คอนโดรรร...
“กูบอกให้จ้างรถมาย้ายออกให้หมดทีเดียวก็ไม่เชื่อ” พิจิกบ่น
“ขอกูไป ๆ มา ๆ เถอะนะ กูยังไม่ชิน และอีกอย่าง...มึงกับกูมันเหมือนทดลองอยู่ ถ้าเกิดมันไม่ใช่ หรือมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางของเรา กูก็ยังมีที่ของกู” รรรพูดไป มือก็เก็บเสื้อผ้า และของใช้จำเป็นใส่กระเป๋า
“แต่กูจริงจังกับมึง...”
“กูรู้ กูเองก็จริงจัง แต่มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนไงมึง มันเพิ่งเริ่มต้นเองนะ” รรรยิ้มบาง ๆ ส่งสายตาขอให้พิจิกเข้าใจ
“เฮ้อ...” พิจิกได้แต่ยืนถอนหายใจ
“แต่ถ้ามึงไม่โอเค กูอยู่ที่นี่เหมือนเดิมก็ได้นะ” รรรทำหน้าทะเล้นใส่
“ไม่ต้องเลยมึง...เก็บเสร็จแล้วใช่ไหม” พิจิกดึงกระเป๋าจากมือรรรมาเป็นคนถือให้เอง “ปะ...ไปห้องหอของเรา...” ...อึก... “มึงทุบกูทำไมเนี่ย...เขินรุนแรงฉิบหาย” เขาบ่นงึมงำ
“ปากดีนะมึง” รรรเองก็ทำเป็นทุบหลังพิจิกแก้เขิน
ระหว่างทางกลับคอนโดพิจิก...
เสียงโทรศัพท์ของพิจิกดังขึ้น เขากดต่อเข้าบลูทูธของรถ
“ไอ้จิก...กูปวดท้อง”
“มึงรอกูแป๊บหนึ่ง กูจะถึงแล้ว มึงอย่าวางสายนะ”
“โอ๊ย...” เสียงติณร้องด้วยความเจ็บปวด
“มึงใจเย็น ๆ หายใจลึก พวกกูกำลังจะถึงแล้ว” บอกให้ติณใจเย็นแต่ตัวเองสติแทบแตก ทำอะไรไม่ถูก
รรรเอื้อมมือมาจับมือข้างที่ว่าง บีบมือพิจิกไว้แน่น “มึงด้วยหายใจลึก ๆ ใจเย็น ๆ หรือเปลี่ยนให้กูขับแทน”
“ไม่เป็นไรมึง แค่นี้กูก็โอเคขึ้นเยอะแล้ว” พิจิกก้มมองมือรรรที่กำลังกุมมือเขาอยู่ มันช่วยให้เขาใจเย็นลง และดึงสติกลับมา
ห้องติณ...
“ไอ้ติณ...” เปิดห้องได้พิจิกรีบตะโกนเรียกหาติณด้วยความเป็นห่วง สภาพที่เห็นคือติณนอนอยู่บนพื้นหน้าห้องนอน นอนตัวงอด้วยความเจ็บปวด มีเลือดไหลออกมาเป็นทาง
“ทำไมมึงเป็นแบบนี้” พิจิกตกใจสติหลุดแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
“ไอ้จิก...เรียกรถพยาบาลดีกว่ามึง...มึงอยู่กับมันก่อน เดี๋ยวกูจัดการเอง” รรรเห็นท่าไม่ดี ถ้าให้ไปส่งกันเองกลัวจะมีผลต่อร่างกายติณ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พิจิกได้แต่นั่งอยู่ข้าง ๆ ประคองมันขึ้นมากอดไว้แนบอก
“กูจะลงไปรอรถข้างล่างนะ มึงตั้งสติดี ๆ ดูมันไว้เข้าใจมั้ย”
โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมากจึงใช้เวลาประมาณ 10 นาทีรถพยาบาลก็มาถึง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
“ผมจะขับรถตามไปนะครับ ผมฝากคนเจ็บด้วย” รถพยาบาลออกนำไปเรียบร้อย แต่เขาต้องกลับมาดูพิจิกที่ตอนนี้เหมือนกำลังช็อกอยู่
“ไปเร็วมึง กูขับเอง เอากุญแจรถมา”
หน้าห้องฉุกเฉิน...
พวกเขานั่งรอสักพัก คุณหมอที่ดูแลติณก็ออกมา
“ญาติคุณติณอยู่ไหมคะ” เสียงพยาบาลที่เดินออกมาพร้อมคุณหมอถามขึ้น
“ผมสองคนครับ” รรรรีบลุกขึ้นหาคุณหมอ “เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ คนไข้ลื่นล้มก้นกระแทกพื้น ต่อไปต้องระวังให้มากกว่านี้นะครับ เพราะถ้าเกิดอีกครั้งหนึ่งเสี่ยงต่อการเสียเด็กในท้องไปได้นะครับ เพราะผู้ชายท้องโดยปกติแล้วร่างกายจะอ่อนแอกว่าผู้หญิงท้องมาก เสี่ยงแท้งมาก ๆ รอบนี้ยังโชคดีที่เด็กเขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อครับ” คุณหมอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“แต่ยังไงคืนนี้หมอขอดูอาการในห้องไอซียูคืนหนึ่งนะครับ ถ้าไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อน พรุ่งนี้ย้ายไปอยู่ห้องธรรมดาได้ครับ...หมอขอตัวนะครับ”
“โอเคขึ้นหรือยังมึง” รรรหันไปถามพิจิกด้วยความเป็นห่วง
“โอเคแล้ว...ขอบคุณนะมึงที่มาอยู่ข้างกูทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นกูแย่แน่ ๆ”
“เออ...วันนี้เรากลับกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเฝ้ามันกัน”
คอนโดพิจิก...
“มึงไปอาบน้ำก่อนไป เสื้อผ้ามึงเปื้อนเลือดด้วย” พิจิกเพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองสภาพดูไม่ได้
อาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นรรรนั่งจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ มันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
“ขอบคุณนะมึง” เขาเดินเข้ามากอดเอวรรรจากทางด้านหลัง หน้าซุกซอกคอ
“อะไรของมึงอีก” รรรทำเป็นดุแก้เขิน
“ขอบคุณที่มึงยอมมาอยู่กับกู มาใช้ชีวิตร่วมกันกับกู” เขากระซิบข้างหู
“กูจะไปอาบน้ำแล้ว ปล่อยกู” พิจิกยังไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ เขายิ่งรัดตัวรรรไว้แน่นกว่าเดิม “ปล่อยกูก่อนมึง ตัวกูสกปรก” รรรต้องเป็นคนแกะมือพิจิกออกเอง เพราะเจ้าตัวไม่ยอม “แล้วมึงก็หาข้าวให้กูกินด้วย กูหิวมาก ออกมาให้กูได้กินนะมึง ไม่งั้นมึงเจอฤทธิ์คนโมโหหิวแน่”
“ครับผม...” พิจิกทะเล้นใส่
“แล้ววันเสาร์ที่แสนจะยุ่งเหยิงก็ได้ผ่านไป...เฮ้อ...” รรรทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาพร้อมกับถอนหายใจ
“ถ้าวันนี้ไม่มีมึงกูต้องแย่แน่ ๆ” พิจิกทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ
“แล้วจะเป็นยังไงต่อไปวะ”
“กูไม่รู้ว่ะ...กูคิดแค่ว่าช่วยมันไปก่อน สงสารมัน” พิจิกนอนตะแคงหันหน้ามาทางรรร “เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ มึงจะโอเคมั้ยรรร...อย่างน้อยก็ดูแลจนมันคลอด”
“แล้วทำไมกูจะต้องไม่โอเค” รรรทำหน้าฉงน
“ก็มึงกับกูสถานะตอนนี้มันเปลี่ยนแล้วไง”
“มึงกับกูตอนนี้แค่ทดลองอยู่ด้วยกัน โอเคก็อยู่ต่อ ไม่โอเคก็แยกย้าย”
“ทำไมมึงห้วนจังวะ” พิจิกเริ่มน้อยใจ
“หรือไม่จริง...แล้วอีกอย่างพอวันนี้กูเห็นสภาพพวกมึงสองคน กูก็อดสงสารเด็กในท้องไม่ได้ว่ะ มึงแม่งสติแตกอย่างเดียว”
“ก็กูตกใจ...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอแบบนี้นี่หว่า”
“กูก็ไม่เคยไหม...โตจนจะเป็นพ่อคนอยู่แล้วนะมึง”
“ไม่ใช่ลูกกู” พิจิกเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“เออ ๆ” รรรพูดปัดอย่างรำคาญ
“ให้เด็กเป็นลูกบุญธรรมเรานะ” พิจิกเสนอ
“หนทางยังอีกไกลทั้งเรื่องมึงกับกู และก็มัน...อย่าเพิ่งรีบคิดให้ปวดหัว แต่ตอนนี้กูง่วงมาก รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้า” ว่าแล้วรรรก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังด้วยความเคยชิน
“นอนดี ๆ” พิจิกจึงรวบเอวรรร ดึงเข้ามากอด
“ป๊าม๊าจะเอาเจ้าเด็กแสบอยู่หรือเปล่านะ” ติณเดินบ่นเข้าห้องมาด้วยความกังวล“เดี๋ยวก็รู้” มีนพูดขำ ๆ “อยู่ ๆ อยากปวดหัวตอนแก่”“คอยดูว่าพี่ภันต์จะดูแลทุกคน หรือพี่ภัณต์จะปล่อยโฮคนแรก” ติณคิดตามคำพูดมีนแล้วได้แต่ยิ้มส่ายหัว“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” ติณถามด้วยความสงสัย ปกติเวลานี้มีนจะอยู่ออฟฟิศข้างล่างหรือไม่ก็เข้าเช็กงานที่สำนักงานใหญ่มีนทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ป๊าม๊าเปิดทางให้ขนาดนี้ ขอลาวันหนึ่งนะครับ” เลียริมฝีปาก “นาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักที ขอจัดแบบทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”“ทะลึ่ง...ทั้งวันทั้งคืนร่างพังกันพอดี”มีนเดินเข้ามาโอบเอวคุณแม่ “นะครับ...ทำน้องให้พี่ภัณต์กันนะครับ” ริมฝีปากหนากดจูบลงซอกคอ“อื๊อ...จักจี้” ติณย่นคอหลบ“ขอน้องให้พี่ภัณต์อีกคนนะครับ”มือเริ่มลูบไล้ผิวเนียนเรียบ กระดุมเสื้อโดนปลดอย่างไม่ทันรู้ตัว ติณตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดสามี สองมือบดขยี้หัวนมชูชันสู้มือ ร่างบางถูกอุ้มขึ้นแนบอก มือโอบรอบคอโน้มลงมา เผยอปากรอรับลิ้นอุ่น ขยี้จูบอย่างเร่าร้อนร่างบางถูกวางลงบนโซฟาอย่างเบามือ “ขอเป็นแฝดเลยนะรอบนี้”“ไม่สงสารติณเหรอ” สายตาหวานเยิ้ม สองแขนโน้มคอคนบนร่างลงมาแนบชิด“มีนจะดู
“แม่ครับ พี่ภัณต์กลับมาแล้วครับ” นภัณต์รีบวิ่งเข้ามากอดขาแม่ที่กำลังง่วนอยู่ในครัว“ว่ายน้ำสนุกไหมครับ” ติณคุกเข่าลงรับกอดจากลูกชาย“สนุกครับ แต่ป๊าไม่ยอมให้พี่ภัณต์เล่นต่อ พี่ภัณต์ยังไม่อยากเลิก” เด็กชายนภัณต์หน้างอฟ้องแม่“ป๊ากลัวพี่ภัณต์จะไม่สบายนี่ครับ อากาศเริ่มเย็นแล้ว” มีนเดินตามเข้ามา “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ”พี่ภัณต์ยังดื้อเกาะขาแม่ไม่ยอมปล่อย “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ จะได้ออกมากินข้าวกัน วันนี้แม่อบขนมของโปรดพี่ภัณต์ด้วยนะ” พอได้ยินคำว่าขนม พี่ภัณต์ก็เปลี่ยนอารมณ์เดินตามป๊าออกไปทันทีพ่อลูกอาบน้ำเสร็จ ติณก็จัดโต๊ะมื้อเย็นเสร็จทันกันพอดี“น่ากินจัง” มีนเดินมาโอบเอวจากทางด้านหลัง หอมแก้มติณฟอดใหญ่“พี่ภัณต์จะหอมแม่ด้วย” เด็กชายนภัณต์เกาะขาแม่ ไม่ยอมให้ป๊าทำแม่คนเดียว“แม่ให้สองข้างเลยครับ” ติณหันแก้มให้เด็กชายหอมทั้งซ้ายทั้งขวา“ทำไมพี่ภัณต์ได้หอมแม่สองแก้มเลยล่ะ ป๊าไม่ยอมนะ” มีนทำเป็นงอน“ป๊าไม่ใช่พี่ภัณต์ ป๊าต้องทำใจนะครับ” เด็กชายพูดอย่างผู้ชนะ“ป๊ายอมให้พี่ภัณต์คนเดียวนะครับ” มีนพูดพร้อมยกเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้สูงประจำตำแหน่งของเขา“กินข้าวเสร็จแล้ว เราเอาขนมขึ้นไปกิ
โรงพยาบาล...“มากันหมดแบบนี้หมอจะไม่ตกใจแน่นะ” ติณมองทั้งสามคนที่นั่งเรียงกันอยู่หน้าห้องตรวจ“ถ้าอย่างนั้นจิกกับมีนรอหน้าห้อง” รรรเสนอ“ได้ไงล่ะพี่รรร ผมเป็นพ่อนะ” มีนโวยวาย“ติณ...จิกว่าคิดใหม่ดี ๆ นะ จะเอาไอ้นี่เป็นพ่อของลูกจริงอะ” พิจิกแกล้งแขวะน้อง“…” มีนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่พยาบาลหน้าห้องเรียกเสียก่อน“แกเป็นเด็กเปิดเผยครับ ดูสิครับชัดเจนเลย” คุณหมอเลื่อนลูกศรชี้ให้ดู “ผู้ชายครับ” คุณหมอยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ชัดเจนขนาดนี้ไม่น่าจะผิดพลาดนะครับ หรือถ้าอยากดูให้ชัดกว่านี้อายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ลองมาทำ 4 มิติได้ครับ”“รรรร้องไห้ทำไม” พิจิกหันมาเจอรรรกำลังน้ำตาไหล“ก็มันดีใจ” มือเช็ดน้ำตาป้อย ๆ“ช่วงนี้คุณแม่จะอ่อนไหวเป็นพิเศษครับ เป็นเพราะฮอร์โมน คุณพ่ออย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ” คุณหมอหันไปบอกพิจิก“ผมเริ่มจะชินบ้างแล้วครับหมอ” พิจิกเอามือลูบหัวรรรด้วยความเอ็นดู“ไปซื้อของให้หลานกัน” รรรเสนอเมื่อทุกคนเดินออกมาจากห้องตรวจ“ใจเย็นก่อนรรร” เดี๋ยวค่อยทยอยซื้อก็ได้ติณพูดดักคนขี้เห่อไว้ก่อน“ก็ได้” รรรหน้าจ๋อย“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับไหม พี่รรรเริ่มกินอาหารได้เยอะหรือยัง” มีนเสนอ“พี่ยังไม
รรรทิ้งตัวลงบนเบาะรถด้วยสภาพอิดโรย “รรรเป็นไงบ้าง”“วันนี้แพ้เยอะมาก กินอะไรไม่ได้เลย อ้วกออกหมด”พิจิกเอื้อมมือไปช่วยปรับเบาะให้เอนลง “นั่งแบบนี้แหละ ยิ่งเอนเบาะยิ่งเวียนหัว” ขณะพูดก็ดมยาไปด้วย“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” รรรส่ายหน้า “ลูกครับทำไมทำแม่หนักแบบนี้ล่ะครับ” พิจิกก้มลงพูดกับท้องน้อย ๆ ของรรร จุ๊บที่ท้องไปหนึ่งที ก่อนที่จะขึ้นมาหอมแก้ม และจูบปากคุณแม่ที่ตอนนี้ซีดเซียวจนน่าสงสาร“อยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากมาทำงานแล้ว” น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกทางหางตาพิจิกยังไม่อยากถามอะไรตอนนี้ ไม่อย่างนั้นรรรจะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ช่วงนี้รรรอ่อนไหวมาก อารมณ์แปรปรวนมาก แต่จะไปทางอ่อนไหว มากกว่าโมโหเกรี้ยวกราด“จิกรีบพากลับบ้านก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ” พิจิกเอามือลูบหัว และเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มให้ ก่อนจะออกรถ“รรรนอนพักก่อน” พิจิกประคองตัวรรรเอนลงที่โซฟา“รรรยื่นใบลาออกแล้วนะ” แทนที่จะดีใจ แต่พิจิกกลับเป็นห่วงมากว่า“มีอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้รรรยังอยากทำงานอยู่เลย หรือที่ทำงานเขาไม่โอเคกับการที่รรรท้อง”“ที่ทำงานโอเค แต่รรรรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน รู้สึกทำอะไรก็ไม่
“หมั่นไส้เฮียชะมัด” มีนเดินบ่นเข้าห้อง และเดินเลยเข้าห้องครัว ออกมาพร้อมนมอุ่น“ไม่รู้สึกว่าตัวเองก็น่าหมั่นไส้หรือไง” ติณรับแก้วนมมาดื่มได้แค่ครึ่งแก้ว“ทำไมไม่กินให้หมดล่ะครับ” มีนเริ่มบ่น“เราต่างจากจิกตรงไหน ไม่เห็นต่างสักนิด” ติณแกล้งแซว “กินข้าวเยอะมากวันนี้ ถ้าให้พี่กินเยอะกว่านี้ อ้วกแน่ ๆ”“จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันเนอะ ต่อไปจะมีเด็กวิ่งซนรอบบ้านตั้งสองคนแน่ะ อายุห่างกันไม่กี่เดือน สงสัยจะพากันป่วนน่าดู”“ถึงวันนั้นพ่อ ๆ คงเห่อแต่ลูก จนลืมแม่กันหมด” ติณตัดพ้อ“พี่ติณ...เมื่อกี้พี่บอกว่า พ่อ ๆ พี่หมายถึงผมด้วยใช่ไหม” หน้าติณตอนนี้ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น“มีนรังเกียจหลานไหม” ติณนั่งลูบท้องตัวเอง มองตามีนอย่างรอคำตอบมีนคุกเข่าลงเอาหูแนบท้องทำเหมือนกำลังฟังเสียงคนข้างใน “ให้อามีนเป็นพ่อหนูนะครับ”“…” ติณได้แต่นั่งลูบหัวมีน ด้วยความตื้นตันใจที่มีนไม่รังเกียจลูกของเขา“สัญญากันแล้วนะครับ” มีนพูดกับตัวเล็กในท้อง พร้อมจุ๊บหนึ่งที“คุยอะไรกันฮึ” มือยังไม่หยุดลูบหัวมีน“ทำสัญญาพ่อลูกกันอยู่ครับ” ติณได้แต่ยิ้มอ่อนใจให้กับท่าทางของมีน ที่ดูเห่อลูกไม่ต่างจากพิจิกมีนยังคงกอดพุงน้อย ๆ ไม่ป
“ยินดีด้วยครับ ตอนนี้อายุครรภ์ 4 สัปดาห์แล้วครับ” คุณหมอยิ้มให้ทั้งสองคน “อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่ก็จะอยู่ช่วง 4-12 สัปดาห์ แต่บางคนก็แพ้ถึงคลอดเลยก็มี และอีกอย่างหนึ่งคุณแม่อาจจะมีอารมณ์ขึ้นลง ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนไม่ต้องตกใจ และหมอแนะนำให้คุณพ่อเตรียมรับมือให้ดีนะครับ” คุณหมอสบตาให้กำลังใจพิจิก“หมอนัดอีกทีเดือนหน้าเลยนะครับ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติให้มาหาก่อนได้เลย วันนี้หมอจะจ่ายยาบำรุงเลือด วิตามินรวม และยาแก้แพ้ท้องไปนะครับ” คุณหมอแนะนำพร้อมรอยยิ้ม“รรรระวัง ค่อย ๆ เดิน” พิจิกตามประกบหน้าประกบหลัง จนรรรเริ่มรำคาญ“อุ้มรรรเลยไหม รรรจะสะดุดล้มก็เพราะจิกเดินดักหน้าดักหลังอยู่แบบนี้นี่แหละ”“ก็จิกห่วง” พิจิกเสียงอ่อย“ห่วงหรือเห่อ ไม่ใช่นาน ๆ ไปกลายเป็นเบื่อนะ” รรรเดินมาทิ้งตัวลงโซฟา“ทั้งห่วงทั้งเห่อ แต่ไม่มีทางเบื่อแน่นอน” พิจิกพูดด้วยความมั่นใจ“จิกไม่อยากให้รรรไปทำงานเลย ยิ่งรรรมีอาการแพ้ท้องแบบนี้ด้วย จิกเป็นห่วง”“รรรจะลองไปคุยกับหัวหน้าดูก่อน”“ลาออกได้ไหม” พิจิกจริงจัง“จิก” รรรเองก็รู้สึกกังวล เพราะเขารู้ดีว่าผู้ชายเวลาท้องแล้วอาการต่าง ๆ จะรุนแรงกว่าผู้หญิงมาก “รรรขอลองไปคุยกับหัวห