------------
หลายวันต่อมา
@ห้องประชุมห้างสรรพสินค้า
ห้องประชุมขนาดใหญ่มีพนักงานระดับล่างๆ มารวมตัวประชุมกันทั้งแม่บ้าน รปภ. และพนักงานกดลิฟต์จำนวนสองถึงสามคน สีหน้าทุกคนในห้องล้วนตึงเครียดเพราะการประชุมในครั้งนี้จะต้องมีอาชีพใดอาชีพหนึ่งหายออกจากห้างสรรพสินค้านี้ไป และแน่นอนทุกอาชีพล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าต้องยกเลิกพนักงานกดลิฟต์ที่วันๆ เอาแต่ขายรูปร่างหน้าตาออกไปแทนที่จะเป็นพวกเขาเอง
"ถ้าให้พูดกันตามตรงฉันว่าต้องเป็นพนักงานกดลิฟต์นี่แหละค่ะ หากไม่มีพวกเราคนที่เป็นพนักงานทำความสะอาดห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะอยู่ได้อย่างไร"
"ผมก็คิดแบบนั้นครับงาน รปภ. เองก็มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยหากลูกค้าเกิดเหตุอันตรายใครจะคอยดูแล"
"เอาละตอนนี้ก็คงจะได้ข้อสรุปกันบ้างแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยนะที่ห้างสรรพสินค้าของเราจะไม่มีพนักงานกดลิฟต์อีกต่อไป"
"!!!!"
พนักงานประจำตำแหน่งทั้งสามคนถึงกับหน้าชาพวกเธอต้องต่อสู้และอดทนมามากมายแค่ไหน กว่าจะอยู่ถึงวันนี้ได้แต่จู่ๆ กลับมาบอกว่าห้างต้องการลดทอนรายจ่ายและมาไล่พวกเธอออกโดยใช้เหตุผลเพียงเท่านี้หรือ
"ทางเราจะชดใช้ค่าเสียหายจำนวนสองหมื่นบาทให้กับทุกคน แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพนักงานกดลิฟต์จะไม่มีในห้างสรรพสินค้าของเราอีกต่อไป "
ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการเสร็จสิ้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องประชุมขนาดใหญ่ตามด้วยพนักงานคนอื่นๆ เหลือเพียงตำแหน่งที่ถูกโยนออกอย่างหมดเยื่อใย
"ทำไมพวกเราต้องเป็นฝ่ายที่ต้องไปด้วยนะ"
"อย่างที่บอกอีกสองแผนกมีความต้องการในห้างนี้อยู่ แต่พนักงานอย่างเราคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วล่ะ "
"สู้ๆ กันไปนะเดี๋ยวคงได้งานใหม่ในเร็วๆ นี้"ฉันพยายามปลอบใจพนักงานร่วมสายด้วยกันทั้งที่ฉันเองก็จนปัญญามืดแปดด้านไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนเหมือนกัน คงต้องตั้งหลักอยู่ที่บ้านสักพักใหญ่ เฮ้อชีวิตมันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ช่วงเย็น
@หน้าห้างสรรพสินค้า
คาราเมลเดินเตร่ข้างถนนหลังเลิกงานคิดว่าจะไปตลาดซื้อกับข้าวเข้าบ้านไปทานกับน้องชายเหมือนปกติ ทว่าวันนี้สีหน้าและแววตาของเธอกลับเศร้าหมองกว่าทุกวันหญิงสาวร่างสูงเพรียวมีน้ำมีนวลเอาแต่เดินก้มหน้าไม่มองสิ่งแวดล้อมแม้แต่นิดกระทั่งมีเสียงบีบแตรรถขึ้น
"ไปด้วยกันสิ"
เสียงทุ้มหนาเอ่ยขึ้นจากในรถคันหรูเคลเกอร์ชายรูปหล่อคนเดิมนั่นเอง แต่สิ่งที่แปลกคือวันนี้เธอกลับไม่ปฏิเสธทั้งยังรีบเปิดประตูพาตัวเองย้ายเข้ามานั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ
"เป็นอะไรหรือเปล่างอนที่ผมไม่ได้ไปหาวันนี้หรอ?"
"เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นและหลังจากนี้คุณคงไม่ต้องไปหาฉันที่นั่นแล้วล่ะ"
"ทำไมใครทำอะไรคุณ"
เสียงแสดงถึงความเกรี้ยวโกรธเอ่ยถามเธอด้วยใบหน้าดุดันราวกับว่าเรื่องของเธอนั้นเป็นเรื่องของตนเอง
"เปล่าค่ะไม่มีใครทำอะไร แต่วันนี้ทางห้างได้เลิกจ้างพนักงานกดลิฟต์ฉันเลยเครียดๆ ยังไม่รู้ว่าจะไปหาสมัครงานที่ไหนเลย ค่าใช้จ่ายยังรออยู่อีกเยอะ"
คาราเมลก้มหน้างุดตามองตักตัวเองด้วยแววตาเศร้าหมอง ทั้งที่ระหว่างวันมานี้เธอเก็บอาการได้ดีแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขากำแพงน้ำแข็งดั่งกับถูกไฟหลอมละลายทำให้เธอเปิดอกพูดกับเขาได้โดยไม่มีกั๊ก
"อื้ม ตอนนี้ฉันก็พึ่งซื้อบ้านถ้าเธอยังไม่รู้จะไปที่ไหน....มาเป็นแม่บ้านให้ฉันไหมล่ะ"
หัวใจดวงเล็กกระตุกวาบคำพูดชักชวนของเขาไม่อาจจะคิดไปในแง่ดีได้เลย ภาพในวันนั้นยังติดสมองตราตรึงใจเธอไม่หายราวกับว่าทำชักชวนนี้จะชวนให้เธอไปเป็นคู่ชีวิตของเขาอย่างนั้นแหละ
"อะ...เออ ถ้าคุณเคลเกอร์ไม่รังเกียจก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ"
"งั้นเดี๋ยวฉันพาเธอไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านแล้วกัน!"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นทั้งยังรอฟังคำนำทางของเธอ
" วันนี้เลยหรอคะ"
"ใช่บ้านเธออยู่ทางไหนล่ะบอกฉันมาสิ"
"ค่ะ"ไหนบอกเพิ่งซื้อบ้านทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้ล่ะ?
@บ้านคาราเมล
"ระวังนะคะ"
"อื้ม"
ทางเข้าขับแคบทำให้ต้องจอดรถเอาไว้ที่หน้าปากซอย เพียงไม่นานก็ถึงบ้านหลังเล็กซึ่งด้านในถูกจัดระเบียบไว้เป็นอย่างดีทำเอาเคลเกอร์ถึงกับตกใจ
"บ้านเธอสะอาดดีนะเหมือนกับคนละโลกกับข้างนอกเลยล่ะ"
"ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของน้องชายฉันเองค่ะลำพังฉันคงไม่มีเวลามาทำได้ขนาดนี้หรอก"
"พี่เมลกลับมะ...."
ชายหนุ่มหน้าตาหวานละมุนเดินออกมาจากห้องในมุมบ้าน คำพูดที่จะเอ่ยถามพี่สาวถูกกลืนลงคอจนหมดสิ้น สายตาสงสัยและหวงแหนจ้องมองไปที่ใบหน้าชายร่างใหญ่
"ใคร"
"ถามเสียงแข็งขนาดนี้อย่างกับเป็นพ่อพี่งั้นอะเรา"
"ก็ปกติพี่เคยพาใครกลับบ้านที่ไหนล่ะ เขาเป็นใครเจ้านายพี่หรอ"
"ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรอก แต่ตอนนี้ฉันเป็นเจ้านายพี่สาวนายเองล่ะ"
สีหน้าไมค์ดูกระวนกระวายสับสนกับคำพูดของพี่สาวและชายแปลกหน้าเป็นอย่างมาก ก่อนฝ่ามือเล็กจะยกขึ้นจับไหล่น้องชายเบาๆ
"พี่ถูกเลิกจ้างจากงานที่เดิม และคุณเคลเกอร์เองก็กำลังรับแม่บ้านอยู่เหมือนกันพี่เลยจะไปทำงานกับเขาก่อน"
"ไว้ใจได้หรอ ดูจากหน้าตาไม่น่าไว้ใจนะ"
"หน้าตาฉันหล่อขนาดนี้มีตรงไหนไม่น่าไว้ใจ?"
"ทุกตรงแหละ เกิดวันดีคืนดีคุณอยากงาบพี่สาวผมขึ้นมากระทำพี่สาวผมขึ้นมาจะทำยังไง"
ชายหญิงสองคนซึ่งเคยร่วมคืนเร่าร้อนมาด้วยกันต่างก็จ้องหน้ามองตากันด้วยความเข้าใจ
"ไม่มีอะไรหรอกเราอ่ะคิดมากพี่ขอตัวไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะ"
คาราเมลยิ้มบางให้น้องชายก่อนจะขอตัวเดินตรงไปยังห้องนอนของเธอเพื่อเก็บสัมภาระและของใช้ที่จำเป็น ทิ้งให้เสือสองตัวยืนจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น
"คุณคิดอะไรกับพี่สาวผม พูดมาตรงๆ อย่าอ้อมค้อม"
ไม่รอช้าน้องชายขี้หวงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถามถึงมูลความจริง
"ชอบ ฉันชอบพี่สาวนาย ชอบมาก มากที่สุดพอใจหรือยัง"
"!!!"
คำตอบทำเอาน้องชายถึงกับตาลุกโชนเขาเดินปรี่ตรงเข้ากระชากคอเสื้อเชิ้ตราคาแพงของชายร่างใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว
"ห้ามทำอะไรให้พี่สาวผมอึดอัด และห้ามทำอะไรที่เธอไม่ชอบถ้าผมรู้ว่าคุณทำให้พี่สาวผมเสียใจผมจะตามไปต่อยหน้าคุณเอาให้เลือดกบปากไปเลยคอยดู"
"ฮ่าฮ่า น้องชายอย่าได้กลัวไปเลยพี่เขยคนนี้ไม่มีทางทำให้พี่สาวแสนสวยของคุณชายต้องเจ็บช้ำน้ำใจหรอก เชื่อฉันสิถ้าฉันทำแบบนั้นแม้แต่ครั้งเดียวฉันจะยอมให้นายกระทืบฉันเลยก็ได้"
"อย่าลืมคำพูดตัวเองก็แล้วกัน"
เพราะพี่สาวนายไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ไงฉันไม่อาจจะละสายตาออกจากเธอได้เวลาที่ได้อยู่ใกล้เธอ ใจมักจะเต้นแรงควบคุมตัวเองไม่อยู่ฉันไม่อาจปล่อยผู้หญิงที่ทำให้ฉันเสียอาการแบบเธอไปได้จริงๆ
_______________
----------- "ไอ้พวกเด็กบ้า!!!" น้ำเสียงสุดจะโมโหของวาริชเปร่งดังลั่น เมื่อรู้ว่าทุกอย่างอยู่ในแผนการของลูกชายตัวดีของเธอทั้งหมด หลังจากโดนเซอร์ไพรส์ด้วยเค้กวันเกิดไปแล้ว ทั้งหมดได้เดินทางมายังบ้านพักโฮมสเตย์ โดยมีเพื่อนสนิทในกลุ่มอย่างเจมส์และเทลเข้าร่วมทริปด้วย "ขอโทษครับ ไวท์อยากเซอร์ไพรส์วันเกิดแม่เท่านั้นเอง" ลูกชายจอมวางแผนโอบกอดซบหน้าลงบนไหล่เล็กผู้เป็นแม่ ทั้งเรื่องงานพาสไทม์ตลอดจนถึงเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของแม่และเพื่อนสนิท ไม่มีอะไรที่ไวท์ไม่รู้เขาเพียงรอจังหวะมาเซอร์ไพรส์แม่เท่านั้นเอง "เซอร์ไพรส์ถึงขนาดที่ธีโอปากแตกแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ" เธอหันไปมองหนุ่มลูกครึ่งซึ่งขณะนี้นั่งประคบน้ำแข็งอยู่ข้างกัน "มันเป็นคนวางแผนเองด้วยซ้ำ" เจมส์เอ่ยอธิบายเทลเองก็เห็นพ้องต้องกันพยักหน้ารับงึกๆ "ธีโอมันมาสารภาพความรู้สึกกับไอ้ไวท์ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะมันบอกไม่กล้าไอ้ไวท์เลยจัดการวางแผนนี้ขึ้นมา" "ไอ้เหี้ยเทล มึงไม่จำเป็นต้องพูดหมดทุกเรื่องก็ได้" ธีโธจ้องเพื่อนตาเขม็งเกรงว่าแม่เพื่อนจะรู้ความจริงในข้อนี้ ต่างจากวาริชขณะนี้เธอกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทว่าความรู้สึกผิดเ
------------- วาริชยืนอยู่ขอบสระน้ำในชุดว่ายน้ำเกาะอกสีดำที่เข้ารูป พร้อมกระโปรงบิกินีที่เผยให้เห็นขาเรียวยาวและสัดส่วนที่พอดีตา หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาคือชายแปลกหน้าที่เพิ่งเข้ามาจีบเธอหลังจากที่เห็นเธอเดินเฉิดฉายเข้าไปในสระส่วนกลางของโฮมสเตย์เพียงลำพัง "อยากเล่นน้ำไหมครับ กลุ่มผมมีแต่ผู้ชายดูไม่สบายตาเลยสักนิด นี่ถ้าได้คุณคนสวยมาร่วมวงด้วยอีกคน คงจะสนุกไม่น้อย" เสียงชายผู้หวังดีอธิบายพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งกำลังพยายามมองข้ามความกระอักกระอ่วนของตัวเอง อันที่จริงแล้ววาริชแอบแต่งตัวในชุดว่ายน้ำบางตาโดยไม่ได้บอกธีโอแม้แต่คำเดียว เมื่อตื่นขึ้นมายังคงเห็นว่าเจ้าหมาเด็กยังนอนหลับสนิทอยู่ จึงเลือกที่จะย่องมาผ่อนคลายร่างกายตามลำพัง"ตามสบายเลยค่ะ พอดีชอบว่ายน้ำคนดะ---" "ต้องบอกว่าชอบว่ายน้ำกับผัวมากกว่านะครับ" เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเมื่อมองไปยังเสียงพบร่างสูงกำยำของเพื่อนลูกในชุดว่ายน้ำกางเกงขาสั้นสีดำเปลือยท่อนบนเดินเข้ามาหา แววตาดุดันมองตวัดชายแปลกหน้าจ้องจะกินเหยื่อของตนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะคว้าเอวอ่อนช้อยเข้ามากระชับไว้แนบกาย"อึก!"ท่าทางหึงหวงแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้
-----------"สงบสติอารมณ์ได้หรือยัง" "อะ อื้ม" วาริชเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบายังคงก้มหน้าไม่กล้าสบตา เห็นท่าทีลังเลของเธอเข้าธีโอจึงเข้าใจ เราพยายามรุกมากไปหรือเปล่าอาการแม่ไม่ดีเท่าไหร่ คงต้องปล่อยให้อยู่คนเดียวสักพัก "เข้าใจแล้วครับ ผมจะปะ---" "เดี๋ยวก่อน!" ไม่รู้ว่าเพราะอะไรวาริชจึงยกมือรั้งตัวหนุ่มลูกครึ่งเอาไว้ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้งมีเพียงสายตายังคงจ้องมองผสานกันอยู่อย่างนั้นเสียงคลื่นซัดกระทบตัวเรือเบาๆ ราวกับเป็นจังหวะดนตรีที่กล่อมบรรยากาศให้ล่องลอยไปในความเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนสองคน แววตาที่เคยสับสนและสงสัยในความรู้สึกขณะนี้มันแปลเปลี่ยนไปเป็นความต้องการของเรื่องใต้สะดือเธอเป็นแม่ของเพื่อนสนิทเขา ผู้หญิงที่ไม่ควรแตะต้อง แต่คืนนี้เธอไม่ได้เป็น ‘แม่’ ของใคร เป็นเพียง ‘ผู้หญิง’ คนหนึ่งที่จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่สะท้อนแรงปรารถนาไม่ต่างกัน ยิ่งเวลาผ่านไปแววตากลับยิ่งทอประกายให้เห็นเพลิงไฟสวาทในร่างกายซึ่งมันกำลังลุกโชนเผาไหม้ด้านในทรวง"ธีโอ…เราไม่ควรที่จะ—"ปลายนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มแตะที่ริมฝีปาก เสียงของวาริชถูกกลืนหายไปกับสัมผัสนั้น ดวงตาลุ่มลึกข
--------------"ไปว่ายมาแล้วครับ แต่คนเยอะเลยกลับมาก่อน อีกอย่างก็...คิดถึงแม่ด้วย" เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างใบหูแผ่วเบา แม่หม้ายขี้เหงาเบิกตาโพลงพยายามหันไปให้ความสนใจแก่สิ่งอื่น "จะ จริงสิเรือวันนี้ค่อนข้างส่วนตัวเลยล่ะ แม่จองเผื่อในส่วนของทุกคน ถ้ารู้ว่าแพลนจะเปลี่ยนคงไม่เช่าเหมาทั้งลำ" สีหน้าวาริชพลันเสียใจเพราะเธอทุ่มเทและเฝ้ารอเวลาพักผ่อนนี้มานาน จึงอยากทำให้ทริปนี้ออกมาให้ดีที่สุดทว่ากลับพังไม่เป็นท่า "ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ถือว่าเราได้ไปเดทกันสองต่อสอง" "ดะ เดทที่ไหนกันไม่ใช่แบบนั้นหรอก" ถึงแม้ว่าเรื่องเมื่อคืนธีโอจะบอกว่าเขาตั้งใจ สำหรับฉันแล้วมันเหมือนกับการยัดเยียดให้เขายอมรับผิดแค่ฝ่ายเดียว ฉะนั้นแล้วเรื่องของเราสองคนมันก็ยังถือว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น และฉันไม่อยากทำให้เพื่อนรักทั้งสองคนต้องมาแตกหักกันเพราะฉันเป็นตัวต้นเหตุ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเอง "เสียงโทรศัพท์ของแม่หรือเปล่าครับ?" "อะ จริงด้วย" สมารท์โฟนถูกยกขึ้นหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏชื่อของคนปลายสาย(ฮาโหลครับแม่ เที่ยวสนุกหรือเปล่าเอ่ย) "สนุกสิ จะสนุก
-----------"สะ เสียว!" ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระแม่เพื่อนเอ่ยเสียงใสปนกระสั่นหอบหายใจแรง เรียวขาสวยบิดเร้าเห็นปฏิกิริยาแสนเสียวเช่นนั้นธีโอยกยิ้มพลางก้มหน้าเอ่ยกระซิบเสียงทุ้มข้างใบหู "งั้นครั้งนี้ไม่ต้องพิธีการกันมากแม่คงอยากให้ผมจับกระแทกใจจะขาด ไว้ครั้งหน้าผมจะเล่นกับแม่ให้นานกว่านี้ ถึงตอนนั้นอย่าหนีผมล่ะ" "อึก!" สิ้นเสียงเรียวขาถูกยกขึ้นพาดไหล่เอวหนาประชิดเกี่ยวกางเกงและอันเดอร์แวร์พอให้มีพื้นที่สำหรับอาวุธคม ทันทีที่เห็นวาริชถึงกับตกตะลึง "ใหญ่เกินไปแล้ว!" เธอพูดพร้อมก้มมองดูตัวตนของอาวุธร้ายปลายมน ทั้งที่เธอไม่ได้ปลุกปั่นแต่มันกลับเหยียดขยายตัวเต็มกราฟ รอบลำเปี่ยมไปด้วยเส้นเอ็นปูดนูนขนาดใหญ่กว่าชายทุกคนที่เจอ ทั้งกลัวและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน "เจ็บต้นเสียวปลาย เชื่อผมสิ อา~" "กึด!" ดีชะมัด เซ็กส์ครั้งนี้มันครบรสจนฉันตราตรึงใจ ไม่เคยรู้สึกดีจนเสร็จสมติดต่อกันหลายครั้งแบบนี้ ท่วงท่าลีลาคารมขณะร่วมรักทำเอาฉันใจเต้นจนเหมือนคนบ้าควบคุมร่างกายและเสียงครางกระเส่าของตัวเองไม่ได้เลย แม่ขอโทษนะไวท์แต่ธีโอแม่ปล่อยเขาไปไม่ได้จริงๆ ----------หน้าบ้านพักโฮมสเตย์ในตอนนี้มีเหล่าพนัก
---------- "ผะ ผมไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นครับ แม่ไม่ต้องกลัวผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกใครแน่นอน" "......" สติวาริชล่องลอยหายไปแล้ว ภาพลักษณ์แม่เพื่อนดีเด่นก็เช่นกันเพราะความประมาทเลินเลิ่อของตัวเอง"ฮึก! ขอโทษนะที่แม่เป็นผู้หญิงแบบนี้ ฮือ" วาริชปล่อยโฮออกมาเสียงดัง พร้อมยกผ้าห่มขึ้นคลุมจรดหัว เธอไม่มีหน้าจะสู้ชายหนุ่มร่างใหญ่เพื่อนลูกได้อีกแล้ว แถมยังเป็นผู้ชายที่เธอแอบมองมาโดยตลอด พยายามจะเป็นคนดีต่อหน้าเขาคนนี้มาโดยตอนนี้มันจบแล้ว "มันไม่ใช่ความผิดแม่สักหน่อย เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์โลกอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่แม่ที่มีความต้องการผมเองก็มีเหมือนกัน" "อึก" เสียงร่ำไห้ใต้ผ้าห่มเงียบลงมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเพียงเท่านั้น ในเวลานี้ธีโอเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่ตนเอ่ยออกไปนั้นให้ความหมายสองแง่สองง่าม เขายืนแน่นิ่งข้างเตียงก้มหน้ามองพื้นห้องด้วยสีหน้าเขินอาย พูดอะไรของมึงวะไอ้ธี ไอ้เหี้ยคิดดีไม่ได้เลย "ธีโอ" ผ้าห่มค่อยๆ เลื่อนลงจนเห็นดวงตาของวาริช เธอเอาแต่จ้องมองเพื่อนลูกชายอยู่แบบนั้น ชายหญิงในห้องนอนยามค่ำคืนเพียงแค่คิดรอยแยกที่ยังคงชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานกลับรู้สึกเสียวแปลบขึ้