LOGINเพราะความเมาเลยเผลอขอวันไนต์กับเพื่อนสนิทแฟนเก่า แต่พอหายเมากลับจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ "ขอโทษ คืนนั้นพี่ก็แค่เมา" "วันหลังถ้าเมาก็อย่าไปถามใครแบบนี้อีกนะคะ เพราะคนถูกถามเขาคิดจริง!"
View More‘ดีให้ตายยังไงเธอก็ไม่รัก’
ผลัวะ!! ผลัวะ!! ผลัวะ!!
เสียงกำปั้นแกร่งกระทบเสาปูนในลานจอดรถดังติดต่อหลายครั้ง
ไนท์ ชกมือเข้ากับเสาปูนแข็งๆ แบบไม่ยั้งแรงเหมือนไม่เจ็บปวด ทั้งที่หลังมือแตกเหวะหวะเลือดไหล่หยุดติงๆ บนพื้น ทว่าความเจ็บปวดที่มือนั้นมันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายแม้สักนิด
เมื่อปลดปล่อยได้ความเสียใจความเจ็บปวดกับเสาปูนแข็งๆ แล้วไนท์ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นเอนหลังพิงหลังประตูอย่างคนหมดแรง ก่อนยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วปล่อยความเจ็บปวดทุกอย่างผ่านน้ำตา
เขารักเธอ รักมากเกินกว่าจะรั้งเธอไว้ รักมากจนอยากเห็นเธอมีความสุขที่แท้จริงกับใครคนนั้นที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอมาตลอดและก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักเขาได้เหมือนที่รัก เดย์
ไอญดา อาจจะมีใจให้เขาก็จริงแต่ก็ไม่มากพอที่จะรัก มันเป็นเพียงแค่ความเผลอไผล สับสนหรือเคว้งคว้างและต้องการใครสักคนพอดีในจังหวะที่เขาเข้าหา
หลายครั้งที่เขาเห็นความสับสนในตาเธอแต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น หลายครั้งที่เห็นเธอพยายามรักเขา แต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะในใจของเธอก็ยังมีใครบางคนซ่อนอยู่เสมอ คนคนนั้นก็คือเดย์
ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวานมันตอบชัดเจนแล้วว่าในวินาทีนั้นเธอต้องการใครมากที่สุด
เจ็บ!
ไนท์ใช้กำปั้นเปื้อนเลือดทุบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง เมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดแน่นอกเหมือนหายใจไม่ออก มันปวดร้าวไปหมด
หลายเหตุการณ์ทำให้ไนท์เข้าใจว่าจริงๆ แล้วไอญดาไม่เคยลืมเดย์ เธอยังรักเดย์อยู่เต็มหัวใจ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เลย มันตงิดใจมาตลอดแต่ก็ทำปล่อยเบลอ เพราะคิดว่ายังไงไอญดาก็ยังเลือกอยู่กับเขา ตัวเธอยังอยู่ที่เขาทว่าใจเธอไม่เคยอยู่ที่เขาเลย เขาแม่งโคตรดันทุรังดื้อรั้นทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายคนที่เจ็บคือเขา!
“พี่ไนท์ มาทำอะไรตรงนี้คะ” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ไนท์หลุดจากภวังค์ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างบางของคนคุ้นเคยเดินมาหยุดตรงหน้า
“นานิ” นานิ เป็นเพื่อนสนิทของไอญดา เธอกับเขารู้จักกันในฐานะเพื่อนสนิทของแฟน (เก่า) ไม่สนิทสนมกันมากแม้จะเจอะเจอกันทุกวัน สาเหตุก็เป็นเพราะเขานี้แหละที่เข้าคนยาก พูดน้อย เธอเลยไม่กล้าคุยเล่นด้วยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ของเขา
“พี่! มือไปโดนอะไรมา เลือดโชกเลย” พอเห็นเลือดอาบมือไนท์นานิก็แตกตื่นรีบลดตัวลงก่อนคว้ามือใหญ่มาดู “ขอเราดูหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร พี่ทำแผลเองได้ เรามาหาไอใช่ไหม ขึ้นไปหาไอเถอะ” ไนท์ชักมือกลับแทบจะทันที ไม่ได้หวงตัวแค่ไม่อยากให้ชุดของอีกฝ่ายเปื้อนเลือดเขา
“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ”
“เราขึ้นไปหาไอเถอะ” ย้ำอีกครั้งให้เธอขึ้นไปหาเพื่อนซะ ไม่ได้ไล่ก็คงเหมือนไล่ เพราะเขาอยากอยู่คนเดียว ส่วนเรื่องแผลมันไม่ได้หนักหนาสาหัส เดี๋ยวไปล้างแผลเองที่ห้องได้
“ก็ได้ค่ะ”
5 นาทีต่อมา..
‘ก็ได้ค่ะ’ เป็นเพียงแค่การตอบรับ แต่ไม่ได้ตกลง นานิเดินกลับมาหาไนท์พร้อมถุงร้านขายยาข้างคอนโด เลือดจากมือไนท์หยดติงๆ ไม่ท่าทีจะหยุด จะให้เธอใจจืดใจดำเดินผ่านไปเฉยๆ ได้ยังไง
ไนท์เงยหน้า ขมวดคิ้วมองนานิที่เดินมาหยุดคนตรงหน้าเขาอีกครั้งด้วยความแปลกใจว่าเธอกลับมาทำไม เขาคิดว่าเธอขึ้นไปหาไอญดาแล้วซะอีก
“ทำแผลก่อนนะคะ ปล่อยให้เลือดไหล่แบบนี้ต่อไป มีหวังเลือดหมดตัวกันพอดี” ถ้าไม่ห้ามเลือดเขาอาจจะวูบระหว่างทางกลับก็ได้
แผลไนท์ไม่ได้เล็กเลย ความจริงควรไปล้างแผลที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ ดีไม่ดีอาจจะถึงขั้นเย็บแผลก็ได้ แผลหลังมือเปิดอ้าจนเห็นเนื้อสดๆ ข้างใน โชคดีที่เธอไม่ได้กลัวอะไรแบบนี้ ไม่งั้นคงเป็นลมล้มพับไป
“พี่ทำเองได้”
“มือข้างเดียวจะทำถนัดได้ยังไงคะ” นานิบอกเสียงดุๆ และมองไนท์ด้วยสายตาแกมบังคับ
ไนท์ถอนหายใจแล้วขยับตัวงอเข่าตั้งฉากใช้มือข้างที่เจ็บพาดไปข้างหน้า ดูท่าทีแล้วถ้าเธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการก็คงไม่ยอมไปง่ายๆ
ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะทำแผลเสร็จ ระหว่างนั้นก็มีแต่ความเงียบ คนหนึ่งแค่อยากทำแผลให้เขา คนรู้จักกันเห็นแบบนี้ให้เดินผ่านไปเฉยๆ ก็ทำไม่ได้ ส่วนอีกคนกำลังดำดิ่งอยู่ในความเศร้า
“พี่จะขับรถกลับเองเหรอคะ”
“อื้ม ขับได้” ขับรถข้างเดียวไม่ได้ยาก แต่ตอนนี้มือข้างที่เหลือคือข้างที่ไม่ถนัด คงลำบากหน่อย แต่ก็ขับได้ “ทำแผลเสร็จแล้ว เราขึ้นไปหาไอเถอะ”
นานิพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่ไล่ก็เหมือนไล่ เขาไล่เธอเป็นครั้งที่สองแล้วด้วย แต่ก็ทำเท่าที่ตัวเองทำได้แล้ว เธอกับเขาไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น แม้จะเจอะเจอหน้ากันแทบทุกวัน แต่ก็ไม่ได้พูดคุยเล่นกันเหมือนคนอื่นๆ ก็คงช่วยได้แค่นี้..
สำหรับเธอไนท์เป็นคนเข้าหายาก พูดน้อย และมักไม่ค่อยร่วมบทสนทนาสักเท่าไหร่ เธอเลยไม่ค่อยกล้าคุยกับเขานัก ในเมื่อเขาเอ่ยปากเหมือนต้องการเวลาส่วนตัวอีกครั้งเธอก็ไม่คิดเซ้าซี้ต่อ
เดินมาถึงหน้าตึกก็ต้องตกใจเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไอญดา เดย์ ชิน เรนจิ เอิงเอย คิม และลูกพีช อยู่กันครบขนาดนี้คงเตี๊ยมกันมาแล้ว“โว้ มีเดินมาส่งด้วย” “ให้เกียร์ให้ใจ”“อุ๊ย! สร้อยข้อมือสวย”“ประกาศตัวผ่านโซเซียลฉ่ำ”“รูปคู่ก็มา”“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์คู่”“My night”ชินเป็นคนแรกที่เปิดแซว จากนั้นคนอื่นก็แซวตามๆ กันมา ไนท์โคลงหัวอมยิ้มขำ มันก็เขินนิดๆ ที่เพื่อนแซว ต่างจากนานิที่โดนแซวจนเขินไม่ไหวหนีมาหลบข้างหลังไนท์ทุกคนลุ้นคู่ไนท์กับนานิมาพักใหญ่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะเปิดตัวสักที แล้วในวันนี้ก็มาถึงเลยขอแซวหน่อย อีกอย่างไนท์สร้างซีนไว้เสียใหญ่โตเมื่อวาน“เมื่อวาน เล่นไว้ซะใหญ่เลยนะมึง” เหตุการณ์เมื่อวานเป็นที่กล่าวถึงกันมากในโซเซียล มีทั้งรูปและวิดีโอของไนท์กับนานิและก็มิลล์ เพจดังของมหาลัยก็เอาไปใส่สีตีไข่ว่าเกิดศึกแย่งหญิงระหว่างหนุ่มฮอตวิศวะกับหนุ่มตีว่าที่คุณหมอ มีคนมาคอมเมนต์มากมาย บ้างก็บอกว่ากินกันไม่ลงเพราะหล่อกันคนละแบบ จนเกิด #ทีมหมอมิลล์ #ทีมไนท์ แต่หลังจากที่ไนท์กับนานิแชร์สถานะใหม่บนโซเซียล พร้อมกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ของทั้งสองพร้อมกันและเป็นรูป
กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ นานิคว้าโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุก ในช่วงที่เธอขยับตัวไปเอื้อมโทรศัพท์ก็ทำให้ร่างหนาที่กอดรัดอยู่ด้านหลังขยับตัวตื่นตามไนท์ส่งเสียงอู้อี้ในคออย่างขัดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขายังอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ต่อ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เซาหรือตื่นสาย แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่มีนานิมานอนด้วยเขาก็ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย บวกกับไม่ได้กอดเธอตั้งหลายคืนแล้ว วันนี้เขาเลยไม่อยากลุกจากที่นอนเลย“ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้ากันนะ”“อืม” ไนท์ตอบกลับเสียงอืมเบาๆ ในลำคอ แล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอด้านหลังนานิ จมูกโด่งกดหอมไปทั่วจนถึงลาดไหล่ กดริมฝีปากขบเม้มตามผิวเนื้อเนียนในขณะที่ตาสองข้างยังปิดสนิทอยู่“พี่ ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” นานิย่นคอหนีจมูกปากและลิ้นที่เริ่มไล้เลียไปยังใบหู เมื่อคืนหลังจากให้เกียร์ให้ใจไนท์ก็ให้ตัวเขามาแบบรัวๆ จนเธอแทบจะสลบเหมือดคาเตียง ตื่นเช้ามายังหื่นใส่อีก“พอแล้วค่ะ” เอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันเริ่มขยายตัวถูไถอยู่ตรงก้นของเธอ ไนท์เป็นคนเครื่องติดง่ายเธอรู้ดี ถ้าห้ามได้ให้รีบห้ามไม่งั้นยาว ปกติเธอก็ไม่ใช่คนเล่นตัวอะไรแต่ตอ
“ยกเลิกตั้งนานแล้วทำไมยังเก็บเอกสารไว้อีกล่ะคะ”“ลืม ลืมจริงๆ เพราะพอยกเลิกก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก”“โห แบบนี้เราก็ร้องไห้ฟรีสิ” เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ แต่จะว่าร้องไห้ฟรีก็ไม่ใช่เพราะพอเกิดเรื่องนี้เธอกับเขาเลยได้เคลียร์ใจกันเหมือนตอนนั้น ไม่งั้นไม่รู้ว่าเธอจะได้มีโอกาสคุยกันตรงไปตรงมาแบบนี้ไหม“แล้วเราไปรู้ได้ยังไง รู้ตอนไหน” เมื่อกี้ถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ“ตอนที่เราหาเอกสารที่ฝากพี่ปรินต์ไง เราหาบนโต๊ะไม่เจอเลยลองค้นในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานดู”“งั้นก็วันเดียวกับที่เดย์เจอ” “พี่เดย์ก็พึ่งรู้เหรอคะ?”“อืม เรื่องเรียนตอนพี่ไม่ได้บอกใครเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ได้บอก”“โห ใจร้าย ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนรอบข้างจะเสียใจตอนรู้ว่าพี่จะไปเรียนต่อ”“คิดสิ แต่ไม่คิดว่าทุกคนจะเสียใจขนาดนี้” เพราะเขาแค่จะไปเรียน เรียนจบก็กลับมาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปลับเสียหน่อย“ที่พี่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะไอใช่ไหม”“อืม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดแค่ว่าคงอยู่เห็นเดย์กับไอรักกันไม่ได้ เลยอยากหนีไปไกลๆ “ “พี่คงรักไอมาก” “เคย..แค่เคยรัก” ตอนนี้แค่เคยรักเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นต่อไอญดาอีกต่อไป ไม่มีเลย เพราะ
ไนท์พานานิขึ้นมาคุยต่อบนห้องเนื่องจากมีอีกหลายเรื่องเลยที่เขาอยากอธิบาย“คุยกันบนเตียงได้ไหม อยากนอนกอดเรา คิดถึง” พอบอกไปแบบนั้นนานิก็มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “แค่นอนคุยกันจริงๆ “ พอไนท์ยืนยันแบบนั้นนานิก็ยอมนอนลงในอ้อมแขนแกร่งแล้วหนุนศีรษะไว้ที่อกแข็งๆ ของไนท์ไนท์กดจมูกบนเรือนผมยาวสลวยสูดดมกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นคาราเมล เขาโคตรคิดถึงเธอเลย ตอนนี้เหมือนหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เขาเหมือนต้นไม้ที่ใกล้ตาย ใบแห้งเหี่ยวเฉ่า ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนมารดน้ำช่วยชีวิตมันไว้“คิดถึง” ตั้งแต่วันที่เธอขอยุติความสัมพันธ์ เขาก็นอนไม่หลับ อาลัยอาวรณ์ถึงแต่เธอ ร่างนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นจมูกที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกสบายใจ เธอเป็นเซฟโซนของเขา “เราก็คิดถึงพี่” นานิว่าแล้วกระชับเรียวแขนที่กอดรัดร่างหนาเอาไว้“แล้วรักพี่ไหมครับ?”“รักค่ะ” นานิตอบเสียงเบาและก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาไนท์ตอนพูด ก่อนหน้านี้เธอตะโกนคำว่ารักใส่เขาด้วยความโกรธแต่พอตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นอีกแล้ว แล้วเขาก็มาถามกันตรงๆ มันก็เกิดขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไนท์ยกยิ้มบางทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยความร