Home / มาเฟีย / รอยรักซ่อนปม / บทที่2..ร้านภาพ The Brushstroke

Share

บทที่2..ร้านภาพ The Brushstroke

last update Last Updated: 2024-12-22 10:29:26

ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า

“เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ”

อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้

เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพัก

ปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนโลกที่แสนสวยแต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกขัดแย้ง ราวกับทุกสิ่งรอบตัวเป็นฉากสวยงามในภาพยนตร์ แต่หัวใจของเธอกลับหมองหม่น

เธอรู้ว่าการไปที่ร้าน ไม่ใช่แค่การไปจัดการภาพวาดที่ฝากขาย แต่ยังเป็นการหลบหนีความวุ่นวายในจิตใจของเธอ ที่นั่นคือที่เดียวที่เธอสามารถปลดปล่อยอารมณ์และความคิดผ่านพู่กันและสี

เธอยืนนิ่งเมื่อถึงหน้าร้าน เสียงกระดิ่งเบา ๆ ดังขึ้นทันทีที่เธอผลักประตูเข้ามา กลิ่นของสีอะคริลิกและกระดาษแผ่นใหม่ต้อนรับเธออย่างอบอุ่น ภายในร้าน The Brushstroke มีผนังที่เต็มไปด้วยภาพวาดหลากหลายสไตล์ วางโชว์เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บรรยากาศอบอุ่นจากแสงไฟสีอ่อนที่สะท้อนลงบนพื้นไม้ทำให้ที่นี่รู้สึกเหมือนเป็นโลกอีกใบ

“สวัสดีค่ะ ซาร่า” อิมิลี่เอ่ยทักเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย ขณะที่กลิ่นของสีอะคริลิกผสมกับกลิ่นกระดาษเก่า ๆ อบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้หัวใจเธอสงบลงเล็กน้อย

ซาร่ามองเธอพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น “สวัสดีอิมิลี่ เหมือนเดิมเลยนะ เดินเข้ามาเงียบ ๆ ไม่เปลี่ยนเลย”

อิมิลี่หัวเราะเบา ๆ “ก็ที่นี่สงบดีนี่ ซาร่า” เธอพูดก่อนจะเดินผ่านโซนแสดงภาพไปยังม่านบางสีขาวที่กั้นห้องด้านหลังไว้

ม่านพลิ้วไหวเมื่อเธอแหวกมันเข้าไป ห้องด้านหลังเป็นพื้นที่ทำงานส่วนตัวที่เธอคุ้นเคย โต๊ะไม้ยาววางอยู่กลางห้อง เต็มไปด้วยขวดสี แปรงวาด และกระดาษร่างภาพ เสียงของเมืองภายนอกถูกปิดกั้นจนเหลือเพียงเสียงลมหายใจและความเงียบสงบ

อิมิลี่นั่งลงประจำที่หน้าโต๊ะวาดภาพ จ้องมองผืนผ้าใบที่ยังค้างไว้ตรงหน้า ภาพวาดที่เธอกำลังสร้างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ สีสันจัดจ้านตัดกับพื้นหลังสีขาวสะอาด เธอหยิบพู่กันขึ้นมา หมุนมันเบา ๆ ในมือราวกับกำลังชั่งใจว่าจะลงสีตรงไหนก่อน

แต่แทนที่จะเริ่มวาด เธอกลับนั่งนิ่ง ปล่อยให้สายตาจ้องมองภาพที่ยังไม่เสร็จ ราวกับกำลังมองหาคำตอบบางอย่างในจังหวะการปาดสีที่ยังไม่สมบูรณ์

ความคิดของเธอลอยวนไปถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น บทสนทนากับเจมส์เมื่อคืนนั้นยังคงตกค้างในใจ แต่การอยู่ที่นี่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้หลบหนีจากความวุ่นวายนั้นอย่างน้อยก็ชั่วคราว

ทันใดเสียงม่านสีขาวบางเบาดังขึ้นเบา ๆ ทำให้อิมิลี่เงยหน้าขึ้นจากผืนผ้าใบ ดวงตาของเธอเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง

เขาเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางสง่างามในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอก เน้นกล้ามเนื้อแข็งแรงของเขาเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าคมสันเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดเรอเนซองส์ ดวงตาสีเข้มลึกล้ำของเขาจ้องมาที่เธอด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้บอก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม “ซาร่าบอกว่าคุณกำลังมองหาคนเป็นแบบให้วาด”

อิมิลี่กระพริบตาเล็กน้อย ราวกับพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอวางพู่กันลงบนโต๊ะ และลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีที่ยังคงสงวนไว้ซึ่งความระมัดระวัง

“ใช่ค่ะ...แต่ฉันไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาเร็วขนาดนี้” เธอพูดเบา ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความสุภาพ

ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์จนเธออดไม่ได้ที่จะสังเกต “ผมชื่อเลโอ ซาร่าเป็นเพื่อนของผมเอง เธอบอกว่าอิมิลี่ต้องการแบบสำหรับภาพวาดชิ้นใหม่ ผมเลยอาสามา”

อิมิลี่พยักหน้า แม้จะยังรู้สึกงุนงง แต่เธอก็ไม่อยากปฏิเสธ เธอผายมือไปยังเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“เชิญนั่งตรงนั้นเลยค่ะ”

เลโอเดินไปนั่งอย่างมั่นใจ ท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติราวกับคุ้นเคยกับการเป็นแบบให้วาดมาก่อน เขาเอนตัวเล็กน้อย ท้าวแขนไว้กับพนักเก้าอี้ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างผ่อนคลาย

อิมิลี่หยิบพู่กันขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกที่อัดแน่นในใจค่อย ๆ บรรเทาลงเมื่อเธอเริ่มร่างเส้นลงบนผืนผ้าใบ เส้นสายเริ่มปรากฏเป็นรูปร่างของเขา ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศของความสงบ แต่กลับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เธอสัมผัสได้จากเลโอ

“คุณดูเหมือนเคยทำแบบนี้มาก่อน” อิมิลี่พูดขึ้นเบา ๆ

“ผมเคยเป็นแบบให้เพื่อนในมหาวิทยาลัยวาดอยู่บ้าง” เลโอตอบ น้ำเสียงเรียบง่ายแต่นัยน์ตาของเขามันเยิ้ม

“แต่ผมคิดว่ามันน่าสนุกเสมอ เวลาที่ได้เห็นตัวเองผ่านมุมมองของศิลปิน”

คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่ยิ้มจาง ๆ เธอจดจ่อกับการลงแสงเงา รู้สึกถึงความสมดุลที่กลับคืนมาในหัวใจอย่างแผ่วเบา ราวกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มคนนี้จะช่วยเติมเต็มบางสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงเวลานี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่63.ถ้อยคำลาผ่านพู่กัน

    พระอาทิตย์คล้อยต่ำ ลำแสงสุดท้ายที่ค่อย ๆ จางหายไป เจมส์ยืนอยู่หน้าประตูบ้านของอิมิลี่ บานประตูไม้เก่ากระทบกับสายลมเบา ๆ ราวกับเสียงเตือนที่เคยได้ยิน มันไม่ได้ล็อก—เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าในอากาศที่หนาแน่นขึ้นทุกที เขาลังเลไปครู่หนึ่ง... หัวใจเต้นรัวในความเงียบ ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปด้วยมือที่เริ่มสั่นภายในบ้านยังเหมือนเดิม ทุกสิ่งยังคงอยู่ในที่ของมัน แต่ทุกอย่างกลับเหมือนถูกหยุดเวลาไว้ในอากาศ บรรยากาศเงียบงัน เย็นเยียบ—เย็นเกินไป ราวกับมันไม่ได้มีชีวิตอยู่เลย ราวกับบ้านทั้งหลังกำลังไว้ทุกข์... แต่ไร้น้ำตาเขาก้าวช้า ๆ ทุกย่างก้าวหนักหน่วง สายตากวาดไปทั่วห้อง—มองทุกมุม ทุกเงา เหมือนหาสิ่งที่หายไป แต่ไม่รู้จะหามันจากที่ไหน "อิมิลี่... คุณอยู่ไหม?" เสียงของเขาแหบแห้งและทุ้มลง คำถามนั้นดังในหัวของเขา ก่อนจะหลุดออกไปในอากาศที่หนาวเย็นพลัน... เอี้ยด—ประตูระเบียงเปิดออก ลมหอบใหญ่พัดเข้ามาผ้าม่านขาวพลิ้วไหวราวกับมือของใครบางคน—โบกลาเงียบงัน เสียงลมหายใจของบ้านเก่าดังแผ่วเบา มันไม่ใช่เสียง...แต่คือความรู้สึกในห้วงขณะหนึ่ง เจมส์สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง การมีอยู่ของควา

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่62.ภาพสุดท้ายของเธอ

    ดวงตาของลูคัสเด็ดเดี่ยว คมราวเหยี่ยวล่าเหยื่อ จ้องตรงไปยังเป้าหมายพลาง มือขวายกปืนขึ้น ลำกล้องเย็นเฉียบแต่นิ่งมั่น“ปัง! ปัง!”เสียงปืนกระแทกอากาศสองนัดรวด แม่นยำราวกับคมมีดผ่ากลางใจ ทุกการเคลื่อนไหวในโกดังหยุดลงเหมือนถูกสาปกล้อง อุปกรณ์ทุกชิ้น ดับสนิท แสงไฟกระพริบวูบวาบก่อนจางลง ราวกับโลกทั้งใบยอมจำนนให้แก่เขาลูกน้องของลูคัสบุกเข้ากระชับพื้นที่ ไร้เสียง ไร้ความปรานี พวกเขาจัดการลูกน้องของอองเดรอย่างรวดเร็ว แม่นยำ ไม่ปล่อยให้มีเสียงร้องหลุดลอดแม้แต่ลมหายใจสุดท้ายจากนั้น— เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวออกจากในมุมลึกของโกดังอองเดร ยืนจังก้า แผ่นหลังเหยียดตรง ราวกับการปรากฏของเขาไม่ใช่ความหวาดกลัว... แต่เป็นการรอคอย—การแก้แค้นที่เขาคิดว่าเป็นของเขามุมปากเขายกขึ้น... แววตาเป็นประกาย แต่ในความลึกนั้น เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และเลือดเย็นลูคัสดวงตาแน่นิ่ง นิ้วหนาเล็งปลายกระบอกปืนไปยังอกของอองเดรอย่างมั่นคง “จบกันที... อองเดร”น้ำเสียงเรียบเย็น ราวมีดที่ถูกลับจนคมกริบไร้การขู่ ไม่มีแม้แววลังเลในถ้อยคำทั้งสองยืนประจันหน้า— เวลาเหมือนหยุดหมุน เสียงเขม่าควันปืนเมื่อครู่ยังคุกรุ่น

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่61.เกมลวงในโกดังร้าง

    เจมส์ขับรถออกจากศาลด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาแข็งกร้าวจ้องถนนเบื้องหน้าไม่กะพริบ ความคิดในหัววนเวียนซ้ำๆ เขาต้องไปหาแอลซ่า ต้องได้คำตอบเท้าเหยียบคันเร่งจมมิด รถทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วเสียดแทงลมราวกับสะท้อนพายุในใจของเจมส์ที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกวินาที เสียงเครื่องยนต์คำรามดั่งหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ร้อนรุ่ม สับสน หวาดระแวงพริบตาเดียว รถเบรกกระทันหันจนยางเสียดกับพื้นถนนอย่างรุนแรง เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของแอลซ่า ประตูหน้าถูกล็อกแน่นสนิท ม่านหน้าต่างปิดราวกับไม่เคยมีใครอาศัย บ้านทั้งหลังเงียบงัน เย็นเยียบ เจมส์จ้องไปที่แม่กุญแจด้วยสายตาแข็งกร้าว มือที่ยังกำพวงมาลัยแน่นเริ่มสั่นเล็กน้อย ทุกอย่าง...ผิดปกติเกินไปแล้วจู่ๆ... เสียงมือถือสั่นครืดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเจมส์หันไปมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอ ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายในทันที"คุณเจมส์ใช่ไหมครับ?" เสียงปลายสายจริงจัง และหนักแน่น"ใช่ ผมเอง..." เขาขานรับ เสียงแหบพร่า หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก“ขอความร่วมมือให้คุณมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจครับ… เกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณอิมิลี่ —

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่60.เชือกที่รัดหัวใจ

    กลางมหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่มสะเทือนคลื่นลม เรือสปีดโบ๊ทสีดำทะมึนแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำไม่หยุด ลูคัสยืนประจันหน้ากับสายลมบ้าคลั่ง มือกำพวงมาลัยแน่นดวงตาแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว มุ่งตรงไปข้างหน้า สู่เกาะร้างที่ซ่อนอันตรายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาเอาไว้เบื้องหลัง ลูกน้องหลายชีวิตติดอาวุธครบมือ นั่งกระชับปืนไรเฟิลแน่น ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยว กวาดมองรอบตัวไม่หยุดด้วยสัญชาตญาณของนักล่า ทุกคนพร้อมระเบิดความโหดเหี้ยมได้ทันทีที่คำสั่งแรกถูกเปล่งออกมาไม่ไกลจากกันนัก บนเกาะร้างกลางทะเล ลูกน้องของอองเดรยกกล้องส่องทางไกลขึ้นแนบตา จับภาพเรือสปีดโบ๊ทที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเย็น ราวกับหมาป่าที่กำลังจะได้ลิ้มรสเนื้อสดใหม่"จัดการพวกมันเลยไหม?" เขาเอ่ยเสียงแข็งผ่านไมโครโฟนติดตัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหิวกระหายเลือดเสียงปลายสายดังขึ้น — ต่ำ ลึก และเย็นยะเยือก ราวกับน้ำแข็งกัดกระดูก"ยัง..." อองเดรลากเสียงยาวอย่างเลือดเย็น "ต้องให้มันเห็น...คนที่มันรัก...ทรมานจนขอความตายก่อนต่างหาก"ประโยคนั้นบาดลึกลงในความเงียบของทะเล ราวกั

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่59.เสียงของคำพิพากษา

    เสียงล้อรถเสียดสีกับกรวดหน้าบ้านพักดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่รถจะหยุดสนิท ลูคัสไม่รอให้เครื่องดับ เขาผลักประตูออกแล้วก้าวพรวดลงจากรถอย่างร้อนใจ"เลโอล่ะ?" เสียงเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ คำถามถูกปล่อยออกไปทันทีที่เขาเห็น กลุ่มลูกน้องยืนรวมกันอยู่ตรงระเบียงบ้าน เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบเขม่าควันและรอยเปื้อนดำจากเหตุไฟไหม้ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนลูกน้องเหลือบตามองกันเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนหนึ่งจะตอบด้วยน้ำเสียงขื่นขม “ไม่รู้ครับ อยู่ดีๆ ก็หายไปเลย”คำตอบนั้นเหมือนค้อนทุบซ้ำลงกลางอก ลูคัสกัดฟันกรอด ดวงตาแข็งกร้าวราวกับเหล็กเย็น เขาไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินนำไปยังทางลับที่มุ่งสู่ห้องใต้ดิน เหล่าลูกน้องรีบลุกขึ้นเดินตามอย่างไม่มีใครกล้าเอ่ยคำบรรยากาศในบ้านพักเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ผนังเก่าข้างบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นล่าง ดูคล้ายจะกลืนซ่อนเสียงกระซิบจากอดีตไว้ใต้ฝุ่นและกาลเวลา ลูคัสดันประตูเหล็กเปิดออก เสียงบานพับเก่า ๆ ครางเบา ๆ ขณะเขาก้าวลงไปแสงจากหลอดไฟดวงเล็กฉายเงาทาบบนใบหน้าของเขา เงาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความตึงเครียดที่ยากจะกลั้นในห้องใต้ดิน อาวุธหลากหลายชนิดวา

  • รอยรักซ่อนปม   บทที่58.เสียงเงียบของความ จริง

    ทนายเจมส์ขับรถหรูเทียบจอดหน้า ศาลประจำจังหวัดเสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทในขณะที่รถสปอร์ตสีดำมันวาวจอดหน้าอาคารราวกับภาพในภาพยนตร์ เช้าวันนี้... ท้องฟ้าเมฆหนาครึ้มปกคลุมราวกับบอกลางร้าย บรรยากาศคล้ายลมหายใจของใครบางคนที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดัน เมฆหนาทึบแผ่ซ่านทั่วอาคารคอนกรีตสีซีด พื้นผิวเย็นเฉียบราวกับไม่มีชีวิตเสียงผู้คนจอแจหน้าอาคารศาลดังก้อง ความคุกรุ่นของความคาดหวังและความเครียดปะปนกันในอากาศรอบตัว ราวกับแม้แต่ออกซิเจนก็ถูกชำแหละด้วยสายตาและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบสายตาหลายคู่จ้องมายังถนนทางเข้า ราวกับรอคอย "ใครบางคน" วันนี้คือวันตัดสินคดี คดีที่เป็นข่าวฉาวของสังคม เขา...ในฐานะ ทนายฝ่ายจำเลย ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและความหวังของผู้คน ถูกกลุ่มลูกบ้านรวมตัวกันฟ้องร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย กล่าวหา เสียดแทงแต่เขาไม่สั่นไหว... ไม่เคยเลยและวันนี้—ศาลจะชี้ขาด ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของลูกความ แต่รวมถึงชื่อเสียงของเขา...ฝูงนักข่าวยืนดักรอราวกับฝูงหมาป่าล้อมเหยื่อ มือกำไมค์แน่น กล้องตั้งเรียงราย คำถามพร้อมถูกปล่อยทันทีที่เห็นเป้าหมายแต่เจมส์ยังไม่ลงจากรถ เขานั่งนิ่ง นิ่งจนภายในรถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status