ตอนที่ 4 ตอก ๆ ย้ำ ๆ ให้จำขึ้นใจ
แม้จะเป็นเพียงเช้าวันเสาร์ธรรมดา แต่บรรยากาศในบ้านของแคทกลับเต็มไปด้วยความอึดอัด เธอรับรู้ได้จากน้ำเสียงของแม่ที่เริ่มถามโน่นถามนี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เธอแต่งตัวดีเกินไป หรือกลับบ้านช้ากว่าปกติ “แคท ช่วงนี้ลูกไปไหนบ่อยเหรอ” “ไปบ้านเพื่อนค่ะแม่” “เพื่อนชื่ออะไร อยู่แถวไหนเหรอ” แคทกลืนน้ำลายเล็กน้อย ใจเต้นแรง ไม่ใช่เพราะกลัวถูกจับได้เรื่องโกหก แต่เพราะเธอไม่พร้อมจะพูดความจริง เธอไม่พร้อมจะบอกว่าทุกคืนที่พ่อแม่หลับ เธอแอบมุดรั้วไปยังบ้านหลังข้าง ๆ เพื่อไปนอนกอดผู้ชายที่อ่อนกว่าพ่อเธอเล็กน้อย แต่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ บ้านของอีธานเหมือนโลกอีกใบสำหรับแคท เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟ กำแพงไม้สีเข้ม และแมวสายพันธุ์ต่างประเทศที่น่ารักเกินบรรยาย โดยเฉพาะเจ้าโซระ ที่ดูเหมือนจะติดเธอจนกระโดดขึ้นตักทุกครั้งที่เห็นหน้า เช้านั้นเธอแอบเดินเข้าบ้านอีธานตามปกติ แคทชอบเวลานั่งอยู่ในสวน เงียบๆ มีเสียงอ้อนและเดินไปมา แล้วมีอีธานนั่งอ่านหนังสือข้างๆ เธอ แต่แล้วจู่ ๆ เสียงเรียกจากหน้าบ้านก็ดังขึ้น “ขอโทษนะคะ...แมวของคุณหลงเข้ามาบ้านฉันค่ะ” เสียงที่เธอจำได้ดีว่าเป็น แม่ ของเธอ หัวใจแคทแทบหยุดเต้น เธอหันควับไปตรงทางเดินสวนและแน่นอน แม่ของเธอยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับอุ้มเจ้าออสตินไว้ในอ้อมแขน แคททำอะไรไม่ถูก เธอลุกขึ้นทันที ถอยออกห่างจากอีธานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ พยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “เอ่อ ขอบคุณมากครับ” อีธานลุกขึ้นรับแมวตัวสีขาวเสียงเรียบ “แคท ลูกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” แม่ถามอย่างสงสัย “หนูแวะมาเล่นกับแมวค่ะ...แมวของคุณลุงน่านักขี้อ้อน หนูเลยมาดู” อีธานชะงัก หันมามองเธอทันที สีหน้าที่เมื่อครู่ยังเรียบนิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นแข็งขึ้นเล็กน้อย “ลุงเหรอ...” เขาพึมพำเบาๆ แคทเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าสบตาเขา “ขอบคุณนะคะที่ให้แคทแวะมาเล่นกับแมว เด็กคนนี้คลั่งแมวมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว” แม่ของเธอยังคงยิ้มสุภาพ ก่อนจะเอ่ย “ยินดีครับ” อีธานตอบเสียงเรียบ ไม่ได้หันมามองแคทอีกเลย หลังจากแม่กลับไป อีธานก็เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไร แคทเดินตามเขาไปเงียบๆ แต่ก็รู้ดีว่าเขากำลังโกรธ หรืออย่างน้อย ก็เสียใจ “อีธาน หนู” “เมื่อกี้นี้เราดูห่างเหินกันมากเลยนะ” เขาพูดโดยไม่หันมา “หนู..ขอโทษ ก็แม่อยู่ตรงนั้น หนูไม่รู้จะทำยังไง” “เธออายที่จะบอกว่าเราเป็นอะไรกันใช่ไหม” คำพูดนั้นเหมือนใบมีดกรีดใจเธอ เธอรีบเดินไปคว้ามือเขาไว้แน่น “ไม่ใช่นะ...หนูแค่ยังไม่พร้อมจะเจอกับคำถามของพ่อกับแม่” “แต่เธอพร้อมจะมุดรั้วมาเล่นกับฉันทุกคืน” “หนู...ไม่ได้คิดว่าเรื่องของเราจะต้องบอกใครตอนนี้” เธอพยายามอธิบาย น้ำเสียงเริ่มสั่น อีธานหลบตา แล้วเดินเลี่ยงไปทำอย่างอื่น แคททำตัวไม่ถูกจึงได้เดินกลับบ้านมาก่อน เสียงจักจั่นร้องระงมอยู่ในความเงียบของค่ำคืน แคทยืนลังเลอยู่หลังพุ่มไม้ข้างรั้วบ้านของอีธาน หัวใจเต้นแรงแทบทะลุอก เธอรู้ว่าเขาน้อยใจ เรื่องที่เธอเรียกเขาว่า “คุณลุง” ต่อหน้าแม่ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแสดง แต่สายตาที่เขามองเธอก่อนจะเดินหนีไป มันเจ็บลึกจนเธอทนไม่ไหว เท้าเปล่าของเธอเหยียบลงบนพื้นหญ้าเย็นเฉียบ กลิ่นดินหลังฝนตกอ่อน ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ แคทย่องผ่านสนามหญ้าข้างบ้านตรงไปยังประตูหลังบ้านซึ่งรู้ดีว่าไม่ได้ล็อก แสงไฟสลัวจากห้องรับแขกสาดออกมา เธอผลักประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปช้า ๆ ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดนอนสีเทาและยืนอยู่หน้ากระจก กำลังจิบวิสกี้ช้า ๆ เขาหันมาเมื่อได้ยินเสียง แล้วสบตากับเธอ แววตาของเขาแข็งกระด้างนิ่ง เหมือนน้ำแข็งที่เกาะตัวแน่น “มาอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “เธอเรียกฉันว่าลุงต่อหน้าแม่ของเธอได้ แต่พอค่ำคืนเงียบเหงาก็แอบมาหาแบบนี้เหรอ” แคทเม้มริมฝีปากแน่น เดินเข้าไปใกล้โดยไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าเขากำลังน้อยใจ “วันนี้แม่หนูมา” เธอเริ่มพูดเบา ๆ แต่เขาตัดบท “ฉันเห็นแล้ว” เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาหยั่งลึกสะท้อนความผิดหวัง “เห็นเธอทำเป็นไม่รู้จักฉัน เหมือนฉันไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย” “ไม่จริง...” แคทพูดเสียงสั่น ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขา “อีธาน... หนูไม่ได้คิดแบบนั้นเลย หนูแค่ยังไม่กล้าบอกแม่ หนูกลัวว่าแม่จะไม่เข้าใจ” “แล้วเธอคิดว่าฉันไม่เจ็บเหรอ” เขาตอบกลับเสียงต่ำ “หนูขอโทษ” แคทเงยหน้าขึ้น ดวงตาใสแจ๋วสั่นระริก เธอยกมือแตะแผ่นอกเขาเบา ๆ แต่อีธานจับข้อมือเธอไว้แน่น “อย่ามาเล่น ๆ กับความรู้สึกของฉัน” เขาพูดชิดใบหู เสียงแหบพร่าทำให้หัวใจเธอสั่นสะท้าน “หนูไม่ได้เล่น... หนูมาง้อคุณจริง ๆ อีธาน หนูชอบคุณ” แคทพูดเสียงเบา คำพูดนั้นเหมือนทำให้อีธานชะงักเล็กน้อย ดวงตาของเขาหยั่งลึกเข้าไปในใจเธออย่างตั้งใจ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นมาโอบเอวเธอแล้วดึงเข้าไปแนบอก “ถ้างั้นก็พิสูจน์สิ” เขาพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “พิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน” แคทไม่พูดอะไร เธอจ้องตาเขา ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะเขย่งจูบริมฝีปากเขาเบา ๆ ไม่ใช่จูบหวาน ไม่ใช่จูบที่เรียบร้อย แต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นในใจที่เธอเก็บมาตลอดทั้งวัน ริมฝีปากของเขาตอบกลับอย่างรุนแรง ราวกับต้องการลงโทษเธอในที แต่แคทก็ไม่ถอย เธอรู้ดีว่าคืนนี้ เธอจะต้องปลอบใจเขาให้ได้ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดแต่ต้องใช้หัวใจ เขาตอบจูบของเธออย่างกระหาย เหมือนรอเวลานี้มานานเกินอดกลั้น มือหนาข้างหนึ่งกระชากต้นแขนเธอแน่น ก่อนจะพลิกตัวเธอชนกับผนังเย็นเฉียบ ร่างของเขาประชิดติดเธอจนแทบไม่มีช่องว่าง “อยากให้ฉันเชื่อใช่ไหมว่าเธอไม่ได้เห็นฉันเป็นลุงข้างบ้านที่เธอจะแวะมาหาเวลาเหงา...” เสียงของเขาแหบต่ำ ตาแวววาวเหมือนสัตว์นักล่าที่ขังเหยื่อไว้ในมุมมืด ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร เสื้อยืดของเธอก็ถูกดึงขึ้นพรวดเดียวจนหลุดพ้นตัว ปลายนิ้วหยาบลากไล้ผิวเธออย่างไม่ปรานี ริมฝีปากร้อนจัดขบเม้มตรงเนินอกอย่างแรงจนเธอสะดุ้ง แต่กลับไม่ได้หลบหนี... มีเพียงเสียงหอบเบา ๆ ที่หลุดจากริมฝีปาก เขาผละหน้าออกเพียงเสี้ยววินาที ดึงผ้าห่มจากโซฟาโยนลงพื้นแล้วผลักร่างเธอลงไปตามแรง น้ำหนักของเขาทาบทับลงมาทั้งตัว มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าเธอแล้วลากให้เขาอยู่ตรงกลางระหว่างขา ขณะที่อีกมือฉีกเสื้อชั้นในเธอออกจนเสียงดัง “คืนนี้ไม่มีคำว่าเบา ไม่มีคำว่าอ้อนวอน แค่อยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ฉันลงโทษเธอให้สาสมกับที่ทำให้ฉันต้องเจ็บใจ แล้วจำเอาไว้ว่าอย่างเรียกผัวว่าลุง!” เสียงเขาเข้มจัด ราวกับกำลังสั่งให้เธอยอมจำนน และแคทก็ยอมจำนน... ทั้งกายและใจ เขาลากลิ้นไปตามแนวท้องน้อยอย่างเชื่องช้าแต่เต็มไปด้วยเจตนา ทุกสัมผัสรุนแรงและจงใจจะทำให้เธอจำ ไม่ใช่แค่คืนนี้ แต่ให้ฝังอยู่ในตัวเธอไปตลอด เมื่อเขารั้งสะโพกเธอขึ้นจนเธอเผลอคราง มือหนาก็จัดการรูดกางเกงนอนของตัวเองลงอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เวลาหายใจแม้แต่วินาทีเดียว ไม่มีการเตรียมตัว ไม่มีการไต่ระดับ เขากระแทกเข้ามาเต็มแรงจนเธอร้องเสียงหลง เสียงเนื้อกระทบกันดังสลับกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของเขา มือของอีธานตะปบสะโพกเธอไว้แน่น บังคับจังหวะทุกจังหวะด้วยแรงดิบ บางครั้งก็เอียงสะโพกเธอขึ้น บางครั้งก็ยกขาเธอพาดไหล่ บังคับให้ลึกยิ่งขึ้น... แรงยิ่งขึ้น “ยังกล้าเรียกฉันว่าลุงอยู่อีกมั้ย...” เขาคำรามใส่ใบหูเธอ ขณะซอยไม่ยั้ง แคทส่ายหน้าพลางเสียงครางปนกันไปหมด “ม…ไม่แล้ว... อีธาน ได้โปรด” แต่เขาไม่ฟัง เขายังกระแทกเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ดวงตาคมกริบจับจ้องแค่เธอเพียงคนเดียว “ฉันจะทำให้เธอจำไว้ ว่าคนที่อยู่บนตัวเธอ ไม่ใช่ลุง แต่เป็นผัว” เขากระแทกแรงขึ้น เร็วขึ้น จนร่างของเธอสั่นสะท้าน น้ำเสียงครางที่หลุดออกมาไม่มีแม้แต่จะกั้นไว้ได้อีก เธอจิกเล็บลงกับแขนเขาแน่นอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายแทบแหลกคามือเขา แล้วในจังหวะที่เขากดตัวเข้ามาลึกสุดแรง ร่างของเธอก็เกร็งกระตุกสุดปลายปล่อย เธอครางชื่อเขาเสียงหลง ขณะเขาก้มลงขบซอกคอเธออย่างหิวกระหาย ก่อนจะปล่อยความร้อนจัดเข้าไปในตัวเธอในที่สุด อีธานถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะทิ้งตัวทาบลงมา ใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ติดเหงื่อออกจากใบหน้าเธอ “เธอจะไม่เรียกฉันว่าลุงอีก... เข้าใจไหม” แคทหอบหายใจ หน้าแดงจัดเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยักหน้าเบา ๆ “อือ... อีธาน...” เขาก้มลงจูบริมฝีปากเธออีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนลงกว่าเดิมเล็กน้อย ก่อนกระซิบชิดหูว่า... “คืนนี้ยังไม่จบหรอก... ฉันยังลงโทษเธอไม่พอเลย” ร่างกายของแคทยังไม่ทันได้พักหายใจดี อีธานก็พลิกตัวขึ้นนั่ง ดวงตาคมนั้นจ้องมองเธอราวกับเสือที่ยังไม่อิ่มเหยื่อ มือหนาเอื้อมมาโอบเอวเธอดึงให้ขึ้นคร่อมบนตัวเขา “คิดว่าจะจบแค่นั้นเหรอ” เสียงของเขาต่ำลึก มีทั้งแววท้าทายและความกระหายปะปนกันอยู่ “อ อีธาน...” เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว หอบหายใจถี่ ร่างทั้งร่างยังสั่นจากรอบก่อน แต่ไม่มีเวลาคัดค้าน เขายกสะโพกเธอขึ้นแล้วกดลงทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว ความลึกที่พุ่งเข้ามาในช็อตเดียวทำเอาเธอกัดปากแน่น ร้องครางออกมาโดยไม่ทันได้กั้น อีธานแสยะยิ้มก่อนจะจับสะโพกเธอแน่น บังคับให้ขยับตามจังหวะของเขา มืออีกข้างเอื้อมขึ้นบีบหน้าอกเธออย่างดุดัน สัมผัสทุกจุดรุนแรงราวเยี่ยงการลงโทษ เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วห้อง แคทหมดแรงจะขยับเองแล้ว แต่เขายังไม่หยุด เธอได้แต่เกาะไหล่เขาแน่น ปล่อยให้เขาควบคุมทุกอย่างอีกครั้ง ร่างทั้งร่างกระตุกถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอทรุดตัวเข้ากับอกเขา เขาอุ้มเธอขึ้นทั้งอย่างนั้นแล้ววางลงกับเตียงอีกครั้ง ไม่พูดพร่ำเขาเริ่มรอบใหม่ทันที คราวนี้อีธานกดเธอกับเตียง ขาเธออ้าออกจนกว้างปลายเท้าชี้เพดาน มือทั้งสองข้างของเธอถูกตรึงไว้เหนือศีรษะ เสียงร้องของเธอเบาบางลงเรื่อย ๆ เหลือเพียงเสียงหอบถี่ ร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านใต้เขา มือบางกำผ้าปูแน่นจนข้อนิ้วซีด ขณะที่เขายังกระแทกไม่หยุดยั้ง และในจังหวะที่เธอปล่อยตัวหมดแรง หัวใจเต้นถี่เหมือนจะหลุดออกมา เขาก็กดตัวเข้ามาแน่นลึกสุด จิกสะโพกเธอไว้แน่นแล้วปลดปล่อยอารมณ์เฮือกสุดท้ายเข้าใส่เธออีกครั้ง “อ๊า…อีธาน” แคทร้องเสียงแผ่วก่อนสติจะดับวูบ หลับไปในสภาพหมดแรงทั้งตัว อีธานถอนหายใจแรง ๆ นอนลงข้างเธอ ดึงร่างเล็กมากอดไว้แน่น ผ้าห่มถูกดึงขึ้นคลุมพวกเขาทั้งคู่ ทิ้งไว้เพียงลมหายใจเนิบนาบและกลิ่นอายของค่ำคืนที่เร่าร้อน เช้าตรู่ แสงแดดอ่อนส่องผ่านผ้าม่านเบา ๆ แคทยังนอนนิ่งในอ้อมแขนเขา ขณะที่อีธานหลับสนิทเหมือนคนเพิ่งหมดแรงไปพร้อมกัน ทันใดนั้นประตูหน้าบ้านก็ดัง ก๊อกๆๆ “อีธาน! อยู่มั้ย” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกอย่างเร่งรีบ ก่อนจะลองหมุนลูกบิดเข้าไป แม่ของแคท หน้าตาเต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่เห็นลูกสาวนอนอยู่ในห้อง ทั้งที่ล็อกบ้านอย่างดี แต่ก็ไม่มีร่องรอยแคทอยู่ในบ้าน เธอเอะใจจนเดินมาหาที่บ้านของอีธานในเช้าตรู่ เสียงฝีเท้าของเธอเดินขึ้นบันไดในบ้านหลังใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้องนอนเขาอย่างไม่ได้รับอนุญาต แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เธอแทบกรีดร้อง ทั้งอีธานและแคทนอนเปลือยเปล่ากอดกันอยู่บนเตียง ผ้าห่มร่นลงจนเห็นไหล่เปลือยของลูกสาวกับแผงอกของชายหนุ่มวัยเดียวกับเธอเอง แม่ของแคทยืนอึ้ง เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก... ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เห็น... เสียงหลุดจากริมฝีปากเบา ๆ อย่างตกตะลึง... “แคท!”บทที่ 2 “ทำเรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันไงดาว” จ๊วบ ๆ จ๊วบ ๆปากสวยอ้าค้าง ใบหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำ เมื่อถูกจู่โจมพร้อมทั้งบนและล่างอย่างนี้ใครมันจะไปทนไว้ ร่างบางถึงกับสั่นระริก เพราะนิ้วหยาบกร้านของเขามันขยี้ติ่งเสียวของเธอไม่หยุด สัมผัสของเขามันทำให้เธอเคลิบเคลิ้มอยากจะร้องห้าม แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ จนช่องทางรักของเธอฉ่ำแฉะ นับดาวเป็นผู้หญิงที่จุดติดง่าย แค่โดนสัมผัสวาบหวิวนิดหน่อยเธอก็มีอารมณ์ร่วมแล้ว แต่เพราะเธอไม่ค่อยมีเวลางานพริตตี้ของเธอกำลังรุ่ง เธอจึงไม่ค่อยได้ทำเรื่องอย่างว่ากับแฟน…“อ๊ะ…อ๊าาา” นับดาวเสียวกายสั่นสะท้าน เมื่อนิ้วใหญ่ของเขาค่อย ๆ สอดเขามาในรูรักของเธอ เสียงครางของนับดาวช่างหวานกระเส่า จนชายหนุ่มต้องผละหน้าออกจากเต้าสวย มองใบหน้าแดงก่ำทั้งสองสบตากันใต้แสงไฟสลัดสีส้มอ่อน แววตาหยาดเยิ้มเป็นประกายดึงคนทั้งสองจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ปรารถนานับดาวยกแขนขึ้นไปคล้องต้นคอรั้งคนตัวใหญ่ให้ลงมาจูบ ลิ้นเล็กของเล็กจงใจสอดแทรกเข้าโพรงปากใหญ่ให้เขาดูดเลียความหวาน ส่วนนิ้วร้ายยังคงขยับเข้าออกแรงขึ้น ขาเรียวแยกออกจนกว้าง เนินสวาทฉ่ำแฉะติ่งเสียวของเธอ
บทที่ 1“นับดาว มึงรีบหนีไปก่อนเดี๋ยวกูรับหน้าเสี่ยเอง”“มึงจะให้กูหนีไปไหน กูไม่ผิดกูไม่ได้เป็นคนเอาเงินเสี่ยไป” นับดาว พริตตี้สาวสวยหุ่นดี กำลังเครียดอย่างหนัก เพราะแฟนหนุ่มของเธอรับเงินจากเสี่ยมาก้อนใหญ่ เพื่อทำงานบางอย่าง แต่มันกลับไม่ทำงานให้เสี่ย แล้วหอบเงินหนีหายไป และเธอก็ติดต่อไม่ได้มันทำให้เธอพลอยซ่วยไปด้วยเพราะเสี่ยกำลังส่งคนตามมาเล่นงานเธอ “แต่แฟนมึงเอาเงินเสี่ยแล้วหายไปแบบนี้ เสี่ยเขาต้องสงสัยมึงอยู่แล้ว มึงก็รู้ว่าเสี่ยโหดไหน” แก้วตาเพื่อนสนิทของเธอพูด นับดาวคิดไตร่ตรองดูถึงความโหดของเสี่ยที่เธอเคยเห็นไม่ว่าจะเป็นจับไปขังแล้วซ่อม หรือถ้าเป็นผู้หญิงคงโดนจับให้พวกลูกน้องรุมโทรมแน่ ๆ นับดาวยิ่งคิดก็เสียวสันหลังวาบทันที“แล้วกูจะหนีไปไหนรอด เสี่ยมีอิทธพลขนาดนี้”“เสี่ยมีพวกอยู่แค่ภาคกลางและใต้ มึงขึ้นเหนือไปหรือไม่ก็อีสาน หาที่หลบก่อน” “เออ ๆ” นับดาวเชื่อตามที่เพื่อนบอกเธอรีบเก็บเสื้อผ้าและของของที่จำเป็นยัดใส่รถแล้วขับออกไปทันที หลังจากเธอขับรถออกไปได้ไม่นาน เสี่ยและพวกก็ขับรถเข้ามา พร้อมกลับลากร่างของ กาย แฟนของนับดาวที่สภาพยับเยินมาด้วย แก้วตารีบปรี่เข้าไปประคองกายท
บทที่ 4สองร่างนอนกอดก่ายกันเกือบจะฟ้าสาง ร่างบอกบางของกะรัตซุกเข้าหาไออุ่นจากร่างใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้แนบอก“เธอจะกลับแล้วเหรอเขต”“ครับ ผมมีเรียนเช้า”“แล้วเธอจะหายไปอีกไหม” ใบหน้าสวยแหงนมองชายหนุ่ม จากนั้นร่างใหญ่จึงได้ก้มมาจุมพิตที่หน้าผากสวย “ถ้าพี่กะรัตเจอผมทุกวันจะเบื่อไหม” “ไม่ ทำไมเหรอ”“เปล่า ผมกลัวพี่จะเบื่อหมาเด็กอย่างผม”“พี่กลัวเธอจะเบื่อ ผู้หญิงที่อายุเยอะกว่าอย่างพี่มากกว่า”“ใครบอก ผมชอบพี่ขนาดนี้”ไม่นานชายหนุ่มร่ำลาหญิงสาวแล้วออกมาจากบ้านของเธอตอนใกล้รุ่งสาง พี่กะรัตวันนี้ดูสดใสอารมณ์ดีจังนะคะ สาว ๆ แผนกต้อนรับของบริษัทเอ่ยทักทายทันทีที่เธอเดินเข้าบริษัทมา “จริงเหรอ” กะรัตลูบที่แก้มตนเองอย่างเขินอาย “พี่กะรัตดูแลตัวเองยังไงคะ ถึงได้สวยเหมือนสาวยี่สิบต้น ๆ แบบนี้” หนึ่งในกลุ่มสาว ๆ ถามเธอกะรัตยิ้มก่อนจะโน้มตัวแล้วป้องปากพูด“กินเด็กนะ” จากนั้นเธอก็เดินจากไป สร้างเสียงหวีดร้องจากกลุ่มสาว ๆ พวกนั้นพากันอิจฉาและชื่นชมเธอเป็นไอดอลเลยก็ว่าได้ภายในห้องทำงานของceoสาว “คุณกะรัตคะ นี้แฟ้มประวัติเด็กฝึกงานที่จะมาเริ่มฝึกวันนี้” เจ้าหน้าที่แผนกบุคคลวางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงาน
บทที่ 3หลังจากคืนนั้น ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว กะรัตเอาแต่คิดถึงเด็กหนุ่มขับแท็กซี่วันนั้น ที่อยู่ต่อกับเธอทั้งคืน เธอเอาแต่คิดถึงใบหน้าที่หล่อเหลา และลีลาที่ถึงอกถึงใจทำให้เธออดคิดถึงเขาไม่ได้เลย แต่ความสัมพันธ์คืนนั่น ต่างคนต่างเต็มใจทั้งสองฝ่าย จะผิดไหมถ้าเธอจะเรียกร้องหรือติดต่ออยากเจอชายหนุ่มอีก กะรัตคิดไม่ตก จนเวลาล่วงเลยไปเกือบจะสามทุ่มแล้ว เธอจึงได้เดินเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน แต่ความคิดถึงทำให้เธอเหม่อลอย จากที่ตั้งใจจะไปที่จอดรถ เธอกลับเดินมาหน้าบริษัท จู่ ๆ ก็มีรถแท็กซี่มาจอดเทียบ ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์“ให้ผมไปส่งไหมครับ” กระจกรถถูกลดลงพร้อมกลับใบหน้าหล่อเหลาที่เธอคุ้นตา “เขต..” กะรัตมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอดีใจมากกว่า“คิดว่าจะจำผมไม่ได้แล้ว”“.......” กะรัตนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็เปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นรถแท็กซี่ตามที่หัวใจเธอสั่งเขตต์มองเธอผ่านกระจกหลัง จากนั้นก็ขับรถออกมา ชายหนุ่มยังคงมองเธอที่เอาแต่เฉยชา ทำให้รู้สึกน้อยใจขึ้นมา เพราะตลอดหลายวันมานี้ เขตต์รัฐขอพ่อออกมาขับแท็กซี่ทุกคืน และจะมาจอดรอที่หน้าบริษัทเวลานี้ทุกวัน จนในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เจอเธอค
บทที่ 2“แบบนี้พี่ชอบไหม”“อื้ออ..อ่าส์..ชะ ชอบ” เขตต์รัฐมองดูร่างที่เย้ายวนของหญิงสาวที่กำลังดิ้นเร่า ยิ่งเธอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก เขายิ่งกลัดมันเร่งกระแทกข้อมือเข้าร่องของเธอรัว ๆ “ซี้ด…ดูร่านอะไรขนาดนี้” เขตต์รัฐสบถออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อเขามองท่าทียั่วยวนของเธอ“อ๊ะ…พี่จะถือว่าเป็นคำชมนะ” พูดจบมือเรียวก็กระชากชุดคลุมของชายหนุ่มเข้ามาจูบ เรียวลิ้นของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันนัวเนีย ต่างฝ่ายต่างลูบไล้เรือนร่างของกันและกันอย่างลุ่มหลง “อืออ” เสียงจูบของทั้งสองดังจ๊วบ เมื่อเขตต์รัฐดูดปลายลิ้นเล็กของกะรัต จนร่างบางครางอืออ่าแทบขาดอากาศ“ยืนขึ้นหน่อย” กะรัตเอ่ยน้ำเสียงอ้อน ชายหนุ่มก็ทำตาม เขตต์รัฐยืนขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับแอ่นดุ้นเอ็นแข็งจัด ที่กำลังชูชันดันชุดคลุมอยู่ กะรัตกระตุกปมที่มัดไว้ออกแหวกชุดคลุมไปด้านหลัง “อืม..ใหญ่จังเลยนะเขต” คำพูดที่แสดงถึงความร่าน ทำให้คนฟังหน้าแดงพร้อมเอ็นดุ้นใหญ่ก็ผงกหัวเชื้อเชิญ ให้เรียวปากสวยแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างทนไม่ไหว“ซี้ดด…” ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นซี้ดปาก เมื่อมือเล็กของเธอจับลำโคนแล้วชักขึ้นลงจนหนังหุ้มปลายถอก หัวเอ็นสีชมพูอ่อนก็ปล่อย
บทที่ 1ในคืนที่ฟ้าฝนเม็ดใหญ่กระหน่ำตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ณ บริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง “กะรัต” ซีอีโอสาวใหญ่วัยสามสิบเจ็ด เธอเลิกงานดึกกว่าพนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทเป็นประจำทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกันเวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกา กะรัตเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ทว่าวันนี้รถยนต์ของเธอดันสตาร์ทไม่ติด “สงสัยแบตเตอรี่หมด” เธอพึมพำกับตนเอง และหยิบมือถือขึ้นมาเรียกแท็กซี่เพื่อจะได้กลับบ้าน หญิงสาวเดินลงมารอที่หน้าตึก ซึ่งตอนนี้ฝนก็กำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ละอองฝนสาดมาโดนเนื้อตัวจนเธอรู้สึกได้ถึงความชื้นไม่นานก็มีแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดเทียบ คงเป็นคันที่เธอเรียกไว้ กะรัตขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ก่อนจะยื่นหน้าไปแจ้งสถานที่ปลายทาง จึงได้สังเกตคนขับรถแท็กซี่คันนี้ เขายังดูอายุไม่เยอะเท่าไร แต่ป้ายประตัวที่ติดอยู่ที่รถกลับเป็นรูปชายสูงอายุซึ่งไม่ใช่ตัวเขา“ทำไมป้ายประจำตัวคันขับถึงไม่ใช่คุณคะ” กะรัตเอ่ยถามด้วยความสงสัย แท็กซี่หนุ่มมองเธอผ่านกระจกหลัง“นั่นพ่อผมเองครับ วันนี้แกไม่สบายผมเลยมาขับแทน” “อ๋อ..แล้วน้องมีใบขับขี่หรือเปล่าล่ะ”“มีสิครับ” ชายหนุ่มหยิบใบขับขี่หน้ารถส่งให้หญิงสาวดู “เขตต์รัฐ …” กะรัต