ตอนที่ 3 หยุดเรียกลุงได้แล้ว
เสียงนาฬิกาแขวนบนผนังยังเดินเป็นจังหวะช้า ๆ ขณะที่ภายในห้องครัวยังอบอวลสู้ความอบอุ่นจากอ้อมแขนของชายตรงหน้าได้เลย แคทยังคงนั่งซบอยู่ในอ้อมแขนของอีธาน กลิ่นผิวกายของเขาเองที่ทำให้เธออยากซุกตัวอยู่ตรงนี้นาน ๆ โดยไม่ต้องลุกไปไหน เขาขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะจับคางเธอให้เงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ฉันไม่เคยรู้สึก มีชีวิตชีวาขนาดนี้มานานแล้วแคท” เธอยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เขากลับเอานิ้วแตะริมฝีปากเธอเบา ๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงทุ้มจริงจัง “แต่ หยุดเรียกลุงได้แล้วนะ” “อ้าว ทำไมล่ะคะ หนูก็ชอบเรียกแบบนั้นนี่นา มันติดปากแล้ว” เธอขมวดคิ้วนิด ๆ “เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันแก่เกินไปสำหรับเธอ” เขาหัวเราะเบา ๆ แต่แฝงด้วยความจริงใจ “ตอนที่เธอคร่อมอยู่บนตัวฉัน เธอไม่ใช่เด็กคนนั้นที่แอบมาเล่นกับแมวอีกต่อไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงของฉันเต็มตัว และฉันก็ไม่อยากให้เราอยู่ในสถานะ คุณลุงกับเด็กข้างบ้านอีกต่อไป” แคทนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “งั้น...ให้แคทเรียกชื่อคุณแทนได้มั้ยคะ” เธอถาม พลางใช้นิ้วไล้แผ่วเบาที่ต้นคอเขา “อีธาน” เขาตอบทันที “เรียกฉันว่าอีธานทุกครั้งที่เธออยากจะจูบ อยากจะกอดหรือแม้แต่เวลาที่เธออยากจะควบฉันอีก” เธอหัวเราะอย่างเขิน ๆ พลางซบหน้าลงกับอกเขา “อีธาน” เธอกระซิบเรียกเสียงเบา “แค่พูดชื่อคุณ หนูก็รู้สึกเหมือนได้ครอบครองคุณทั้งตัวแล้ว” เขาเงียบไปชั่วครู่ มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเธอเบา ๆ ก่อนจะกระซิบใกล้หู “ฉันเป็นของเธออยู่แล้วแคท...ตั้งแต่วันแรกที่เธอเดินเข้ามาในบ้านหลังนี้พร้อมเสียงหัวเราะของเธอ และแมวพวกนั้นก็รักเธอก่อนฉันซะอีก” เธอยิ้มแล้วเชยคางเขาขึ้น “งั้นวันนี้ อีธานเป็นของหนูทั้งวันเลยนะคะ” ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยนแต่แฝงด้วยไฟปรารถนา เขาโน้มตัวลงมาใกล้จนปลายจมูกชนกับเธอ “แล้วแคท อยากให้ฉันทำอะไรให้บ้างในฐานะของที่รัก ไม่ใช่คุณลุง” แคทตอบเขาด้วยรอยยิ้มและการประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง จูบที่ไม่ร้อนแรงแบบเมื่อครู่ แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่อ่อนโยน ลึกซึ้งและซื่อตรงต่อความรู้สึกมากยิ่งกว่าใด ๆ หลังจากจูบจบลง เขาลูบผมเธอเบาๆ “อยากออกไปเดินเล่นมั้ย” “กับคุณ” “กับอีธานของแคท” เขายิ้ม เธอพยักหน้าช้าๆ แล้วกอดเขาแน่นอีกครั้ง ช่วงเย็นวันนั้น ทั้งคู่พากันออกไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน แคทใส่เสื้อยืดเอวลอยเข้ารูปกางเกงขาสั้นทำให้ขาเรียวของเธอโดดเด่นจนคนผ่านไปมาต้องเหลียวมอง “คนมองแคทกันเต็มเลย” เขาบ่นเสียงต่ำ “ก็หนูสวยนี่คะ” เธอตอบยิ้มๆ “แต่ก็มีแค่อีธานคนเดียวเท่านั้นที่ได้จับ” เธอเอ่ยบอกเขา เขากลืนน้ำลาย “ถ้าเธอพูดแบบนี้อีกครั้ง ฉันจะลากเธอกลับไปที่ห้อง และกดที่เตียงทันที” “ก็อยากให้ทำอยู่พอดีเลยค่ะ” เธอหัวเราะ เมื่อกลับถึงบ้าน อีธานทำอาหารง่ายๆ ให้เธอกิน สปาเก็ตตี้เนื้อที่เขาทำอย่างพิถีพิถัน แคทนั่งมองเขาขณะทำอาหารด้วยสายตาเปล่งประกาย “ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ดูนิ่งๆ จริงจังแบบคุณ จะทำอาหารเก่งขนาดนี้” “เธอจะได้รู้มากกว่านี้อีก ถ้าอยู่กับฉันต่อไป” “แคทตั้งใจจะกินคุณทั้งตัวทุกมื้อเลย” เธอยิ้มหวาน เขาหัวเราะในลำคอ เดินเข้ามาหาแล้วกระซิบชิดใบหู “คืนนี้ฉันจะเป็นฝ่ายควบคุมเธอบ้างแล้วกันนะ ลูกแมวตัวร้ายของฉัน” เวลาล่วงเข้าสี่ทุ่มกว่าแล้ว… บ้านเงียบสนิท เหลือเพียงเสียงแอร์ที่ครางเบาๆ ในห้องนอนของแคท และแสงจากหน้าจอมือถือที่ยังสว่าง แคทลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมบางๆ มาสวมทับชุดนอนตัวสั้นที่แทบปิดไม่มิดต้นขา กลั้นหายใจเดินผ่านประตูห้อง เปิดแง้มบานหน้าต่างด้านข้างแล้วสอดตัวออกช้าๆ เหมือนเคย… เธอรู้ทาง รู้เวลาที่พ่อกับแม่หลับสนิทดีแล้ว ปลายเท้าเปล่าๆ เหยียบพื้นหญ้านิ่มๆ ในสวนกลางคืนก่อนจะเดินอ้อมไปยังแนวรั้วข้างบ้าน ที่มีช่องลับเล็กๆ อยู่ตรงพุ่มไม้ เธอก้มลง มุดตัวลอดผ่านด้วยหัวใจเต้นระส่ำ อีกไม่กี่ก้าว...เธอก็จะได้อยู่กับเขา แคทหยุดหน้าประตูบ้านหลังใหญ่สีขาว เปิดมันอย่างเบามือ และอย่างที่คาดไว้ ไฟตรงห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่รางๆ กลิ่นหอมประจำตัวของเขาอวลทันทีที่เธอก้าวเข้าไป อีธานกำลังนั่งเอนอยู่บนโซฟา หนังสือเล่มหนาในมือ เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองเธอที่ยืนอยู่ในชุดบางจนแทบเห็นทุกส่วนใต้ไฟสลัว “แคท...” เสียงเขาทุ้มต่ำเหมือนลมหายใจ “ยังไม่นอนเหรอคะ…” เธอยิ้มอย่างรู้ทัน “รอเธออยู่...” เขาวางหนังสือลง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเต็มความสูง เธอก้าวเข้าไปใกล้ ลมหายใจอุ่นของเขาปะทะกับหน้าผากเธอ มือใหญ่ยกขึ้นจับแก้มเธอเบาๆ “มาคนเดียวแบบนี้...ไม่กลัวหรือไง” “กลัว...” แคทตอบเบาๆ “แต่ยิ่งกลัวก็ยิ่งอยากมา...” เขาก้มลงจูบเธอทันที ริมฝีปากนุ่มบดเบียดเข้าหาเธออย่างกระหาย แขนแข็งแรงรวบร่างเธอเข้ามาแนบอก ก่อนจะอุ้มขึ้นทั้งตัวโดยไม่รอฟังคำขอ เขาพาเธอเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบน... คืนนี้เขาจะเป็นฝ่ายควบคุมทั้งหมด ประตูห้องนอนปิดลงตามหลังพวกเขา อีธานวางร่างบางของเธอลงกลางเตียงใหญ่อย่างนุ่มนวล แต่ดวงตาเขากลับไม่อ่อนโยนอย่างเคย สายตาคมเข้มนั่นจ้องลึกจนแคทรู้สึกเหมือนถูกกลืนกิน “คืนนี้...ฉันจะควงคุมเธอบ้าง” เขากระซิบชิดใบหู มือใหญ่เริ่มไล้จากต้นแขนลงสู่สะโพกเธออย่างแน่วแน่ แคทอมยิ้ม ลิ้นเล็กแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนกระซิบตอบ “ค่ะ…อีธาน” คำพูดของเธอจุดไฟบางอย่างในดวงตาเขา เขาก้มลงจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน ลิ้นร้อนของเขาแทรกเข้าไปกวาดต้อนทุกความหวานในปากเธอ มือหนาลูบลงไปตามต้นขาเปลือยที่พ้นชายชุดนอนบางๆ อย่างจงใจ เสียงครางเบาๆ หลุดจากลำคอเธอเมื่อเขาใช้ปลายนิ้วลากขึ้นลงตามเรียวขาด้านใน ก่อนจะค่อยๆ แทรกเข้าไปใต้ผ้าบาง “รู้ใช่ไหม ว่าชุดนอนแบบนี้มันอันตรายสำหรับเธอมากเวลาอยู่กับฉัน…” เขาพึมพำ ขณะนิ้วแตะจุดกลางกายที่เปียกชื้นของเธออย่างแม่นยำ แคทสะดุ้งน้อยๆ มือข้างหนึ่งจิกลงบนอกแกร่งที่ยังใส่เสื้อยืดไว้ อีธานแทรกตัวขึ้นคร่อม ใช้เข่ากดต้นขาเธอออกจากกัน และเมื่อเธอเผยอเรียวขาอ้าออกโดยไม่ขัดขืน “อีธาน...” เธอเรียกเสียงพร่า “หืม” “ทำเลย หนูอยากให้คุณ...ทำทุกอย่างกับหนู บนร่างกายหนู” รอยยิ้มที่มุมปากเขาปรากฏ ก่อนจะจับมือเธอมาวางตรงเป้ากางเกงนอนของเขา และบีบมือเธอเบาๆ ให้รู้ว่าข้างในมันแข็งขนาดไหน แคทเบิกตากว้างน้อยๆ ก่อนจะยิ้มรับอย่างท้าทาย อีธานไม่พูดอะไรอีก เขาดึงเสื้อยืดตัวเองออก ขว้างทิ้งไปข้างเตียง กล้ามอกแน่นเป็นลอนภายใต้แสงสลัวช่างเย้ายวนจนเธออดไม่ได้จะยื่นมือไปสัมผัส แต่เขาจับข้อมือเธอไว้ แล้วกดเธอลงกับเตียงด้วยน้ำหนักตัวครึ่งหนึ่ง “คืนนี้…ฉันจะเป็นคนคุมเกม เข้าใจไหมแคท” เธอกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มไปด้วยความคาดหวัง แคทยังหายใจถี่ มือถูกตรึงเหนือศีรษะโดยมือใหญ่ของเขา ขณะที่อีกมือหนึ่งของ อีธานค่อยๆ เลื่อนลงมาใต้ชุดนอนบางอย่างเชื่องช้า สายตาคมของเขายังจ้องเธอไม่กะพริบ "เธอรู้ตัวใช่ไหม ว่ามาขนาดนี้แล้ว ไม่มีถอยแล้วนะ" เสียงเขาหนักแน่น ชวนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แคทพยักหน้าเบาๆ ริมฝีปากเผยอครางเมื่อปลายนิ้วอุ่นลากผ่านจุดอ่อนไหวใต้กางเกงชั้นในที่เปียกชื้นจนแนบสนิทไปกับผิว อีธานแหวกผ้าบางนั้นออก ดึงมันลงในคราวเดียว ชุดนอนบางหลุดพ้นตัวอย่างง่ายดาย เหลือเพียงความเปลือยเปล่าของเรือนร่างที่คืนนี้เขาจะได้ครอบครองทุกส่วน เขาเลื่อนตัวลง ลิ้นร้อนแตะสัมผัสที่ยอดอกสีสวยจนเธอแอ่นตัวตามอัตโนมัติ เสียงครางนุ่มเบาหลุดจากลำคอ ร่างกายเธอสั่นไปหมดโดยไม่ต้องให้เขาพูดอะไรอีก มือของเขาลูบไปตามสะโพกกลมกลึง ก่อนจะจับต้นขาแยกออกช้าๆ แล้วฝังหน้าลงไปตรงกลางกายเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า "อี…อีธาน!" แคทร้องเสียงหลง ทั้งสะดุ้งทั้งเสียวจนขาแทบจะหนีบหัวเขาไว้ เขาไม่สนใจ เขายังใช้ปลายลิ้นกวาดเลียไปทั่วกลีบเนื้อชื้นเยิ้มสลับกับดูดดุนตรงจุดกระสันอย่างเชี่ยวชาญ "หวาน." เขาพึมพำเบาๆ ขณะเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหวานจากตัวเธอ แคทแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังร้องครางเสียงหลง มือจิกผ้าปูที่นอนแน่น ร่างบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านอย่างไม่อาจควบคุมได้ แล้วอีธานก็กดตัวขึ้นมาคร่อมอีกครั้ง เขาจูบริมฝีปากเธอแรงจนรู้สึกเหมือนจะกลืนลมหายใจ "พร้อมหรือยัง" เขาถามเสียงพร่า แคทไม่พูดอะไร แค่ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวสะโพกเขาไว้แน่น เขาก็กดแนบท่อนเนื้อใหญ่ชิดลงมาแนบกลางร่างเธอ มันแข็งขืนและอุ่นร้อนชัดเจนว่าเขาต้องการเธอแค่ไหน จากนั้นเขาก็จับแท่งร้อนแข็งของตัวเองจ่อเข้ากับปากทางของเธอ แล้วกดเข้าไปช้าๆ จนหมด เสียงครางยาวๆ หลุดจากปากเธออย่างห้ามไม่ได้ ความแน่นรัดของร่างบางที่ดูไร้เดียงสานั้นเกือบทำเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเริ่มขยับ สร้างจังหวะที่ลึกและหนักในทุกครั้งที่สอดใส่ ร่างเธอกระเพื่อมตามแรงกระแทกทุกครั้งจนเตียงสั่นคลอน เสียงเนื้อกระทบเนื้อ ดังก้องไปในห้องนอน "แคท...เธอทั้งแน่น ทั้งอุ่น...ทำเอาฉันแทบบ้า" เขาครางต่ำขณะเร่งจังหวะหนักขึ้นเรื่อยๆ แคทแทบตอบเขาไม่ได้แล้ว เธอแค่ร้องครางกับทุกครั้งที่เขากดลึก ใบหน้าหวานแดงจัด หายใจสะดุด ร่างกายเหมือนจะแตกสลายได้ทุกวินาที เสียงเตียงยังคงสั่นคลอนตามจังหวะของร่างใหญ่ที่บดขยี้ร่างเธออย่างไม่ปรานี อีธานจับสะโพกเธอไว้แน่น แล้วกระแทกเข้ามาลึกจนแคทร้องเสียงหลง มือเธอเกาะบ่ากว้างของเขาไว้แน่นเล็บจิกลงไปกับผิวร้อนๆ อย่างลืมตัว “อีธาน...เร็วอีก...แรงอีก…” เสียงเธอสั่นพร่า ทั้งเรียกร้องทั้งวิงวอนในคราวเดียว เขาไม่รอให้เธอพูดซ้ำ จับเธอพลิกตัวขึ้นนั่งคร่อมบนเขาโดยที่ยังไม่หลุดออกจากกัน แคทเบิกตาเล็กน้อยกับจังหวะที่เขากดลึกจนถึงสุดปลาย แล้วแหงนหน้าครางอย่างลืมตัว “ขึ้นให้ฉัน แคท…” เขากระซิบเสียงแหบพร่า จับเอวเธอไว้แน่น แล้วปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายขย่มเขาบ้าง เธอส่ายสะโพกอย่างไม่รีรอ ร่างเปลือยขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสวยงาม เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนทำนองของความลุ่มหลงที่ไม่มีใครอยากหยุด “คุณ...คุณใหญ่เกินไป” เธอพร่ำพึมพำ แต่กลับยังโยกตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงครางจากปากเขาดังตามมา “ก็ยังขย่มไม่หยุดนี่…” เขากัดฟันพูด จับเอวเธอแน่นจนร่างเธอสั่น แล้วกดสะโพกขึ้นสวนกลับแรงๆ “อ๊ะ อีธาน…!” เธอกรีดร้องเสียงหลง เมื่อลำร้อนกระแทกเข้าใส่ตรงจุดลึกสุดซ้ำๆ จนเธอแทบจะระเบิดความรู้สึกในที่เสียวซ่าน เขารั้งเธอลงมาแนบอก แล้วพลิกเธอลงกับเตียงอีกครั้ง คราวนี้เขาโถมเข้าใส่เธอเต็มแรง ทั้งหนักทั้งลึกและไม่ปรานี เสียงเตียงกระทบกำแพงอย่างรุนแรง ยิ่งกระตุ้นให้ทั้งสองปลดปล่อยความต้องการกันอย่างไม่ยั้ง “เธอรู้ไหม ว่าเธอทำให้ฉันเสพติดขนาดไหน…” “รู้…รู้แล้ว…แต่…แต่หนูก็หยุดรักคุณไม่ได้เหมือนกัน…” เสียงครางกระซิบ ริมฝีปากร้อนจูบจุดอ่อนไหวสลับไปทั่ว จนกระทั่งถึงช่วงท้ายที่สุดที่ร่างกายทั้งสองใกล้จะถึงขีดสุด อีธานก้มลงมองเธอ มือจับคางเธอไว้ให้สบตากับเขา “มองฉันไว้ ตอนที่เธอเสร็จฉันอยากเห็นหน้าเธอชัดๆ” “อี อีธาน…” เขากระแทกสุดแรงอีกครั้ง และอีกครั้งแล้วทุกอย่างก็ระเบิด เสียงครางหลุดจากทั้งสองร่างในเวลาไล่เลี่ยกัน แคทร้องกรีดสุดเสียงเมื่อร่างกระตุกแรงไปทั้งตัว ขณะที่อีธานกัดฟันครางต่ำ ปลดปล่อยความร้อนเข้าไปในกายเธอจนล้นทะลัก เขาโน้มตัวลงแนบหน้าผากกับเธอ ทั้งสองหายใจถี่หนักตอนที่ 6 แก้ไขกรรมเสียงบทสวดแหลมสูงยังคงดังสะท้อนกลางป่ามืดมิด ร่างชบาถูกตรึงแน่นบนแท่นพิธี เธอกึ่งหลับกึ่งตื่น ใจยังต้านทานมนต์ดำของลั่นทมไว้สุดกำลัง น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้มในขณะที่ลั่นทมกำลังท่องบทสวดมนต์อาคมขั้นสุดท้าย เตรียมจะเชือดข้อมือเอาเลือดของชบาเป็นเครื่องบูชายัญร่างของคัมภีร์ที่หมดสติจากการถูกทุบหัวถูกลากมามัดไว้บนเสาศาลพิธีอีกด้านแสงจากเทียนดำส่องใบหน้าเขาที่เต็มไปด้วยคราบเลือด แต่แล้ว...เสียงกระซิบแผ่วเบาดังแทรกเข้ามาในห้วงมืดนั้น“นายข้า... ตื่นเถิด... ตื่นได้แล้ว”เงาสีดำโปร่งแสงค่อย ๆ ปรากฏขึ้นข้างกายของคัมภีร์นั้นคือผีพรายคู่ใจของเขาเป็นวิญญาณผู้ชายเรือนผมดำยาว ที่คัมภีร์เลี้ยงไว้คอยช่วยเหลือมานับสิบปีผีพรายใช้ปลายนิ้วโปร่งแสงแตะเบาๆ บนหน้าผากคัมภีร์ คลื่นพลังอาคมก็ไหลเวียนเข้าสู่ร่างพรึ่บ!ดวงตาของคัมภีร์เบิกกว้างขึ้นทันที แสงสีน้ำเงินเข้มสะท้อนวาบออกจากดวงตาคู่นั้นเขาฟื้นแล้ว ในวินาทีนั้นเอง ภาพทุกอย่างจากอดีตชาติที่เห็นในฝันเมื่อครู่ก็ไหลย้อนกลับเข้ามาในสติของเขาอย่างชัดเจน"ลั่นทม...มึงที่ก่อเรื่องทั้งหมด.."ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยแล้วกลางพิธี ลั่นทมกำล
ตอนที่ 5 แรงแค้นกลางค่ำคืนที่เงียบสงัด… แสงจากตะเกียงน้ำมันเพียงดวงเดียวส่องแสงสลัวภายในเรือน คัมภีร์ไม่อยู่เขาออกไปทำพิธีตามที่มีคนร้องขอชบานั่งกอดเข่าที่มุมห้องด้วยความอ่อนล้า ข้อเท้าเต็มไปด้วยรอยถลอกจากการถูกจองจำในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงฝีเท้าของคัมภีร์ที่เข้ามาสร้างบาดแผลใหม่ในจิตใจของเธอแทบทุกคืนแต่คืนนี้กลับผิดแปลกไป เสียงประตูไม้ถูกแง้มออกเบา ๆ เงาร่างของลั่นทมในชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาพร้อมกับชายฉกรรจ์สองคนร่างสูงใหญ่ ใบหน้าของเธอฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเย็นชาจนชบาขนลุก"คืนนี้พี่ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้วนะคะ" ลั่นทมพูดเสียงหวาน แต่แฝงไปด้วยพิษร้ายชบาขยับตัวถอยหนีไปจนชิดมุมกำแพงเมื่อเห็นสายโซ่ถูกปลดออกจากข้อเท้า แต่แทนที่จะปลดปล่อยอิสรภาพ มันกลับพันธนาการใหม่เพื่อส่งเธอเข้าสู่ขุมนรกบทใหม่"ลั่นทม...เธอจะทำอะไร!" ชบาพยายามตะโกนแต่ถูกชายฉกรรจ์สองคนล็อกแขนทั้งสองข้างแน่น"พี่รู้ไหมคะ..." ลั่นทมเดินเข้ามาใกล้จนแทบแนบใบหน้ากับชบา"ฉันเคยคิดว่า ถ้าพี่หายไปสักวัน… คัมภีร์คงจะเห็นค่าฉันบ้าง"เสียงของลั่นทมเริ่มสั่นน้อย ๆ ก่อนจะระเบิดความคับแค้นออกมาด้วยดวงตาสีเข้มเป็นประกายคลั่ง
ตอนที่ 3 ได้โปรดลงโทษแรง ๆภายในห้องนอนสลัวไปด้วยแสงไฟจากโคมบนหัวเตียง กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแปลกปลอมลอยปะปนกับอากาศเย็น ๆ ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเชื้อเชิญ ปากยิ้มเย้ายวน ขณะที่มือเลื่อนไปตามต้นแขนของคัมภีร์ อย่างไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพียงหมากในเกมทดสอบหัวใจเขาไม่แม้แต่จะมองเธอเต็มตา สายตาคมเหยียดไปมุมมืดตรงนั้นที่มีโซ่ตรวนพันธนาการไว้อยู่ และร่างบางในมุมนั้นกำลังมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวภายในห้อง“พี่คัมภีร์แน่ใจเหรอคะ... ว่าคืนนี้พี่อยากให้ฉันอยู่” เสียงผู้หญิงตรงหน้าแผ่วลง แต่ยังไม่ยอมหยุดมือที่ลูบไล้ร่างหนากำยำของเขาเขาไม่ตอบ เพียงแต่ปล่อยให้มือเรียวนั้นลูบไล้ ขณะที่ตาเขาเอาแต่จ้องไปยังรอยเงาของเธอที่อยู่มุมห้องเธอเห็นแน่ เพราะเขาต้องการให้เธอเห็นเพื่ออะไรน่ะหรือ เพื่อให้เธอเจ็บ เพื่ออยากให้เธอหึง อยากเห็นเธอวิ่งเข้ามากอดเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่สิ่งที่คัมภีร์ได้กลับเป็น... ความเงียบความเงียบที่แทงลึกจนหัวใจเขาร้าวเขาเห็นเงาเธอนั่งกอดเข่านิ่ง ไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะหลบหรือหันหนี ราวกับพร้อมจะทนดูทุกอย่างด้วยสีหน้าว่างเปล่าแต่จริง ๆ แล้วชบากำลังอดทน กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้
จังหวะสุดท้ายที่หมอคัมภีร์ปลดปล่อยความร้อนลึกเข้าไปในร่างเธอ ราวกับกระแทกเข้าไปถึงวิญญาณร่างของชบาสั่นสะท้าน เธอรู้สึกถึงพลังงานมหาศาลไหลเวียนผ่านกลางกายหัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิด แล้วภาพก็วูบดับไป ก่อนสติจะดับสิ้น เธอจำได้แค่ว่าตัวเองกรีดร้องเสียงแหลม… แล้วความมืดก็กลืนกินทุกอย่างในฝัน…เงาของอดีตชาติที่ถูกลืมร่างของชบาหล่นวูบลงสู่ห้วงลึกแห่งจิตใจ โลกหมุนย้อนกลับ ภาพของชบาในร่างหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดโบราณ ปรากฏขึ้นกลางแสงจันทร์ข้างกายคือเรือนไทยกลางป่า เสียงระฆังสั่นเบา ๆ ดังลอดมากับกลิ่นคาวของวิญญาณ“พี่ชบา…” เสียงหนึ่งกระซิบ เรียกเธอกลับไปสู่ความจริงในอดีตจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ลั่นทม หญิงสาวผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายชบา ดวงตาเปล่งแสงคลุ้มคลั่ง ยืนอยู่ตรงหน้า เธอไม่ใช่เพียงน้องสาวแท้ แต่คือผู้เริ่มจุดไฟนรกทั้งหมดด้วยความอิจฉา“ข้ารักพี่คัมภีร์ก่อน! ข้าคือคนที่เห็นพี่คัมภีร์ก่อน! แล้วทำไมเขาถึงไม่มองข้าเลยวะ!”แม้จะให้ท่า ยั่วยวนเพียงใดแต่คัมภีร์กลับยืนยันหนักแน่น ว่ารักเพียงชบา“ลั่นทมเอ็งคือน้องสาวของชบาคือครอบครัวของคนที่ข้ารัก ข้าจะไม่แตะต้องเอ็งไม่ว่าเอ็งจะทำอะไร!”คำพูดนั้
ตอนที่ 1: ผูกกรรมน้ำอบกลิ่นมะลิลอยอ้อยอิ่งในห้องอับชื้น กลบกลิ่นสมุนไพรแห้งที่ถูกบดจนกลายเป็นผงแต่ไม่มีสิ่งใดกลบกลิ่นตัณหาที่กำลังค่อย ๆ แผ่คลุมห้องหมอผีเถื่อนเบื้องหน้าได้เลย“ฉันมาขอ..ให้พ่อหมอ ทำของให้ผัวฉันกลับมา...”เสียงแผ่วพร่าของ “ชบา” เจ้าของร้านน้ำอบในตลาดโบราณดังลอดออกมาจากริมฝีปากแดงเรื่อที่ยังไม่ทันได้แตะพานหมากหน้าพ่อหมอแต่แทนที่หมอผีจะยื่นมือรับ เขากลับลุกขึ้นจากเบาะหนังเสือด้วยแววตาคมดุดัน ดวงตาคู่นั้นคมเหมือนเคยสาปเธอไว้แต่ชาติปางก่อน“มึงยังกล้ามาเหยียบที่ของกูอีกเหรอชบา”เธอชะงัก หัวใจเต้นแรงด้วยความงุนงงและหวาดหวั่น ชื่อของเธอหลุดออกจากปากเขาได้อย่างไร ทั้งที่ไม่เคยบอก “มึงมันคนทรยศ หักหลังกูทำให้กูต้องถูกเผาทั้งเป็น”เสียงของเขาต่ำและหน่วงเหมือนคาถาที่ถูกท่องในลมหายใจ ชบาขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อมือหนา ๆ ของหมอคัมภีร์คว้าข้อมือเธอไปแนบกับอกเปลือยเปล่าของเขาผิวร้อนราวกับมีไฟเผาภายใน“แต่ในเมื่อตอนนี้ มึงกลับมาหากูอีกครั้ง กูจะไม่ปล่อยมึงไปไหนอีกแล้ว”เธอสะดุ้งเมื่อแผ่นหลังชนกับเสาไม้ท่อนใหญ่ด้านในเรือนของพ่อหมอ เสียงพระเครื่องที่ห้อยอยู่ตามผนังสั่นไหวตามแรงสะบัดของ
ตอนที่ 8 ทำลูกณ หอไป๋หลีบรรยากาศภายในห้องประชุมของหอไป๋หลี่คึกคักกว่าทุกวัน เหล่าบุรุษชั้นดีของเมืองต่างรวมตัวกันอย่างสบายอารมณ์ เหล้าอย่างดีหนึ่งไหกับเรื่องพูดคุยสัพเพเหระ และแน่นอนไม่มีหัวข้อใดหลีกพ้นเรื่องสตรีงาม“เมื่อวานข้าเจอแม่นางผู้หนึ่งในหอประมูลเย่ว์ฮวา งามนัก...”“แต่ข้าว่า แม่นางเมิ่งจากคณะงิ้วซิ่วอวี๋ก็งามหยดย้อยไม่แพ้กัน”เสียงหัวเราะครื้นเครงดังลั่น แต่สายตาหลายคู่กลับเหลือบมองอวี้เทียนเป็นพัก ๆ เพราะรู้กันดีว่า เขาคือบุรุษผู้ครอง สตรีที่เลื่องลือว่างดงามที่สุดในเมือง“ว่าแต่ อวี้เทียน ข้าได้ยินว่าฮูหยินของท่าน ถึงกับทำเหล่าคุณชายอกหัก”เสียงหนึ่งแหย่ขึ้น กลุ่มบุรุษพากันหัวเราะคิกคัก รอฟังคำตอบอย่างสนุกสนาน ครั้งก่อนเขาอาจเพียงยักไหล่เงียบเฉย แต่ครานี้อวี้เทียนกลับยกจอกขึ้นยิ้มบาง ๆ แล้วว่าเสียงมั่นคง“ก็จริง...ฮูหยินของข้างามนัก งามจนข้าไม่อาจละสายตาได้เลย”คำพูดธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“และนางก็งดงาม ไม่ใช่เพียงแค่ใบหน้า หากแต่รวมถึงจิตใจ และแม้แต่น้ำเสียงยามดุด่าข้าก็ยังไพเราะมข้า...โชคดีที่มีนางเป็นภรรยา”บรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนไป จากความหยอกเย้า กลาย