Masuk“หนี้ที่คุณติดผมไว้ คุณยังไม่จ่ายผม” เสียงเข้มของชายหนุ่มตรงหน้ากดลงต่ำสุด ดวงตาของเขาทอดมองไปยังชายวัยกลางคนอย่างเหี้ยม
หญิงสาวอดรู้สึกถึงรังสีอำมหิตของเขาแผ่ซ่านออกมาไม่ได้ ทว่าเขาไม่ได้มีควันสีดำเหมือนในภาพยนตร์ สุรางค์รัตน์กลับจับ ออร่าของชายหนุ่มผู้นี้ได้
สีหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่ไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้เลย แววตาของสุรางค์รัตน์บ่งบอกว่าหวาดกลัวเขาถึงที่สุด
“ส่วนหนี้ที่ก่อเพิ่มก็ยังไม่ได้ชำระ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติท้ายประโยคเขาเน้นเสียงต่ำกว่าเดิม
“ผมเคยให้เวลาคุณมานานแล้วนะอมรเดช” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณบางอย่าง
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าสุรางค์รัตน์ชวนให้อารมณ์ของหญิงสาวเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด หญิงสาวกระโดดพรวดเข้าขวางการกระทำของชายหนุ่มที่จะเดินมาถึงบิดาของเธอพอดิบพอดี
“หยุดถ้านายแตะต้องพ่อฉัน ฉันจะเรียกตำรวจ” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้นอย่างไม่รอรี
ร่างสูงโปร่งเหลียวมองสตรีร่างเล็กที่เข้าขวางทางกระสุนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวในอิทธิพลของเขาเลยสักนิด
ปืนกระบอกหนึ่งถูกดึงขึ้นจากด้านหลังเล็งมายังศีรษะของสุรางค์รัตน์อย่างรวดเร็ว บอดี้การ์ดของธนนนท์เล็งปืนหมายจะยิงทิ้ง
“ไม่ต้อง” เสียงเข้มของธนนนท์เอ่ยเกรี้ยวกราดใส่บอดี้การ์ดหนุ่มที่ต้องการจะปลิดชีวิตหญิงสาวที่เข้าขวางทางการกระทำของเขา
“แต่นังนี่…” บอดี้การ์ดเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตกใจกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าของธนนนท์
“ปล่อยเธอซะ” เสียงเข้มของธนนท์ดังขึ้นเป็นอีกหนึ่งคำรบใหญ่ ทั่วทั้งห้องโอ่งโถงเงียบกริบจนสุรางค์รัตน์ได้ยินเสียงของลมหายใจตนเอง
ปืนด้ามที่ถูกขึ้นนกเพื่อยิงปลดล็อคกระสุนให้ลูกระสุนร่วงหล่นลงมาอย่างเชื่องช้า
เสียงของลูกกระสุนที่ร่วงหล่นทำให้หญิงสาวตัวสั่นอยู่ไม่น้อย ทว่าวินาทีนี้เธอยังต้องรักษาชีวิตครอบครัวของเธอเอาไว้
แม้จะมีบิดาที่ไม่เอาไหน แต่บิดาก็คือบิดา เช่นนั้นสุรางค์รัตน์จึงคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็วในสมองของหญิงสาวประมวลผลอย่างหนัก หากเธอไม่ทำอะไรสักอย่างบิดาของเธอจะต้องแย่แน่ ๆ
“ฉันขอถาม” เรียวปากอวบอิ่มขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ว่ามา” เจ้าหนี้หนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึงสุดขีด เวลานี้เขาเริ่มจะหมดความอดทนกับหญิงสาวเสียแล้ว
“พ่อฉันติดหนี้คุณอยู่เท่าไหร่” สุรางค์รัตน์เอ่ยถามเขาในสิ่งที่ค้างคาใจหล่อนมานานแสนนาน
“ยี่สิบล้าน” เสียงเข้มของธนนท์เอ่ยชัดถ้อยชัดคำแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้มือเรียวบางของคนตัวเล็กสั่นระรัวไม่ได้
“ฉันต้องการแลกตัวฉันกับเงินยี่สิบล้าน” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้นอย่างจนมุมในการกระทำบิดาของเธอ
“คุณหมายความว่าอย่างไร” ธนนท์เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของเขาต่อหญิงสาวสวยตรงหน้า
“ในเมื่อคุณจับฉันมาด้วยนั่นหมายถึงฉันย่อมมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้ของพ่อฉันด้วย” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“แต่คนก่อหนี้ไม่ใช่เธอ” ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขาเป็นเครื่องจักรยนต์ที่ไร้ชีวิตและจิตวิญญาณ
ดวงตาของสุรางค์รัตน์เปล่งประกายวาววับทอประกายกล้า ทว่าเวลานี้เธอยังต้องหาข้อเสนอที่คุ้มค่าเพื่อแลกบางสิ่งกับเขา
“ต่อให้คุณฆ่าพ่อฉันตาย คุณก็ไม่ได้เงินคืนอยู่ดี” สุรางค์รัตน์เอ่ยอย่างเหลืออด เรียวปากอวบอิ่มยังขยับเอ่ยประโยคต่อไป
“แต่ถ้าคุณเลือกฉันฉันก็ยังหาเงินให้คุณได้” หญิงสาวเอ่ยด้วยไพ่ใบสุดท้ายที่เธอมั่นใจว่าถือเหนือกว่า
ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายวิบวับ ยามเมื่อธนนนท์ได้ยินข้อเสนอสุดแสนจะแปลกประหลาดของหญิงสาว
‘ยัยนี่ ถ้าจะเพี้ยนแต่ก็อาจจะจริงของยัยนี่’ ธนนท์คิดในใจ
“ตกลง…แต่เธอจะต้องลงลายเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยการจดทะเบียนสมรสกับฉัน” ธนนนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มจนเกือบจะตวาดหญิงสาวตรงหน้าของเขา
“ฉันตกลง” สุรางค์รัตน์เอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายอย่างสมใจ
“ปล่อยตัวพวกเขาได้” เสียงเข้มเกือบคำรามของชายหนุ่มทำให้ลูกน้องของเขาถอยกลับไปยืนตามเดิม
“ออยทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก” บิดาของออยเอ่ยถามเสียงอ่อน
“ออยต้องถามพ่อมากกว่าเมื่อไหร่จะหยุดสร้างปัญหาให้ครอบครัวเราสักทีคะ พ่อไม่ต้องพูดแล้วค่ะ กลับบ้านค่ะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” สุรางค์รัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
มือเรียวขาวนวลละเอียดของหญิงสาวลากบิดาของตนเองออกจากห้องนั้นอย่างทุลักทุเล
ประตูบานกว้างปิดลงไปแล้ว หากแต่ชายหนุ่มยังกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธเมื่อครู่อยู่
“เงินก็ไม่ได้แต่กลับได้จดทะเบียนสมรสแทน โธ่เว้ย” ธนนนท์เอ่ยขึ้นพลางปัดเอกสารหล่นกระจายเต็มพื้นห้อง
มือหนาของชายหนุ่มหยิบสัญญามากำไว้แน่นพลางเขวี้ยงทิ้งอย่างอารมณ์เสียแล้วทุบโต๊ะปังใหญ่สามครั้ง แววตาของฉายหนุ่มวาวโรจน์กว่าเดิมเป็นพันทวี
ที่ว่าการอำเภอ
หญิงสาวมาตามนัดที่ชายหนุ่มเอ่ยปากขอให้เธอเซ็นสัญญา สุรางค์รัตน์ไม่นึกฝันว่าหล่อนจะมีวันนี้ วันที่ไม่ต้องทำอะไรก็มีผู้ชายมาให้เซ็นทะเบียนสมรสเสียดื้อ ๆ
ไม่รู้ว่าควรร้องไห้ดีหรือควรหัวเราะในวาสนาอันสูงส่งดี หากแต่สุรางค์รัตน์หยิบปากกามาไว้ในมือขาวนวลผ่อง
มือเรียวจดปากกาลงไปบนช่องว่างเปล่า หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเฮือกใหญ่อย่างเก็บอาการ
หลังจากธนนนท์เซ็นเรียบร้อย มือหนาของชายหนุ่มก็เอื้อมมากอบกุมมือของหญิงสาวไว้
08.00 น.แสงแดดยามเช้าสาดท้องเวหาให้กลายเป็นสีฟ้าสดใส ท้องฟ้าโปร่งโล่งจนเห็นมวลหมู่เมฆที่ต่างลอยต่อแถวกันเป็นพรวน“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่สุรางค์รัตน์หลับใหลอยู่จนแสงแดดเล็ดลอดหน้าต่างบานกว้างเข้ามาในห้องหับโอ่งโถงของหญิงสาว“คุณผู้หญิงครับ” เสียงเข้มของชายหนุ่มเอ่ยปลุกสุรางค์รัตน์ออกจากห้วงภวังค์นิทรา“ฮ้าว ตื่นแล้วๆ” สุรางค์รัตน์เอ่ยร้องตะโกนบอกเสียงที่มาปลุกเรียกหล่อนด้วยกิริยาหาวฟอด ๆ มือเรียวบางของหญิงสาวเอื้อมหมุนประตูลูกบิดออกเผยให้เห็นร่างของบอดี้การ์ดร่างกำยำยืนจังก้า ในมือของเขาถือตะกร้าใบโตอยู่ สุรางค์รัตน์ผงะ หญิงสาวเอื้อมมือมาตบหน้าตัวเองเรียกสติตนเองให้กลับมาอย่างรวดเร็ว “อะไรเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“นายให้เอามาให้คุณผู้หญิงครับ” ลูกน้องเอ่ยตอบคำถามสรรพนามคำเรียกหญิงสาวทำให้สุราค์รัตน์อดรู้สึกเก้อเขินไม่ได้ หญิงสาวแย้มรอยยิ้มละไมส่งให้บอดี้การ์ดหนุ่มคนนั้นอย่างอารมณ์ดี“เรียกออยก็ได้ค่ะ” สุรางค์รัตน์เอ่ยพลางสังเกตสีหน้าเรียบเฉยของบอดี้การ์ดหนุ่มคนนั้นอย่างแปลกใจ“นี่ครับคุณผู้หญิง” ราวกับคำพูดของสุรางค์รัตน์เป็นธาตุอากาศ บอดี้การ์ดคนนั้นยังคงเรียกเธอแบบเ
“ฉันไม่ลืมหรอก ว่าแต่นายจะให้ฉันทำอะไรบ้าง” สุรางค์รัคน์เอ่ยถามพลางลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวใกล้เขาอย่างลืมตัวชายหนุ่มยืนขึ้นตามสุรางค์รัตน์ มือหนารั้งเอวอรชรเข้ามาใกล้ร่างสูงโปร่งพลางก้มลงกระซิบข้างหู“จะทำอะไรฉัน” สุรางค์รัตน์ร้องเสียงหลง“พูดกับผู้ใหญ่พูดให้มันน่ารักหน่อยซิคะ” ธนนนท์เอ่ยเสียงทุ้มพลางก้มลงใกล้ใบหูของหญิงสาวพวงแก้มแดงของสุรางค์รัตน์ขึ้นสีชมพูระเรื่อเจือจาง ยามเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเจ้าหนี้หนุ่มของหล่อน“ถ้าออยพูดไม่เพราะๆนายจะทำอะไรฉัน” สุรางค์รัตน์เอ่ยถามชายหนุ่มพลางยักคิ้วให้อย่างยียวน“เด็กไม่ดีก็จะโดนตบปากค่ะ” ธนนนท์เอ่ยขึ้นพลางเชยคางมนของสุรางค์รัตน์อย่างกลั่นแกล้งนิ้วเรียวของชายหนุ่มจับคางมนเงยขึ้นแล้วประกบริมฝีปากของตนเองลงไปทันทีสัมผัสอันรุกล้ำรุนแรงของธนนนท์ไม่อาจทำให้แข้งขาของสุรางค์รัตน์ยืนได้อีกต่อไปขาของหญิงสาวอ่อนยวบ สุรางค์รัตน์อดรู้สึกตกใจราวกับคนไม่มีแรงไม่ได้ ธนนนท์ช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาท่ามกลางบอดี้การ์ดลูกน้องนับสิบของเขาสุรางค์รัตน์ปล่อยให้ชายหนุ่มอุ้มหล่อนขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนอย่างระทดระทวย ร่างกายของหญิงร้อนระอุราวกับเวลานี้สาวเจ้าอยู่กลางทะ
ใบหน้าคมคายราวเทพบุตรมาจุติเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าสวยคม ทว่าหญิงสาวที่ได้สติก่อนดันหัวชายหนุ่มออกไปอย่างแรง“ยัยออย ยัยบื้อใครอยากได้เธอกัน” ธนนนท์เอ่ยขึ้นอย่างหลุดปาก“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มีคนแถวนี้อยากจูบออย” สุรางค์รัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสกว่าเดิม“ยัยบ้า…ใครชอบเธอกัน” ธนนนท์เอ่ยถามหญิงสาวแล้วเขกหัวหญิงสาววัยยี่สิบสองเสียหนึ่งที“นายสิบ้า” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด“แล้วนี่นายมาทำไม” หญิงสาวเอ่ยถาม“เข้าบ้านได้ละ ฉันหิวแล้ว” ธนนท์เอ่ยเสียงเข้มชายหนุ่มแสร้งตีสีหน้าบึ้งตึงพลางเดินนำหญิงสาวเข้าบ้าน“อะไรของเขา” สุรางค์รัตน์บ่นอุบอิบ หากคนตัวเล็กก็ยอมตาม ‘เฮียนนท์’ ของเธอเข้าบ้านหลังโตทันทีสุรางค์รัตน์สาวเท้าก้าวฉับ ๆ ตามชายหนุ่มไปยังห้องนอนของเธอห้องโถงโอ่อ่าประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือนสไตล์โมเดิร์นหลายหลายชิ้น หญิงสาวตาเป็นประกายยามเมื่อได้เห็นกระจกขาวบานสวยบานกว้างสลักเสลาลวดลายผีเสื้อดอมดมกุหลาบ“ต่อไปนี้ห้องนี้คือห้องนอนของเธอและฉัน” ธนนนท์กล่าวพลางเหลียวมองดูสุรางค์รัตน์ที่เอาแต่จ้องมองลวดลายของกระจกธนนนท์คลี่ยิ้มจางๆ ในท่าทีไร้เดียงสาของสุรางค์รัตน์ที่กลายมาเป็นภรรยาข้ามวันของ
สุรางค์รัตน์นั่งเงียบไปตลอดทาง รถยนต์คันหรูแล่นผ่านเข้าไปในรั้วบ้านใหม่หลังโตอย่างรวดเร็วกระจกของรถยนต์คันหนึ่งกดลงโดยนิ้วเรียวของหญิงสาว ใบหน้าสวยยื่นหน้าออกไปมองทิวทัศน์รอบบ้านอย่างตื่นตะลึงดวงตากลมโตแป๋วของหญิงสาวจับจ้องมองไปยังลานกว้างที่มีบ่อน้ำพุตั้งอยู่ เสียงน้ำซ่านกระเซ็นไม่อาจทำให้สุรางค์รัตน์ละสายตาจากลานกว้างใหญ่ได้เลย “ถึงแล้ว” ธนนนท์เอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติของหญิงสาวที่ยังไม่ยอมลงจากรถยนต์คันหรูของเขาซะที“ที่นี่เหรอ” สุรางค์รัตน์เอ่ยถามมาเฟียหนุ่มหล่อด้วยสีหน้าตื่นตะลึง“ใช่นี่แหละบ้านใหม่ของเธอ” มาเฟียหนุ่มกล่าวพลางลอบมองอากัปกิริยาของหญิงสาวอย่างนึกขันในใจบรรยากาศรอบบ้านน่ารื่นรมย์เกินไปสำหรับสุรางค์รัตน์ เธอเพิ่งสังเกตว่าบ้านหลังนี้ใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้“นี่บ้านหรือสวนสนุกนะ” สุรางค์รัตน์อดประชดประชันไม่ได้ หญิงสาวเดินไปรอบ ๆ บ้านหลังโตอย่างประหลาดใจตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวไม่เคยเห็นบ้านรูปทรงลักษณะประหลาดตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน สุรางค์รัตน์อดมองบ้านทรงสี่เหลี่ยมด้วยความประหลาดใจไม่ได้อาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมคล้ายกล่องลูกบาศก์ หากแต่ขนาดยาวกว่ามากถึงเท่าตัวตั้งตระหง่
สุรางค์รัตน์อดรู้สึกร้อนวูบไปตามแขนของเธอไม่ได้ หญิงสาวรู้สึกราวกับกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั่วเรือนร่างของหล่อนสุรางค์รัตน์คลี่ยิ้มและยอมให้ชายหนุ่มพาออกมาด้านนอกแต่โดยดีราวกับเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ทิ้งให้เจ้าหน้าที่ยืนมองความรักหวานชื่นของหนุ่มสาวอย่างอิจฉาตาร้อนอากาศร้อนระอุหากแต่สุรางค์รัตน์ยังอยู่ในอากัปกิริยายืนนิ่งท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มตกกระทบหมวกของหล่อนธนนนท์กระแอมไอเล็กน้อยอย่างยั่วประสาทหญิงสาว เรียวปากบางของชายหนุ่มขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว“เซ็นสัญญาแล้วก็ขึ้นรถซิ เดี๋ยวผมไปส่ง” เสียงเข้มของชายหนุ่มเอ่ยกำชับแกมสั่ง“ไม่เป็นไรค่ะ ออยกลับเองได้” สุรงค์รัตน์เอ่ยด้วยสีหน้ามุ่ยดวงหน้าหวานงอง้ำกว่าเดิมอากัปกิริยาเมื่อครู่ของสุรางค์รัตน์ทำให้ชายหนุ่มคนที่แอบลอบมองยกยิ้มอย่างขำขัน ทว่าเวลานี้ธนนนท์จำเป็นต้องแสร้งตีหน้าบึ้งใส่หญิงสาว“เป็นสามีภรรยากันแล้วคนอื่นจะว่าไม่ดีเอาได้” เสียงเข้มเอ่ยปรามอารมณ์สุรางค์รัตน์ที่เอาแต่ใจในเวลานี้“ขึ้นรถซิ” คนร่างยักษ์เอ่ยพลางเปิดประตูรถให้สุรางค์รัตน์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ก็ได้” สุรางค์รัตน์ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม หญิงสาวสาวเท้าขวาพลางก้าวขึ้นรถยนต์
“หนี้ที่คุณติดผมไว้ คุณยังไม่จ่ายผม” เสียงเข้มของชายหนุ่มตรงหน้ากดลงต่ำสุด ดวงตาของเขาทอดมองไปยังชายวัยกลางคนอย่างเหี้ยมหญิงสาวอดรู้สึกถึงรังสีอำมหิตของเขาแผ่ซ่านออกมาไม่ได้ ทว่าเขาไม่ได้มีควันสีดำเหมือนในภาพยนตร์ สุรางค์รัตน์กลับจับ ออร่าของชายหนุ่มผู้นี้ได้สีหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่ไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้เลย แววตาของสุรางค์รัตน์บ่งบอกว่าหวาดกลัวเขาถึงที่สุด“ส่วนหนี้ที่ก่อเพิ่มก็ยังไม่ได้ชำระ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติท้ายประโยคเขาเน้นเสียงต่ำกว่าเดิม“ผมเคยให้เวลาคุณมานานแล้วนะอมรเดช” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณบางอย่างภาพที่ปรากฏตรงหน้าสุรางค์รัตน์ชวนให้อารมณ์ของหญิงสาวเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด หญิงสาวกระโดดพรวดเข้าขวางการกระทำของชายหนุ่มที่จะเดินมาถึงบิดาของเธอพอดิบพอดี“หยุดถ้านายแตะต้องพ่อฉัน ฉันจะเรียกตำรวจ” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้นอย่างไม่รอรีร่างสูงโปร่งเหลียวมองสตรีร่างเล็กที่เข้าขวางทางกระสุนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวในอิทธิพลของเขาเลยสักนิดปืนกระบอกหนึ่งถูกดึงขึ้นจากด้านหลังเล็งมายังศีรษะของสุรางค์รัตน์อย่างรวดเร็ว บอดี้







