เข้าสู่ระบบตอนที่ 3 ภาสกรมองหญิงสาวที่กำลังมองท่อนเนื้อที่สงบนิ่งของเขา ความเงียบที่ยาวนานนั้นทำให้เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่แค่ความปรารถนาที่เริ่มก่อตัวขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกที่ว่าตัวเองได้ถูกเปลือยเปล่าและถูกสังเกตการณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เร็วหน่อย... ฉันหนาว” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า เป็นคำพูดที่ไม่ได้แปลว่าหนาวจริง แต่เป็นการดึงสติของมินตรากลับมามินตรารู้สึกตัว ใบหน้าของเธอร้อนจัดจนแทบจะระเบิด เธอรู้ว่าการจ้องมองเมื่อครู่คือการเสียมารยาทอย่างร้ายแรงเธอรีบควบคุมมือให้กลับมาเป็นปกติ เริ่มต้นภารกิจที่ค้างคาด้วยการเช็ดที่โคนขาอ่อนของชายหนุ่มก่อน แล้วบรรจงเช็ดขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามแนวขาที่ยังคงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แน่นตึงขณะที่มือของเธอกำลังเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและอ่อนโยน... สัมผัสของผ้าขนหนูอุ่น ๆ และความรู้สึกตื่นเต้นที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ท่อนเนื้อที่นอนสงบนิ่งเมื่อครู่... มันก็ค่อย ๆ ตั้งลำขึ้นมาอย่างช้า ๆ ความยาวและความหนาเพิ่มขึ้นจนรู้สึกได้ถึงคาวมมหึมามินตราหายใจติดขัดอีกครั้ง เธอรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น ขนาดที่ตั้งชันขึ้นมานั้นดูใหญ่โตและน่ากลัว หากเ
ตอนที่ 2 พยาบาลพิเศษมินตราเข็นภาสกรที่นั่งอยู่บนรถเข็นมาจอดหน้ากระจกในห้องน้ำที่ดูหรูหราแต่เงียบเหงา “มินจะโกนหนวดให้คุณก่อนนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ แล้วเริ่มเตรียมอุปกรณ์เธอประคองศีรษะของเขาไว้มั่นคงด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างทาโฟมโกนหนวดอุ่น ๆ ลงบนหนวดเคราที่หยาบกระด้างอย่างช้าๆ กลิ่นหอมสะอาดจากโฟมทำให้ภาสกรเริ่มผ่อนคลาย ใบหน้าของมินตราอยู่ใกล้เขาจนเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอมีดโกนเริ่มทำงานอย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง เมื่อหนวดเคราถูกกำจัดออกไป ผิวแก้มที่เรียบเนียนและสีหน้าอันคมเข้มของภาสกรก็เผยออกมา เขากลับมาหล่อเหลาและดูทรงอำนาจอีกครั้ง มินตราตะลึงจนเผลอจ้องมองใบหน้านั้นอย่างลืมตัวเธอใช้ผ้าเช็ดโฟมที่หลงเหลืออยู่ ก่อนจะปล่อยให้สัญชาตญาณเข้าควบคุม มือเรียวเล็กของเธอเอื้อมไปลูบที่แก้มที่เกลี้ยงเกลาของเขาอย่างนุ่มนวล ราวกับต้องการยืนยันว่าเขากลับมามีชีวิตอีกครั้งจริงๆทั้งสองสบตากัน หัวใจของมินตราเต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกมาจากอก ความรู้สึกวาบหวามและร้อนผ่าวแล่นผ่านดวงตาของภาสกรอย่างรวดเร็วมินตราดึงมือกลับทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอเริ่มมีสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แต่ภาสกรยังคงมองห
ตอนที่ 1ณ คฤหาสน์ขนาดใหญ่ถูกโอบล้อมด้วยความมืดและเงียบงัน ภาสกร เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสอง บัดนี้เขานอนนิ่งอยู่บนเตียงดุจอนุสาวรีย์แห่งความสูญเสียจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อหกเดือนก่อน ทำให้ภาสกรสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายส่วนล่าง ขาที่เคยเหยียบย่ำบนเส้นทางความสำเร็จบัดนี้ไร้ความรู้สึก แต่สิ่งที่บาดลึกกว่าบาดแผลทางกาย คือการทรยศของ ลินดา ภรรยาผู้เป็นที่รักของเขาในยามที่เขาป่วยไข้และต้องการกำลังใจที่สุด เพ็ญกลับหอบเอาเงินสดและทรัพย์สินบางส่วนหนีไปกับชู้รัก การสูญเสียเงินนับสิบล้านไม่ได้ทำให้ภาสกรสะทกสะท้านเท่าการสูญเสียภรรยาที่เขาเชื่อใจนับจากวันนั้น ภาสกรก็จมดิ่งอยู่กับความทุกข์ เขาปล่อยปละละเลยตัวเองจนหนวดเครารกครึ้มปกคลุมใบหน้าส่วนใหญ่ เส้นผมที่เคยถูกจัดแต่งอย่างดีตอนนี้ยาวประบ่าและยุ่งเหยิง ดวงตาของเขาโศกเศร้าและว่างเปล่า ราวกับวิญญาณได้หลุดลอยไปจากร่างที่ติดเตียงนี้แล้ว เพื่อนสนิทของเขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อส่งพยาบาลพิเศษคนใหม่เข้ามาดูแล... หวังว่าความสดใสจะช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากเหวแห่งความเศร้าได้บ้างเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น มินตรา ก้าวเข้ามาในฐานะพยาบาลพิ
ตอนที่ 5เชอรี่จ้องมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของจ่าสิงห์ รอยยิ้มเย้ายวนที่สุดผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ เธอไม่ได้ต้องการคำตอบด้วยคำพูดอีกต่อไป“งั้นจ่าก็ช่วยให้เชอร์รี่สร่างเมาหน่อยนะคะ...” หญิงสาวพูดอย่างท้าทาย พร้อมทั้งผละออกจากเขาร่างบางหันหลังให้จ่าสิงห์ เปิดประตูรถสปอร์ตด้านหลังออกอย่างรวดเร็ว แล้วถอยหลังทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะหนังเย็นเฉียบ เดรสสั้นรัดรูปถูกรั้งขึ้นมาอยู่เหนือสะโพกอยู่แล้ว จึงไม่เป็นอุปสรรคใด ๆวินาทีต่อมาเชอรี่ก็ยกเรียวขาขึ้นทั้งสองข้าง พาดไว้กับขอบเบาะรถ เธอแหวกขาออกกว้างอย่างจงใจ เขาเห็นรอยแยกสีชมพูแดงที่บวมช้ำจากบทรักเมื่อครู่ มันฉ่ำน้ำและเป็นประกายภายใต้แสงไฟสลัว ๆ รูรักของเธอที่เพิ่งรับน้ำรักของเขาเข้าไป กำลังตอดตุบ ๆ ราวกับกำลังเชิญชวนให้เขารีบเข้ามาเติมเต็มอีกครั้ง!จ่าสิงห์มองภาพนั้นด้วยสายตาหยาดเยิ้มจนควบคุมไม่ได้ เขาไม่เหลือความเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมายอีกต่อไป มีเพียงสัญชาตญาณดิบที่ตอบรับคำเชื้อเชิญนั้นเท่านั้น ท่อนเนื้อของเขาที่เพิ่งอ่อนตัวลงเล็กน้อย ก็ผงกขึ้นแข็งเป็นลำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว 'จะปล่อยให้เธอขับรถไปทั้งที่ยังร่านแบบนี้ไม่ได้!' เสียงกระซิบในหัวของ
ตอนที่ 4แววตาของจ่าสิงห์เต็มไปด้วยความละอาย แต่ความใคร่ก็ฉายชัดไม่แพ้กันเชอรี่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม แม้หัวเข่าจะแดงก่ำเพราะการคุกเข่าบนพื้นถนนที่หยาบกร้าน เธอกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีรถผ่านมาหรือไม่หญิงสาวไม่รีบร้อนจัดชุดให้เข้าที่ แต่กลับเอื้อมมือเข้าไปในเดรสสั้นรัดรูป ถอดกางเกงจีสตริงลูกไม้สีดำของเธอออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จ่าสิงห์จะได้ขยับตัว เชอรี่ก็ยัดจีสตริงชิ้นจิ๋วที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำรักของเธอ ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบของเขาทันที“ที่ระลึกค่ะ...”เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะ น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีการขอร้องหรืออ้อนวอนอีกต่อไปแล้วเชอรี่หันกลับไปหาท่อนเนื้อใหญ่ที่ยังคงแข็งโด่อยู่ เธอใช้มือเล็ก ๆ ของเธอโอบกอบมันไว้ แล้วจูงจ่าสิงห์ให้เดินตามเธอมาอีกด้านหนึ่งของรถที่อยู่ริมถนน เป็นมุมที่มืดสลัวและลับตาคนยิ่งกว่าเดิมเมื่อมาถึงจุดที่ต้องการ เชอรี่ก็ปล่อยมือจากท่อนเนื้อที่อุ่นชื้นจ่าสิงห์ยืนนิ่งมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น เขาไม่ได้พยายามรูดซิปกางเกงขึ้นอีกแล้วเชอรี่ไม่พูดอะไร แต่เธอใช้มือดึงชุดเดรสรัดรูปของเธอขึ้นมาจนกองอยู่เหนือ
ตอนที่ 3ทันทีที่ท่อนเนื้อที่ร้อนผ่าวถูกเปิดเผยออกมาสู่สายตา เชอรี่ก็ตะลึงงันกับขนาดที่ใหญ่โตของมัน มันใหญ่กว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้เสียอีกเธอได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความเมาและความปรารถนาเข้าผสมโรงกัน ความกลัวการถูกจับกุมหายไปสิ้นเชิง เหลือเพียงสัญชาตญาณความหิวกระหายเท่านั้นจ่าสิงห์ยืนตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกจู่โจมด้วยความใกล้ชิดที่รวดเร็วขนาดนี้ เขารีบยันสองมือเข้ากับฝากระโปรงรถสปอร์ตของเธออย่างแรง เพื่อรักษาสมดุลไม่ให้ทรุดตัวลงไปเชอรี่ไม่ได้เริ่มจู่โจมด้วยปากทันที เธอใช้สองมือเล็ก ๆ ที่มีเล็บเคลือบสีแดงจัด กอบกุมท่อนเนื้อที่ร้อนระอุนั้นไว้แน่น ขนาดของมันใหญ่คับมือ เธอจนกองกำแทบไม่มิด เธอสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดรับรู้ถึงกลิ่นเฉพาะตัวของะชายชาตรีที่อบอวล กลิ่นนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกกระสันและตื่นเต้นอย่างประหลาด“อ่าส์...!”จ่าสิงห์ครางเสียงต่ำ เมื่อมือเล็กของเธอเริ่มรูดรั้งลำเนื้อของเขาอย่างชำชองเชอรี่ฝ่ามทอนุ่มนิ่มถอกหนังหุ้มปลายลงช้า ๆ เผยให้เห็นส่วนหัวที่บวมแดงและชุ่มฉ่ำ เธอค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไป ใช้ปลายลิ้นเล็ก ๆ ของเธอเตะเบา ๆ ที่ส่วนปลายหัวถอกอย่างแผ่วเบาและหยอกเย้า







