แสงตะวันยามเช้าสาดแสงอาบรัศมีเล็ดลอดเข้ามายังหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมโชยอยู่ตลอดเวลา
นรีกุลกระพือขนตางอนยาวหนาอย่างเชื่องช้า มือเรียวของหญิงสาวควานหาสามีทว่าเธอกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่า
หัวใจของนรีกุลหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ความเย็นวาบแทรกไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับว่าชายหนุ่มกำลังจะทอดทิ้งหล่อนแล้วจากไป
นรีกุลผุดลุกขี้นเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงของโทรศัทพ์สมาร์ทโฟนของเธอดังขึ้น
ปลายสายเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยของผู้เป็นสามี นรีกุลถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกโล่งใจ
“ค่ะวีร์” นรีกุลกล่าวเป็นคำแรกทันทีที่รับโทรศัพท์เขา
“โทษทีนุ่นพอดีผมลืมไปว่าผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าวันนี้ ผมออกมาแล้ว นุ่นอยู่ที่บ้านไปก่อนนะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเบาคล้ายกับคนกำลังทำผิด
“วีร์คะ ไม่เป็นไรค่ะ นุ่นเข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณจะกลับมาเย็นนี้ใช่ไหมคะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใสพลางรอฟังคำตอบของสามีอย่างตื่นเต้น
“ไม่น่าจะทันวันนี้นะนุ่น”นัฐธวีร์กล่าวพลางเหลือบมองตารางแผนงานในคอมพิวเตอร์ของเขา
ดวงตาของนรีกุลจับจ้องมองไปยังนาฬิกาเรือนโบราณ ขนาดใหญ่ คราบไรฝุ่นเกาะนาฬิกาเรือนโบราณที่ประดับฝาผนังลายสวย หน้าปัดนาฬิกาบรรจบกันบ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงพอดิบพอดี
“ปิ๊งป่อง” เสียงกริ่งดังขึ้นหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์อีกครั้ง หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าเวลานี้เสียงของออดหน้าคฤหาสน์ช่างดังวังเวงเสียเหลือเกิน
“แล้ววีร์จะกลับวันไหนคะ” นรีกุลเอ่ยถามสามีเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“เดี๋ยววีร์กลับไป น่าจะพรุ่งนี้ แถวนี้ไม่มีสัญญาณ…แค่นี้ก่อนนะนุ่น” นัฐธวีร์กล่าวตัดบทพลางวางสายภรรยาของเขาลงเสียดื้อ ๆ
แสงแดดจัดแผดเผาผิวบอบบางของหญิงสาว นรีกุลจึงดึงผ้าม่านสีม่วงขิบดิ้นทองยาวระย้าลงเพื่อบดบังแสงสุริยา
กลิ่นหอมอ่อนจางของบางสิ่งปะทะกับจมูกโด่งของนรีกุลอย่างจัง หญิงสาวล้มตัวลงนอนหลับไป
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวเวลานี้กลายเป็นกลุ่ม ควันหมอกจาง ๆ ขึ้นโขมงตรงเบื้องหน้าของคฤหาสน์มอนอฟอยด์
ท่ามกลางเปลวฝุ่นขมุกขมัวที่บดบังดวงตาคู่กลมโตของหญิงสาวนั้น
นรีกุลเหลือบไปเห็นเงาดำทะมึนสีดำละม้ายคล้าย
มือของใครบางคนมากดออดหน้าคฤหาสน์เรือนหอของเธอ
“เข้ามาซิคะนุ่นไม่ได้ล็อกบ้านไว้ค่ะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสดใสร่าเริงเช่นเคย
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากผู้มาเยือนนรีกุลเงี่ยหูฟังอีกครั้งจึงได้รู้สึกว่าตนเองหูฝาดไป
คิ้วเรียวเข้มของหญิงสาวขมวดมุ่นเป็นปมใหญ่ราวกับเชือกป่านท่าพันกันร้อยรัดจนแน่นเสียยากจะดึงออก
นรีกุลอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้เมือเวลานี้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
“ทำไมวีร์ยังไม่เข้ามานะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“อ๋อ ลืมไปเลยว่าวีร์กลับมาไม่ทัน” นรีกุลกล่าวขึ้นอย่างเศร้าสร้อย
ร่างอรชรลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรงสูงสไตล์ยุโรปหญิงสาวรวบ ชายกระโปรงที่ยาวรุ่ยร่ายเล็กน้อยพลางหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
นรีกุลที่มองเห็นการกระทำของหญิงสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเธออดรู้สึกตระหนกกว่าเดิมไม่ได้
“ทำไมมีเราสองคนล่ะ กรี๊ดๆ” นรีกุลหวีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้นเมื่อภาพที่ปรากฎเด่นชัดในความฝันของเธอน่าหวาดกลัวเสียจนเธออยากจะตื่นขึ้น นรีกุลตัดสินใจหยิกตัวเองอย่างแรงหมายจะให้ตนเองตื่นขึ้นมา
“กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น นรีกุลจึงหยุดเดินในทันที
หญิงสาวเดินเข้าไปหาโทรศัพท์แล้วฉวยคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมามองเบอร์โทรปลายสายที่ต่อเข้ามาหาเธอ
นรีกุลนิ่วหน้าลงเล็กน้อยหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจขึ้นมาไม่ ได้ว่า ปลายสายเป็นสายของนัฐธวีร์ ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอ
จะมาสงสัยว่าคนที่กดออดเป็นใคร
“ฮัลโหล” นรีกุลเอ่ยขึ้น
“นุ่นครับวันนี้วีร์ว่าจะไม่กลับบ้านนะครับ”
ปลายสายเอ่ยบอกหญิงสาว
“วีร์คะ เมื่อกี้นุ่นเห็นวีร์กลับมาแล้วนะคะ” นรีกุลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย
“นุ่นผมยุ่งอยู่นะ พอดีวันนี้ผมติดงานออกแบบเกมน่ะ” นัฐธวีร์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
“วีร์หมายความว่ายังไงคะ” นรีกุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจในบทสนทนาของสามีที่เข้าพิธีวิวาห์มาด้วยเมื่อหกเดือนที่แล้ว
ชายหนุ่มดันร่างอรชรให้นอนราบไปกับพื้นเตียง เวลานี้นรีกุลรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกมือเรียวของนัฐธวีร์ซอนไซ้ไปยังร่องสวรรค์ของหญิงสาว ลมหายใจของนรีกุลกระตุกขึ้นในทันทีเจ้าบ่าวสอดนื้วเข้าไปเพื่อสำรวจห้องแห่งความลับสวรรค์อย่างที่เขาต้องการมานานแสนนานไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นานเพียงใด นรีกุลก็เป็นสตรีที่เขาชอบอยู่เสมอไม่ว่าจะส่วนเว้าส่วนโค้งที่เห็นได้จนเด่นชัดหรือจะเป็นความเด็ดขาดจริงใจก็ตามเขาจุมพิตหล่อนอย่างดูดดื่ม จนนรีกุลรู้สึกราวกับว่าหล่อนกำลังฝันไปหญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าอุณหภูมิในเรือนกายร้อนผะผ่าวกับเวลานี้อยู่ในห้องอบซาวน่าก็ไม่ปานดวงหน้าคมเข้มของนัฐธวีร์ก้มลงตักตวงความหอมหวานจากน้ำตกสวรรค์ของหล่อนอย่างรวดเร็วนรีกุลครวญเสียงหวานยามเมื่อเวลานี้ชายหนุ่มก้มลงสำรวจซอนไซ้ซุกซนอยู่ตรงปากทางเข้าหว่างขาของหล่อน“ซี้ดดด” นรีกุลร้องสุดเสียงยามเมื่อเวลานี้ชายหนุ่มลากลิ้นสากขึ้นลงราวกับจะมุดร่องสวรรค์ของหล่อนลิ้นเหนียวลากไล้ไปมาจนเจ้าหล่อนอดรู้สึกกำซาบซ่านไปทั่วกายาไม่ได้นรีกุลกำผ้าปูที่นอนแน่นบามเมื่อเวลานี้ชายคนรักกำลังดอมดมดแกกุหลาบสีหวานในถ้ำอย่างหลงใหลนัฐธวีร์ปลดชั้นในตัวจิ๋วของ
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ งานแต่งงานของนรีกุลและนัฐธวีร์จัดขึ้นอย่างใหญ่โตอีกครั้งกรพจน์บิดาของเขาเชิญแขกมาทั้งตำบลเพื่อมาเป็นสักขีพยานให้กับบ่าวสาวห้องแต่งตัวเจ้าสาวภาพที่ปรากฎตรงหน้ากระจกบานใหญ่เป็นภาพของสตรีสวมชุดวิวาห์ยาวกรอมเท้าดวงหน้าหวานรูปไข่ คิ้วเรียวเข้มโค้งดั่งคันศร จมูกของหล่อนโด่งรั้นเชิดขึ้นริมฝีปากสีแดงระเรื่อดูน่าสัมผัสเวลานี้นรีกุลไม่นึกฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับนัฐธวีร์ใหม่อีกครั้งท่ามกลางความเห็นดีเห็นงามจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นรีกุลและนัฐธวีร์ผ่านอะไรร้าย ๆ มาตั้งมากมายหากหล่อนไม่มีกรพจน์ได้ช่วยเหลือเธอในวันนั้นอาจจะไม่มีนรีกุลหลงเหลืออยู่เลยนรีกุลอดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่าเวลานี้หล่อนช่างเป็นหญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่จะได้เป็นสะใภ้ตระกูลจิระชาญและในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ เธอกำลังจะเข้าพิธีมงคลสมรสกับสามีที่รักเธอสุดดวงใจพิธีแต่งงานของนรีกุลเป็นไปอย่างราบรื่น วันนี้นรีกุลดูงดงามมากในสายตาของนัฐธวีร์“ขอเชิญบ่าวสาวมาตัดเค้กได้”สิ้นเสียงพิธีกรที่ ได้รับเชิญมา นรีกุลสาวเท้าเข้ามายืนใกล้ๆ กับนัฐธวีร์หล่อนมองดูเค้กแต่งงานของเธออย่างไม่น
“งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะคุณพ่อกับคุณแม่ท่านรอนานแล้วล่ะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยเสียงนุ่มนรีกุลมองมือของนัฐธวีร์ที่ยื่นมาทางหล่อน หญิงสาวนิ่งไปชั่วอึดใจในวันนี้ตั้งแต่ที่หล่อนเข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้านของนัฐธวีร์ ไม่มีวันไหนที่หล่อนไม่เลือกเขา นรีกุลและสามีผ่านอะไรด้วยกันมามากมายไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะดีหรือร้ายก็ตามแต่นรีกุลได้เตรียมใจและได้เลือกเส้นทางนี้เอง นั้นคือการได้อยู่กับสามีของหล่อนยอ่างนัฐธวีร์ ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ชาตินี้ทั้งชาตินรีกุลจะรักนัฐธวีร์ตลอดไปเวลานี้นรีกุลเลือกแล้วว่าจะซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตนเอง“นุ่นคุณฟังผมอยู่ไหม” นัฐธวีร์ถามย้ำเมื่อหญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างใจลอย“ค่ะวีร์ เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” นรีกุลกล่าวพลางยื่นมือออกไปกุมมือของชายคนรัก“ครับคุณภรรยา” นัฐธวีร์กล่าวพลางพานรีกุลเข้าไปด้านในบ้านหลังใหม่ของพวกเขา“หนูนุ่น แม่เตรียมอาหารไว้แล้วล่ะ หนูคงหิวแล้วใช่ไหมจ้ะ” มารดาของนัฐธวีร์กล่าวอย่างไม่ถือตัวเหมือนแต่ก่อนนรีกุลที่เห็นดังนั้นชะงักไปเพียงเล็กน้อย หล่อนพยักหน้ารับคำมารดาของเขาอย่างรวดเร็ว“ไปเจ้าวีร์พาหนูนุ่นไปกินข้าวเสียซิ” ก
ไม่กี่วันต่อมาหมอเจ้าของไข้ก็ให้นรีกุลกลับบ้านได้ นัฐธวีร์ได้พานรีกุลออกมาขึ้นรถกลับไปบ้าน“นุ่นคาดเข็มขัดดี ๆ นะ” ชายหนุ่มเอ่ยหยอกล้อกับคนรัก ทว่าเขากลับมีสีหน้าจริงจังนรีกุลอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ กระนั้นดวงหน้าหวานยังคงแต้มรอยยิ้มกว้างอย่างเดิมนรีกุลเอื้อมมือคาดเข็มขัดนริภัย ไม่กี่นาทีต่อมานัฐวีร์ก็ขับรถพุ่งทะยานออกไป“เราจะไปไหนกันคะวีร์” นรีกุลเอ่ยถามอย่างสงสัยในตัวของสามีไม่น้อย“ไปที่ที่เป็นของเรา” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง“ที่ที่เป็นของเรา” นรีกุลทวนคำตอบของชายคนรัก“เดี๋ยวนุ่นก็รู้เองล่ะน่า” นัธธวีร์บอกปัด“ก็ได้ค่ะวีร์” นรีกุลตอบ หล่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ข้างคนขับรถยนต์ของนัฐธวีร์แล่นไปตามถนนใหญ่เรื่อย ๆในที่สุดรถขอองชายหนุ่มก็ไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังโตสไตล์มินิมอลหลังหนึ่ง“นุ่นตื่นได้แล้วครับ” นัฐธวีร์กล่าวพลางเขย่าตัวของหญิงสาวให้ตื่นขึ้น“คะ วีร์” หญิงสาวงัวเงียตอบออกมาด้วยเสียงอู้อี้“ถึงแล้วค่ะ ที่นี่แหละที่ของเรา” นัฐธวีร์กล่าวพลางเอื้อมปลดสายเข็มขัดนริภัยให้เธอนรีกุลลงจากรถอย่างรวดเร็วตามหลังนัฐธวีร์ สามีไปติด ๆ…ดวงตาคู่สวยของนรีกุลเบิกกว้างกว่าเดิม หล่
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณย่า นุ่นอภัยให้” นรีกุลตอบออกมาในที่สุด“แต่ผมว่าคุณอาควรมาขอโทษนุ่นด้วยตนเองนะครับ” นัฐธวีร์เอ่ยเสียงแข็งเขาจะไม่ยอมให้นรีกุลยอมอ่อนข้อให้คนในตระกูลของเขาอีกต่อไปแล้วอย่างไรเสียอัญมณีก็ควรมาขอโทษด้วยตนเองไม่ใช่หลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นมารดาปลอม ๆ เช่นนี้“หลานวีร์ อัญมณีเขา…” คุณย่าเอ่ยอย่างไม่ทันจบประโยคดี หยาดน้ำใสไหลคลอหน่วยตาของหญิงชรานัฐธวีร์และนรีกุลมองสบสายตากันอย่างรู้สึกสังหรณ์ในใจ“อัญมณี เขาเสียชีวิตแล้ว เมื่อเช้านี้” คุณย่าพูดเพียงเท่านั้นก็ปล่อยโฮออกมาทันทีจนผู้เป็นสะใภ้ต้องเข้ามาปลอบประโลม“พ่ออยากให้แกอภัยให้อาของแกสักครั้งนะวีร์” เสียงของกรพจน์อ่อนลงมากในเวลาเช่นนี้“แต่ที่คุณอาทำมันมากเกินการให้อภัย” นัฐธวีร์โต้เถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ“พ่อเข้าใจ จริง ๆ พ่อก็ยังไม่ชอบใจกับการกระทำของเขาแต่อัญมณีถูกทำร้ายก่อนโดยบิดาของเขาเอง”“คุณพ่อหมายความว่ายังไงครับ” นัฐธวีร์ถามเสียงเข้มของนัฐธวีร์ทำให้ผู้เป็นบิดาเล่าความจริงบางอย่างออกมา“อัญมณีถูกคุณพ่อจับไปทดลอง ทำให้หล่อนกลายเป็นยักษ์ร้าย” กรพจน์เล่าเท้าความ“จับไปทดลอง” ชายหนุ่มทวนคำ“ใช่ ใช่พ่อของฉันรับอัญ
หยดน้ำใสไหลหยดออกมาจากดวงตาของนัฐธวีร์หล่นลงบนแขนขวาของนรีกุลแพขนตางอนยาวหนากระพือเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า นรีกุลค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“นุ่น คุณตื่นแล้วใช่ไหม”“นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” นัฐธวีร์ถามย้ำนรีกุลไม่ตอบอะไร หล่อนคลี่ระบายรอยยิ้มเล็กน้อยมือเรียวของนัฐธวรีร์กดออดเรียกพยาบาล เขากรอกเสียงลงไปตามสายอย่างรวดเร็ว“หมอครับ หมอครับ ภรรยาของผมฟื้นแล้วครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปฉับพลันพยาบาลสาวรีบเข้ามาตรวจดูคนไข้อย่างรวดเร็วนัฐธวีร์ถอยออกมาจากห้องพักพิเศษผู้ป่วยนอกให้แพทย์ได้เข้ามาตรวจนรีกุลได้อย่างเต็มที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นัฐธวีร์ละสายตาจากหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู“หนูนุ่นเป็นอย่างไรบ้างตาวีร์” ปลายสายเป็นมารดาของเขาโทรถามอาการของภรรยาสุดรัก“นุ่นปลอดภัยแล้วครับแม่” นัฐธวีร์กล่าวขึ้นแม่ดีใจด้วยนะตาวีร์ มารดาเขาตอบกลับมาด้วยความยินดี“ครับแม่” นัฐธวีร์น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาอดรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้ว่าครอบครัวเขาเองก็เป็นห่วงภรรยาของเขาเหมือนกันชายหนุ่มสังเกตเห็นตอนที่กรพจน์ขับรถ เขามองแววตานั้นออกแววตานั้นคล้ายกับแววตาที่ผู้เป็นพ่อมองบุตรสาวความห่วงหา และห่วงใยที