รวมเรื่องสั้นครบรสหลากหลายอารมณ์หลากหลายเหตุการ์ณ อ่านเพลินยาวๆ ฟินจิกหมอนขาด เน้นNC เป็นหลัก สายหื่นห้ามพลาด! #นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นมาเพื่อคอ NC โดยเฉพาะ#
view more-----------
ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นห้างสรรพสินค้าสำหรับคนรวย ไฮโซ เซเลปใครต่างก็อยากจะย่างกายเข้ามาในที่นี้สักครั้งหนึ่ง ทว่าเบื้องหลังความหรูหรานี้กลับมีอาชีพที่ใครต่างก็ด้อยค่าอาชีพ พนักงานกดลิฟต์ เพราะเป็นห้างชั้นนำระดับประเทศเรื่องบริการจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ หากแต่ว่าอาชีพพนักงานกดลิฟต์เป็นอาชีพเดียวในห้างที่ปรับเปลี่ยนพนักงานปล่อยที่สุด นอกจากต้องใช้หน้าตาแล้วต้องมีใจรักการบริการเกินร้อย ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอลูกค้าไฮโซเหยียดหยามได้
"ไปชั้นไหนดีคะ ^^"
คาราเมล พนักงานกดลิฟต์ใบหน้าสวยราวกับนางแบบสาวหุ่นดีเป็นที่นิยมสำหรับชายหนุ่ม แต่ก็เป็นที่เกลียดชังสำหรับสาวๆ เช่นกัน
"ไปชั้นเจ็ด ว่าแต่หล่อนเถอะคงโดนพาขึ้นสวรรค์บ่อยๆ สินะแต่งตัวจัดเต็มอย่างกับนักร้องคาเฟ่สมัยก่อนงั้นอะ"
"ฮ่าฮ่า แกก็ไปพูดแบบนั้น เหมือนคนเล่นลิเกหรือเปล่านะ"
"ฮ่าฮ่า นั่นสิเนาะ"
"ค่ะ ^^"
ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรรอยยิ้มเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะได้เห็นจากเธอ เพียงไม่นานลิฟต์จอดที่ชั้นเจ็ดก่อนประตูลิฟต์จะถูกเปิดออก ร่างสูงราวนางแบบเดินปรี่ออกไปข้างหน้า ก่อนจะก้มหัวและผายมือเป็นการเชิญลูกค้าออกจากลิฟต์
"จริงสิ นี้ทิปของเธอเผื่อจะเอาไปซื้อเครื่องสำอางราคาแพงแทนเครื่องสำอางตลาดล่างบ้าง แต่งหนาแบบนี้ระวังหน้าพังนะสาว"
"ฮ่าฮ่า"
แบงก์สีน้ำตาลจำนวนหนึ่งถูกปาใส่หัวของเธอ ก่อนลูกค้าไร้มารยาจะเดินออกไปอย่างสนุกสนานโดยไม่คิดเลยว่าคำพูดไร้มารยาทเหล่านั้นจะทิ่มแทงใจผู้หญิงด้วยกัน
"วันนี้ได้เงินเยอะเลยแฮะ ทั้งที่พึ่งเริ่มทำงานแท้ๆ ^^"หากเป็นเมื่อก่อนตอนฉันเริ่มทำงานนี้ใหม่ๆ ก็คงจะหนีแอบไปร้องไห้ช่วงเวลาพัก แต่ตอนนี้น่ะฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากแล้วล่ะ คำพูดของพวกคนรวยไม่สามารถทำอะไรฉันได้แล้ว จะเรียกว่าฉันถูกอำนาจเงินครอบงำได้หรือเปล่านะ แต่ตอนนี้ฉันโอเคกับงานที่ใครๆ ต่างก็ด้อยค่ามากเลยล่ะ เพราะมันสามารถดูแลฉันและน้องชายได้อย่างไงล่ะ ฉันมีน้องชายคนหนึ่งตอนนี้กำลังเรียนปีหนึ่งอยู่ล่ะ ค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับถือว่ามากพอสมควร ยังดีที่ได้เงินจากพวกคนรวยที่คอยให้ทิปมาประทังชีวิตระหว่างเดือน
"ไปชั้นไหนดีคะ"
"ชั้นหนึ่ง"
เสียงเข้มของชายหน้านิ่งเอ่ยบอก ทั้งรูปร่างหน้าตาคงจะเป็นลูกครึ่งดวงตากลมโตแฝงไปด้วยความดุดันแต่งตัวเรียบร้อยด้วยสูทเข้าชุด รองเท้าหนังสีดำสนิท ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็น่าเคารพนับถือไปหมด
"เชิญค่ะ ^^"
รอยยิ้มสดใสยังคงฉีกกว้างราวกับเรื่องสะเทือนใจเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ในสายตาของชายหนุ่มร่างใหญ่กลับจ้องมองผ่านทางแผ่นหลังเธอด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ
"ทำไมเธอไม่พูดสวนว่าผู้หญิงสองคนนั้นไปล่ะ"
"คะ? คุณลูกค้าเห็นหรือคะ"
เธอขยับตัวเอียงข้างตามลูกค้าชายด้วยแววตาสงสัย
"ใช่ ฉันบังเอิญเห็น เธอชอบทำงานให้คนดูถูกแบบนี้หรือไง"
"ก็...งานเดี๋ยวนี้หายากนี่คะ อีกอย่างงานนี้ก็ได้เงินเยอะด้วย"
"หึ แล้วศักดิ์ศรีเธอล่ะ"
เขาเคล้นเสียงขึ้นในลำคอ เอ่ยถามเธอด้วยสีหน้าดูถูกดูแคลน หรือเขาจะเป็นหนึ่งในคนไฮโซที่ชอบดูถูกคนจนตัวเล็กๆ
"ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้นี่คะ เงินต่างหากที่จะเสกทุกอย่างให้เป็นอย่างใจต้องการ ^^"
เธอตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนประตูลิฟต์จะเปิดออกถึงชั้นหนึ่ง
"เชิญค่ะคุณลูกค้า ^^"
"ถือเป็นการพูดคุยที่สนุกมากๆ ไว้ฉันจะมาพูดกับเธอใหม่นะ"
"ด้วยความยินดีค่ะ ^^"
ชายร่างใหญ่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำออกจากลิฟต์ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปไม่ลืมที่จะทิ้งชื่อตัวเองเอาไว้
"ฉันชื่อ เคลเกอร์ ทำงานอยู่บริษัท ML อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เบื่อๆ ไปหาได้นะ"
เขาขยิบตาเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
"หืม? จบง่ายๆ แบบนี้เลย"คงจะเป็นพวกผู้ชายชอบแต๊ะอั๋งทั่วไปล่ะมั้ง
น่าสนใจกว่าที่คิด เด็กกดลิฟต์งั้นเหรอ?
-------------
กลับมาพบกันใหม่กับเล่มที่2 นะครับ หวังว่าทุกคนจะถูกใจกับเรื่องสั้นสุดสยิวที่คัดรวมมาให้เป็นพิเศษ
อย่าลืมกดติดตาม คอมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ^^
------------"ไม่คิดว่าหนูเรไรจะชอบที่นี่ถึงขนาดขอพักต่ออีกนิด" "ที่นี่สวยมากจริงๆ ค่ะป้าละเมียดทำเอาอยากมาอาศัยอยู่ที่นี่เลย ^^ " ไม่รู้เพราะแขกมีเพียงคนเดียวหรือว่าป้าแกเอ็นดูเรไรเป็นพิเศษ ถึงขนาดชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยทั้งเช้า กลางวัน เย็น เช่นเดียวกับวันนี้หลังจากเสร็จภารกิจพิชิตจักรวาลไปเวลาล่วงเลยมาจนถึงรุ่งสาง ทั้งสองนอนกอดกันกลมในห้องพัก ดีที่ป้าละเมียดโทรมาตามลูกชายไม่ใช่เดินพรวดพราดเข้ามา ไม่งั้นคงได้เห็นภาพอุจาดตาแต่เช้า "แล้วนั่นเป็นอะไรของลูกน่ะ เอาแต่นั่งก้มหน้าตลอด ไม่สบายหรือเปล่า" เห็นท่าทีลูกชายผิดแปลกไป ป้าละเมียดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าร่างยักษ์กลับเขินอายอมยิ้มหน้าแดงไร้สาเหตุ "ไม่มีอะไรสักหน่อยแม่" "ไม่น่าใช่นะ ปกติลูกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อย่าบอกนะ..." ป้าสลับมองหน้าลูกชายและเรไรสาวเมืองกรุง ทั้งสองมีท่าทีที่เหมือนกันราวกับคัดลอกวาง แกรู้ได้ทันทีถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เพียงยกยิ้มเล็กน้อยและปล่อยผ่านหวังให้วัยรุ่นจัดการกันเอง "จริงสิ วันนี้พ่อให้ลูกไปดูสวนมะพร้าวให้น่ะ" "อ๋อ เดี๋ยวผมไป" "ไหนๆ ก็ไปแล้วพาเรไรไปเที่ยวด้วยสิ ปล่อยไว้ที่บ้านพักเดี๋ยวจะเบื
------------ลมทะเลหากในวันปกติของคินแล้วคงจะเย็นสบายและรู้สึกสงบ ต่างจากวันนี้เขารู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจเปลญวนแม้จะแกว่งไปมาเพราะแรงลมทะเลกลับไม่คลายความรู้สึกกระวนกระวาย ท้ายที่สุดเขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งถอนหายใจเสียงดัง "เฮ้อ เป็นคนนิสัยเสียไปแล้วสิ ทั้งที่ควรจะลาเรไรก่อนเดินทางกลับ แต่เรากลับหนีออกมาโดยไม่ล่ำลาเลยสักคำ ทั้งที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วแท้ๆ" ยิ่งคิดถึงโอกาสที่เสียไปยิ่งรู้สึกเสียดายไม่หายหัวใจตอกย้ำโทษตัวเองรับร้อยนับพันครั้ง นั้นคือสาเหตุที่เขาไม่อาจสงบนิ่งได้อย่างทุกวัน เสียงคลื่นทะเลกระทบชายหาดคล้ายเป็นเสียงกล่อมชวนให้เขาผ่อนคลาย สมองที่ค่อยๆ พาเข้าสู่โหมดพักผ่อนกลับทำงานฉับพลันอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหวานติดตราตรึงใจของใครบางคน "พี่คิน" "!!!!!" หันไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหญิงสาวตัวเล็กยืนอมยิ้มแก้มแดงให้กันอยู่ก่อนแล้ว เธอเกลี่ยผมทัดหูสายตาเขินอายจ้องมองมา ราวกับฟ้ารับรู้ถึงการก่นด่าตัวเองในใจของเขานับครั้งไม่ถ้วนและสวรรค์จึงส่งเธอมาอีกครั้ง คราวนี้ร่างยักษ์รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดเรไรด้วยความดีอกดีใจ "เรไร! พี่คิดว่าจะไม่ได้เจอเรไรอีกแล้ว" "จะกลับได้ไงล่ะคะ มีคน
------------"ขอโทษนะ แต่พี่ไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงที่พึ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้นได้จริงๆ" คำสารภาพของคนพี่ทำเอาหญิงสาวถึงกับแน่นิ่ง แววตาสั่นไหวราวกับจะร้องไห้รอมร่อ "กะ โกรธพี่หรือเปล่า!" "ไม่ เปล่าเลย" หลังมือเล็กยกปาดหยดน้ำตา ยันตัวลุกขึ้นนั่งยิ้มบางให้คนพี่ "ขอบคุณพี่ต่างหาก ขอบคุณที่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนะคะ ^^ " "เล็กน้อยที่ไหนกัน!!!" สีหน้าคนพี่ดูจะโกรธเคืองแทนหญิงสาวไม่น้อย เขากัดฟันแน่นในใจอยากจะเสยปลายคางไอ้เศษสวะเสียตอนนี้ "ถึงแบบนั้นก็ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ" ทำไงดีเหมือนฉันจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าอย่างจังแล้วสิ ---"เรไร!" "แนน!!" หญิงสาววิ่งปรี่เข้ากอดเพื่อนสนิทราวกับว่าจากกันมานานหลายวันทั้งที่เวลาพึ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมง โดยมีลูกชายผู้ใหญ่บ้านตามอารักขาไม่ห่าง แต่ด้วยเสื้อคลุมแจ็คเก็ตทำทุกสายตาจับจ้องราวกับว่าคินเป็นคนร้าย เรไรพอจะอ่านความหมายของสายตาแกจึงรีบอธิบายขยายความ "เรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะ!" "แล้วเรไรหายไปไหนกับ คุณคินสองคนล่ะ"เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยถึงสิ่งที่สงสัยครู่ใหญ่ออกมา สายตายังคงมองคินเป็นคนร้ายไม่วาง "พี่คินไปช่วยเราไ
-----------"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!" คินไม่สนใจชายใจทรามสักนิด รีบคว้ามือหญิงสาวขึ้นทันที ก่อนจะรีบถอดเสื้อคลุมแจ็คเก็ตของตัวเองสวมให้ร่างเปลือยท่อนบน รีบเลื่อนหน้าหันไปทางอื่น "ผะ ผมไม่เห็นเพราะงั้นไม่ต้องอายนะครับ" "ขอบคุณนะคะที่มาช่วย" สีหน้าหญิงสาวดูตกใจไม่น้อย ไม่อาจกล้าสบตากับร่างใหญ่ได้ ชายตัวยักษ์อุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าหญิงทำเอาเรไรถึงกับแน่นิ่งในอ้อมแขนแกร่ง"ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่งหวังว่ามันจะทำให้คุณสบายใจไม่มากก็น้อย" "ค ค่ะ" ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด กลับกันกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา ทั้งสองผ่านป่าทึบนกมาราวห้านาทีในที่สุดก็เดินมาโผล่ยังโขดหินขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นไม้ ต้นใหญ่แผ่กิ่งใบให้ความร่มเย็นใต้ต้นไม้นั้นมีแคร่ไม้ตั้งอยู่เพียงตัวเดียว ร่างหญิงสาวขวัญผวาถูกวางลงบนแคร่อย่างเบามือ ก่อนร่างยักษ์จะนั่งลงข้างกัน "ที่นี่เป็นที่ที่ผมมักจะมานั่งเล่นเป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นฐานทัพลับๆ ก็ได้" "สวยมากเลยค่ะ"เบื้องหน้านั้นคือมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ลมทะเลพัดปะทะเข้าหน้า เสียงใบไม้กระทบกันเป็นดั่งดนตรีบำบัดจิตใจ ร่างเล็กหลับตาลงเล็ก
-----------"ในเมื่อเสร็จแล้ว งั้นทุกคนแยกย้ายกันไปพักดีไหม" "ค่ะ" ป้าละเมียดและชาวบ้านพากันเดินออกจากแหล่งการเรียนรู้ประจำหมู่บ้าน เพราะเวลาบ่ายแก่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เหล่าหญิงสาวจึงพากันเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ ลงไปเล่นน้ำทะเลบ้างก็ทำกิจกรรมบนชายหาด หนึ่งในคนที่นั่งดูเพื่อนสาวบนหาดนั่นก็คือเรไร เธอชอบที่จะนั่งมองเพื่อนๆ มากกว่าลงไปทำกิจกรรม "ไม่เปลี่ยนชุดว่ายน้ำหรอ" เสียงของเจดังขึ้นจากทางด้านข้าง เมื่อหันไปตามเสียงพบว่าในมือเขาถือขวดเบียร์ที่ถูกดื่มจนพร่องไปเกือบครึ่ง แววตาฉ่ำเยิ้มบ่งบอกว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นแผ่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว "มะ ไม่หรอกเรายังไม่อยากเล่นน้ำน่ะ" "งั้นหรอ ไปเที่ยวกับเจไหม" "เที่ยวไหน เราไม่ไป!" ไม่เพียงแค่คำพูดแต่ยังรวบข้อมือเล็กพาตัวดาวคณะลากไปทั้งแบบนั้น กระทั่งมาหยุดที่โต๊ะข้างบ้านพักของเหล่าผู้ชาย ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีขวดเบียร์และของกินเล่นวางเต็มไปหมด "ไอ้เจไปเอาเรไรมาจริงวะ" "ก็บอกแล้วว่ากูจะไปพาหวานใจมา" เจพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจพร้อมทั้งดึงร่างบางลงมานั่งบนตักตัวเอง ราวกับว่าเธอนั้นเป็นคนรัก ทว่าสีหน้าเรไรกลับไม่สู้ดี เธอไม่อยากมีปัญญากับนักมวยมีฝี
----------"ฮ่าฮ่า"สองสาวเกลือกกลิ้งเล่นบนเตียงสักพักใหญ่ ก่อนจะสงบลงเพราะเริ่มเหนื่อย ไฟในห้องถูกปิดลงบรรยากาศในห้องกลับเข้าสู่โหมดปกติ ทว่าถึงกระนั้นเรไรก็ไม่อาจจะสลัดภาพของคินตอนที่เข้าไปช่วยเธอไม่ได้ หัวใจดวงเล็กในอกด้านซ้ายเริ่มสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอไม่อาจควบคุมยกมือขึ้นกุมมันไว้ ใบหน้าเริ่มร้อนราวกับจะเป็นไข้ท้ายที่สุดเธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมใบหน้า "โอ้ย! หยุดคิดสักทีเรไร" แปลกที่ฉันไม่ได้มองเขาที่ใบหน้าหรือร่างกาย แต่ใจฉันมันเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เขาเข้ามาช่วยฉันมากกว่า จังหวะที่ยกมือของเจออก รวมถึงตอนที่สายตาเย็นชานั้นมองลงมาร่างกายก็ร้อนรุ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อยากทำความรู้จักกับคุณคินมากกว่านี้จัง มากกว่านี้อีกหน่อยก็คงดี... "มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มปลาหมึกจ้า""ปลาหมึกนี่ดูสดมากเลยเนอะ""นั่นสิ"เหล่านักศึกษาจบใหม่พากันกรูรุมล้อมรอบหม้อข้าวต้มด้วยสายตาเป็นประกายราวกับไม่เคยเห็นข้าวต้มมาก่อน ทำเอาป้าละเมียดเมียพ่อผู้ใหญ่ยิ้มแก้มปริด้วยความเอ็นดูสาวเมืองกรุง"ใช่จ้ะ เป็นปลาหมึกที่ชาวบ้านออกเรือไปจับมาเมื่อคืนนี่เอง""โห! สดสุดๆ ไปเลย""งั้นขอทานแล้วนะคะ""เชิญเลยจ้ะ"
Mga Comments