิษติดตัวมาจากชาติที่แล้วบ้าง แต่ในเมื่อฮ่องเต้ส่งหมอที่เก่งที่สุดมาถึงแล้ว จำต้องหลีกทาง“เจียงอ่าวเจ้าพานายหญิงออกไปที่ห้องรับรองเถอะ” นางจึงพาฟู่หลินหลินออกมาที่ห้องรับรอง และบังคับให้นอน“นายหญิงท่านต้องพักผ่อน เพื่อนายน้อยของเจียงอ่าวที่อยู่ในท้องนี้ด้วยนะเจ้าคะ แล้วนายหญิงไม่ต้องเป็นห่วงท่านแม่ทัพแล้ว เพราะอยู่ในมือของหมอหลวง มาทั้งสองคน และมีเครื่องมือและยาถอนพิษมาพร้อมสรรพ ท่านแม่ทัพจะหายในเร็ววันนี้เจ้าค่ะ”“อื้อ” ฟู่หลินหลินเอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และได้แต่ภาวนาให้หมอหลวงรักษาหมอท่านจะต้องหาทางช่วยชีวิตของเขาให้ได้ ตอนนี้ทุกคนทำได้แต่เพียงรอความหวังจากการรักษาของหมอหลวงเท่านั้น จากที่จับชีพจรของแม่ทัพรั่วดู และทดสอบเล็กน้อย หมอหลวงก็สามารถตอบได้ทันที“ท่านแม่ทัพถูกพิษของเจิ้นตู๋ เป็นพิษที่ได้มาจากนกเจิ้นเหนี่ยว”“ถ้าอย่างนั้นไม่น่าจะยาก” ว่าแล้วท่านหมอหลวงก็สั่งให้ผู้ช่วยของเขาหยิบนอแรดที่อยู่ในล่วมยาออกมาทำการฝนสองสามทีแล้วเทผงที่ได้
ด้านนอกจวน คนดูแลรถม้าใช้เวลาเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าที่มีเพียงฟู่หลินหลิน เจียงอ่าว แล้วก็องครักษ์อีกสองนาย ก็ออกเดินทางมุ่งสู่เมืองซุยโจวถึงแม้ว่าการนำองครักษ์ไปเพียงแค่ไม่กี่นายนั้นออกจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อยแต่ทว่าฟู่หลินหลินไม่อยากให้การเดินทางล่าช้าไปกว่านี้อีกแล้วในใจนางอยากจะไปให้ถึงเมืองซุยโจวในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่ง…กำแพงเมืองซุยโจวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฟู่หลินหลินมองไปก็รู้สึกว่ากำแพงเมืองนี้ช่างขัดขวางหัวใจของนางยิ่งนัก ใจจริงแล้วอยากที่จะเดินทะลุฝ่ากำแพงเมืองไปเพื่อเจอสามีของตนเองให้เร็ว ๆ การรออยู่ที่ด่านตรวจตรงประตูเมืองเพียงชั่วเวลาแค่ครึ่งก้านธูปนั้น ก็ยาวนานราวกับว่าเป็นเวลาร่วมสิบวัน “เจ้าช่วยไปบอกให้พวกเขาปล่อยให้พวกเราเข้าไปก่อนได้หรือไม่ บอกเขาไปว่านี่เป็นรถม้าของภรรยาท่านแม่ทัพ” เจียงอ่าวกระซิบบอกองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างองครักษ์ผู้นั้นยิ้มตอบอย่างลำบา
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป