หน้าหลัก / มาเฟีย / รอยรักซ่อนปม / บทที่3.ระหว่างพู่กันและหัวใจ

แชร์

บทที่3.ระหว่างพู่กันและหัวใจ

ผู้เขียน: Luna of The Sea
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-22 10:29:44

อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้า

แสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ

“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”

อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ

“บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”

เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ

“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ดวงตาของเขาสะท้อนความจริงใจที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังมองทะลุผ่านกำแพงที่เธอสร้างขึ้น

อิมิลี่หยุดมือ เธอจ้องมองพู่กันในมือ รู้สึกถึงแรงสั่นเล็ก ๆ ในหัวใจ ราวกับคำถามนั้นทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงมาตลอด

“ฉัน...” เธอเริ่มพูด แต่เสียงของเธอแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน “บางทีฉันอาจจะรู้สึก...เหมือนกำลังหลงทาง”

เลโอยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้พูดแทรก เขาปล่อยให้เธอพูดต่อ

“การวาดภาพช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากความคิดที่สับสนได้ชั่วคราวค่ะ แต่มันก็เหมือนการวิ่งหนี...ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังตามหาอะไร”

เลโอพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทีของเขายังคงสงบและผ่อนคลาย

“ผมว่า...บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบทั้งหมดหรอกนะ บางอย่างเราค้นพบมันระหว่างทาง”

อิมิลี่เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“คุณพูดเหมือนคุณเคยหลงทางมาก่อน”

เลโอยักไหล่เบา ๆ ดวงตาของเขาแฝงความลึกลับเล็กน้อย

“อาจจะใช่...แต่ผมคิดว่าทุกการหลงทาง มันนำเราไปเจอสิ่งที่เราต้องการในที่สุด อย่างน้อยก็ทำให้เราเจอคนที่เข้าใจเรา”

คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่รู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุดไปชั่วครู่ เธอก้มมองพู่กันในมือ ก่อนจะค่อย ๆ จรดลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง เส้นสายที่เธอวาดต่อเริ่มดูมั่นคงและชัดเจนขึ้น ราวกับคำพูดของเขาช่วยปลดล็อกบางอย่างในหัวใจ

ในห้องนั้นเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่กลับอบอวลไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ทั้งคู่ต่างจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้า ทว่าในหัวใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยบทสนทนาที่ไม่มีคำพูด

ขณะที่บรรยากาศเริ่มเงียบลงอีกครั้ง โทรศัพท์ของเธอก็สั่นเบา ๆ อยู่บนโต๊ะข้าง ๆ อิมิลี่หยุดมือ หยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอแสดงข้อความที่ทำให้หัวใจเธอเต้นช้าลงอย่างประหลาด

"สุขสันต์วันครบรอบแต่งงาน แต่คืนนี้ไม่ได้กลับนะ"

เธอจ้องมองข้อความนั้นนิ่ง มือของเธอเย็นเฉียบ แม้จะไม่มีคำพูดเพิ่มเติม แต่ข้อความสั้น ๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่บีบรัดหัวใจของเธอ

“ทุกอย่างโอเคไหม?” เลโอถามขึ้น น้ำเสียงของเขาสงบและอ่อนโยน ราวกับสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเธอ

อิมิลี่วางโทรศัพท์ลง พลางสูดลมหายใจลึกเพื่อควบคุมตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา และฝืนยิ้มเมื่อเงยหน้ามองเลโอ แต่คำว่า "ไม่มีอะไร" ที่หลุดออกจากปากเธอกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่ไม่อาจปกปิดได้ สีหน้าเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

อิมิลี่วางพู่กันลงอย่างช้า ๆ เสียงของมันกระทบกับโต๊ะไม้เบา ๆ แต่กลับดังก้องในความรู้สึก เธอมองภาพบนผ้าใบที่ยังไม่เสร็จ ราวกับเส้นสายและสีสันเหล่านั้นกลายเป็นภาระที่เธอไม่อาจแบกรับได้ในตอนนี้

“เดี๋ยวเราค่อยมาต่อกันใหม่ได้ไหมคะ?” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความล้า เธอเงยหน้ามองเลโอที่ยังคงนั่งอยู่ตรงหน้า

เลโอพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ได้สิ ครับ”

“บางครั้งเราต้องพักบ้างครับ” เลโอพูดเบา ๆ “เพราะศิลปะที่ดี...ไม่ได้มาจากการเร่งรีบ แต่มาจากความพร้อมทั้งใจและจิตวิญญาณ”

คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่สะอึกเล็กน้อย เธอพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะก้มมองมือของตัวเองที่ยังคงสั่นเล็กน้อยจากความรู้สึกในใจ

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเก็บข้าวของอย่างเงียบ ๆเลโอยืนมองอิมิลี่ขณะที่เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นจัดเก็บพู่กันและจานสี เสียงเบา ๆ ของอุปกรณ์กระทบกันดังแผ่ว ๆ ในห้อง เธอทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ราวกับพยายามจัดการไม่เพียงแค่ข้าวของ แต่รวมถึงความคิดในหัวใจของเธอด้วย

“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอกครับ” เลโอพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน “แค่ผมได้เห็นคุณค่อย ๆ ผ่อนคลายลงก็พอแล้ว”

อิมิลี่หยุดมือชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองเขา รอยยิ้ม ปรากฏบนใบหน้าของเธอ แม้จะยังเจือด้วยความล้า

“คุณใจดีเกินไปแล้วค่ะ”

เลโอหัวเราะเบา ๆ พลางยักไหล่ “บางทีผมก็แค่ชอบอยู่ในที่ที่ผมรู้สึกว่าผมมีค่า...และที่นี่ กับคุณ ผมรู้สึกแบบนั้น”

คำพูดของเขาทำให้อิมิลี่ชะงัก เธอหลบสายตาลงเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ตีขึ้นมาในอก เธอไม่แน่ใจว่าทำไมคำพูดของเขาถึงมีอิทธิพลต่อเธอมากขนาดนี้

“งั้นเจอกันครั้งหน้านะคะ” เธอพูดเบา ๆ ขณะที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย

เลโอพยักหน้า แต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องมาที่เธอ รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของเขาไม่เลือนหายไป “ครับ เจอกันครั้งหน้า...เมื่อคุณพร้อม”

เมื่อเลโอเดินออกไป เสียงม่านที่ไหวลู่ตามลมดังแผ่วเบา ราวกับสะท้อนความรู้สึกในใจที่ยังคงหวั่นไหว อิมิลี่ยืนนิ่ง ทอดสายตาไปยังผืนผ้าใบตรงหน้า ลายเส้นเค้าร่างของชายหนุ่มยังคงอยู่ ดวงตาของเธอจับจ้องมันอย่างลังเล ในความเงียบงัน อิมิลี่เอ่ยเสียงแผ่วกับตัวเอง ราวกับถามหัวใจที่ยังสั่นไหว "ฉันพร้อมจะไปต่อหรือยัง..."

เสียงนั้นเบาราวกับกลืนหายไปในอากาศ แต่ในใจกลับดังก้องราวกับเสียงสะท้อนในห้องโล่ง เธอจ้องมองผืนผ้าใบอีกครั้ง เส้นเค้าร่างของเลโอยังไม่จางไป เหมือนกำลังรอคำตอบจากเธอ ว่าควรเติมเต็มภาพนี้ให้สมบูรณ์ หรือปล่อยให้มันเป็นเพียงร่องรอยของสิ่งที่เคยเกิดขึ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่63.ถ้อยคำลาผ่านพู่กัน

    พระอาทิตย์คล้อยต่ำ ลำแสงสุดท้ายที่ค่อย ๆ จางหายไป เจมส์ยืนอยู่หน้าประตูบ้านของอิมิลี่ บานประตูไม้เก่ากระทบกับสายลมเบา ๆ ราวกับเสียงเตือนที่เคยได้ยิน มันไม่ได้ล็อก—เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าในอากาศที่หนาแน่นขึ้นทุกที เขาลังเลไปครู่หนึ่ง... หัวใจเต้นรัวในความเงียบ ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปด้วยมือที่เริ่มสั่นภายในบ้านยังเหมือนเดิม ทุกสิ่งยังคงอยู่ในที่ของมัน แต่ทุกอย่างกลับเหมือนถูกหยุดเวลาไว้ในอากาศ บรรยากาศเงียบงัน เย็นเยียบ—เย็นเกินไป ราวกับมันไม่ได้มีชีวิตอยู่เลย ราวกับบ้านทั้งหลังกำลังไว้ทุกข์... แต่ไร้น้ำตาเขาก้าวช้า ๆ ทุกย่างก้าวหนักหน่วง สายตากวาดไปทั่วห้อง—มองทุกมุม ทุกเงา เหมือนหาสิ่งที่หายไป แต่ไม่รู้จะหามันจากที่ไหน "อิมิลี่... คุณอยู่ไหม?" เสียงของเขาแหบแห้งและทุ้มลง คำถามนั้นดังในหัวของเขา ก่อนจะหลุดออกไปในอากาศที่หนาวเย็นพลัน... เอี้ยด—ประตูระเบียงเปิดออก ลมหอบใหญ่พัดเข้ามาผ้าม่านขาวพลิ้วไหวราวกับมือของใครบางคน—โบกลาเงียบงัน เสียงลมหายใจของบ้านเก่าดังแผ่วเบา มันไม่ใช่เสียง...แต่คือความรู้สึกในห้วงขณะหนึ่ง เจมส์สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง การมีอยู่ของควา

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่62.ภาพสุดท้ายของเธอ

    ดวงตาของลูคัสเด็ดเดี่ยว คมราวเหยี่ยวล่าเหยื่อ จ้องตรงไปยังเป้าหมายพลาง มือขวายกปืนขึ้น ลำกล้องเย็นเฉียบแต่นิ่งมั่น“ปัง! ปัง!”เสียงปืนกระแทกอากาศสองนัดรวด แม่นยำราวกับคมมีดผ่ากลางใจ ทุกการเคลื่อนไหวในโกดังหยุดลงเหมือนถูกสาปกล้อง อุปกรณ์ทุกชิ้น ดับสนิท แสงไฟกระพริบวูบวาบก่อนจางลง ราวกับโลกทั้งใบยอมจำนนให้แก่เขาลูกน้องของลูคัสบุกเข้ากระชับพื้นที่ ไร้เสียง ไร้ความปรานี พวกเขาจัดการลูกน้องของอองเดรอย่างรวดเร็ว แม่นยำ ไม่ปล่อยให้มีเสียงร้องหลุดลอดแม้แต่ลมหายใจสุดท้ายจากนั้น— เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวออกจากในมุมลึกของโกดังอองเดร ยืนจังก้า แผ่นหลังเหยียดตรง ราวกับการปรากฏของเขาไม่ใช่ความหวาดกลัว... แต่เป็นการรอคอย—การแก้แค้นที่เขาคิดว่าเป็นของเขามุมปากเขายกขึ้น... แววตาเป็นประกาย แต่ในความลึกนั้น เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และเลือดเย็นลูคัสดวงตาแน่นิ่ง นิ้วหนาเล็งปลายกระบอกปืนไปยังอกของอองเดรอย่างมั่นคง “จบกันที... อองเดร”น้ำเสียงเรียบเย็น ราวมีดที่ถูกลับจนคมกริบไร้การขู่ ไม่มีแม้แววลังเลในถ้อยคำทั้งสองยืนประจันหน้า— เวลาเหมือนหยุดหมุน เสียงเขม่าควันปืนเมื่อครู่ยังคุกรุ่น

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่61.เกมลวงในโกดังร้าง

    เจมส์ขับรถออกจากศาลด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาแข็งกร้าวจ้องถนนเบื้องหน้าไม่กะพริบ ความคิดในหัววนเวียนซ้ำๆ เขาต้องไปหาแอลซ่า ต้องได้คำตอบเท้าเหยียบคันเร่งจมมิด รถทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วเสียดแทงลมราวกับสะท้อนพายุในใจของเจมส์ที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกวินาที เสียงเครื่องยนต์คำรามดั่งหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ร้อนรุ่ม สับสน หวาดระแวงพริบตาเดียว รถเบรกกระทันหันจนยางเสียดกับพื้นถนนอย่างรุนแรง เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของแอลซ่า ประตูหน้าถูกล็อกแน่นสนิท ม่านหน้าต่างปิดราวกับไม่เคยมีใครอาศัย บ้านทั้งหลังเงียบงัน เย็นเยียบ เจมส์จ้องไปที่แม่กุญแจด้วยสายตาแข็งกร้าว มือที่ยังกำพวงมาลัยแน่นเริ่มสั่นเล็กน้อย ทุกอย่าง...ผิดปกติเกินไปแล้วจู่ๆ... เสียงมือถือสั่นครืดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเจมส์หันไปมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอ ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายในทันที"คุณเจมส์ใช่ไหมครับ?" เสียงปลายสายจริงจัง และหนักแน่น"ใช่ ผมเอง..." เขาขานรับ เสียงแหบพร่า หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก“ขอความร่วมมือให้คุณมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจครับ… เกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณอิมิลี่ —

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่60.เชือกที่รัดหัวใจ

    กลางมหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่มสะเทือนคลื่นลม เรือสปีดโบ๊ทสีดำทะมึนแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำไม่หยุด ลูคัสยืนประจันหน้ากับสายลมบ้าคลั่ง มือกำพวงมาลัยแน่นดวงตาแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว มุ่งตรงไปข้างหน้า สู่เกาะร้างที่ซ่อนอันตรายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาเอาไว้เบื้องหลัง ลูกน้องหลายชีวิตติดอาวุธครบมือ นั่งกระชับปืนไรเฟิลแน่น ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยว กวาดมองรอบตัวไม่หยุดด้วยสัญชาตญาณของนักล่า ทุกคนพร้อมระเบิดความโหดเหี้ยมได้ทันทีที่คำสั่งแรกถูกเปล่งออกมาไม่ไกลจากกันนัก บนเกาะร้างกลางทะเล ลูกน้องของอองเดรยกกล้องส่องทางไกลขึ้นแนบตา จับภาพเรือสปีดโบ๊ทที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเย็น ราวกับหมาป่าที่กำลังจะได้ลิ้มรสเนื้อสดใหม่"จัดการพวกมันเลยไหม?" เขาเอ่ยเสียงแข็งผ่านไมโครโฟนติดตัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหิวกระหายเลือดเสียงปลายสายดังขึ้น — ต่ำ ลึก และเย็นยะเยือก ราวกับน้ำแข็งกัดกระดูก"ยัง..." อองเดรลากเสียงยาวอย่างเลือดเย็น "ต้องให้มันเห็น...คนที่มันรัก...ทรมานจนขอความตายก่อนต่างหาก"ประโยคนั้นบาดลึกลงในความเงียบของทะเล ราวกั

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่59.เสียงของคำพิพากษา

    เสียงล้อรถเสียดสีกับกรวดหน้าบ้านพักดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่รถจะหยุดสนิท ลูคัสไม่รอให้เครื่องดับ เขาผลักประตูออกแล้วก้าวพรวดลงจากรถอย่างร้อนใจ"เลโอล่ะ?" เสียงเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ คำถามถูกปล่อยออกไปทันทีที่เขาเห็น กลุ่มลูกน้องยืนรวมกันอยู่ตรงระเบียงบ้าน เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบเขม่าควันและรอยเปื้อนดำจากเหตุไฟไหม้ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนลูกน้องเหลือบตามองกันเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนหนึ่งจะตอบด้วยน้ำเสียงขื่นขม “ไม่รู้ครับ อยู่ดีๆ ก็หายไปเลย”คำตอบนั้นเหมือนค้อนทุบซ้ำลงกลางอก ลูคัสกัดฟันกรอด ดวงตาแข็งกร้าวราวกับเหล็กเย็น เขาไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินนำไปยังทางลับที่มุ่งสู่ห้องใต้ดิน เหล่าลูกน้องรีบลุกขึ้นเดินตามอย่างไม่มีใครกล้าเอ่ยคำบรรยากาศในบ้านพักเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ผนังเก่าข้างบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นล่าง ดูคล้ายจะกลืนซ่อนเสียงกระซิบจากอดีตไว้ใต้ฝุ่นและกาลเวลา ลูคัสดันประตูเหล็กเปิดออก เสียงบานพับเก่า ๆ ครางเบา ๆ ขณะเขาก้าวลงไปแสงจากหลอดไฟดวงเล็กฉายเงาทาบบนใบหน้าของเขา เงาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความตึงเครียดที่ยากจะกลั้นในห้องใต้ดิน อาวุธหลากหลายชนิดวา

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่58.เสียงเงียบของความ จริง

    ทนายเจมส์ขับรถหรูเทียบจอดหน้า ศาลประจำจังหวัดเสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทในขณะที่รถสปอร์ตสีดำมันวาวจอดหน้าอาคารราวกับภาพในภาพยนตร์ เช้าวันนี้... ท้องฟ้าเมฆหนาครึ้มปกคลุมราวกับบอกลางร้าย บรรยากาศคล้ายลมหายใจของใครบางคนที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดัน เมฆหนาทึบแผ่ซ่านทั่วอาคารคอนกรีตสีซีด พื้นผิวเย็นเฉียบราวกับไม่มีชีวิตเสียงผู้คนจอแจหน้าอาคารศาลดังก้อง ความคุกรุ่นของความคาดหวังและความเครียดปะปนกันในอากาศรอบตัว ราวกับแม้แต่ออกซิเจนก็ถูกชำแหละด้วยสายตาและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบสายตาหลายคู่จ้องมายังถนนทางเข้า ราวกับรอคอย "ใครบางคน" วันนี้คือวันตัดสินคดี คดีที่เป็นข่าวฉาวของสังคม เขา...ในฐานะ ทนายฝ่ายจำเลย ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและความหวังของผู้คน ถูกกลุ่มลูกบ้านรวมตัวกันฟ้องร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย กล่าวหา เสียดแทงแต่เขาไม่สั่นไหว... ไม่เคยเลยและวันนี้—ศาลจะชี้ขาด ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของลูกความ แต่รวมถึงชื่อเสียงของเขา...ฝูงนักข่าวยืนดักรอราวกับฝูงหมาป่าล้อมเหยื่อ มือกำไมค์แน่น กล้องตั้งเรียงราย คำถามพร้อมถูกปล่อยทันทีที่เห็นเป้าหมายแต่เจมส์ยังไม่ลงจากรถ เขานั่งนิ่ง นิ่งจนภายในรถ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status