-----------
"พูดจาคะ ขาดีๆ น่ะเป็นไหม "
"แต่ข้อนี้คุณไม่ได้บอกในข้อตกลงของเราไหนคะ"
เธอตอบกลับอย่างมีหลักการทั้งยังนั่งหลังตรงพร้อมถกเถียงกับเขาอย่างเต็มที่
"หึ ฉันล่ะชอบผู้หญิงปากเก่งอย่างเธอจริงๆ อยากรู้เหลือเกินเวลาสิ้นลายแล้วยังจะปากดีแบบนี้อยู่ไหม"
"อย่าเห็นเลยค่ะฉันก็เป็นแค่คนจนจนไม่มีอะไรให้คุณได้เชยชมหรอก"
"งั้นเหรอ ดื่มกันหน่อยไหม"
เคลเกอร์ยกแก้วไวน์หวังจะให้เธอยกแก้วในส่วนของเธอขึ้นมาชนกันเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อย่างเป็น ทางการ
"ด้วยความยินดีค่ะ ^^ "
น้ำไวน์สีแดงไหลรินเข้าสู่ร่างกายอาหารหรูหราถูกหยิบยกเข้าปาก พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องราวส่วนตัวของกันและกันราวกับว่าทั้งสองกำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์ในฐานะคนรู้จักอย่างเป็นทางการ
"ฉันน่ะ เหลือน้องชายที่เป็นครอบครัวคนสุดท้ายเพียงคนเดียว ฉันจึงทำงานหาเงินเพื่อส่งให้น้องเรียนจนจบหวังว่าเขาจะได้ไปเติบโตและเป็นประกายในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่านี้"
"สภาพแวดล้อมของเธอมันแย่ขนาดนั้นเชียวหรอ"
"ค่ะถ้าเป็นเศรษฐีอย่างพวกคุณก็คงจะมองบ้านพวกเราว่าเป็นสลัมละมั้งคะ"
เธอพูดเคล้าน้ำตาที่เขาเอ่อล้น แก้วไวน์สีเข้มถูกยกจะจรดริมฝีปาก ราวกับว่าเธอได้ปลดล็อกความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในใจให้ใครอีกคนได้รับรู้
"ไม่ไหวก็แค่ร้องไห้ออกมา บางครั้งการร้องไห้มันก็ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอหรอกนะ"
คำพูดอ่อนโยนดูเหมือนไร้ซึ่งอารมณ์ แต่มันกลับอบอุ่นจับใจหญิงสาวสู้ชีวิตยิ่งนัก เธอแค่ขอใครสักคนเข้าใจอย่างที่ชายตรงหน้ากำลังทำอยู่ก็เท่านั้น
"ขอ... ขอกอดได้ไหม"
เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จ้องมองใบหน้ารอเราของชายตรงหน้าด้วยภาพที่พร่าเบลอเกิดจากมีม่านน้ำตามาขวางกั้น เขากลับไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นนัยว่าตกลง คาราเมลไม่รอช้าเธอพุ่งตัวนั่งลงบนตักแกร่งทั้งยังสวมกอดเขาราวกับว่าเขาคือแท่นชาร์จแบตขนาดมหึมา
"ฮึก ฮือ"
เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลรินผ่านแก้มเนียนร่วงลงสู่บ่ากว้าง ครั้งนี้เธอรู้สึกมากมายในหัวทั้งขอบคุณทั้งอบอุ่นทั้งเศร้าหมอง จนมันไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นฝ่ามือใหญ่ทำได้แค่โอบกอดเอวลูบที่หัวหวังปลอบประโลมให้เธอดีขึ้น เข็มนาฬิกาขยับไปเรื่อยเรื่อยเช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่มันเต้นแรงขึ้น ร่างชายหญิงในถ้าล่อแหลมพาให้ความคิดฝั่งกิเลสเกิดปะทุขึ้นมา ไม่น่าซึ่งเปิดด้วยน้ำตาถูกหลังมือเล็กเช็ดปาดมันออกจากแก้มลวกๆ ก่อนเธอจะขยับตัวออกห่าง กลับถูกฝ่ามือใหญ่รั้งเอวบางกัดกันตัวเธอไว้แน่น
"คุณปล่อยฉันได้แล้วค่ะ"
"ฉันอยากรู้เรื่องราวของเธอมากกว่านี้ ช่วยเล่าให้ฟังมากกว่านี้ได้ไหม"
"เท่านี้ก็พอแล้วค่ะอย่าเอาเรื่องในชีวิตของฉันไปหนักความคิดคุณเลยจะดีกว่า"
"แต่ฉันชอบเธอ ฉันอยากรู้เรื่องราวของเธอ"
"นะ...นี่ เป็นวิธีการสารภาพรักของคนรวยงั้นหรือคะ"
"ก็แล้วแต่เธอจะคิดแต่ที่ฉันบอกว่าชอบ คือชอบเธอตั้งแต่วันแรกที่เห็น"
"อึก!" ฉันเคยโดนลูกค้าสารภาพรักมาก็ตั้งมากมายกับทุกคนฉันก็คงจะทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ และปฏิเสธเขาไป แต่กับคุณเคลเกอร์ฉันกลับรู้สึกหวั่นไหวไปกับคำหวานของเขา สายตาที่เขาจ้องมองมานั้นหนักแน่นดั่งกับหินผา ฉันไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย
"ฉันพูดจริงๆ นะคาราเมลฉันไม่เคยเจอใครแล้วรู้สึกอยากจะพูดคุย อยากจะอยู่ด้วยนานๆ เหมือนกับเธอ ขอให้ฉันได้เป็นคนที่คอยรับฟังความรู้สึกของเธอเฉยๆ แบบนี้ได้ไหม"
"!!!!"
ริมฝีปากหนาจรดลงจูบบนริมฝีปากกระจับสีเชอรี่ ลมหายใจรุ่มร้อนผสมกลิ่นแอลกอฮอล์ถูกใช้ร่วมกัน ฝ่ามือเล็กกำเสื้อเชิ้ตไว้ในมือแน่นหวังให้ชายร่างใหญ่ได้รับรู้ถึงความตกใจของเธอ แต่เพียงไม่นานฝ่ามือนั้นกลับถูกเคลียร์ออกก่อนจะโอบกอดเข้าที่คอเคลเกอร์ เปลือกตาซึ่งถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางสีพีชปรือลง เพียงสัมผัสลิ้นร้อนแตะเข้าที่รอยแยกริมฝีปาก เธอกลับเปิดมันออกทันทีอย่างกับรอเวลานี้มานาน
'หวาน อยากได้มากกว่านี้อีก' เสียงความคิดในหัวของเคลเกอร์ดังขึ้น ต้องการร่างสวยบนล่างมากกว่านี้อย่างกับคนโลภที่ไม่รู้จักพอ ลิ้นร้อนไล่ละลาบละล้วงในโพรงปากนุ่มหวานละมุนของคาราเมลอย่างกับคนตรรกะ ฝ่ามือหนาตะโบมเข้าที่สะโพกใหญ่ อีกมือลูบไล้ทรวดทรงหญิงสาวไปพลาง สร้างความวาบหวิวให้กับหญิงสาวเพียงไม่นานฝ่ามือเล็กตีเข้าที่หน้าอกแกร่งราวกับกำลังบอกให้เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนที่จะขาดอากาศหายใจ
"อึก! แฮ่ก!! หายใจไม่ออกค่ะ"
"โทษทีฉันมูมมามไปหน่อย"
เรียวนิ้วแกร่งปาดคราบใยน้ำลายที่เปรอะริมฝีปากออก สายตาทั้งสองมองสอดประสานกันโดยไม่มีใครพูดอะไรจนท้ายที่สุดคาราเมลก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้น
"เรา... ไปต่อกันไหมคะ"
"คิดว่าเธอจะไม่พูดคำนี้ซะแล้วคาราเมล :) "
_________________
------------"ไม่คิดว่าหนูเรไรจะชอบที่นี่ถึงขนาดขอพักต่ออีกนิด" "ที่นี่สวยมากจริงๆ ค่ะป้าละเมียดทำเอาอยากมาอาศัยอยู่ที่นี่เลย ^^ " ไม่รู้เพราะแขกมีเพียงคนเดียวหรือว่าป้าแกเอ็นดูเรไรเป็นพิเศษ ถึงขนาดชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยทั้งเช้า กลางวัน เย็น เช่นเดียวกับวันนี้หลังจากเสร็จภารกิจพิชิตจักรวาลไปเวลาล่วงเลยมาจนถึงรุ่งสาง ทั้งสองนอนกอดกันกลมในห้องพัก ดีที่ป้าละเมียดโทรมาตามลูกชายไม่ใช่เดินพรวดพราดเข้ามา ไม่งั้นคงได้เห็นภาพอุจาดตาแต่เช้า "แล้วนั่นเป็นอะไรของลูกน่ะ เอาแต่นั่งก้มหน้าตลอด ไม่สบายหรือเปล่า" เห็นท่าทีลูกชายผิดแปลกไป ป้าละเมียดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าร่างยักษ์กลับเขินอายอมยิ้มหน้าแดงไร้สาเหตุ "ไม่มีอะไรสักหน่อยแม่" "ไม่น่าใช่นะ ปกติลูกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อย่าบอกนะ..." ป้าสลับมองหน้าลูกชายและเรไรสาวเมืองกรุง ทั้งสองมีท่าทีที่เหมือนกันราวกับคัดลอกวาง แกรู้ได้ทันทีถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เพียงยกยิ้มเล็กน้อยและปล่อยผ่านหวังให้วัยรุ่นจัดการกันเอง "จริงสิ วันนี้พ่อให้ลูกไปดูสวนมะพร้าวให้น่ะ" "อ๋อ เดี๋ยวผมไป" "ไหนๆ ก็ไปแล้วพาเรไรไปเที่ยวด้วยสิ ปล่อยไว้ที่บ้านพักเดี๋ยวจะเบื
------------ลมทะเลหากในวันปกติของคินแล้วคงจะเย็นสบายและรู้สึกสงบ ต่างจากวันนี้เขารู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจเปลญวนแม้จะแกว่งไปมาเพราะแรงลมทะเลกลับไม่คลายความรู้สึกกระวนกระวาย ท้ายที่สุดเขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งถอนหายใจเสียงดัง "เฮ้อ เป็นคนนิสัยเสียไปแล้วสิ ทั้งที่ควรจะลาเรไรก่อนเดินทางกลับ แต่เรากลับหนีออกมาโดยไม่ล่ำลาเลยสักคำ ทั้งที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วแท้ๆ" ยิ่งคิดถึงโอกาสที่เสียไปยิ่งรู้สึกเสียดายไม่หายหัวใจตอกย้ำโทษตัวเองรับร้อยนับพันครั้ง นั้นคือสาเหตุที่เขาไม่อาจสงบนิ่งได้อย่างทุกวัน เสียงคลื่นทะเลกระทบชายหาดคล้ายเป็นเสียงกล่อมชวนให้เขาผ่อนคลาย สมองที่ค่อยๆ พาเข้าสู่โหมดพักผ่อนกลับทำงานฉับพลันอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหวานติดตราตรึงใจของใครบางคน "พี่คิน" "!!!!!" หันไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหญิงสาวตัวเล็กยืนอมยิ้มแก้มแดงให้กันอยู่ก่อนแล้ว เธอเกลี่ยผมทัดหูสายตาเขินอายจ้องมองมา ราวกับฟ้ารับรู้ถึงการก่นด่าตัวเองในใจของเขานับครั้งไม่ถ้วนและสวรรค์จึงส่งเธอมาอีกครั้ง คราวนี้ร่างยักษ์รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดเรไรด้วยความดีอกดีใจ "เรไร! พี่คิดว่าจะไม่ได้เจอเรไรอีกแล้ว" "จะกลับได้ไงล่ะคะ มีคน
------------"ขอโทษนะ แต่พี่ไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงที่พึ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้นได้จริงๆ" คำสารภาพของคนพี่ทำเอาหญิงสาวถึงกับแน่นิ่ง แววตาสั่นไหวราวกับจะร้องไห้รอมร่อ "กะ โกรธพี่หรือเปล่า!" "ไม่ เปล่าเลย" หลังมือเล็กยกปาดหยดน้ำตา ยันตัวลุกขึ้นนั่งยิ้มบางให้คนพี่ "ขอบคุณพี่ต่างหาก ขอบคุณที่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนะคะ ^^ " "เล็กน้อยที่ไหนกัน!!!" สีหน้าคนพี่ดูจะโกรธเคืองแทนหญิงสาวไม่น้อย เขากัดฟันแน่นในใจอยากจะเสยปลายคางไอ้เศษสวะเสียตอนนี้ "ถึงแบบนั้นก็ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ" ทำไงดีเหมือนฉันจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าอย่างจังแล้วสิ ---"เรไร!" "แนน!!" หญิงสาววิ่งปรี่เข้ากอดเพื่อนสนิทราวกับว่าจากกันมานานหลายวันทั้งที่เวลาพึ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมง โดยมีลูกชายผู้ใหญ่บ้านตามอารักขาไม่ห่าง แต่ด้วยเสื้อคลุมแจ็คเก็ตทำทุกสายตาจับจ้องราวกับว่าคินเป็นคนร้าย เรไรพอจะอ่านความหมายของสายตาแกจึงรีบอธิบายขยายความ "เรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะ!" "แล้วเรไรหายไปไหนกับ คุณคินสองคนล่ะ"เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยถึงสิ่งที่สงสัยครู่ใหญ่ออกมา สายตายังคงมองคินเป็นคนร้ายไม่วาง "พี่คินไปช่วยเราไ
-----------"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!" คินไม่สนใจชายใจทรามสักนิด รีบคว้ามือหญิงสาวขึ้นทันที ก่อนจะรีบถอดเสื้อคลุมแจ็คเก็ตของตัวเองสวมให้ร่างเปลือยท่อนบน รีบเลื่อนหน้าหันไปทางอื่น "ผะ ผมไม่เห็นเพราะงั้นไม่ต้องอายนะครับ" "ขอบคุณนะคะที่มาช่วย" สีหน้าหญิงสาวดูตกใจไม่น้อย ไม่อาจกล้าสบตากับร่างใหญ่ได้ ชายตัวยักษ์อุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าหญิงทำเอาเรไรถึงกับแน่นิ่งในอ้อมแขนแกร่ง"ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่งหวังว่ามันจะทำให้คุณสบายใจไม่มากก็น้อย" "ค ค่ะ" ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด กลับกันกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา ทั้งสองผ่านป่าทึบนกมาราวห้านาทีในที่สุดก็เดินมาโผล่ยังโขดหินขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นไม้ ต้นใหญ่แผ่กิ่งใบให้ความร่มเย็นใต้ต้นไม้นั้นมีแคร่ไม้ตั้งอยู่เพียงตัวเดียว ร่างหญิงสาวขวัญผวาถูกวางลงบนแคร่อย่างเบามือ ก่อนร่างยักษ์จะนั่งลงข้างกัน "ที่นี่เป็นที่ที่ผมมักจะมานั่งเล่นเป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นฐานทัพลับๆ ก็ได้" "สวยมากเลยค่ะ"เบื้องหน้านั้นคือมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ลมทะเลพัดปะทะเข้าหน้า เสียงใบไม้กระทบกันเป็นดั่งดนตรีบำบัดจิตใจ ร่างเล็กหลับตาลงเล็ก
-----------"ในเมื่อเสร็จแล้ว งั้นทุกคนแยกย้ายกันไปพักดีไหม" "ค่ะ" ป้าละเมียดและชาวบ้านพากันเดินออกจากแหล่งการเรียนรู้ประจำหมู่บ้าน เพราะเวลาบ่ายแก่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เหล่าหญิงสาวจึงพากันเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ ลงไปเล่นน้ำทะเลบ้างก็ทำกิจกรรมบนชายหาด หนึ่งในคนที่นั่งดูเพื่อนสาวบนหาดนั่นก็คือเรไร เธอชอบที่จะนั่งมองเพื่อนๆ มากกว่าลงไปทำกิจกรรม "ไม่เปลี่ยนชุดว่ายน้ำหรอ" เสียงของเจดังขึ้นจากทางด้านข้าง เมื่อหันไปตามเสียงพบว่าในมือเขาถือขวดเบียร์ที่ถูกดื่มจนพร่องไปเกือบครึ่ง แววตาฉ่ำเยิ้มบ่งบอกว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นแผ่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว "มะ ไม่หรอกเรายังไม่อยากเล่นน้ำน่ะ" "งั้นหรอ ไปเที่ยวกับเจไหม" "เที่ยวไหน เราไม่ไป!" ไม่เพียงแค่คำพูดแต่ยังรวบข้อมือเล็กพาตัวดาวคณะลากไปทั้งแบบนั้น กระทั่งมาหยุดที่โต๊ะข้างบ้านพักของเหล่าผู้ชาย ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีขวดเบียร์และของกินเล่นวางเต็มไปหมด "ไอ้เจไปเอาเรไรมาจริงวะ" "ก็บอกแล้วว่ากูจะไปพาหวานใจมา" เจพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจพร้อมทั้งดึงร่างบางลงมานั่งบนตักตัวเอง ราวกับว่าเธอนั้นเป็นคนรัก ทว่าสีหน้าเรไรกลับไม่สู้ดี เธอไม่อยากมีปัญญากับนักมวยมีฝี
----------"ฮ่าฮ่า"สองสาวเกลือกกลิ้งเล่นบนเตียงสักพักใหญ่ ก่อนจะสงบลงเพราะเริ่มเหนื่อย ไฟในห้องถูกปิดลงบรรยากาศในห้องกลับเข้าสู่โหมดปกติ ทว่าถึงกระนั้นเรไรก็ไม่อาจจะสลัดภาพของคินตอนที่เข้าไปช่วยเธอไม่ได้ หัวใจดวงเล็กในอกด้านซ้ายเริ่มสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอไม่อาจควบคุมยกมือขึ้นกุมมันไว้ ใบหน้าเริ่มร้อนราวกับจะเป็นไข้ท้ายที่สุดเธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมใบหน้า "โอ้ย! หยุดคิดสักทีเรไร" แปลกที่ฉันไม่ได้มองเขาที่ใบหน้าหรือร่างกาย แต่ใจฉันมันเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เขาเข้ามาช่วยฉันมากกว่า จังหวะที่ยกมือของเจออก รวมถึงตอนที่สายตาเย็นชานั้นมองลงมาร่างกายก็ร้อนรุ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อยากทำความรู้จักกับคุณคินมากกว่านี้จัง มากกว่านี้อีกหน่อยก็คงดี... "มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มปลาหมึกจ้า""ปลาหมึกนี่ดูสดมากเลยเนอะ""นั่นสิ"เหล่านักศึกษาจบใหม่พากันกรูรุมล้อมรอบหม้อข้าวต้มด้วยสายตาเป็นประกายราวกับไม่เคยเห็นข้าวต้มมาก่อน ทำเอาป้าละเมียดเมียพ่อผู้ใหญ่ยิ้มแก้มปริด้วยความเอ็นดูสาวเมืองกรุง"ใช่จ้ะ เป็นปลาหมึกที่ชาวบ้านออกเรือไปจับมาเมื่อคืนนี่เอง""โห! สดสุดๆ ไปเลย""งั้นขอทานแล้วนะคะ""เชิญเลยจ้ะ"