Share

บทที่ 7

Author: วิถีมารไร้ขอบเขต
หลี่ว์ซิ่วหลันและผังเป่ยช่วยกันตรวจดูเหยื่อบนพื้น จากนั้นช่วยลูกชายมัดเหยื่ออย่างช่ำชอง

ผังเป่ยใช้มือข้างหนึ่งแบกเหยื่อขึ้นมาอย่างสบาย ๆ ส่วนมืออีกข้างจูงผังซี พร้อมลากเหยื่อจากการล่ากลับบ้านไปเต็มไม้เต็มมือ

เนื่องจากผืนป่าอยู่ในส่วนลึกของภูเขา พวกเขาจึงต้องมุ่งหน้าไปยังกระท่อมพิทักษ์ภูเขาของบ้านตนก่อน แล้วค่อยกลับหมู่บ้าน

เมื่อกลับมาถึงกระท่อม สามแม่ลูกก็เข้าสู่งานอันเคร่งเครียดทันที

หลี่ว์ซิ่วหลันหั่นเนื้อเป็นชิ้นใหญ่ด้วยความชำนาญ ขณะเดียวกันก็ถลกหนังออกอย่างคล่องแคล่ว เตรียมดำเนินการขั้นจัดการแปรรูป

เนื่องจากทรัพยากรบนภูเขามีจำกัด พวกเขาคิดจะนำหนังสดใหม่แช่ลงไปในน้ำอุ่น จากนั้นก็ใช้ไฟรมควัน เพื่อสะดวกต่อการสวมใส่อุ่นร่างกายโดยเร็วที่สุด

ตอนเด็ก ๆ หลี่ว์ซิ่วหลันมักจะตามพ่อไปเรียนงานฝีมือทำเครื่องหนัง เนื่องด้วยเหตุนี้เมื่อจัดการขึ้นมาจึงง่ายดาย

ระหว่างกระบวนการจัดการเนื้อ ผังเป่ยเลือกเนื้อคุณภาพดีมาประมาณสี่สิบห้าสิบชั่อย่างพิถีพิถัน แล้วใช้เชือกฟางมัดอย่างแน่นหนา

เขาคิดจะส่งเนื้อส่วนนี้และปืนล่าสัตว์ให้พร้อมกัน ถือเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ

เนื้อที่เหลือ หลี่ว์ซิ่วหลันคิดจะใช้ตู้เย็นจากธรรมชาติ...ฤดูหนาวแสนเยือกเย็น จัดเก็บมันโดยการแช่เย็นอย่างดี

ผังเป่ยแบกเนื้อและปืนล่าสัตว์ เดินไปทางบ้านของหลี่ว์ไห่อย่างแน่วแน่

เมื่อเข้าประตูไป เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยก็แว่วเข้ามาในหู เขารีบตะโกนขึ้นว่า “หัวหน้าหลี่ว์! ผมเอาปืนมาคืน แล้วก็เอาเนื้อมาด้วยนิดหน่อย!”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เนื้อ’ หลี่ว์ไห่ก็รีบพุ่งออกมาจากในห้อง ในมือยังถือกล้องสูบบุหรี่เอาไว้แน่น

ขณะที่เขาเห็นผังเป่ยแบกปืนล่าสัตว์อันหนักอึ้งและเนื้อแสนอวบอิ่ม ดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกาย รีบสาวเท้าก้าวมา

“สวรรค์ นายล่าเหยื่อได้มากขนาดนี้เลยเหรอ! นายไม่กลัวว่าจะถูกคนเห็นแล้วโยนความผิดให้นายหรือไง?” หลี่ว์ไห่กล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง

ผังเป่ยฉีกยิ้มพร้อมตอบกลับ “ที่จริงก็ไม่นับว่าเยอะหรอกครับ แค่สามตัว ตอนล่าสัตว์ผมระวังมาก ๆ รอบข้างไม่มีใครเห็น”

เขาส่งเนื้อให้หลี่ว์ไห่ หลี่ว์ไห่รับเนื้อกวางโรตะวันออกแสนหนักอึ้งมา ยิ้มจนหุบไม่ลง

“เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ! ตอนนี้หลานชายฉันก็ไม่ต้องกลัวหิวแล้ว!” หลี่ว์ไห่เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นก็หันหลังไปตะโกนทางห้องว่า “รีบมาเอาเนื้อเข้าไปเร็ว ให้ลูกสะใภ้ตุ๋นน้ำแกง จะได้เร่งน้ำนมให้เธอดีๆ!”

หลังจากนั้น ผังเป่ยก็ปลดปืนล่าสัตว์ลงมาให้หลี่ว์ไห่ “กระสุนห้านัดใช้หมดแล้ว หัวหน้า ปืนนี้ใช้แล้วเบี่ยงไปหน่อยนะ!” เขาพูดตำหนิ

หลี่ว์ไห่อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางด่า “เด็กอย่างนายนี่นะ จู้จี้จุกจิกขึ้นเป็นด้วย? ปืนล่าสัตว์กระบอกนี้เป็นกระบอกที่ตาของนายใช้ เขาปรับด้วยตัวเอง เหมาะกับการใช้ล่าสัตว์ ต้องรู้ว่าหมู่บ้านเราก็พึ่งปืนล่าสัตว์พวกนี้มาต้านทานสัตว์ร้ายทั้งนั้น! นายล่าสัตว์ได้กี่ตัวกันแน่?”

ผังเป่ยชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วอย่างได้ใจ “สามตัว ให้พวกหัวหน้าครึ่งหนึ่ง ผมเอาไว้เองครึ่งหนึ่ง”

เขาบอกทั้งหมดออกมาไม่ได้ แบบนี้จะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นตามมา

“โอ้โฮ นายใกล้จะตามตานายทันแล้ว!” หลี่ว์ไห่ถลึงตาโต พร้อมมองผังเป่ยอย่างยากจะเชื่อ

ถ้าไม่ได้เห็นเนื้อเหล่านี้กับตาตัวเอง เขาต้องคิดว่าผังเป่ยกำลังโม้อยู่แน่นอน

แต่ทว่า เนื้อที่วางอยู่ตรงนั้นเป็นของแท้แน่นอน ไม่มีทางเป็นของปลอม

หลี่ว์ไห่ตบไหล่ผังเป่ย “เด็กอย่างนายไม่เลวเลย เอาแบบนี้แล้วกัน ต่อไปกระท่อมบนเขาก็กลับมาเป็นของพวกนายแล้ว แต่นายต้องจำเอาไว้ว่า ป่าที่เชิงเขาเป็นของพวกเราและหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย ไปล่าสัตว์ที่นั่นจะเกิดปัญหาได้ง่าย และเจอคนฟ้องร้องได้ง่ายด้วย”

“บนเขาก็แล้วแต่นาย ที่นั่นไม่มีคนสนใจ ต่อให้มีคนฟ้องร้องก็ไม่เป็นไร ที่ตรงนั้นนายเป็นคนดูแลแล้วกัน แต่เสบียงอาหารที่อยู่ในป่าแบ่งให้นายไม่ได้ เพราะพวกเราก็มีไม่มากจริงๆ”

เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่เหยื่อที่นายหาได้บนภูเขาจัดการเองได้เลย แล้วก็ปืนล่าสัตว์กระบอกนี้ ฉันจะช่วยไปยื่นเรื่องกระบอกใหม่ให้นายที่ตำบลเอง”

พูดจบ หลี่ว์ไห่ก็หมุนตัวกลับเข้าห้องไป ก่อนจะหยิบกับดักจับสัตว์และคันธนูไร้สายที่เขาเคยใช้เมื่อตอนยังหนุ่มมา และยังมีซองใส่ลูกธนูหนังที่ใส่ลูกธนูไว้ห้าหกดอก ส่งให้ผังเป่ยพร้อมกัน

“นี่เป็นของที่พ่อฉันทิ้งเอาไว้ให้ นายคงได้ใช้!” หลี่ว์ไห่เอ่ย

ผังเป่ยรับมา จากนั้นก็มองประเมินลูกธนูนั่นอย่างละเอียด แม้จะไม่มีสายธนู ทว่าคันธนูเงางามคล้ายของใหม่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าของคนก่อนถนอมมันมาก แค่ใส่สายธนู นั่นก็เป็นธนูอย่างดีอีกคันแล้ว!

“ขอบคุณครับหัวหน้า!” ผังเป่ยขอบคุณอย่างจริงจัง

หลี่ว์ไห่ส่งกระเป๋ามาอีกใบ ด้านในใส่ป่านเอาไว้บางส่วน “ใช้ป่านนี่ถูสายธนูเส้นใหม่ นายล่ากวางโรตะวันออกได้ไม่ใช่เหรอ? ไปหาแม่ของนาย ให้แม่ของนายใช้เนื้อเอ็นมาเสริมความเหนียวของสายธนู เธอเป็นคนที่ทำสายธนูเก่งที่สุดในหมู่บ้านเราแล้ว”

ผังเป่ยหยักหน้าแสดงว่าเข้าใจ พลางฉีกยิ้มและเอ่ยว่า “ขอบคุณการชี้แนะของหัวหน้านะครับ”

หลี่ว์ไห่หยิบน้ำมันก๊าดขวดเล็กส่งให้ผังเป่ยอีกขวด “แล้วก็เจ้านี่ นายก็เอาไปเถอะ ตอนกลางคืนต้องใช้”

ผังเป่ยไม่ได้ปฏิเสธ เนื่องจากราคาเหยื่อที่เขานำมาวันนี้เกินของเหล่านี้ไปมาก มิหนำซ้ำ ของเหล่านี้เป็นของที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วนในตอนนี้ด้วย

“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ หัวหน้า ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผังเป่ยตอบ

“เดี๋ยวก่อน” หลี่ว์ไห่เรียกให้เขาหยุด และกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ขณะออกมาในมือมีเกลือหนึ่งห่อเพิ่มขึ้นมา “พวกนี้ก็ให้นายด้วย ในหมู่บ้านไม่ขาดเจ้านี่ แต่ขาดธัญญาหาร นอกจากธัญญาหารแล้ว ฉันจะไม่ทำให้นายเสียเปรียบเป็นอันขาด!”

ผังเป่ยรับของมา ก่อนจะบอกลาหลี่ว์ไห่ด้วยความซาบซึ้ง

มองแผ่นหลังของผังเป่ยที่หายไปในแสงยามราตรี หลี่ว์ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เด็กดีขนาดนี้ ทำไมถึงถูกไล่ออกมาได้นะ? ตาบอดจริงๆ!”

ผังเป่ยนำของที่ได้รับเต็มไม้เต็มมือกลับบ้าน และบอกข่าวที่หัวหน้าเห็นดีเห็นงามให้เขาเป็นพิทักษ์ภูเขากับแม่ด้วยความตื่นเต้น

เมื่อหลี่ว์ซิ่วหลันได้ยินข่าวนี้ น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะไหลออกมา เธอรู้สึกว่าลูกชายโตแล้วจริง ๆ อายุยังไม่ถึงสิบแปดก็หาช่องทางดำรงชีวิตเองได้แล้ว

ผังเป่ยโชว์กับดักจับสัตว์ด้วยความได้ใจ พร้อมกับเอ่ยว่า “แม่ มีสิ่งนี้บวกกับบ่วงดักกระต่ายที่ผมทำก่อนหน้านี้ อัตราการล่าสัตว์ของผมก็จะสูงขึ้น แถมหัวหน้ายังให้อาวุธพวกนี้กับผมมาอีก รอผมซ่อมสายธนูเสร็จแล้ว ล่าสัตว์เล็กนิดหน่อยก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว!”

หลี่ว์ซิ่วหลันเช็ดน้ำตา ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “มา แม่จะซ่อมสายธนูให้แกเอง แกไปพักเถอะ เดี๋ยวแม่วัดขนาดตัวให้พวกแก แล้วจะทำเสื้อหนังให้พวกแกนะ”

ผังเป่ยพยักหน้า “ได้ครับแม่! แม่ก็ทำให้ตัวเองด้วยสักตัวเถอะ เรามีหนังตั้งห้าแผ่น พอทำเสื้อหนังอุ่นร่างกายให้เราทุกคนแล้ว รอผมล่าสัตว์ตัวใหญ่กว่านี้ได้ แม่ค่อยทำเสื้อคลุมให้ผมอีกตัวนะ!”

หลี่ว์ซิ่วหลันเช็ดน้ำตาตรงหางตาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าและตอบกลับว่า “เสี่ยวเป่ยของเราโตแล้ว!”

ผังเป่ยช่วยแม่อย่างมีความสุข ถูป่านทำสายธนูไปด้วย พลางเตรียมอาหารค่ำไปด้วย

อาการของเสี่ยวซีท่าไม่ดีเล็กน้อย เธอเริ่มท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน หลี่ว์ซิ่วหลันเองก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเช่นกัน

เนื่องด้วยเหตุนี้ ขณะที่สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในห้อง ผังซีก็วิ่งไปที่ป่าหลังบ้านเพื่อจัดการธุระส่วนตัวอีกครั้ง

สภาพร่างกายของผังเป่ยไม่เลวทีเดียว นี่เป็นเพราะได้รับอานิสงส์จากการที่เขาไม่ได้กินเนื้อเป็นเวลานาน กระเพาะอาหารชินกับอาหารรสชาติจืดแล้ว

ทว่าเขาเชื่อว่าตามกาลเวลาที่ผ่านไป ตนจะค่อย ๆ ชินกับอาหารประเภทเนื้อเอง

เสี่ยวซีจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็กลับเข้ามาในบ้าน เมื่อเข้าประตูมาก็ได้กลิ่นเนื้อหอมฉุย

“ว้าว ได้กินเนื้ออีกแล้วเหรอ?” เธอตะโกนด้วยความตื่นเต้น

แม่ฉีกยิ้มพลางตอบ “แน่นอนอยู่แล้ว! นี่ต้องขอบคุณพี่ชายของลูกเลยนะ ถ้าไม่ได้เขา เราจะเอาเนื้อที่ไหนมากิน?”

ผังซีพยักหน้าอย่างรู้ประสา “อืม พี่ดีที่สุดเลย!”

ทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงกัน ดื่มด่ำอาหารประเภทเนื้อที่ไม่ได้กินมานาน ความสดอร่อยของเนื้อกวางโรตะวันออกทำให้ทั้งครอบครัวกินกันจนน้ำตาคลอเบ้า

ทว่าเมื่อถึงมื้อที่สอง พวกเขาก็ค่อย ๆ ชินกับรสเลิศประเภทนี้แล้ว ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนอย่างแต่ก่อนอีก

เมื่อกินข้าวเสร็จ หลี่ว์ซิ่วหลันก็เริ่มง่วนกับงาน เธอต้องซ่อมธนูให้ผังเป่ย

ส่วนผังเป่ยวางแผนจะวางกับดักบางส่วนไว้รอบ ๆ จากนั้นก็กลับบ้าน

ถึงยังไงเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ก็บางเกินไป เขาไม่คิดจะเกิดใหม่เพราะหนาวจัดและเสี่ยงอันตรายอีกครั้งหรอกนะ

หลี่ว์ซิ่วหลันเองก็ตัดสินใจเย็บเสื้อหนังให้ลูกชายก่อน

เธอและผังซีอยู่ในบ้านไม่ต้องออกไปข้างนอกได้ แต่ผังเป่ยต้องขึ้นเขาล่าสัตว์ ต้องสวมที่อุ่นหน่อย

หนังกวางโรตะวันออกห้าแผ่นและหนังกระต่ายหนึ่งแผ่นคงพอให้ทำเสื้อหนังหนา ๆ สักตัวแล้ว

สองแม่ลูกเริ่มง่วนกับงานขึ้นมา เตรียมชุดกันหนาวให้ผังเป่ย
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 35

    หลี่ว์ชิงซงตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกเดรัจฉานนี้ซุ่มโจมตีเคยได้ยินจากพ่อของตัวเองมาตลอดว่าไอ้เจ้าหมาป่านี้มันดุร้ายและเจ้าเล่ห์นัก แต่ก็ไม่เคยเจอกับตัวมาก่อนแน่นอนว่าถ้าเขาเคยเห็นมาก่อน ก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้“ทำไงดี!” เสียงพูดของหลี่ว์ชิงซงสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็รีบชักกรวยน้ำแข็งออกมาในทันที ป้องกันไม่ให้หมาป่าที่จะปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ผังเป่ยกระซิบ "ตอนนี้พวกเราทำได้แค่หาทางถอยกลับไปที่กับดักตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางสู้มันได้!"หลี่ว์ชิงซงพยักหน้า มีกับดักช่วย พวกเขาสองคนก็ยังมีโอกาสรอดตาย ถ้าขืนสู้ไปทั้งอย่างนี้ โอกาสรอดก็เท่ากับศูนย์หลังจากหารือวิธีรับมือแล้ว ชายทั้งสองก็เคลื่อนตัวไปทางกับดักในทันทีแต่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปไม่ได้ จะให้ฝูงหมาป่ารู้ว่าพวกเขากลัวไม่ได้ดังนั้นต้องไปชิดทางนั้นอย่างระมัดระวังโชคดีที่กับดักอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้หลัก ๆ แล้วผังเป่ยกับหลี่ว์ชิงซงสองคนต้องระแวดระวังขณะถอยไปทางด้านนั้นด้วย แล้วก็ต้องหันหลังให้กัน เพราะกลัวว่าจะถูกลอบโจมตีถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่หลี่ว์ชิงซงก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบที่อยู่รอบตัวแล้วนอกจ

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 34

    หลังจากที่ได้พูดคุยกับตาอยู่พักหนึ่ง ผังเป่ยก็รู้สึกมั่นใจในการล่าสังหารฝูงหมาป่ามากขึ้นการตามล่าราชาหมาป่าก็เป็นศึกสำคัญสำหรับตัวเขาในการรักษาตำแหน่งผู้พิทักษ์ภูเขานี้!ดังนั้นเขาจะต้องชนะเท่านั้น จะแพ้ไม่ได้!แม้ว่ามารดาจะโดนดุอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วบ้านตาถือว่าใจดีกับพวกเขามากที่นี่ ผังเป่ยสัมผัสได้ถึงความใส่ใจจากครอบครัว แล้วก็ความกลมเกลียวกันของทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะลุงใหญ่หรือยายต่างก็ใจดีกับผังเป่ยมาก แม้ว่าตาเข้มงวดไปสักหน่อย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักที่กว้างใหญ่ดุจขุนเขาที่ตามีให้ตั้งแต่ยุคโบราณ ลูกสาวกลับบ้านเดิมจะต้องไม่จากไปมือเปล่าคนแก่คนเฒ่ากลัวว่าลูกสาวจะหิวและหนาว จึงจะเตรียมเครื่องนอนและของใช้จำเป็นไว้ให้เมื่อเธอออกเดินทางผังเป่ยกลับบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบน้อยใหญ่ ในใจเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดูท่าการพาแม่กลับมาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว!หลังกลับถึงบ้าน ในตอนที่ผังเป่ยพลิกตัวเข้ามาในลานบ้าน ก็ได้เห็นเข้ากับผังซีที่กำลังเล่นกับสุนัขจิ้งจอกในลานบ้านอยู่พอดีจิ้งจอกนอนเตะขาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่บนพื้น และมือเล็ก ๆ ของผังซีก็กำลังลูบขนอันนุ่มนิ่

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 33

    ได้รับดาบมา ตอนนี้ผังเป่ยก็ถือว่ามีอาวุธมีพลังทำลายล้างแก่กล้าอยู่อย่างหนึ่งแล้วถึงแม้ดาบซามูไรจะไม่ได้เหมาะกับการล่าสัตว์ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า ก็ยังมีความสามารถพอที่จะใช้ตอบโต้ได้ผังเป่ยเก็บอาวุธเอาไว้ เขารู้ว่านี่ก็นับเป็นมรดกหลังจากเก็บอาวุธแล้ว หลี่ว์หย่วนจงก็มองไปที่ผังเป่ยและพูดด้วยรอยยิ้ม "ไอ้หนู ได้ยินว่าแกอยากจะจัดการกับฝูงหมาป่าใช่ไหม?"ผังเป่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบ "ใช่ครับ"“รับอันนี้ไป! เดิมทีเดิมนี่ฉันว่าจะเอามันใส่ลงโลงไปด้วย แต่แกคงได้ใช้มัน เพราะงั้นเอาไปเถอะ!”ขณะที่เขาพูดไป ตาก็ส่งสายตาให้ยาย ยายก็ไปเปิดตู้ใหญ่และหยิบชุดคลุมหนังหมีออกมาจากข้างในในทันที!โดยทั่วไปแล้ว พรานจะรวบรวมสิ่งของจำนวนหนึ่งที่ตนได้มาจากการล่าสัตว์ใหญ่ตลอดทั้งชีวิตมาเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวหรือหนังยายแย้มยิ้มพร้อมกางหนังหมีออก แล้วสวมให้ผังเป่ยเธอลูบแก้มของผังเป่ยด้วยความเอ็นดูแล้วพูด "เสี่ยวเป่ยใส่แล้วดูเข้ามากจริงๆ!"ในตอนนี้ตาก็ได้ถอดของสิ่งหนึ่งอย่างออกจากคอ แล้วพูด "ไอ้หนู มานี่สิ!"ผังเป่ยเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย และหลี่ว์หย่วนจงก็สวมสร้อยคอที

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 32

    สรุปแล้วตาเฒ่ากำลังคิดหาเหตุผลที่จะไปตีอีกฝ่ายในภายภาคหน้าดังนั้นเขาจึงได้เงียบไปผังเป่ยก็พูดขึ้นมาจากด้านข้าง “เรื่องเงินผมจัดการได้ครับ ตาไม่ต้องกังวล”หลี่ว์หย่วนจงพินิจมองผังเป่ย แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “เด็กน้อยอย่างแกน่ะ ขนยังขึ้นไม่ครบเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับมีฝีมือความสามารถแล้ว ฉันเห็นแล้วว่าแกฆ่าหมาป่ากลับมา ทีแรกฉันนึกว่าทักษะแขนงนี้ของครอบครัวจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าแม้ลูกชายจะทำไม่ได้ แต่หลานชายกลับมารับช่วงต่อ เยี่ยมเลย!”พูดถึงตรงนี้ หลี่ว์หย่วนจงก็เอี้ยวตัวไปเปิดตู้ข้างเตียง และหยิบของจากข้างในออกมาหลายอย่าง สิ่งแรกคือหนังแกะผืนหนึ่งหลี่ว์หย่วนจงส่งหนังแกะให้ผังเป่ยแล้วพูดต่อ “ในเมื่อแกอยู่ในวงการนี้ งั้นก็ต้องรู้จักเส้นทางการกระจายตัวบนภูเขา ที่ไหนน่าจะมีอะไร แผนที่นี้ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายที่ฉันบากบั่นมาตลอดชีวิต ทีแรกฉันตั้งใจจะให้ลุงใหญ่ของแก แต่เขาไม่เอาไหน ไม่มีฝีมือในการล่าสัตว์ แต่แกมี สิ่งนี้เลยต้องส่งต่อให้แก บนแผนที่นี้ไม่ได้มีแต่เส้นทางกระจายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีสัญลักษณ์อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ที่ไหนไปได้ ที่ไหนไปแล้วต้องระวังให้มาก แล้

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 31

    เมื่อเห็นบิดาถือไม้เท้าเดินออกมา หลี่ว์ซิ่วหลันก็ทรุดลงคุกเข่าลงกับพื้นดังปั๊ก"พ่อ!"ชายชรามองดูลูกสาวของตนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วถอนหายใจอย่างจนใจ "ลุกขึ้น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเอา กลับบ้านกับฉัน!"หลี่ว์ซิ่วหลันตะลึงงัน แล้วพี่ใหญ่ก็มาดึงเธอขึ้น “เธอคิดอะไรอยู่ กลับบ้านกับพ่อสิ!”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้ารัว ๆ แล้วขานตอบ "อือ!"พอหยัดกายลุกขึ้นแล้ว หลี่ว์ซิ่วหลันก็ลากผังเป่ยเดินไปทางบ้านของตัวเองด้วยกันทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในลานเล็ก คุณตาก็นั่งลงอย่างช้า ๆ เขาทำหน้าปั้นปึ่ง ไม่พูดไม่จาบรรยากาศลานเล็กดูอึดอัดมากอย่างชัดเจน หลี่ว์ชิงซงหันซ้านหันขวาแล้วชิงพูดก่อน "พ่อ หลันจื่อเองก็จนปัญญา..."หลี่ว์หย่วนจงมองลูกสาว "แกตั้งใจจะหย่าแล้วงั้นเรอะ?"หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า แต่ไม่กล้าปริปากพูดแม้ว่าลูกสาวจะอายุสิบเจ็ดปีแล้ว แต่ในสายตาของบิดา เธอก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง“ตั้งแต่แต่งเข้าไปมันตีแกมาตลอดเลยเหรอ” ชายชราจ้องมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน สีหน้าอาฆาตแค้นอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่หลี่ว์ซิ่วหลันกำลังสับสนอยู่นั้น ผังเป่ยที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยปากตอบ "ตีมาตลอด ตั้งแต่ผมจำค

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 30

    “ฉันว่านะคะหัวหน้า เรารายงานไปดีกว่า ถ้ายื่นคำร้องไป เบื้องบนจะต้องไม่อนุมัติแน่ เราก็ฉวยโอกาสนี้บอกว่างั้นเราจะทำเอง แต่เบื้องบนต้องให้เอกสารอนุมัติ บอกว่าได้มอบปืนให้แล้วก็สิ้นเรื่อง!”หลี่ว์ไห่เห็นว่าความคิดนี้มาจากสาวม่ายในหมู่บ้านเขาอดยิ้มไม่ได้ “ผมว่าความคิดของแม่ม่ายไช่ไม่เลวเลยนะ! ทุกคนว่ายังไง!”“วิธีนี้ดีเลย ใครก็มาจับผิดไม่ได้!”ทุกคนได้ฟังแล้วก็พากันเห็นดีเห็นชอบด้วยอย่างเซ็งแซ่ในทันทีเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ว์ไห่ก็พูดขึ้น "ถ้าอย่างนั้นกองกำลังจะอนุมัติเอกสารให้นายก่อน แล้วนายก็ไปหาปืนมา นักบัญชีเอ้อร์! เบิกเงินของกองกำลังออกมาให้ผังเป่ยห้าสิบหยวน ส่วนที่เหลือจะให้เมื่อมีเงิน"ผังเป่ยได้ยินว่าให้เงินเขาห้าสิบหยวน! เรื่องนี้มันเยี่ยมไปเลยนี่นา!เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าพูดจริงเหรอครับ? ห้าสิบหยวนน่าจะซื้อกระสุนได้ไม่ร้อนเลยสิครับ?”หลี่ว์ไห่หัวเราะ "ไอ้หนู เมื่อกี้ยังแสร้งทำเป็นหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีต่อหน้าฉันอยู่เลย!"“ก็นั่นไม่ใช่เพราะขาดเงินขาดกระสุนหรือไง? แต่ผมรับประกัน ขอแค่หาปืนหากระสุนได้ ผมสัญญาว่าจะกำจัดหมาป่าฝูงนี้ให้ทุกคนเอง!”แม่หม้ายไช่กลั้นหัวเราะไม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status