โรงพยาบาล...
“เป็นไงบ้างมึง” พิจิกและรรรถามขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อติณเริ่มรู้สึกตัว
“ยังปวดท้องอยู่นิดหน่อย” ติณตอบแต่ใดวงตาเหม่อลอย “ถ้าไม่ได้พวกมึงกูคงไม่รอด”
“อย่าคิดมากสิ ตอนนี้มึงกับลูกปลอดภัยแล้วนะ” รรรพยายามปลอบใจ
“พวกมึงเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ติณยังคงเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงพวกกู ตอนนี้ห่วงตัวเองก่อน นอนพักได้แล้วมึงจะได้หายไว ๆ” พิจิกดุ
“มึงตอบกูมาก่อน” ติณเริ่มดื้อใส่
“เราสองคนเคลียร์กันแล้ว ทุกอย่างโอเคแล้ว มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยววันนี้กูสองคนจะนอนเฝ้ามึงที่นี่เอง” รรรพูดให้ติณได้รู้สึกผ่อนคลาย และหันไปดุใส่พิจิก “เรื่องแค่นี้มึงก็ไม่เห็นต้องดุมันเลย” พิจิกเตรียมจะอ้าปากเถียง “ไม่ต้องเถียงด้วย” พิจิกจึงได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ไอ้จิกกลายเป็นหมาหงอยเลย” ติณแซว ก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
คาเฟ่ในโรงพยาบาล...
ด้วยความที่ไม่อยากกวนคนป่วย พวกเขาจึงย้ายตัวเองลงมานั่งกินกาแฟ และหาอะไรรองท้อง
“มึงทำกูเสียการปกครองไอ้ติณหมด” พิจิกว่าเสียงอ่อย
“เสียการปกครองอะไรของมึง” รรรยังคงไม่รู้ตัว
“ก็มึงดุกูต่อหน้ามัน...” พิจิกเสียงอ่อย
“ไร้สาระน่ามึง” รรรไม่สนใจดูดกาแฟ กินเค้กต่อ ปล่อยพิจิกนั่งหน้างอต่อไป
“วันนี้มึงกลับไปนอนห้องก็ได้นะ เดี๋ยวกูเฝ้าเอง”
“นอนนี่แหละ กูไม่อยากกลับไปนอนคนเดียว เสื้อผ้าทำงานก็เตรียมมาแล้ว” รรรดูดกาแฟ “หรือมึงไม่อยากให้กูอยู่เป็นก้าง”
“ก้างเหี้ยไรล่ะ กูแค่อยากให้มึงนอนสบาย ๆ ไปทำงานจะได้ไม่เพลีย เฝ้าไข้พยาบาลเข้าออกทั้งคืนหลับ ๆ ตื่น ๆ มึงจะไปทำงานไม่ไหว...กูห่วง” พิจิกจริงจัง จนรรรต้องก้มหน้ากินเค้กแก้เขิน
“ไม่เป็นไรหรอก สบายมาก” พูดไปก็เขี่ยเค้กไป
“จะกินมั้ยน่ะเค้ก เขี่ยเล่นจนเละหมดแล้ว” พิจิกแซว
“ยุ่งน่า” รรรแกล้งดุแก้เขิน
“ไอ้ธูป” พิจิกจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ พอ ๆ กับเขา กำลังเดินผ่านคาเฟ่ ตรงไปยังประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล “มันมาทำอะไรที่นี่”
“คนนี้เหรอที่เป็น...”
“อืม...มันนี่แหละตัวก่อเรื่อง” พิจิกลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่รรรคว้าข้อมือไว้ทัน
“มึงจะไปไหน”
“จะไปดูว่ามันมาทำอะไร”
“นั่งลงเดี๋ยวนี้เลย” พิจิกยังฝืนแรงฉุดที่รรรดึงลงมาให้นั่ง “กูบอกให้มึงนั่งลงไง จากที่มันไม่รู้เรื่องไอ้ติณ ความจะมาแตกก็เพราะไอ้ความใจร้อนของมึงนี่แหละ” รรรออกแรงดึงพิจิกอีกครั้ง “กูบอกให้นั่งลงไง”
ครั้งนี้พิจิกยอมนั่งตามที่รรรสั่ง เพราะรรรเริ่มเสียงแข็งจนทำให้เขารู้สึกตัว “มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ และอีกอย่างหนึ่งเราแจ้งทางโรงพยาบาลไว้แล้วไง ถึงมันมาตามหาทางโรงพยาบาลเขาก็บอกข้อมูลมันไม่ได้” พิจิกเริ่มใจเย็นลงรรรจึงยอมปล่อยมือ “ถ้ามึงออกไปเจอมันสิได้กลายเป็นเรื่องแน่ ดูท่าทีมันไปก่อน”
สักพักธูปก็เดินผ่านคาเฟ่ และออกจากโรงพยาบาลไป ทั้งสองคนจึงเดินไปถามตรงประชาสัมพันธ์
“ขอโทษนะครับ เมื่อกี้เหมือนจะมีคนมาหาคนไข้ชื่อติณหรือเปล่าครับ” รรรเป็นคนถาม และคอยจับมือเรียกสติพิจิกไว้ เขาไม่ไว้ใจความใจร้อน โผงผางของมัน
“ใช่ค่ะ เขามาถามหาคนไข้ชื่อติณ แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งไปว่าไม่มีตามที่ญาติคนไข้แจ้งไว้ค่ะ” ประชาสัมพันธ์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากนะครับ” รรรค้อมหัวขอบคุณ ก่อนจะพาพิจิกเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังห้องที่ติณอยู่
“ทำไมมันถึงรู้ว่าติณอยู่โรงพยาบาล” พิจิกยังคงสงสัย
“พักเรื่องนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวติณมันรู้มันจะไม่สบายใจ”
พวกเขาเข้าไปในห้องพอดีกับติณกำลังนั่งกินข้าวที่โรงพยาบาลเอามาเสิร์ฟพอดี
“ทำไมกินนิดเดียวเอง” รรรเข้าไปดู “เดี๋ยวหาอะไรมาให้กินเพิ่มดีกว่า ฝืนหน่อยนะติณเพื่อตัวเองและก็เพื่อลูกด้วย” รรรรีบเดินไปคว้าถุงในมือพิจิก “กินนมนะ” รรรจัดการเจาะขวดนมยื่นให้ติณ ติณก็ฝืนใจรับมาดูด เพราะเกรงใจรรร ที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี
เสียงโทรศัพท์ของพิจิกดังขึ้น...
พิจิกเดินออกไปนอกห้อง เมื่อเห็นเป็นชื่อมีนน้องชายของเขา “ได้เรื่องมั้ย”
“ไอ้ธูปมันไปที่คอนโดเมื่อวาน” มีนรายงาน “พนักงานบอกว่ามันพยายามโทรขึ้นห้องพี่ติณ ตอนส่งพี่ติณขึ้นรถพยาบาลมันก็อยู่ตรงล็อบบี้ ผมเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว”
“ยังไงช่วงที่พวกกูอยู่โรงพยาบาลมึงคอยดูมันให้กูด้วย”
“โอเคครับเฮีย”
“มีงานด่วนหรือเปล่า” ติณถามเมื่อพิจิกผลักประตูห้องเข้ามา
“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้มีนมันโทรมาชวนไปกินเหล้า”
“มึงไปก็ได้นะ เดี๋ยวกูดูแลติณเอง”
“ไม่เอา...ขี้เกียจ อยู่ที่นี่ด้วยกันนี่แหละ”
“มึงก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวมานอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า” พูดกับรรรจบ ก็หันมาที่ติณ “มึงด้วยนอนได้แล้ว” พิจิกช่วยปรับเตียงลง จัดการห่มผ้าให้เรียบร้อย ติณก็หลับไปอย่างง่ายดายน่าจะเพราะฤทธิ์ยาที่เพิ่งกินเข้าไป
พิจิกได้แต่นั่งหน้าเครียดอยู่ตรงโซฟา จนรรรอาบน้ำเสร็จออกมายังไม่รู้สึกตัว รรรจึงลงมานั่งข้าง ๆ
“มีอะไรหรือเปล่า กูเห็นมึงเครียดตั้งแต่มีนโทรมาแล้ว”
“ไปคุยกันข้างนอก” ว่าแล้วพิจิกก็ลุกนำออกไปนอกห้อง
“มีเรื่องอะไรมึง ถึงต้องออกมาคุยกันตรงนี้”
“ไอ้ธูปมันมาหาติณที่คอนโดเมื่อวาน แต่มันขึ้นไปไม่ได้ แล้วตอนที่ไอ้ติณขึ้นรถพยาบาลมันก็อยู่ตรงล็อบบี้”
“ใจเย็นก่อนมึง อย่างน้อยตอนนี้มันก็เข้าถึงตัวติณไม่ได้” รรรจับมือ และลูบแขนไปมาให้พิจิกใจเย็นลง “ตอนนี้ก็อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กับไอ้ติณ เดี๋ยวมันจะเครียดกันไปใหญ่”
“พรุ่งนี้มึงต้องไปทำงานเองแล้วนะ กูต้องเฝ้าไอ้ติณ กูไม่ไว้ใจ” พิจิกยังคงเป็นห่วงรรร
“เออ...กูก็จะไปเองอยู่แล้ว มึงอยู่เฝ้าไอ้ติณไป กูเลิกงานแล้วจะรีบกลับมาช่วยมึง ช่วงระหว่างวันมึงก็ให้มีนมาช่วยเปลี่ยน”
เข้ามาในห้องได้รรรก็ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา “มึงไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้มานอน”
“ขอกูนอนกอดนะ” พูดจบเขาก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไป
“ป๊าม๊าจะเอาเจ้าเด็กแสบอยู่หรือเปล่านะ” ติณเดินบ่นเข้าห้องมาด้วยความกังวล“เดี๋ยวก็รู้” มีนพูดขำ ๆ “อยู่ ๆ อยากปวดหัวตอนแก่”“คอยดูว่าพี่ภันต์จะดูแลทุกคน หรือพี่ภัณต์จะปล่อยโฮคนแรก” ติณคิดตามคำพูดมีนแล้วได้แต่ยิ้มส่ายหัว“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” ติณถามด้วยความสงสัย ปกติเวลานี้มีนจะอยู่ออฟฟิศข้างล่างหรือไม่ก็เข้าเช็กงานที่สำนักงานใหญ่มีนทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ป๊าม๊าเปิดทางให้ขนาดนี้ ขอลาวันหนึ่งนะครับ” เลียริมฝีปาก “นาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักที ขอจัดแบบทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”“ทะลึ่ง...ทั้งวันทั้งคืนร่างพังกันพอดี”มีนเดินเข้ามาโอบเอวคุณแม่ “นะครับ...ทำน้องให้พี่ภัณต์กันนะครับ” ริมฝีปากหนากดจูบลงซอกคอ“อื๊อ...จักจี้” ติณย่นคอหลบ“ขอน้องให้พี่ภัณต์อีกคนนะครับ”มือเริ่มลูบไล้ผิวเนียนเรียบ กระดุมเสื้อโดนปลดอย่างไม่ทันรู้ตัว ติณตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดสามี สองมือบดขยี้หัวนมชูชันสู้มือ ร่างบางถูกอุ้มขึ้นแนบอก มือโอบรอบคอโน้มลงมา เผยอปากรอรับลิ้นอุ่น ขยี้จูบอย่างเร่าร้อนร่างบางถูกวางลงบนโซฟาอย่างเบามือ “ขอเป็นแฝดเลยนะรอบนี้”“ไม่สงสารติณเหรอ” สายตาหวานเยิ้ม สองแขนโน้มคอคนบนร่างลงมาแนบชิด“มีนจะดู
“แม่ครับ พี่ภัณต์กลับมาแล้วครับ” นภัณต์รีบวิ่งเข้ามากอดขาแม่ที่กำลังง่วนอยู่ในครัว“ว่ายน้ำสนุกไหมครับ” ติณคุกเข่าลงรับกอดจากลูกชาย“สนุกครับ แต่ป๊าไม่ยอมให้พี่ภัณต์เล่นต่อ พี่ภัณต์ยังไม่อยากเลิก” เด็กชายนภัณต์หน้างอฟ้องแม่“ป๊ากลัวพี่ภัณต์จะไม่สบายนี่ครับ อากาศเริ่มเย็นแล้ว” มีนเดินตามเข้ามา “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ”พี่ภัณต์ยังดื้อเกาะขาแม่ไม่ยอมปล่อย “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ จะได้ออกมากินข้าวกัน วันนี้แม่อบขนมของโปรดพี่ภัณต์ด้วยนะ” พอได้ยินคำว่าขนม พี่ภัณต์ก็เปลี่ยนอารมณ์เดินตามป๊าออกไปทันทีพ่อลูกอาบน้ำเสร็จ ติณก็จัดโต๊ะมื้อเย็นเสร็จทันกันพอดี“น่ากินจัง” มีนเดินมาโอบเอวจากทางด้านหลัง หอมแก้มติณฟอดใหญ่“พี่ภัณต์จะหอมแม่ด้วย” เด็กชายนภัณต์เกาะขาแม่ ไม่ยอมให้ป๊าทำแม่คนเดียว“แม่ให้สองข้างเลยครับ” ติณหันแก้มให้เด็กชายหอมทั้งซ้ายทั้งขวา“ทำไมพี่ภัณต์ได้หอมแม่สองแก้มเลยล่ะ ป๊าไม่ยอมนะ” มีนทำเป็นงอน“ป๊าไม่ใช่พี่ภัณต์ ป๊าต้องทำใจนะครับ” เด็กชายพูดอย่างผู้ชนะ“ป๊ายอมให้พี่ภัณต์คนเดียวนะครับ” มีนพูดพร้อมยกเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้สูงประจำตำแหน่งของเขา“กินข้าวเสร็จแล้ว เราเอาขนมขึ้นไปกิ
โรงพยาบาล...“มากันหมดแบบนี้หมอจะไม่ตกใจแน่นะ” ติณมองทั้งสามคนที่นั่งเรียงกันอยู่หน้าห้องตรวจ“ถ้าอย่างนั้นจิกกับมีนรอหน้าห้อง” รรรเสนอ“ได้ไงล่ะพี่รรร ผมเป็นพ่อนะ” มีนโวยวาย“ติณ...จิกว่าคิดใหม่ดี ๆ นะ จะเอาไอ้นี่เป็นพ่อของลูกจริงอะ” พิจิกแกล้งแขวะน้อง“…” มีนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่พยาบาลหน้าห้องเรียกเสียก่อน“แกเป็นเด็กเปิดเผยครับ ดูสิครับชัดเจนเลย” คุณหมอเลื่อนลูกศรชี้ให้ดู “ผู้ชายครับ” คุณหมอยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ชัดเจนขนาดนี้ไม่น่าจะผิดพลาดนะครับ หรือถ้าอยากดูให้ชัดกว่านี้อายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ลองมาทำ 4 มิติได้ครับ”“รรรร้องไห้ทำไม” พิจิกหันมาเจอรรรกำลังน้ำตาไหล“ก็มันดีใจ” มือเช็ดน้ำตาป้อย ๆ“ช่วงนี้คุณแม่จะอ่อนไหวเป็นพิเศษครับ เป็นเพราะฮอร์โมน คุณพ่ออย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ” คุณหมอหันไปบอกพิจิก“ผมเริ่มจะชินบ้างแล้วครับหมอ” พิจิกเอามือลูบหัวรรรด้วยความเอ็นดู“ไปซื้อของให้หลานกัน” รรรเสนอเมื่อทุกคนเดินออกมาจากห้องตรวจ“ใจเย็นก่อนรรร” เดี๋ยวค่อยทยอยซื้อก็ได้ติณพูดดักคนขี้เห่อไว้ก่อน“ก็ได้” รรรหน้าจ๋อย“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับไหม พี่รรรเริ่มกินอาหารได้เยอะหรือยัง” มีนเสนอ“พี่ยังไม
รรรทิ้งตัวลงบนเบาะรถด้วยสภาพอิดโรย “รรรเป็นไงบ้าง”“วันนี้แพ้เยอะมาก กินอะไรไม่ได้เลย อ้วกออกหมด”พิจิกเอื้อมมือไปช่วยปรับเบาะให้เอนลง “นั่งแบบนี้แหละ ยิ่งเอนเบาะยิ่งเวียนหัว” ขณะพูดก็ดมยาไปด้วย“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” รรรส่ายหน้า “ลูกครับทำไมทำแม่หนักแบบนี้ล่ะครับ” พิจิกก้มลงพูดกับท้องน้อย ๆ ของรรร จุ๊บที่ท้องไปหนึ่งที ก่อนที่จะขึ้นมาหอมแก้ม และจูบปากคุณแม่ที่ตอนนี้ซีดเซียวจนน่าสงสาร“อยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากมาทำงานแล้ว” น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกทางหางตาพิจิกยังไม่อยากถามอะไรตอนนี้ ไม่อย่างนั้นรรรจะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ช่วงนี้รรรอ่อนไหวมาก อารมณ์แปรปรวนมาก แต่จะไปทางอ่อนไหว มากกว่าโมโหเกรี้ยวกราด“จิกรีบพากลับบ้านก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ” พิจิกเอามือลูบหัว และเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มให้ ก่อนจะออกรถ“รรรนอนพักก่อน” พิจิกประคองตัวรรรเอนลงที่โซฟา“รรรยื่นใบลาออกแล้วนะ” แทนที่จะดีใจ แต่พิจิกกลับเป็นห่วงมากว่า“มีอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้รรรยังอยากทำงานอยู่เลย หรือที่ทำงานเขาไม่โอเคกับการที่รรรท้อง”“ที่ทำงานโอเค แต่รรรรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน รู้สึกทำอะไรก็ไม่
“หมั่นไส้เฮียชะมัด” มีนเดินบ่นเข้าห้อง และเดินเลยเข้าห้องครัว ออกมาพร้อมนมอุ่น“ไม่รู้สึกว่าตัวเองก็น่าหมั่นไส้หรือไง” ติณรับแก้วนมมาดื่มได้แค่ครึ่งแก้ว“ทำไมไม่กินให้หมดล่ะครับ” มีนเริ่มบ่น“เราต่างจากจิกตรงไหน ไม่เห็นต่างสักนิด” ติณแกล้งแซว “กินข้าวเยอะมากวันนี้ ถ้าให้พี่กินเยอะกว่านี้ อ้วกแน่ ๆ”“จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันเนอะ ต่อไปจะมีเด็กวิ่งซนรอบบ้านตั้งสองคนแน่ะ อายุห่างกันไม่กี่เดือน สงสัยจะพากันป่วนน่าดู”“ถึงวันนั้นพ่อ ๆ คงเห่อแต่ลูก จนลืมแม่กันหมด” ติณตัดพ้อ“พี่ติณ...เมื่อกี้พี่บอกว่า พ่อ ๆ พี่หมายถึงผมด้วยใช่ไหม” หน้าติณตอนนี้ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น“มีนรังเกียจหลานไหม” ติณนั่งลูบท้องตัวเอง มองตามีนอย่างรอคำตอบมีนคุกเข่าลงเอาหูแนบท้องทำเหมือนกำลังฟังเสียงคนข้างใน “ให้อามีนเป็นพ่อหนูนะครับ”“…” ติณได้แต่นั่งลูบหัวมีน ด้วยความตื้นตันใจที่มีนไม่รังเกียจลูกของเขา“สัญญากันแล้วนะครับ” มีนพูดกับตัวเล็กในท้อง พร้อมจุ๊บหนึ่งที“คุยอะไรกันฮึ” มือยังไม่หยุดลูบหัวมีน“ทำสัญญาพ่อลูกกันอยู่ครับ” ติณได้แต่ยิ้มอ่อนใจให้กับท่าทางของมีน ที่ดูเห่อลูกไม่ต่างจากพิจิกมีนยังคงกอดพุงน้อย ๆ ไม่ป
“ยินดีด้วยครับ ตอนนี้อายุครรภ์ 4 สัปดาห์แล้วครับ” คุณหมอยิ้มให้ทั้งสองคน “อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่ก็จะอยู่ช่วง 4-12 สัปดาห์ แต่บางคนก็แพ้ถึงคลอดเลยก็มี และอีกอย่างหนึ่งคุณแม่อาจจะมีอารมณ์ขึ้นลง ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนไม่ต้องตกใจ และหมอแนะนำให้คุณพ่อเตรียมรับมือให้ดีนะครับ” คุณหมอสบตาให้กำลังใจพิจิก“หมอนัดอีกทีเดือนหน้าเลยนะครับ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติให้มาหาก่อนได้เลย วันนี้หมอจะจ่ายยาบำรุงเลือด วิตามินรวม และยาแก้แพ้ท้องไปนะครับ” คุณหมอแนะนำพร้อมรอยยิ้ม“รรรระวัง ค่อย ๆ เดิน” พิจิกตามประกบหน้าประกบหลัง จนรรรเริ่มรำคาญ“อุ้มรรรเลยไหม รรรจะสะดุดล้มก็เพราะจิกเดินดักหน้าดักหลังอยู่แบบนี้นี่แหละ”“ก็จิกห่วง” พิจิกเสียงอ่อย“ห่วงหรือเห่อ ไม่ใช่นาน ๆ ไปกลายเป็นเบื่อนะ” รรรเดินมาทิ้งตัวลงโซฟา“ทั้งห่วงทั้งเห่อ แต่ไม่มีทางเบื่อแน่นอน” พิจิกพูดด้วยความมั่นใจ“จิกไม่อยากให้รรรไปทำงานเลย ยิ่งรรรมีอาการแพ้ท้องแบบนี้ด้วย จิกเป็นห่วง”“รรรจะลองไปคุยกับหัวหน้าดูก่อน”“ลาออกได้ไหม” พิจิกจริงจัง“จิก” รรรเองก็รู้สึกกังวล เพราะเขารู้ดีว่าผู้ชายเวลาท้องแล้วอาการต่าง ๆ จะรุนแรงกว่าผู้หญิงมาก “รรรขอลองไปคุยกับหัวห