ตอนที่ 4 ตอก ๆ ย้ำ ๆ ให้จำขึ้นใจ
แม้จะเป็นเพียงเช้าวันเสาร์ธรรมดา แต่บรรยากาศในบ้านของแคทกลับเต็มไปด้วยความอึดอัด เธอรับรู้ได้จากน้ำเสียงของแม่ที่เริ่มถามโน่นถามนี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เธอแต่งตัวดีเกินไป หรือกลับบ้านช้ากว่าปกติ “แคท ช่วงนี้ลูกไปไหนบ่อยเหรอ” “ไปบ้านเพื่อนค่ะแม่” “เพื่อนชื่ออะไร อยู่แถวไหนเหรอ” แคทกลืนน้ำลายเล็กน้อย ใจเต้นแรง ไม่ใช่เพราะกลัวถูกจับได้เรื่องโกหก แต่เพราะเธอไม่พร้อมจะพูดความจริง เธอไม่พร้อมจะบอกว่าทุกคืนที่พ่อแม่หลับ เธอแอบมุดรั้วไปยังบ้านหลังข้าง ๆ เพื่อไปนอนกอดผู้ชายที่อ่อนกว่าพ่อเธอเล็กน้อย แต่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ บ้านของอีธานเหมือนโลกอีกใบสำหรับแคท เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟ กำแพงไม้สีเข้ม และแมวสายพันธุ์ต่างประเทศที่น่ารักเกินบรรยาย โดยเฉพาะเจ้าโซระ ที่ดูเหมือนจะติดเธอจนกระโดดขึ้นตักทุกครั้งที่เห็นหน้า เช้านั้นเธอแอบเดินเข้าบ้านอีธานตามปกติ แคทชอบเวลานั่งอยู่ในสวน เงียบๆ มีเสียงอ้อนและเดินไปมา แล้วมีอีธานนั่งอ่านหนังสือข้างๆ เธอ แต่แล้วจู่ ๆ เสียงเรียกจากหน้าบ้านก็ดังขึ้น “ขอโทษนะคะ...แมวของคุณหลงเข้ามาบ้านฉันค่ะ” เสียงที่เธอจำได้ดีว่าเป็น แม่ ของเธอ หัวใจแคทแทบหยุดเต้น เธอหันควับไปตรงทางเดินสวนและแน่นอน แม่ของเธอยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับอุ้มเจ้าออสตินไว้ในอ้อมแขน แคททำอะไรไม่ถูก เธอลุกขึ้นทันที ถอยออกห่างจากอีธานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ พยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “เอ่อ ขอบคุณมากครับ” อีธานลุกขึ้นรับแมวตัวสีขาวเสียงเรียบ “แคท ลูกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” แม่ถามอย่างสงสัย “หนูแวะมาเล่นกับแมวค่ะ...แมวของคุณลุงน่านักขี้อ้อน หนูเลยมาดู” อีธานชะงัก หันมามองเธอทันที สีหน้าที่เมื่อครู่ยังเรียบนิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นแข็งขึ้นเล็กน้อย “ลุงเหรอ...” เขาพึมพำเบาๆ แคทเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าสบตาเขา “ขอบคุณนะคะที่ให้แคทแวะมาเล่นกับแมว เด็กคนนี้คลั่งแมวมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว” แม่ของเธอยังคงยิ้มสุภาพ ก่อนจะเอ่ย “ยินดีครับ” อีธานตอบเสียงเรียบ ไม่ได้หันมามองแคทอีกเลย หลังจากแม่กลับไป อีธานก็เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไร แคทเดินตามเขาไปเงียบๆ แต่ก็รู้ดีว่าเขากำลังโกรธ หรืออย่างน้อย ก็เสียใจ “อีธาน หนู” “เมื่อกี้นี้เราดูห่างเหินกันมากเลยนะ” เขาพูดโดยไม่หันมา “หนู..ขอโทษ ก็แม่อยู่ตรงนั้น หนูไม่รู้จะทำยังไง” “เธออายที่จะบอกว่าเราเป็นอะไรกันใช่ไหม” คำพูดนั้นเหมือนใบมีดกรีดใจเธอ เธอรีบเดินไปคว้ามือเขาไว้แน่น “ไม่ใช่นะ...หนูแค่ยังไม่พร้อมจะเจอกับคำถามของพ่อกับแม่” “แต่เธอพร้อมจะมุดรั้วมาเล่นกับฉันทุกคืน” “หนู...ไม่ได้คิดว่าเรื่องของเราจะต้องบอกใครตอนนี้” เธอพยายามอธิบาย น้ำเสียงเริ่มสั่น อีธานหลบตา แล้วเดินเลี่ยงไปทำอย่างอื่น แคททำตัวไม่ถูกจึงได้เดินกลับบ้านมาก่อน เสียงจักจั่นร้องระงมอยู่ในความเงียบของค่ำคืน แคทยืนลังเลอยู่หลังพุ่มไม้ข้างรั้วบ้านของอีธาน หัวใจเต้นแรงแทบทะลุอก เธอรู้ว่าเขาน้อยใจ เรื่องที่เธอเรียกเขาว่า “คุณลุง” ต่อหน้าแม่ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแสดง แต่สายตาที่เขามองเธอก่อนจะเดินหนีไป มันเจ็บลึกจนเธอทนไม่ไหว เท้าเปล่าของเธอเหยียบลงบนพื้นหญ้าเย็นเฉียบ กลิ่นดินหลังฝนตกอ่อน ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ แคทย่องผ่านสนามหญ้าข้างบ้านตรงไปยังประตูหลังบ้านซึ่งรู้ดีว่าไม่ได้ล็อก แสงไฟสลัวจากห้องรับแขกสาดออกมา เธอผลักประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปช้า ๆ ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดนอนสีเทาและยืนอยู่หน้ากระจก กำลังจิบวิสกี้ช้า ๆ เขาหันมาเมื่อได้ยินเสียง แล้วสบตากับเธอ แววตาของเขาแข็งกระด้างนิ่ง เหมือนน้ำแข็งที่เกาะตัวแน่น “มาอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “เธอเรียกฉันว่าลุงต่อหน้าแม่ของเธอได้ แต่พอค่ำคืนเงียบเหงาก็แอบมาหาแบบนี้เหรอ” แคทเม้มริมฝีปากแน่น เดินเข้าไปใกล้โดยไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าเขากำลังน้อยใจ “วันนี้แม่หนูมา” เธอเริ่มพูดเบา ๆ แต่เขาตัดบท “ฉันเห็นแล้ว” เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาหยั่งลึกสะท้อนความผิดหวัง “เห็นเธอทำเป็นไม่รู้จักฉัน เหมือนฉันไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย” “ไม่จริง...” แคทพูดเสียงสั่น ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขา “อีธาน... หนูไม่ได้คิดแบบนั้นเลย หนูแค่ยังไม่กล้าบอกแม่ หนูกลัวว่าแม่จะไม่เข้าใจ” “แล้วเธอคิดว่าฉันไม่เจ็บเหรอ” เขาตอบกลับเสียงต่ำ “หนูขอโทษ” แคทเงยหน้าขึ้น ดวงตาใสแจ๋วสั่นระริก เธอยกมือแตะแผ่นอกเขาเบา ๆ แต่อีธานจับข้อมือเธอไว้แน่น “อย่ามาเล่น ๆ กับความรู้สึกของฉัน” เขาพูดชิดใบหู เสียงแหบพร่าทำให้หัวใจเธอสั่นสะท้าน “หนูไม่ได้เล่น... หนูมาง้อคุณจริง ๆ อีธาน หนูชอบคุณ” แคทพูดเสียงเบา คำพูดนั้นเหมือนทำให้อีธานชะงักเล็กน้อย ดวงตาของเขาหยั่งลึกเข้าไปในใจเธออย่างตั้งใจ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นมาโอบเอวเธอแล้วดึงเข้าไปแนบอก “ถ้างั้นก็พิสูจน์สิ” เขาพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “พิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน” แคทไม่พูดอะไร เธอจ้องตาเขา ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะเขย่งจูบริมฝีปากเขาเบา ๆ ไม่ใช่จูบหวาน ไม่ใช่จูบที่เรียบร้อย แต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นในใจที่เธอเก็บมาตลอดทั้งวัน ริมฝีปากของเขาตอบกลับอย่างรุนแรง ราวกับต้องการลงโทษเธอในที แต่แคทก็ไม่ถอย เธอรู้ดีว่าคืนนี้ เธอจะต้องปลอบใจเขาให้ได้ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดแต่ต้องใช้หัวใจ เขาตอบจูบของเธออย่างกระหาย เหมือนรอเวลานี้มานานเกินอดกลั้น มือหนาข้างหนึ่งกระชากต้นแขนเธอแน่น ก่อนจะพลิกตัวเธอชนกับผนังเย็นเฉียบ ร่างของเขาประชิดติดเธอจนแทบไม่มีช่องว่าง “อยากให้ฉันเชื่อใช่ไหมว่าเธอไม่ได้เห็นฉันเป็นลุงข้างบ้านที่เธอจะแวะมาหาเวลาเหงา...” เสียงของเขาแหบต่ำ ตาแวววาวเหมือนสัตว์นักล่าที่ขังเหยื่อไว้ในมุมมืด ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร เสื้อยืดของเธอก็ถูกดึงขึ้นพรวดเดียวจนหลุดพ้นตัว ปลายนิ้วหยาบลากไล้ผิวเธออย่างไม่ปรานี ริมฝีปากร้อนจัดขบเม้มตรงเนินอกอย่างแรงจนเธอสะดุ้ง แต่กลับไม่ได้หลบหนี... มีเพียงเสียงหอบเบา ๆ ที่หลุดจากริมฝีปาก เขาผละหน้าออกเพียงเสี้ยววินาที ดึงผ้าห่มจากโซฟาโยนลงพื้นแล้วผลักร่างเธอลงไปตามแรง น้ำหนักของเขาทาบทับลงมาทั้งตัว มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าเธอแล้วลากให้เขาอยู่ตรงกลางระหว่างขา ขณะที่อีกมือฉีกเสื้อชั้นในเธอออกจนเสียงดัง “คืนนี้ไม่มีคำว่าเบา ไม่มีคำว่าอ้อนวอน แค่อยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ฉันลงโทษเธอให้สาสมกับที่ทำให้ฉันต้องเจ็บใจ แล้วจำเอาไว้ว่าอย่างเรียกผัวว่าลุง!” เสียงเขาเข้มจัด ราวกับกำลังสั่งให้เธอยอมจำนน และแคทก็ยอมจำนน... ทั้งกายและใจ เขาลากลิ้นไปตามแนวท้องน้อยอย่างเชื่องช้าแต่เต็มไปด้วยเจตนา ทุกสัมผัสรุนแรงและจงใจจะทำให้เธอจำ ไม่ใช่แค่คืนนี้ แต่ให้ฝังอยู่ในตัวเธอไปตลอด เมื่อเขารั้งสะโพกเธอขึ้นจนเธอเผลอคราง มือหนาก็จัดการรูดกางเกงนอนของตัวเองลงอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เวลาหายใจแม้แต่วินาทีเดียว ไม่มีการเตรียมตัว ไม่มีการไต่ระดับ เขากระแทกเข้ามาเต็มแรงจนเธอร้องเสียงหลง เสียงเนื้อกระทบกันดังสลับกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของเขา มือของอีธานตะปบสะโพกเธอไว้แน่น บังคับจังหวะทุกจังหวะด้วยแรงดิบ บางครั้งก็เอียงสะโพกเธอขึ้น บางครั้งก็ยกขาเธอพาดไหล่ บังคับให้ลึกยิ่งขึ้น... แรงยิ่งขึ้น “ยังกล้าเรียกฉันว่าลุงอยู่อีกมั้ย...” เขาคำรามใส่ใบหูเธอ ขณะซอยไม่ยั้ง แคทส่ายหน้าพลางเสียงครางปนกันไปหมด “ม…ไม่แล้ว... อีธาน ได้โปรด” แต่เขาไม่ฟัง เขายังกระแทกเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ดวงตาคมกริบจับจ้องแค่เธอเพียงคนเดียว “ฉันจะทำให้เธอจำไว้ ว่าคนที่อยู่บนตัวเธอ ไม่ใช่ลุง แต่เป็นผัว” เขากระแทกแรงขึ้น เร็วขึ้น จนร่างของเธอสั่นสะท้าน น้ำเสียงครางที่หลุดออกมาไม่มีแม้แต่จะกั้นไว้ได้อีก เธอจิกเล็บลงกับแขนเขาแน่นอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายแทบแหลกคามือเขา แล้วในจังหวะที่เขากดตัวเข้ามาลึกสุดแรง ร่างของเธอก็เกร็งกระตุกสุดปลายปล่อย เธอครางชื่อเขาเสียงหลง ขณะเขาก้มลงขบซอกคอเธออย่างหิวกระหาย ก่อนจะปล่อยความร้อนจัดเข้าไปในตัวเธอในที่สุด อีธานถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะทิ้งตัวทาบลงมา ใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ติดเหงื่อออกจากใบหน้าเธอ “เธอจะไม่เรียกฉันว่าลุงอีก... เข้าใจไหม” แคทหอบหายใจ หน้าแดงจัดเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยักหน้าเบา ๆ “อือ... อีธาน...” เขาก้มลงจูบริมฝีปากเธออีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนลงกว่าเดิมเล็กน้อย ก่อนกระซิบชิดหูว่า... “คืนนี้ยังไม่จบหรอก... ฉันยังลงโทษเธอไม่พอเลย” ร่างกายของแคทยังไม่ทันได้พักหายใจดี อีธานก็พลิกตัวขึ้นนั่ง ดวงตาคมนั้นจ้องมองเธอราวกับเสือที่ยังไม่อิ่มเหยื่อ มือหนาเอื้อมมาโอบเอวเธอดึงให้ขึ้นคร่อมบนตัวเขา “คิดว่าจะจบแค่นั้นเหรอ” เสียงของเขาต่ำลึก มีทั้งแววท้าทายและความกระหายปะปนกันอยู่ “อ อีธาน...” เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว หอบหายใจถี่ ร่างทั้งร่างยังสั่นจากรอบก่อน แต่ไม่มีเวลาคัดค้าน เขายกสะโพกเธอขึ้นแล้วกดลงทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว ความลึกที่พุ่งเข้ามาในช็อตเดียวทำเอาเธอกัดปากแน่น ร้องครางออกมาโดยไม่ทันได้กั้น อีธานแสยะยิ้มก่อนจะจับสะโพกเธอแน่น บังคับให้ขยับตามจังหวะของเขา มืออีกข้างเอื้อมขึ้นบีบหน้าอกเธออย่างดุดัน สัมผัสทุกจุดรุนแรงราวเยี่ยงการลงโทษ เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วห้อง แคทหมดแรงจะขยับเองแล้ว แต่เขายังไม่หยุด เธอได้แต่เกาะไหล่เขาแน่น ปล่อยให้เขาควบคุมทุกอย่างอีกครั้ง ร่างทั้งร่างกระตุกถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอทรุดตัวเข้ากับอกเขา เขาอุ้มเธอขึ้นทั้งอย่างนั้นแล้ววางลงกับเตียงอีกครั้ง ไม่พูดพร่ำเขาเริ่มรอบใหม่ทันที คราวนี้อีธานกดเธอกับเตียง ขาเธออ้าออกจนกว้างปลายเท้าชี้เพดาน มือทั้งสองข้างของเธอถูกตรึงไว้เหนือศีรษะ เสียงร้องของเธอเบาบางลงเรื่อย ๆ เหลือเพียงเสียงหอบถี่ ร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านใต้เขา มือบางกำผ้าปูแน่นจนข้อนิ้วซีด ขณะที่เขายังกระแทกไม่หยุดยั้ง และในจังหวะที่เธอปล่อยตัวหมดแรง หัวใจเต้นถี่เหมือนจะหลุดออกมา เขาก็กดตัวเข้ามาแน่นลึกสุด จิกสะโพกเธอไว้แน่นแล้วปลดปล่อยอารมณ์เฮือกสุดท้ายเข้าใส่เธออีกครั้ง “อ๊า…อีธาน” แคทร้องเสียงแผ่วก่อนสติจะดับวูบ หลับไปในสภาพหมดแรงทั้งตัว อีธานถอนหายใจแรง ๆ นอนลงข้างเธอ ดึงร่างเล็กมากอดไว้แน่น ผ้าห่มถูกดึงขึ้นคลุมพวกเขาทั้งคู่ ทิ้งไว้เพียงลมหายใจเนิบนาบและกลิ่นอายของค่ำคืนที่เร่าร้อน เช้าตรู่ แสงแดดอ่อนส่องผ่านผ้าม่านเบา ๆ แคทยังนอนนิ่งในอ้อมแขนเขา ขณะที่อีธานหลับสนิทเหมือนคนเพิ่งหมดแรงไปพร้อมกัน ทันใดนั้นประตูหน้าบ้านก็ดัง ก๊อกๆๆ “อีธาน! อยู่มั้ย” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกอย่างเร่งรีบ ก่อนจะลองหมุนลูกบิดเข้าไป แม่ของแคท หน้าตาเต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่เห็นลูกสาวนอนอยู่ในห้อง ทั้งที่ล็อกบ้านอย่างดี แต่ก็ไม่มีร่องรอยแคทอยู่ในบ้าน เธอเอะใจจนเดินมาหาที่บ้านของอีธานในเช้าตรู่ เสียงฝีเท้าของเธอเดินขึ้นบันไดในบ้านหลังใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้องนอนเขาอย่างไม่ได้รับอนุญาต แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เธอแทบกรีดร้อง ทั้งอีธานและแคทนอนเปลือยเปล่ากอดกันอยู่บนเตียง ผ้าห่มร่นลงจนเห็นไหล่เปลือยของลูกสาวกับแผงอกของชายหนุ่มวัยเดียวกับเธอเอง แม่ของแคทยืนอึ้ง เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก... ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เห็น... เสียงหลุดจากริมฝีปากเบา ๆ อย่างตกตะลึง... “แคท!”ตอนที่ 6 แก้ไขกรรมเสียงบทสวดแหลมสูงยังคงดังสะท้อนกลางป่ามืดมิด ร่างชบาถูกตรึงแน่นบนแท่นพิธี เธอกึ่งหลับกึ่งตื่น ใจยังต้านทานมนต์ดำของลั่นทมไว้สุดกำลัง น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้มในขณะที่ลั่นทมกำลังท่องบทสวดมนต์อาคมขั้นสุดท้าย เตรียมจะเชือดข้อมือเอาเลือดของชบาเป็นเครื่องบูชายัญร่างของคัมภีร์ที่หมดสติจากการถูกทุบหัวถูกลากมามัดไว้บนเสาศาลพิธีอีกด้านแสงจากเทียนดำส่องใบหน้าเขาที่เต็มไปด้วยคราบเลือด แต่แล้ว...เสียงกระซิบแผ่วเบาดังแทรกเข้ามาในห้วงมืดนั้น“นายข้า... ตื่นเถิด... ตื่นได้แล้ว”เงาสีดำโปร่งแสงค่อย ๆ ปรากฏขึ้นข้างกายของคัมภีร์นั้นคือผีพรายคู่ใจของเขาเป็นวิญญาณผู้ชายเรือนผมดำยาว ที่คัมภีร์เลี้ยงไว้คอยช่วยเหลือมานับสิบปีผีพรายใช้ปลายนิ้วโปร่งแสงแตะเบาๆ บนหน้าผากคัมภีร์ คลื่นพลังอาคมก็ไหลเวียนเข้าสู่ร่างพรึ่บ!ดวงตาของคัมภีร์เบิกกว้างขึ้นทันที แสงสีน้ำเงินเข้มสะท้อนวาบออกจากดวงตาคู่นั้นเขาฟื้นแล้ว ในวินาทีนั้นเอง ภาพทุกอย่างจากอดีตชาติที่เห็นในฝันเมื่อครู่ก็ไหลย้อนกลับเข้ามาในสติของเขาอย่างชัดเจน"ลั่นทม...มึงที่ก่อเรื่องทั้งหมด.."ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยแล้วกลางพิธี ลั่นทมกำล
ตอนที่ 5 แรงแค้นกลางค่ำคืนที่เงียบสงัด… แสงจากตะเกียงน้ำมันเพียงดวงเดียวส่องแสงสลัวภายในเรือน คัมภีร์ไม่อยู่เขาออกไปทำพิธีตามที่มีคนร้องขอชบานั่งกอดเข่าที่มุมห้องด้วยความอ่อนล้า ข้อเท้าเต็มไปด้วยรอยถลอกจากการถูกจองจำในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงฝีเท้าของคัมภีร์ที่เข้ามาสร้างบาดแผลใหม่ในจิตใจของเธอแทบทุกคืนแต่คืนนี้กลับผิดแปลกไป เสียงประตูไม้ถูกแง้มออกเบา ๆ เงาร่างของลั่นทมในชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาพร้อมกับชายฉกรรจ์สองคนร่างสูงใหญ่ ใบหน้าของเธอฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเย็นชาจนชบาขนลุก"คืนนี้พี่ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้วนะคะ" ลั่นทมพูดเสียงหวาน แต่แฝงไปด้วยพิษร้ายชบาขยับตัวถอยหนีไปจนชิดมุมกำแพงเมื่อเห็นสายโซ่ถูกปลดออกจากข้อเท้า แต่แทนที่จะปลดปล่อยอิสรภาพ มันกลับพันธนาการใหม่เพื่อส่งเธอเข้าสู่ขุมนรกบทใหม่"ลั่นทม...เธอจะทำอะไร!" ชบาพยายามตะโกนแต่ถูกชายฉกรรจ์สองคนล็อกแขนทั้งสองข้างแน่น"พี่รู้ไหมคะ..." ลั่นทมเดินเข้ามาใกล้จนแทบแนบใบหน้ากับชบา"ฉันเคยคิดว่า ถ้าพี่หายไปสักวัน… คัมภีร์คงจะเห็นค่าฉันบ้าง"เสียงของลั่นทมเริ่มสั่นน้อย ๆ ก่อนจะระเบิดความคับแค้นออกมาด้วยดวงตาสีเข้มเป็นประกายคลั่ง
ตอนที่ 3 ได้โปรดลงโทษแรง ๆภายในห้องนอนสลัวไปด้วยแสงไฟจากโคมบนหัวเตียง กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแปลกปลอมลอยปะปนกับอากาศเย็น ๆ ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเชื้อเชิญ ปากยิ้มเย้ายวน ขณะที่มือเลื่อนไปตามต้นแขนของคัมภีร์ อย่างไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพียงหมากในเกมทดสอบหัวใจเขาไม่แม้แต่จะมองเธอเต็มตา สายตาคมเหยียดไปมุมมืดตรงนั้นที่มีโซ่ตรวนพันธนาการไว้อยู่ และร่างบางในมุมนั้นกำลังมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวภายในห้อง“พี่คัมภีร์แน่ใจเหรอคะ... ว่าคืนนี้พี่อยากให้ฉันอยู่” เสียงผู้หญิงตรงหน้าแผ่วลง แต่ยังไม่ยอมหยุดมือที่ลูบไล้ร่างหนากำยำของเขาเขาไม่ตอบ เพียงแต่ปล่อยให้มือเรียวนั้นลูบไล้ ขณะที่ตาเขาเอาแต่จ้องไปยังรอยเงาของเธอที่อยู่มุมห้องเธอเห็นแน่ เพราะเขาต้องการให้เธอเห็นเพื่ออะไรน่ะหรือ เพื่อให้เธอเจ็บ เพื่ออยากให้เธอหึง อยากเห็นเธอวิ่งเข้ามากอดเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่สิ่งที่คัมภีร์ได้กลับเป็น... ความเงียบความเงียบที่แทงลึกจนหัวใจเขาร้าวเขาเห็นเงาเธอนั่งกอดเข่านิ่ง ไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะหลบหรือหันหนี ราวกับพร้อมจะทนดูทุกอย่างด้วยสีหน้าว่างเปล่าแต่จริง ๆ แล้วชบากำลังอดทน กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้
จังหวะสุดท้ายที่หมอคัมภีร์ปลดปล่อยความร้อนลึกเข้าไปในร่างเธอ ราวกับกระแทกเข้าไปถึงวิญญาณร่างของชบาสั่นสะท้าน เธอรู้สึกถึงพลังงานมหาศาลไหลเวียนผ่านกลางกายหัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิด แล้วภาพก็วูบดับไป ก่อนสติจะดับสิ้น เธอจำได้แค่ว่าตัวเองกรีดร้องเสียงแหลม… แล้วความมืดก็กลืนกินทุกอย่างในฝัน…เงาของอดีตชาติที่ถูกลืมร่างของชบาหล่นวูบลงสู่ห้วงลึกแห่งจิตใจ โลกหมุนย้อนกลับ ภาพของชบาในร่างหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดโบราณ ปรากฏขึ้นกลางแสงจันทร์ข้างกายคือเรือนไทยกลางป่า เสียงระฆังสั่นเบา ๆ ดังลอดมากับกลิ่นคาวของวิญญาณ“พี่ชบา…” เสียงหนึ่งกระซิบ เรียกเธอกลับไปสู่ความจริงในอดีตจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ลั่นทม หญิงสาวผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายชบา ดวงตาเปล่งแสงคลุ้มคลั่ง ยืนอยู่ตรงหน้า เธอไม่ใช่เพียงน้องสาวแท้ แต่คือผู้เริ่มจุดไฟนรกทั้งหมดด้วยความอิจฉา“ข้ารักพี่คัมภีร์ก่อน! ข้าคือคนที่เห็นพี่คัมภีร์ก่อน! แล้วทำไมเขาถึงไม่มองข้าเลยวะ!”แม้จะให้ท่า ยั่วยวนเพียงใดแต่คัมภีร์กลับยืนยันหนักแน่น ว่ารักเพียงชบา“ลั่นทมเอ็งคือน้องสาวของชบาคือครอบครัวของคนที่ข้ารัก ข้าจะไม่แตะต้องเอ็งไม่ว่าเอ็งจะทำอะไร!”คำพูดนั้
ตอนที่ 1: ผูกกรรมน้ำอบกลิ่นมะลิลอยอ้อยอิ่งในห้องอับชื้น กลบกลิ่นสมุนไพรแห้งที่ถูกบดจนกลายเป็นผงแต่ไม่มีสิ่งใดกลบกลิ่นตัณหาที่กำลังค่อย ๆ แผ่คลุมห้องหมอผีเถื่อนเบื้องหน้าได้เลย“ฉันมาขอ..ให้พ่อหมอ ทำของให้ผัวฉันกลับมา...”เสียงแผ่วพร่าของ “ชบา” เจ้าของร้านน้ำอบในตลาดโบราณดังลอดออกมาจากริมฝีปากแดงเรื่อที่ยังไม่ทันได้แตะพานหมากหน้าพ่อหมอแต่แทนที่หมอผีจะยื่นมือรับ เขากลับลุกขึ้นจากเบาะหนังเสือด้วยแววตาคมดุดัน ดวงตาคู่นั้นคมเหมือนเคยสาปเธอไว้แต่ชาติปางก่อน“มึงยังกล้ามาเหยียบที่ของกูอีกเหรอชบา”เธอชะงัก หัวใจเต้นแรงด้วยความงุนงงและหวาดหวั่น ชื่อของเธอหลุดออกจากปากเขาได้อย่างไร ทั้งที่ไม่เคยบอก “มึงมันคนทรยศ หักหลังกูทำให้กูต้องถูกเผาทั้งเป็น”เสียงของเขาต่ำและหน่วงเหมือนคาถาที่ถูกท่องในลมหายใจ ชบาขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อมือหนา ๆ ของหมอคัมภีร์คว้าข้อมือเธอไปแนบกับอกเปลือยเปล่าของเขาผิวร้อนราวกับมีไฟเผาภายใน“แต่ในเมื่อตอนนี้ มึงกลับมาหากูอีกครั้ง กูจะไม่ปล่อยมึงไปไหนอีกแล้ว”เธอสะดุ้งเมื่อแผ่นหลังชนกับเสาไม้ท่อนใหญ่ด้านในเรือนของพ่อหมอ เสียงพระเครื่องที่ห้อยอยู่ตามผนังสั่นไหวตามแรงสะบัดของ
ตอนที่ 8 ทำลูกณ หอไป๋หลีบรรยากาศภายในห้องประชุมของหอไป๋หลี่คึกคักกว่าทุกวัน เหล่าบุรุษชั้นดีของเมืองต่างรวมตัวกันอย่างสบายอารมณ์ เหล้าอย่างดีหนึ่งไหกับเรื่องพูดคุยสัพเพเหระ และแน่นอนไม่มีหัวข้อใดหลีกพ้นเรื่องสตรีงาม“เมื่อวานข้าเจอแม่นางผู้หนึ่งในหอประมูลเย่ว์ฮวา งามนัก...”“แต่ข้าว่า แม่นางเมิ่งจากคณะงิ้วซิ่วอวี๋ก็งามหยดย้อยไม่แพ้กัน”เสียงหัวเราะครื้นเครงดังลั่น แต่สายตาหลายคู่กลับเหลือบมองอวี้เทียนเป็นพัก ๆ เพราะรู้กันดีว่า เขาคือบุรุษผู้ครอง สตรีที่เลื่องลือว่างดงามที่สุดในเมือง“ว่าแต่ อวี้เทียน ข้าได้ยินว่าฮูหยินของท่าน ถึงกับทำเหล่าคุณชายอกหัก”เสียงหนึ่งแหย่ขึ้น กลุ่มบุรุษพากันหัวเราะคิกคัก รอฟังคำตอบอย่างสนุกสนาน ครั้งก่อนเขาอาจเพียงยักไหล่เงียบเฉย แต่ครานี้อวี้เทียนกลับยกจอกขึ้นยิ้มบาง ๆ แล้วว่าเสียงมั่นคง“ก็จริง...ฮูหยินของข้างามนัก งามจนข้าไม่อาจละสายตาได้เลย”คำพูดธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“และนางก็งดงาม ไม่ใช่เพียงแค่ใบหน้า หากแต่รวมถึงจิตใจ และแม้แต่น้ำเสียงยามดุด่าข้าก็ยังไพเราะมข้า...โชคดีที่มีนางเป็นภรรยา”บรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนไป จากความหยอกเย้า กลาย